Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566

'ไซยาไนด์'คือ? ธรรมชาติมีในพืช แต่ทำไมถึงตายเสี้ยวนาที

 

'ไซยาไนด์'คือ? ธรรมชาติมีในพืช แต่ทำไมถึงตายเสี้ยวนาที

ไซยาไนด์ อันตราย


ไซยาไนด์ คือ

         สารกลุ่ม “ไซยาไนด์” (Cyanide)   ที่ควรรู้จักมี 2 ตัว  คือ
1.ของแข็ง เกลือไซยาไนด์ ซึ่งเป็นโซเดียมไซยาไนด์ หรือโพแทสเซียม ไซยาไนด์
2.สถานะเป็นก๊าซคือ ไฮโดรเจน ไซยาไนด์ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาเมื่อเอากรด เช่น กรดเกลือ หรือกรดกำมะถัน ผสมกับเกลือไซยาไนด์

      ไซยาไนด์ จัดเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ประโยชน์ไซยาไนด์

       ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตไนลอน โดยเฉพาะยาฆ่าแมลง ยังใช้เพื่อสังเคราะห์สารเคมีอื่นๆ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ขณะที่ในเหมืองทองมีการใช้ไซยาไนด์ในกระบวนการสกัดทอง เป็นต้น เกลือไซยาไนด์ละลายน้ำได้ดี ส่วนก๊าซก็ละลายในน้ำได้ดีเช่นกัน ไวต่อปฏิกิริยากับตัวออกซิไดซ์ อาจระเบิดได้เมื่อถูกความร้อนหรือเปลวไฟ สำหรับชื่ออื่นของก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ ที่ใช้เรียกกันก็มี กรดไฮโดรไซยาไนด์ และกรด ปรัสซิก เป็นต้น


ไซยาไนด์ในพืช

    ไซยาไนด์ ที่พบในพืช เป็นสารประกอบที่มีความเป็นพิษที่พบตามธรรมชาติในพืชบางชนิด อาทิ  มันสำปะหลัง สบู่ดำ หน่อไม้สด ถั่วลิมา อัลมอนด์ชนิดขม

  •     มันสำปะหลัง  หากรับประทานมันสำปะหลังดิบ ในส่วนหัว ราก ใบ จะมีพิษทำให้ถึงตายได้ มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจ และทางเดินโลหิต ทำให้ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์สมองน้อยลง ถ้ากินพืชที่มีสารนี้สดๆ จะอาเจียน หายใจขัด ชักกระตุก กล้ามเนื้อไม่มีแรง หายใจลำบาก อาการรุนแรงมาก ลมหายใจมีกลิ่นไซยาไนด์ ทำให้เสียชีวิตได้ พบอาการพิษแบบฉับพลันคือ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดท้อง อาเจียน และอุจจาระร่วง 
มันสำปะหลัง

การเตรียมปรุงจะเอาผิวเปลือกออก ควร บด ขูด ก่อนปรุงแล้วพิษจะออกไป การต้มโดยเฉพาะรากควรนำมาต้ม 30 – 40 นาที แล้วทิ้งน้ำที่ต้ม ถ้าเป็นใบให้ต้มมากกว่า 10 นาที ถ้าใบแก่ให้ต้มนานกว่านี้

  • หน่อไม้สด ควรหลีกเลี่ยงการกินหน่อไม้ดิบหรือหน่อไม้ที่ยังปรุงไม่สุกเพราะหน่อไม้ดิบมีสารซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์มีพิษต่อร่างกาย และทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ ซึ่งกลไกของร่างกายหากรับในปริมาณที่น้อยก็สามารถขับออกมาได้ทางปัสสาวะได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณมาก อาจเข้าไปจับตัวกับสารในเม็ดเลือดแดงแทนที่ออกซิเจนจะทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน หมดสติและเสียชีวิต

ข้อแนะนำในการต้มหน่อไม้ ไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้ปี๊บ โดยเฉพาะหน่อไม้สด  ควรต้มน้ำให้เดือดอย่างน้อย 10 นาที ลดไซยาไนด์ได้ 90.5%

หน่อไม้สด

           ถ้ากินพืชที่มีสารนี้สดๆ จะอาเจียน หายใจขัด ชักกระตุก กล้ามเนื้อไม่มีแรง หายใจลำบาก อาการรุนแรงมาก ลมหายใจมีกลิ่นไซยาไนด์ ทำให้เสียชีวิตได้  พบอาการพิษแบบฉับพลัน คือ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดท้อง อาเจียน และอุจจาระร่วง 

          อย่างไรก็ตาม หากมีการล้างให้สะอาด และปรุงสุกผ่านความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการต้ม อบ หรือ ทอด เผา อบแห้ง ก็สามารถบริโภคได้ตามปกติ

สบู่ดำ

ถั่วลิมา 

อัลมอนด์ชนิดขม


อาการพิษไซยาไนด์

         ภาวะ cyanide poisoning เกิดจากการสูดดมก๊าซไซยาไนด์ หรือรับประทานสารละลายของไซยาไนด์ อาการเป็นพิษจากไซยาไนด์จะปรากฏให้เห็นในเวลาเป็นนาทีหรือภายใน 1 ชั่วโมงเป็นอย่างช้าหลังได้รับสารพิษ ผู้ป่วยจะหมดสติหรือชัก และตามมาด้วยภาวะช็อก และเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วหลังจากได้รับไซยาไนด์
        อาการของพิษเฉียบพลันของไซยาไนด์ คือ หายใจติดขัด ชัก และหมดสติ อวัยวะที่ถูกกระทบคือ ระบบประสาทส่วนกลาง ตับ ไต และระบบหัวใจ
อาการไม่รุนแรง

