อย่าได้แคร์…เมื่อต้องพาเด็กเล็กขึ้นเครื่องบิน
เมื่อไม่นานนี้ดิฉันเดินทางกลับจากต่างจังหวัดโดยเครื่องบิน ระหว่างรอขึ้นเครื่องได้พบเด็กทารกน่ารักหลายคนมีทั้งเด็กชาวไทยและชาวต่างชาติหลายคนที่ต้องโดยสารเครื่องบินลำเดียวกัน
แว่บแรกที่คิด...เชื่อว่างานนี้สนุกแน่เลย เพราะการขึ้นเครื่องบินพร้อมเด็กเล็กเชื่อว่าต้องได้ยินเสียงเด็กๆ ร้องไห้จ้าขณะเครื่องบิน take off และ Landing อย่างแน่นอน เพราะตัวเองก็เคยผ่านพ้นช่วงเวลาเช่นนั้นมาแล้ว
เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เท่าที่สังเกตมีเด็กน้อยนั่งอยู่ในระยะที่ดิฉันสังเกตการณ์ได้ 3 คน ไม่น่าจะเกินวัยขวบปีแรกทุกคน
เด็กคนแรกเป็นชาวต่างชาติ นั่งอยู่หน้าที่นั่งของดิฉันพอดิบพอดี มากับพ่อแม่ ครอบครัวนี้สามารถจัดการเจ้าลูกน้อยได้เป็นอย่างดี มีติดของเล่นมาล่อหลอกขณะเครื่องบินขึ้นและลง มีร้องไห้บ้างเหมือนกัน แต่ถือว่าน้อยมาก เพราะมัวแต่สนใจเสียงแม่ที่ชวนเล่นของเล่นและเบี่ยงเบนความสนใจเป็นระยะ
ถัดไปด้านข้างสองแถว เป็นเด็กชาวต่างชาติที่ตัวใหญ่ และเสียงดังมาก มากันแม่สองคน ดูเหมือนคุณแม่คนนี้คงจะชินกับเรื่องทำนองนี้มาแล้วกระมัง ไม่ได้สนใจกับเสียงร้องไห้ของลูกน้อยแต่อย่างใด มีเพียงเขย่าตัวและพูดกับลูกเป็นระยะ เธอปล่อยให้เจ้าตัวเล็กร้องไห้และเลิกไปเอง ทำเอาคนรอบข้างหงุดหงิดไปไม่น้อย เพราะเด็กร้องนานทีเดียว มีผู้โดยสารบางคนที่แสดงกิริยาไม่พอใจ หันไปมองหน้าแม่ด้วยสายตาไม่พอใจอยู่หลายครั้ง หมายจะให้เด็กหยุดร้องให้ได้ แต่เธอก็ไม่สนใจ บางคนถึงขนาดย้ายที่นั่งไปที่อื่นที่ว่างอยู่ในบริเวณที่ไกลจากสองแม่ลูก
ส่วนเด็กน้อยอีกคนหนึ่งเป็นคนไทย นั่งอยู่ด้านหน้าดิฉันถัดไปสี่ห้าแถว เด็กน้อยร้องเสียงดังเหมือนกัน พ่อแม่รู้สึกผิด พยายามอุ้มเด็ก ชักชวนพูดคุย เอาสำลีอุดหูลูกขณะที่เครื่องกำลัง take off ก็แล้ว ทำอยู่หลายอย่างก็ไม่ได้ผล ฝ่ายแม่หันไปขอโทษคนรอบข้างตลอดเวลา เพราะไม่รู้จะจัดการกับปัญหาขณะนั้นอย่างไรดี ปลอบอย่างไรก็ไม่อยู่
สุดท้ายต้องรอให้เครื่องบินอยู่ในระดับการบินปกติ เด็กน้อยก็หยุดร้องไห้เอง และท้ายสุดก็หลับผล็อยไป
เรียกว่าเป็นการเดินทางที่มีเสียงเด็กทารกร้องไห้ประกอบไปด้วย ใจก็สงสารเด็กเหล่านั้น เพราะเป็นธรรมดาของการขึ้นลงของเครื่องบินที่ร่างกายของคนเราต้องมีการปรับสภาพเรื่องความสูงตามไปด้วย เด็กน้อยเหล่านั้นยังไม่สามารถบอกได้ เขารู้แต่ว่ามันไม่สบายตัว หูอื้อ หรือแสบหู เขาจึงร้องไห้จ้าขึ้นมา
สำหรับพ่อแม่ที่เคยผ่านสถานการณ์เหล่านี้มาบ้างก็มีการเตรียมรับมือกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าพ่อแม่ที่ต้องพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินต้องมีการเตรียมตัวกันก่อน
หนึ่ง ควร Check in เร็ว และแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีเด็กเล็กด้วย ขอให้จัดที่นั่งสำหรับเด็กเล็ก บางสายการบินก็มีการจัดการเรื่องนี้ไว้ก็โชคดีหน่อย พยายามอย่าเลือกที่นั่งติดกับหน้าต่าง เพราะคุณจำเป็นต้องลุกเข้าออกค่อนข้างบ่อย และเจ้าตัวเล็กจะได้ไม่อึดอัดด้วย ถ้าต้องบินระยะไกล คุณอาจต้องอุ้มพาลูกเดินเปลี่ยนอิริยาบถด้วย
สอง แม่บางคนยังให้นมลูกอยู่ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าคุณ Breast Feeding ระบุขอผู้โดยสารอื่นที่นั่งติดกับคุณเป็นผู้หญิง เพื่อจะได้ให้นมลูกได้ และอาศัยช่วงเครื่องบินขึ้นลง คุณอาจใช้นมแม่เป็นตัวช่วยที่ดีให้นมลูกในช่วงเวลานั้น ช่วยได้มากเลยทีเดียว
สาม ติดของเล่นไปด้วย อาจเลือกของใหม่ประเภทที่ลูกชอบและไม่เคยเห็นมาก่อน ลูกจะตื่นเต้น และใจจดจ่อต่อของเล่นชิ้นใหม่ หรืออาจเตรียมของเล่นที่ลูกคุ้นเคยและโปรดปรานสามารถช่วยให้ลูกเพลิดเพลินและเบี่ยงเบนความสนใจได้ โดยเฉพาะเวลาต้องบินระยะไกล ๆ
สี่ คุณอาจคำนวณเวลาเพื่อให้ลูกหลับในช่วงเวลาอยู่บนเครื่องบินก็ได้ ช่วงก่อนขึ้นเครื่องพยายามดึง เอาไว้ไม่ให้นอน และให้ไปหลับขณะอยู่บนเครื่องบินพอดีก็สามารถช่วยได้ค่ะ
