tag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post2322265250757268502..comments2024-03-26T16:45:49.634+07:00Comments on Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์: จัดการ ผื่น รุม ลูกอ่อนprinkotakoon.blogspot.comhttp://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comBlogger8125tag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-30911636341847841182013-04-14T03:19:01.755+07:002013-04-14T03:19:01.755+07:00ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง…เอ็คซีมา
หากผิวของลูกน้อยมี...ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง…เอ็คซีมา <br /><br /><br /><br />หากผิวของลูกน้อยมีผื่นผิวหนังอักเสบ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบริเวณแก้ม หน้าผาก หรือศีรษะ ถ้าเป็นมากก็อาจพบบริเวณลำตัว แขนขา ข้อมือ ข้อเท้า โดยลักษณะอาการที่เห็นได้เด่นชัดก็คือ ลูกน้อยมักจะเอาแก้มหรือศีรษะถูไถกับหมอน หรือผ้าปูที่นอน เพราะมีอาการคันมากๆ ค่ะ เรามาทำความรู้จักเจ้าผื่นคันเอ็คซีมากันดีกว่า<br /> ผื่นคันเอ็คซีมา (Eczema) เกิดจาก…<br /> ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ แต่มีแนวโน้มว่า เกิดจากกรรมพันธุ์ จากคุณพ่อคุณแม่ หรือญาติๆ ใกล้ชิดมีประวัติเคยเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ หอบหืดหรือแพ้อากาศ หรืออาจถูกกระตุ้นโดยสารก่อภูมิแพ้จากอาหารที่ทาน หรืออาหารที่คุณแม่ทานโดยผ่านทางน้ำนมแม่ก็ได้ค่ะ นอกจากนี้แล้ว เจ้าผื่นคันเอ็คซีมา อาจเกิดจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป หรือสารระคายเคืองที่สัมผัสผิวของลูกน้อย เช่น ผ้าขนสัตว์ สารเคมีในสบู่ โลชั่น หรือผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กบางชนิด รวมทั้งจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงมากๆ และสภาพผิวที่แห้งก็ได้ค่ะ
ผื่นคันเอ็คซีมา...พบมากในวัยไหน ?
ประมาณ 10 - 20% ของเด็กเล็กๆ จะเป็นผื่นคันชนิดนี้ โดยประมาณ 65% มีอาการของโรคนี้ในช่วงขวบปีแรก และ 90% มีอาการของโรคนี้ก่อนอายุ 5 ขวบ ถึงแม้กว่า 60% ของเด็กที่เป็นอาจมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากอาการจะดีขึ้นภายในอายุ 2 ขวบค่ะ<br /> ผื่นคันเอ็คซีมา...ดูแลยังไง?<br /> • อย่าปล่อยให้ผิวลูกน้อยแห้ง ถ้าเด็กเล็กที่เป็นผื่นคันเอ็คซีมา อาบน้ำวันละครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่ระวังว่า อย่าให้น้ำร้อนจนเกินไป เพราะจะเป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งได้ง่าย<br /> • ใช้สบู่เหลวหรือแชมพูแค่เพียงช่วงท้ายของการอาบน้ำ เพื่อไม่ให้ตัวลูกต้องแช่ในน้ำสบู่นานๆ ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งได้ และสบู่เหลวควรใช้ชนิดอ่อนๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และมีค่า pH เป็นกลางค่ะ<br /> • หลังอาบน้ำแล้ว ใช้ผ้าซับตัวเบาๆ แล้วทาผิวด้วยเบบี้โลชั่น หรือเบบี้ออยล์ทันที เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวลูกน้อยค่ะ โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรอ่อนละมุมเหมาะกับผิวที่บอบบาง<br /> • อย่าปล่อยให้ลูกน้อยเกาผิวหรือเอาหน้าไปถูกับเบาะหรือหมอนบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่เขาหลับ เพราะจะทำให้ผิวหนังยิ่งระคายเคืองมากยิ่งขึ้นค่ะ<br /> • ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าโปร่งที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบไม่มีน้ำหอมและอ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย<br /> • ละอองเกสรดอกไม้ หรือขนของสัตว์เลี้ยงภายในบ้านก็อาจกระตุ้นหรือทำให้ผื่นคันเอ็คซีมาแย่ลงได้ ควรดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ หากพื้นบ้านปูพรม หรือมีเฟอร์นิเจอร์ผ้าควรรื้อออกหรือหมั่นทำความสะอาด<br /> <br /><br /><br />นมแม่ช่วยได้หรือไม่?<br /><br /> จากการวิจัยพบว่า การให้เด็กดื่มน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดสามารถช่วยป้องกันหรืออย่างน้อยก็ทำให้การเกิดผื่นเอ็คซีมา ในกลุ่มที่เด็กอาจจะมีอาการเนื่องจากกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ล่าช้าออกไปได้ แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่า น้ำนมแม่จะช่วยได้หรือไม่หากลูกเป็นผื่นเอ็คซีมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำนมแม่ก็มีแต่ได้กับได้อยู่แล้ว<br /><br /><br />ที่มา :: http://motherandchild.in.th/content/view/825/<br /><br /><br />.prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-24567348784612406542013-04-14T03:10:32.012+07:002013-04-14T03:10:32.012+07:00...
