ฝึกลูกหายใจอย่างถูกวิธี ช่วยให้สุขภาพดีทั้งกายและใจ
การหายใจมีผลต่อการทำงานของสมอง ดังนั้น ถ้าคุณแม่อยากให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางสมองที่ดีควรสอนการหายใจอย่างถูกวิธีให้กับลูก จะมีวิธีอย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
1. ฝึกหายใจเข้า
ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกให้หน้าท้องป่องออก หัดทำอย่างนี้ 2-3 ครั้งจนชำนาญ ถ้าหายใจถูกต้อง หน้าท้องจะป่องออกและหน้าอกจะมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก โดยเฉพาะส่วนบนสังเกตจากการยกขึ้นของมือทั้งสองที่วางทาบไว้
2. ฝึกหายใจออก
ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ผ่านทางไรฟันในขณะที่ริมฝีปากเผยออกเพียงเล็กน้อย ให้ระยะเวลาของการหายใจออกเป็นประมาณ 3 เท่าของระยะเวลาหายใจเข้า จะเห็นว่ามือที่วางทาบอยู่บนหน้าท้องเคลื่อนลง ส่วนมือที่วางอยู่บนหน้าอกจะเคลื่อนไหวน้อยมาก นี่คือการหายใจออกโดยกล้ามเนื้อกระบังลมและกล้ามเนื้อหน้าท้อง ควรหัดทำแบบนี้ซ้ำหลายๆ ครั้ง จนแน่ใจว่าสามารถหายใจเข้าและออกโดยวิธีดังกล่าวซึ่งการหายใจดังกล่าวนี้จะใช้ในทุกท่าของการบริหารที่จะทำต่อไป
3. ฝึกในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท
ให้ลูกนอนราบบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท เช่น ในสวนหรือระเบียง หลังจากนั้น เอาของเล่นโปรดของลูกวางไว้บนท้องของเขา แล้วให้ลูกหายใจให้ท้องพองจนของเล่นอยู่สูงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ วิธีนี้จะทำให้ลูกรู้ว่า เมื่อเขาหายใจเข้า ท้องจะพองขึ้น และเมื่อหายใจออก ท้องจะแฟบลง เป็นการฝึกสมาธิที่ดีได้อย่างหนึ่ง
4. การเล่นฝึกหายใจ
การเล่น ที่อาจช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อของกระบังลมหรือหน้าท้อง ได้แก่ การหัดเป่าลูกโป่ง หรือของเล่นชนิดที่เด็กต้องออกแรงเป่าหลังสูดหายใจเข้าเต็มที่ เช่น กังหันพลาสติกที่วางซ้อนกัน กระดาษสีตัดเป็นรูปผีเสื้อตัวเล็ก หรือกลีบดอกไม้ที่ใช้ปากเป่าให้บินได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย และให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแก่เด็ก เช่น การวิ่งแข่ง เตะฟุตบอล เล่นแชร์บอล การโหนบาร์ และการกระโดดเชือก เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้ ท่านผู้ปกครองควรเลือกพิจารณาการออกกำลังกายบางอย่างให้เหมาะสมกับวัยของเด็กและควรอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยค่ะ
ประโยชน์ของการบริหารการหายใจที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับเด็กที่ป่วยด้วยโรคหวัดเป็นประจำ และมีอาการไอหอบบ่อยๆ โรคหืด หรือโรคทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง ถ้าได้รับการฝึกการหายใจ ออกกำลังกายและบริหารปอดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะช่วยส่งเสริมและฟื้นฟูสมรรถภาพปอดทำให้ความต้านทานของระบบการหายใจดีขึ้น มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ความต้องการใช้ยาต่างๆ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะก็จะลดลง ทำให้มีการระบายอากาศไปได้ ทุกส่วนของระบบหายใจ มีผลให้ก๊าซออกซิเจนสามารถผ่านไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจ ปอด และสมองได้ดีที่สุด และช่วยให้มีการถ่ายเท สารก่อภูมิแพ้หรือสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นพิษต่อท่อทางเดินหายใจและปอดที่สูดเข้าไปออกมาได้ดี โดยไม่คั่งค้างอีกด้วย
ที่มา – oknation.nationtv.tv , https://www.parentsone.com/kids-breathing/
https://www.parentsone.com/kids-breathing/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น