ห้า เตรียมกระเป๋าใบเล็กใส่เสื้อผ้าของคุณและลูกขึ้นไปบนเครื่องบินด้วย เพราะเขาอาจอาเจียน จะได้มีสำหรับเปลี่ยนได้ทันที เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อย รวมไปถึงการเตรียมของใช้ส่วนตัวของเด็กให้พร้อม และอย่าลืมเครื่องหนาวของลูกด้วย เพราะอากาศบนเครื่องบินอาจเย็นเกินไป
ข้อสุดท้าย ควรมีผู้ร่วมเดินทางไปด้วย จะได้ช่วยเหลือกันเมื่อเกิดอุปสรรคขึ้นมา ที่สำคัญช่วยเป็นกำลังใจกันได้ด้วย
ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณได้พยายามทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว หากลูกยังร้องไห้อยู่ ก็อย่าได้แคร์ค่ะ ต้องปล่อยให้ลูกร้องไป อย่าถึงขนาดกังวลมากแล้วให้ลูกกินยานอนหลับบนเครื่องบินเลยค่ะ
แต่ที่อยากจะร้องขอ เห็นจะเป็นบรรดาผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ต้องโดยสารไปด้วยกัน จริงอยู่ว่าอาจสร้างความรำคาญใจเป็นอย่างมาก แต่ได้โปรดเข้าใจด้วยว่า เมื่อต้องเดินทางและมีเด็กเล็กร่วมโดยสารบนเครื่องบินลำเดียวกัน ก็ต้องเปิดใจและทำความเข้าใจด้วยว่าอาจต้องได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เป็นเรื่องธรรมดา
ลำพังแค่พ่อแม่ต้องจัดการกับลูกที่ร้องไห้จ้าอยู่ขณะนั้นก็เหงื่อตก ทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ก็อย่าได้ไปซ้ำเติม หรือมองจิกด้วยสายตาที่ไม่เหมาะสมเลยค่ะ ลองเปลี่ยนเป็นส่งกำลังใจไปให้เขาด้วย จะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น ลองคิดว่าสักวันหนึ่งเราก็ต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยเหมือนกันสิคะ
ที่มา :: http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000146647
บทความที่เกี่ยวข้อง
พาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินครั้งแรก
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/06/blog-post_6778.html
เตรียมตัวลูกน้อย ก่อนขึ้นเครื่องบิน
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/06/blog-post_1.html
อย่าได้แคร์…เมื่อต้องพาเด็กเล็กขึ้นเครื่องบิน
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/06/blog-post.html
ขึ้นเครื่องบินผจญภัยไปกับเจ้าตัวเล็กhttp://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/06/blog-post_5643.html
ผู้โดยสารนำเด็กทารกเดินทางhttp://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/10/blog-post.html
ผู้โดยสารเด็กเดินทางเพียงลำพังด้วยเครื่องบิน
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/10/blog-post_2.html
การขออาหารพิเศษกับการบินไทย
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/10/blog-post_7448.html
ตั๋ว E-Ticket คืออะไร
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/10/e-ticket.html
5 วิธีเช็คอินเพื่อฝ่าแถวคิวที่สนามบินเพื่อไปขึ้นเครื่องให้ทันก่อนออก
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/5.html
เช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ที่เคาน์เตอร์ใด
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/blog-post.html
การเช็คอินด้วยตนเองอัติโนมัติ http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/blog-post_11.html
ปริมาณของเหลวขึ้นเครื่องบิน
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/blog-post_2948.html
การเปลี่ยนเครื่องระหว่างประเทศไปภายในประเทศ
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/blog-post_7480.html
บริการฟรีในอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/blog-post_8206.html
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
http://prinkotakoon.blogspot.co.uk/2013/09/blog-post_1833.html