โรคเกลื้อน (Tinea versicolor)
โรคเกลื้อ......<br /><br /><br />โรคเกลื้อน (Tinea versicolor) <br /><br /><br /><br />โรคเกลื้อน เกิดจากเชื้อยีสต์ เรียกว่า P.orbiculare คนละชนิดกันกับโรคกลาก ติดต่อได้เช่นกัน <br /><br /><br />ลักษณะผื่น <br />เป็นผื่นวงกลมสีขาวจางๆ มีขอบค่อนข้างชัดเจน รวมกลุ่มกัน บางครั้งมีสีออกน้ำตาลได้ <br /><br /><br />อาการ <br />มักจะมีอาการคัน แต่คันไม่มากเท่ากับโรคกลาก โรคเกลื้อนมักจะคันตอนช่วงที่เหงื่อออก ช่วงที่อากาศร้อน <br /><br /><br />ตำแหน่งผื่น <br />โรคเกลื้อน มักจะพบที่ <br />1. ใบหน้า <br />2. ลำตัว อก หลัง ต้นแขน <br />โรคเกลื้อนจะไม่เป็นที่มือ เท้า ขา เล็บ ศีรษะ ซึ่งต่างกันกับโรคกลาก <br /><br /><br />การติดต่อ <br />ติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง (direct contact) การใช้เสื้อผ้าร่วมกัน ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัวร่วมกันโรคเกลื้อนจะเกิดขึ้นได้ง่าย ถ้าท่านเหงื่อออกมาก อยู่ในที่มีอากาศร้อน หรือเล่นกีฬา เหงื่อออกมาก แล้วทิ้งไว้หมักหมม ไม่ยอมอาบน้ำเป็นระยะเวลานาน จะเกิดเกลื้อนได้ง่าย <br /><br /><br />การรักษา <br />1. ยากิน ได้แก่ คีโตโคนาโซล (ketoconazole) ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น <br />2. สบู่ยา เช่น ซาสติด (sastid), เซลซั่น (selsun) <br />3. ยาทา เช่น โซเดียมไธโอซัลเฟต, ไนโซรัล, คาเนสเทน ฯลฯ <br /><br /><br />โรคกลากน้ำนม (Pityriasis alba) <br /><br /><br /><br />ชื่อว่า กลากน้ำนมก็จริง แต่ไม่ได้เกิดจากเชื้อรา เชื้อยีสต์ใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับกินนมหกเลอะเทอะ <br />แต่อย่างใดด้วย เป็นโรคที่เกิดจากแพ้แสงแดด ไวต่อแสงแดด และการว่ายน้ำ ทำให้เป็นกลากน้ำนมได้มากขึ้น <br /><br /><br />ลักษณะผื่น <br />เป็นวงสีขาวจางๆ ขอบเขตไม่ชัดเจน มีขุยลอกบางๆ <br /><br /><br />อาการ <br />มักจะไม่มีอาการใดๆ ไม่คัน <br /><br /><br />ตำแหน่งผื่น <br />มักจะพบกลากน้ำนมที่บริเวณใบหน้ามากที่สุด <br /><br /><br />การติดต่อ <br />โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้เกิดจากเชื้อราใดๆ ส่วนใหญ่โรคกลากน้ำนมมักจะเป็นในเด็กเล็ก <br />เด็กวัยเรียน ซึ่งมักจะเล่นกีฬาเป็นประจำ มีโอกาสตากแดดว่ายน้ำได้บ่อย โรคกลากน้ำนมนี้ไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่ <br /><br /><br />การรักษา <br />1. หลีกเลี่ยงแสงแดด ทายากันแดด <br />2. หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ในช่วงแสงแดดจัด <br />3. ทิ้งไว้หายเองได้ <br /><br /><br />โดยสรุปจะเห็นได้ว่า โรคกลาก โรคเกลื้อน โรคกลากน้ำนม นั้นแตกต่างกัน คิดว่าท่านผู้อ่านคงจะถึงบางอ้อ <br />แล้วนะคะ ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ก็ควรพบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังได้นะคะ <br /><br /><br />พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ <br /><br /><br />.prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-31239347308055186702013-04-14T03:10:20.268+07:002013-04-14T03:10:20.268+07:00กลาก เกลื้อน หรือ กลากน้ำนม
