สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ได้รับขนานพระนามจากสื่อไทยและต่างประเทศ ในฐานะ “เจ้าหญิงนักกฎหมาย” ผู้ทรงปรีชาสามารถ แต่บทบาทของพระองค์เริ่มเปลี่ยนไป หลัง ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เมื่อต้นปี 2564
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์โตในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทั้งทรงเป็นพระราชนัดดาพระองค์แรกใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ประสูติเมื่อ 7 ธ.ค. 2521 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ต่อมาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขึ้น ในวันที่ 11 ม.ค. 2522 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงจรดพระกรรบิดกริบพระเกศา และทรงเจิมพระขวัญ ตามราชประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติตามประเพณีไทยแต่โบราณ ซึ่งเป็นพิธีรับขวัญให้กับพระราชโอรส พระโอรส พระราชธิดา พระธิดาที่ประสูติใหม่
ด้านการศึกษานั้น พระองค์ทรงเริ่มศึกษาที่โรงเรียนราชินีในระดับอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ โรงเรียนฮีทฟิลด์ ในเมืองแอสคอต สหราชอาณาจักร ก่อนเสด็จกลับมาทรงศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 6 ที่โรงเรียนจิตรลดา
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงศึกษาระดับปริญญาตรีในสองสาขา ในสถาบันอุดมศึกษาของไทยสองแห่งคือ ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทรงสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสอง และปริญญารัฐศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
พระองค์เสด็จไปทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยคอร์แนล เมืองอิทากา รัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ หรือ กลุ่มไอวีลีก ของสหรัฐอเมริกา โดยทรงใช้เวลาศึกษาในระดับปริญญามหาบัณฑิต สาขานิติศาสตร์ (LL.M.) เพียง 1 ปี จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ด้านนิติศาสตร์ (J.S.D.) และทรงศึกษากฎหมายที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาที่ประเทศไทยควบคู่กันไป
พระราชกรณียกิจในสมัยรัชกาลที่ 9 ยังทรงครองราชย์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ หรือที่พสกนิกรเรียกโดยทั่วไปว่า “พระองค์ภา” มักเกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายเป็นสำคัญ โดยเมื่อทรงสำเร็จการศึกษา เสด็จกลับมาประเทศไทย พระองค์ทรงเข้ารับราชการตำแหน่งอัยการผู้ช่วย สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ สำนักอัยการสูงสุด ต่อด้วยรองอัยการจังหวัด และอัยการจังหวัด ทำให้พระองค์ได้รับการขนานพระนามว่า “เจ้าหญิงนักกฎหมาย” ตามที่สื่อไทยหลายสำนักขนานพระนาม
หลังทรงดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดแล้ว พระองค์ทรงโอนย้ายมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ประจำคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตั้งแต่ 10 ม.ค. 2555 สู่เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม ได้แก่ สาธารณรัฐออสเตรีย ประเทศสโลวะเกีย ประเทศสโลวีเนีย ก่อนทรงกลับมารับตำแหน่งอัยการจังหวัด สู่อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 2 สำนักงานอัยการสูงสุด
นิตยสารวิเคราะห์ข่าว นิคเคอิ เอเชีย เคยเผยแพร่บทความเมื่อปี 2559 ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงมีจุดยืนที่พิเศษมากในประเทศไทย ทั้งชาติกำเนิดและประสบการณ์ชีวิต โดยนักการทูตอาวุโสที่ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า “ด้วยพระราชประวัติที่ล้ำเลิศและชื่อเสียงของพระองค์ พระองค์ภาอาจทรงถือได้ว่า เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงพระปรีชาสามารถที่สุด”
ด้วยพระปรีชาสามารถและพระจริยวัตรอันงดงาม ส่งผลให้หลายองค์กรต่างทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลต่าง ๆ เช่น กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UNIFEM) สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทูลเกล้าฯ ถวายตำแหน่ง “ทูตสันถวไมตรี” (Goodwill Ambassador) ในการต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีด้านหลักนิติธรรม ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล Medal of Recognition ในฐานะที่ทรงมีบทบาทสำคัญในระดับนานาชาติ
จาก “เจ้าหญิงนักกฎหมาย” สู่ “ราชองค์รักษ์”
ภายหลังพระราชบิดาเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 เมื่อ 4 พ.ค. 2562 ได้ทรงสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์และเฉลิมพระนาม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
ต่อมา 28 ก.ค. 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 พลตรีหญิง (พระยศทางทหารในขณะนั้น) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ทรงสวมสายสะพายมหาจักรี เสด็จพระดำเนินร่วมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราทางสถลมารค โดยมีพระราชินีขนาบซ้ายของขบวน และพระเจ้าลูกเธอขนาบขวาขบวน
ที่มา :: www.bbc.com/