สมัยนี้ ผู้คนต...กลาก เกลื้อน หรือ กลากน้ำนม <br /><br /><br /><br />สมัยนี้ ผู้คนต่างพากันห่วงใยเอาใจใส่ดูแลทะนุถนอมผิวพรรณกันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้มีผิวพรรณที่ดีสวยงาม <br />นวลเนียน ปราศจากริ้วรอยใดๆ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งท่านเกิดเป็นผื่นขึ้นมาที่ผิวหนัง แล้วแพทย์บอกท่านว่าเป็นโรคกลาก เกลื้อน อะไรทำนองนี้ เชื่อว่าหลายท่านโดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีคงอยากร้อง กรี๊ด กรี๊ด เพราะคงรู้สึกอายที่จะต้องเป็น <br />โรคกลาก เกลื้อน นี้ซึ่งจริงๆ แล้ว โรคกลาก เกลื้อน ที่น่ากลัวมากขนาดนั้นจริงหรือไม่ รักษายากไหม และแตกต่างกัน <br />อย่างไร เพราะคงจะเคยได้ยินทั้ง โรคกลาก โรคเกลื้อน โรคกลากน้ำนม ฟังดูชื้อคล้ายๆ กัน แต่ทั้ง 3 โรคนี้ เป็นคนละ <br />โรคกันนะคะไม่เกี่ยวข้องกันเลย แตกต่างกันทั้ง สาเหตุ ลักษณะผื่น ตำแหน่งผื่น อาการ และการรักษา นอกจากคุณ <br />สุภาพสตรีจะกลัวโรคกลุ่มนี้แล้วคิดว่าคุณผู้ชายก็มีความกลัว กังวลที่จะเป็นโรคกลุ่มนี้เช่นกัน ใกล้หมอฉบับนี้จึงขอ <br />ไขปัญหาให้ท่านผู้อ่าน ได้ทราบถึงรายละเอียดและความแตกต่างกันของโรคกลาก เกลื้อน โรคกลากน้ำนมนะคะ <br /><br /><br />โรคกลาก (Tinea infection) <br /><br /><br /><br />โรคกลากนี้เรามักได้ยินบางคนเรียกกันว่า ขี้กลาก ซึ่งหลายคนจะกังวลมากไม่อยากเป็นขี้กลากกัน <br />เป็นโรคซึ่งเกิดจากเชื้อรา (dermatophyte) เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ เพราะฉะนั้นบางคนจึงกังวล กลัวว่าจะติดโรคนี้ <br />มาจากผู้อื่น <br /><br /><br />ลักษณะผื่น <br />เป็นผื่นแดง วงกม มีขอบเขตชัดเจน รูปร่างคล้ายวงแหวน (ring worm) มีสะเก็ดลอกขุยที่ขอบวงแหวน <br />ถ้าผื่นลุกลามขยายออกวงกว้างขึ้นจะยิ่งเห็นรูปร่างวงแหวนชัดเจนยิ่งขึ้น แต่บางครั้งอาจไม่เห็นเป็นรูปร่าง <br />แบบวงแหวนแต่ก็จะเป็นผื่นสีแดงที่มีขอบเขตค่อนข้างจะชัดเจน <br /><br /><br />อาการ <br />จะมีอาการคัน บางคนจะคัดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืนจะยิ่งคันมาก ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ <br /><br /><br />ตำแหน่งของผื่น <br />มีหลายตำแหน่งมาก คือ <br />1. ศีรษะ (Tinea capitis) มักเป็นในเด็กเล็ก ในเด็กวัยเรียน ศีรษะเป็นสะเก็ดลอก ผื่นวงกลม มีน้ำเหลืองเยิ้ม คัน ที่เราเรียกว่า "ฝีชันนะตุ" (Kerion) <br />2. หน้า (Tinea faceii) <br />3. ลำตัว, แขน, ขา (Tinea corporis) เรามักเรียกว่า "กลาก" ถ้าเป็นที่ตัว แขน ขา เพราะจะมีผื่นชัดเจนที่มีรูปร่าง <br />คล้ายวงแหวน <br />4. มือ (Tinea manum) มักจะเป็นข้างเดียว <br />5. เท้า (Tinea pedis) เป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้างได้ เกิดจากความอับชื้น ใส่รองเท้า, ถุงเท้า เป็นระยะเวลานาน <br />6. ขาหนีบ (Tinea cruris) เรามักเรียก กลากที่ขาหนีบว่าเป็น "สังคัง" สมัยก่อนที่คนเป็นสังคังจะอายมากเพราะจะคันมาก เวลาเกาจะอายคนอื่น และมักจะต้องเดินขากางๆ บางทีเกาจนถลอกเจ็บแสบมาก <br />7. เล็บ (Tinea unguium) เป็นทั้งเล็บมือ เล็บเท้า ค่อนข้างรักษายากใช้ความอดทน ต้องใช้ระยะเวลานาน เล็บจะมีสีผิดปกติและรูปร่างเล็บผิดปกติ หัก กร่อน <br /><br /><br />ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโรคกลากที่เป็นเชื้อรานี้ เกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งมาก ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยทีเดียว <br />นะคะ <br /><br />การติดต่อ <br />โรคกลากเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ ทางการสัมผัสโดยตรง (direct contact) เช่น ใช้ของเสื้อผ้าร่วมกัน ใช้หวี แปรง หมวก รองเท้า ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ร่วมกันเป็นต้น <br /><br /><br />การรักษา <br />1. กลุ่มยากิน ได้แก่ กริซิโอฟูลวิน (griseofulvin), สปอรัล (sporal), เทอบินาฟีน, ลามิซิล (lamisii) <br />2. กลุ่มยาทา ได้แก่ ไมโคนาโซล, แดคทาริน, คาเนสเทน ฯลฯ <br /><br /><br /><br /><br /><br />...prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-38952014251494988532013-04-14T03:05:50.679+07:002013-04-14T03:05:50.679+07:00...
เลือกของใช้สำหรับเด็กให้ไกลจากผดผื่น
การใช......<br /><br /><br />เลือกของใช้สำหรับเด็กให้ไกลจากผดผื่น<br /><br /><br />การใช้สบู่สำหรับเด็ก ควรมีฤทธิ์เป็นกลาง หรือกรดอ่อนๆ จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ควรผสมน้ำหอม ถ้าจะใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อ ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ ซึ่งแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้กับเจ้าตัวน้อยที่มีผิวติดเชื้อบ่อยๆ มากกว่าเจ้าตัวน้อยผิวปกติ โดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยแรกเกิดถึง 6 เดือน เพราะยาที่ผสมในสบู่ยาบางตัว จะซึมผ่านผิว อาจส่งผลต่อสมอง ถ้าใช้เป็นประจำ ระยะเวลานาน จะทำให้เกิดถุงน้ำในเนื้อสมอง กลายเป็นช่องว่างของเนื้อสมองในอนาคต แต่ถ้าใช้กับผิวของผู้ใหญ่ ซึ่งมีผิวหนังแข็งแรงและสมองก็เติบโตเต็มที่แล้ว จะไม่มีปัญหา ยกเว้นบางคนที่แพ้ตัวยาในสบู่ ผิวจะเป็นผื่นไม่หาย เนื่องจากไม่รู้ว่าตัวเองแพ้ ผงซักฟอกสำหรับเด็กควรเลือกที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง เพื่อให้สามารถล้างออกได้หมด เพราะถ้าเหลือตกค้างในผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้า เจ้าตัวน้อยมีโอกาสแพ้ได้ง่าย ยิ่งเจ้าตัวน้อยที่เป็นภูมิแพ้ต้องระวังมากๆ <br /><br /><br />อย่าใช้เสื้อผ้าหนาเลียนแบบต่างประเทศ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ถ้าใส่เสื้อหนาจะทำให้เกิดการอับเหงื่อ จนกลายเป็นผด เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆ เข้าแทรก หรือพวกที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังก็จะระคายเคืองง่าย ถูกเสื้อผ้าหนาเสียดสีก็อาจทำให้ขึ้นผื่นได้ รวมถึงเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ ก็จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยห่างไกลจากผื่นแพ้ผ้าอ้อมได้ <br /><br /><br />ดังนั้นสิ่งสำคัญด่านแรกสุด ในการดูแลเจ้าตัวน้อยคือ การรักษาผิวหนังของเขาให้สะอาด ควรตัดเล็บทั้งของผู้ปกครองและเจ้าตัวน้อยให้สั้น ตะไบอย่าให้เล็บคม ป้องกันรอยขูดขีด เกาเพื่อไม่ให้เป็นทางเข้าของเชื้อโรค ก็จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยห่างไกลจากผดผื่นและการเจ็บป่วยเบื้องต้นค่ะ<br /><br /><br /><br /><br /> ที่มา :: http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=healthyservice&date=19-09-2007&group=1&gblog=23<br /><br /><br /><br />...prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-64412563311295924942013-04-14T03:04:55.012+07:002013-04-14T03:04:55.012+07:00...
ผื่นผิวหนังบริเวณอื่น
นอกจากจะพบผื่นได้ที่......<br /><br /><br />ผื่นผิวหนังบริเวณอื่น<br /><br /><br />นอกจากจะพบผื่นได้ที่บริเวณใบหน้า ซอกข้อพับของร่างกาย บริเวณอวัยวะเพศและก้นของเจ้าตัวน้อย จากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน จากภูมิแพ้ และการหมักหมมแล้ว ผื่นยังสามารถเกิดขึ้นที่ร่างกายส่วนอื่นได้ เช่น แขนด้านนอกของเจ้าตัวน้อย โดยมีสาเหตุจาก...<br /><br />1. เกิดจากการถูกยุงหรือแมลงกัดต่อย เด็กเล็กอาจแพ้มากจนเป็นตุ่มแดงใหญ่ มีหัวแข็งๆ กลางตุ่มแดง <br /><br /><br />2. การที่เจ้าตัวน้อยนอนตะแคงทับแขนข้างใดข้างหนึ่งหรือสลับทั้งสองข้าง แต่นอนทับอยู่กับที่นอนเป็นเวลานานๆ เหงื่อที่แขนระบายออกได้ไม่ดีจนอับเหงื่อและระคายเคือง เกิดการอุดตันของต่อมเหงื่อเฉพาะที่ กลายเป็นผื่นแพ้สัมผัส ที่มีลักษณะคล้ายผดแดงเล็กกระจาย <br /><br /><br />3. มือสกปรกของผู้อื่นมาจับเจ้าตัวน้อยเกิดการแพ้สัมผัสที่ผิวหนังได้เช่นกัน ถ้าผิวของเจ้าตัวน้อยมีรอยถลอก เชื้อโรคจากมือสกปรกก็จะเข้าสู่ผิวหนัง ปกติผิวหนังของเราจะมีเชื้อ Normal Flora จำพวก Staphylococcus อาศัยอยู่ โดยไม่ทำอันตรายกับร่างกาย เชื้ออื่นที่เป็นอันตรายจึงเข้ามาอาศัยบนผิวหนังของเราได้น้อยลง แต่ถ้าเมื่อไรผิวหนังเกิดรอยแยกจากการเกาหรือถู เชื้อโรคทั้งที่อันตรายและที่อาศัยอยู่บนผิวหนังก็จะเข้าทำอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยแรกคลอดจะยังไม่มีเชื้อใดๆ อาศัยอยู่บนร่างกาย จนกว่าจะผ่านไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง จึงทำให้ร่างกายของวัยนี้มีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่ำกว่าช่วงวัยอื่นมาก <br /><br /><br /><br />...prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-36501108641487367582013-04-14T03:04:32.349+07:002013-04-14T03:04:32.349+07:00...
ผื่นจากปัญหาอย่างอื่น
นอกจากเจ้าตัวน้อยอา......<br /><br /><br />ผื่นจากปัญหาอย่างอื่น <br /><br /><br />นอกจากเจ้าตัวน้อยอาจเกิดผื่นได้จากต่อมเหงื่อและต่อมไขมันแล้ว บางคนยังอาจเกิดผดผื่นจากปัญหาต่อไปนี้ <br /><br />ผื่นจากภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งเป็นพันธุกรรมความไวของเซลล์จากครอบครัวที่เป็นภูมิแพ้ ทำให้ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ เช่น คุณพ่อหรือคุณแม่เป็นหวัดเรื้อรังเมื่อเจอขี้ฝุ่น จะตาแดง น้ำตาไหล ฯลฯ หากเจ้าตัวน้อยได้รับพันธุกรรมผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมา ผิวหนังก็จะไวและแพ้ได้ง่ายแม้แต่เหงื่อของตัวเอง จึงทำให้เกิดผื่นขึ้นมา โดยจะพบกรณีนี้ประมาณ 14-15% <br /><br /><br />ดังนั้นถ้าเจ้าตัวน้อยมีเหงื่อออก น้ำลายไหล มีน้ำย่อยจากน้ำลาย การแหวะนมมาเปื้อนผ้าปูเตียง หรือผ้าปูเตียงมีผงซักฟอกหรือสารเคมีตกค้าง ฯลฯ เมื่อเด็กนอนคว่ำหรือนอนตะแคง แก้มจะแนบกับที่นอนและหมอน จึงมักเป็นผื่นที่แก้มจากการระคายเคืองของน้ำลายที่ไหลเปื้อน <br /><br /><br />ผิวภูมิแพ้จากกรรมพันธุ์โดยทั่วไปจะผิวแห้ง เพราะขาดเซลล์ไขมันเคลือบผิวหนังบางตัว ถ้าคุณแม่อาบน้ำฟอกสบู่ให้เจ้าตัวน้อยกลุ่มนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะคุณแม่ที่ชอบอาบน้ำร้อนๆ ให้ลูก ยิ่งละลายไขมันบนผิวหนังที่มีอยู่น้อยให้ออกไปอีก การทาคาลาไมน์ให้เจ้าตัวน้อยกลุ่มนี้ จึงยิ่งทำให้ผิวแห้ง ผิวยิ่งแห้ง ยิ่งคัน ยิ่งเกาผื่นยิ่งเห่อ เจ้าตัวน้อยมักงอแงจากอาการคัน บางคนยังเกาไม่ได้ก็จะถูผิวหนังกับที่นอนจนเลือดออก ผื่นผิวภูมิแพ้อาจเริ่มมีอาการอายุราว 2-3 เดือน ใกล้เคียงกับอายุของเจ้าตัวน้อยที่เป็นผื่นจากต่อมไขมัน ซึ่งจะไม่มีอาการคันร่วมด้วย <br /><br /><br />ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันผื่นภูมิแพ้ให้หายขาด แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องวิตก เพราะผื่นภูมิแพ้ไม่ใช่โรคร้ายแรงอาการจะดีขึ้นเมื่อเจ้าตัวน้อยโตพอที่จะระวังตัวเองได้ การแพ้ก็จะน้อยลง <br /><br /><br />ผื่นแพ้ผ้าอ้อม คุณพ่อคุณแม่ที่เลือกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้เจ้าตัวน้อยจะรู้สึกสบาย แต่บางครั้งอาจสบายจนขาดความระวังว่า เขาปัสสาวะหรืออุจจาระออกมาหรือยัง ผู้ปกครองบางคนปล่อยให้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปผืนเดียวเปียกซ้ำ 4-5 ครั้ง ก็ไม่เปลี่ยนให้ใหม่ เพราะราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่รู้สึกว่าต้องใช้ให้คุ้ม แต่การปล่อยให้ผิวหนังของเจ้าตัวน้อยที่บอบบางเปียกชื้น หรือหมักหมมเพียงนิด ก็จะทำให้เขาเป็นผื่นผ้าอ้อม เริ่มจากบริเวณขาหนีบ โดยเฉพาะปลายอวัยวะเพศชายและลูกอัณฑะ ถ้าเกิดความระคายเคืองก็จะอักเสบได้ง่าย ต่างกับเจ้าตัวน้อยที่ใช้ผ้าอ้อมผ้า จะมีอุบัติการณ์เกิดผื่นผ้าอ้อมน้อยกว่า เพราะมักได้รับการเปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดก้น ทำความสะอาดเร็วกว่า ไม่เช่นนั้นจะเปียกคนอุ้มด้วย <br /><br /><br />หากปล่อยให้ผิวของเจ้าตัวน้อยหมกหมมนานๆ จะเกิดเชื้อรา Candida แทรกซ้อนตำแหน่งเดียวกับที่เป็นผื่นผ้าอ้อม กระจายลามแดงเป็นเม็ดเล็กๆ อาจลามขึ้นตามลำตัวด้วย หรืออาจเกิดเชื้อแบคทีเรีย ที่มากับการถ่ายอุจจาระ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังพุพองได้ <br /><br /><br />การทาแป้งเด็กช่วยลดการเสียดสีของผิวหนังกับผ้าอ้อมได้ แต่ควรลูบให้แป้งลื่นติดผิวหนัง เพราะถ้าปล่อยให้กองอยู่บนผิว แล้วเปียกชื้นจากน้ำปัสสาวะหรือจากเหงื่อที่ขาหนีบ ซึ่งจะไม่ถูกระบายออกเมื่อใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป แป้งก็จะกลายเป็นก้อน เวลาเจ้าตัวน้อยขยับขา ก้อนแป้งก็จะสีกับขาหนีบ ทำให้เกิดผื่นแดงจากการเสียดสีจนอักเสบ หรือผิวหนังอาจมีรอยแยกแตก เชื้อราก็จะเข้าผสมโรงทันที <br /><br /><br />ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป นอกจากจะต้องหมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้ว ควรเลือกซื้อชนิดที่ซึมซับความเปียกชื้นได้เร็ว อุ้มน้ำได้ดี เพื่อไม่ให้ความเปียกชื้นสัมผัสกับก้นของเจ้าตัวน้อย <br /><br /><br /><br /><br /><br />...prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-11367318882421283392013-04-14T03:04:01.629+07:002013-04-14T03:04:01.629+07:00...
2.2 ผื่นที่เกิดจากต่อมไขมัน
มักเกิดขึ้นเป็......<br /><br /><br />2.2 ผื่นที่เกิดจากต่อมไขมัน <br /><br />มักเกิดขึ้นเป็นปกติกับเจ้าตัวน้อยก่อนขวบปีพอสมควร โดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยแรกเกิดถึง 3 เดือน รูเปิดของต่อมไขมันยังทำงานได้ไม่ดี แต่ต้องทำงานมากกว่าปกติ เพราะถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนจากคุณแม่ ที่ได้รับมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้ผิวหนังเกิดการอุดตันและอักเสบได้ง่าย <br /><br /><br />บริเวณใบหน้า แก้ม ตามซอกข้อพับ ซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ หน้าอก และแผ่นหลังช่วงบน โดยเฉพาที่ ศีรษะ บริเวณคิ้ว ใบหู หลังหู จะมีต่อมไขมันมากกว่าส่วนอื่น ทำให้เห็นคราบไขมันเหลืองหนา แห้งเป็นเกร็ดติดอยู่ และจะผลิตออกมาเรื่อยๆ ของเก่าแห้งไป ของใหม่มาอีก แต่จะไม่ค่อยมีอาการคัน เจ้าตัวน้อยจึงไม่หงุดหงิดงอแง <br /><br /><br />ผื่นที่เกิดจากต่อมไขมันป้องกันไม่ได้ เพราะเป็นฮอร์โมนที่เจ้าตัวน้อยได้รับจากคุณแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ดังกล่าว จึงต้องรอเวลาที่ฤทธิ์ของฮอร์โมนในตัวของเขาหมดไป มันก็จะหายไปเอง ระยะเวลาแล้วแต่จะได้รับฮอร์โมนมามากหรือน้อย แต่สามารถดูแลให้จางหรือเบาบางได้ด้วยการใช้น้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก เบบี้ออยล์ ฯลฯ นวดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ให้สะเก็ดมันนุ่ม แล้วค่อยเช็ดหรือสระออก สะเก็ดก็จะหลุดออก แต่ถ้าปล่อยให้สะเก็ดแห้งแข็งอยู่อย่างนั้น อาจไปขูดหนังศีรษะให้เป็นแผลติดเชื้อได้ <br /><br /><br />ส่วนผื่นแดงบริเวณที่ไม่มีเส้นผมหรือขน เช่น แก้ม หลังหู ซอกคอ ขาหนีบ ฯลฯ ควรใช้ยาแก้อักเสบ 0.02% T.A. หรือครีมธรรมดาจำพวก Brand Cream ทาบางๆ เพื่อไม่ให้ผิวหนังเป็นขุยลอก หรือควรปรึกษาแพทย์ การทาคาลาไมน์ในกรณีนี้ช่วยได้ในช่วงแรก แต่ถ้าเนื้อแป้งในคาลาไมน์อาจเกาะติดรูต่อมไขมัน อาจทำให้อาการแย่ลงในภายหลัง<br /><br /><br /><br /><br /><br />...prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2607956776384828731.post-23964002852370386142013-04-14T03:03:12.579+07:002013-04-14T03:03:12.579+07:00ผดผื่น เรื่องธรรมดาของทารก
คุณพ่อคุณแม่เคยสังเ...ผดผื่น เรื่องธรรมดาของทารก <br /><br /><br /><br />คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตและสงสัยบ้างไหมว่า แม่คุณจะดูแลความสะอาดร่างกายของเจ้าตัวน้อยอย่างดี แต่ทำไมผดผื่นจึงมักเกิดขึ้นบนร่างกายของเจ้าตัวน้อยส่วนใหญ่ได้ง่ายนัก บางคนติติงตัวเองว่าดูแลดวงใจน้อยๆ ไม่ถูกวิธีหรือเปล่า หรือเพราะเสื้อผ้า สิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัยไม่ถูกสุขลักษณะ จึงทำให้ร่างกายของเจ้าตัวน้อยมีผดผื่นขึ้นตามใบหน้าและลำตัวอย่างนี้ ? ไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไปแล้ว เพราะเรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ <br /><br /><br />1. ผิวหนังของเจ้าตัวน้อยก่อนขวบปียังบอบบาง <br />โดยเฉพาะเซลล์ผิวหนังแท้และหนังกำพร้าของทารกแรกเกิดยังไม่ยืดหยุ่น แข็งแรง หากผิวหนังถูกสะกิดเพียงนิด มันก็จะพองเกิดผื่น หรือผิวหนังอักเสบ ทั้งนี้เพราะเซลล์ผิวหนังแยกตัวได้ง่าย <br /><br /><br />2. การทำงานของต่อมเหงื่อกับต่อมไขมัน <br />ยังทำงานได้ไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้เกิดผื่นที่ต่างกันดังนี้ <br /><br />2.1 ผดผื่นทีเกิดจากต่อมเหงื่อ <br />เนื่องจากเนื้อที่ผิวกายของเจ้าตัวน้อยยังมีน้อยเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ จึงต้องขับเหงื่อออกมากกว่าผู้ใหญ่เพื่อระบายความร้อน โดยหลอดเลือดในร่างกายจะขยายตัว เพื่อขับความร้อนออกมาทางเหงื่อ นี่คือสาเหตุที่เจ้าตัวน้อยปกติมักตัวรุมตลอดเวลา คือ ตัวร้อนกว่าหลังมือของผู้ใหญ่เล็กน้อย โดยมีอุณหภูมิของร่างกายอยู่ระหว่าง 37-37.5 องศาเซลเซียส รวมกับการสังเกตดูว่าเจ้าตัวน้อยยังดูดนมหม่ำอาหารได้ดี ยังยิ้มและหัวเราะได้แสดงว่าไม่ได้เป็นไข้หรือเจ็บป่วย <br /><br /><br />และเพราะต่อมเหงื่อของเจ้าตัวน้อยยังทำงานได้ไม่ดี จึงเกิดการอุดตัน กลายเป็นผดผื่นได้ง่าย ซึ่งได้แก่ ผดใส ผดแดง และผดลึก ที่มักเกิดในฤดูร้อน ผดแต่ละชนิดจะขึ้นอยู่กับความลึกของการอุดตันของต่อมเหงื่อที่ชั้นผิวหนัง ถ้าอุดตันที่ผิวหนังตื้น ก็จะเห็นเป็นผดใส ถ้าอุดตันที่ผิวหนังระดับกลางก็จะเห็นเป็นผดแดง และถ้าอุดตันที่ผิวหนังระดับล่าง ก็จะเป็นผดสีขุ่น ยกเว้นเจ้าตัวน้อยที่ป่วยด้วยโรคผิวหนังบางอย่าง เช่น ต่อมเหงื่อฝ่อ หรือที่รู้จักกันในลักษณ์ของสังข์ทอง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรม ร่างกายจะมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง โดยหาสาเหตุของการติดเชื้อไม่พบ ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถระบายความร้อนได้ การให้ยาพาราเซตามอลสำหรับเด็กก่อนปรึกษาแพทย์ในกรณีนี้ หรือไม่ว่ากรณีใดจึงอันตรายหากให้กินเกินขนาด เพราะมันจะสะสมที่ตับ จนตับเสื่อมหน้าที่ได้ <br /><br /><br />ผื่นจากต่อมเหงื่อป้องกันได้ โดยอย่าให้เจ้าตัวน้อยร้อนมากเกินไป ห้องนอนควรมีอากาศถ่ายเท ระบายความร้อนได้ดี ในช่วงฤดูร้อนอาจให้นอนในห้องที่เปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ เสื้อผ้าไม่ควรเป็นผ้าหนาตามอย่างต่างประเทศ หรือห่อตัวให้จนแน่น เพราะกลัวว่าเจ้าตัวน้อยจะโดนแดดโดนลมจนไม่สบาย การทำอย่างนั้นยิ่งทำให้ต่อมเหงื่อของเจ้าตัวน้อยทำงานหนัก และไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้ รูขุมขนก็จะอุดตันเป็นผื่นขึ้น จนผิวอักเสบพุพองเป็นหนองได้ <br /><br /><br />การเช็ดตัวหรืออาบน้ำให้เจ้าตัวน้อยบ่อยขึ้นในฤดูร้อนช่วยระบายความร้อนไม่ให้เกิดความหมักหมม การทาคาลาไมน์จะช่วยลดอาการคัน เพราะมีส่วนผสมที่เป็นน้ำ เมื่อน้ำระเหย ก็จะดูดความร้อนที่ผิวของเจ้าตัวน้อยออกไป เจ้าตัวน้อยจะสบายขึ้น ผดผื่นก็จะหายไป หรือเมื่อเจ้าตัวน้อยโตขึ้น พื้นที่ระบายความร้อนของร่างกายก็จะเพิ่มขึ้น ผดผื่นก็จะไม่มารังควานแบบนี้อีก <br /><br /><br /><br /><br />...prinkotakoon.blogspot.comhttps://www.blogger.com/profile/14705723465727610769noreply@blogger.com