  • กล้ามเนื้อล้า แขนขารู้สึกหนัก
  • หายใจลำบาก
  • ปวดหัว รู้สึกมึนงง วิงเวียน
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ลมหายใจมีกลิ่นอัลมอนด์จางๆ
  • รู้สึกระคายเคือง คันบริเวณจมูก คอ และปาก

อาการรุนแรง

  • คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง
  • หายใจลำบาก
  • ชักหมดสติ
  • เสียชีวิตภายใน 10 นาที


การรับมือเมื่อสัมผัสไซยาไนด์

  • สัมผัสทางผิวหนัง   ให้ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้นๆ และนำออกจากลำตัว ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำ และสบู่เพื่อลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล
  • สูดดม และรับประทาน ควรออกจากพื้นที่บริเวณนั้น หากไม่สามารถออกจากสถานที่ได้ควรก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับพิษ
  • สัมผัสทางดวงตา ควรถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออก ใช้น้ำสะอาดล้างตาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 นาที และไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจ


จี้คุมเข้มไซยาไนด์

     ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยาและหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ไซยาไนด์ เป็นสารหรือของเหลวที่มีอันตรายสูง จะออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว ทำให้หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ช็อกภายในเวลานับเป็นนาที และเสียชีวิต โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้รับเข้าสู่ร่างกาย

         หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอให้ตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะได้รับไซยาไนด์เข้าไป แล้วรีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ซึ่งมีการสำรองยาต้านพิษเอาไว้ในโรงพยาบาลทุกจังหวัด ทั่วประเทศ

      

รูปแบบไหนอันตรายต่อชีวิต?


   สารเคมีชนิดนี้มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในรูปแบบของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยในแต่ละชนิดนั้นจะมีแหล่งที่มารวมถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปดังนี้

  • Sodium cyanide (NaCN)

   รูปแบบนี้จะเป็นของแข็งที่มีสีขาว อาจอยู่ในรูปแบบที่ผลึก แท่ง หรือผง โดยพบได้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ใช้ในการเคลือบเงาหรือเคลือบสีเหล็ก และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง สามารถเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัสบริเวณปากแผล การสูดดม หากรับประทานเข้าไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย

 

  • Potassium cyanide (KCN)

   มีลักษณะเป็นก้อนผลึกหรือผงสีขาว เมื่อเป็นของเหลวจะใสแบบไม่มีสี กลิ่นจะคล้ายกับอัลมอนด์ มักจะนำมาใช้ในการสกัดแร่อย่างเช่น ทองหรือเงิน และยังพบได้ในยาฆ่าแมลง เมื่อสารเคมีรูปแบบนี้จะเจอกับความร้อนจะทำให้เกิดควันพิษ หากได้เข้าสู่ร่างกายแล้วอาจไปรบกวนการทำงานของอวัยวะภายในจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

  • Hydrogen cyanide (HCN)

   มักมาในรูปแบบของเหลวหรือแก๊สที่ไม่มีสี พบในควันจากท่อไอเสีย ควันบุหรี่ และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อมีการสูดดมเข้าไปอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง รวมไปถึงยังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองตามผิวหนัง และดวงตาค่ะ

 

  • Cyanogen chloride (CNCI)

   รูปแบบนี้จะมีลักษณะเป็นของเหลวหรือแก๊สที่ไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน และเป็นพิษอย่างรุนแรงเมื่อเผาไหม้ ทำให้เกิดการระคายเคืองเมื่อมีการสูดดมเข้าไปนั่นเอง

 

 

ความอันตรายของ ไซยาไนด์


   เมื่อสารเคมีตัวนี้เข้าไปสู่ร่างกายแล้วจะทำให้เกิดอาการดังนี้

  • ระคายเคืองบริเวณที่สัมผัสอย่างผิวหนังหรือดวงตา
  • ร่างกายอ่อนแรง
  • เวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้
  • หายใจติดขัด
  • หมดสติ
  • หัวใจหยุดเต้น

   โดยความรุนแรงของอาการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมีว่ามีปริมาณ และระยะเวลาในการได้รับเท่าไหร่

 

ผลกระทบจากการรับสารเคมี แบ่งได้ 2 ประเภท

ภาวะเป็นพิษแบบเฉียบพลัน

   เป็นอาการที่พบได้ยากมากๆ โดยเกิดขึ้นได้ทันที สำหรับอาการอย่างเช่น หายใจติดขัด เลือดไหลเวียนผิดปกติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น สมองบวม ชัก และหมดสติ เป็นต้น

ภาวะเป็นพิษแบบเรื้อรัง

   เกิดจากการได้รับในปริมาณที่เล็กน้อยแต่ได้รับอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาการเบื้องต้นอย่างเช่น ปวดศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นแดง นอกจากนี้ยังมีอาการที่ตามมาอีกคือ รูม่านตาขยาย ตัวเย็น อ่อนแรง หายใจช้า เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นหรือเต้นผิดปกติได้ ผิวหนังบริเวณใบหน้า และแขนขากลายเป็นสีม่วง โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด

 

รับมืออย่างไรหากสัมผัส


   สารเคมีชนิดนี้เป็นสารที่อันตราย หากสัมผัสกับสารเคมีนี้จะต้องรีบทำการลดหรือหาวิธีแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ปริมาณสารลดลงให้ได้มากที่สุด สำหรับวิธีการรับมือมีดังนี้

  • การสัมผัสทางผิวหนัง ถ้าหากร่างกายได้สัมผัสกับสารเคมีตัวนี้ ให้ทำการถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อออกเป็นชิ้นๆ เลยนะคะ และนำออกจากลำตัว โดยเสื้อผ้าที่มีการปนเปื้อนนั้นจะต้องไม่โดนผิวหนังเราเพิ่มเติมหรือไปสัมผัสผิวหนังในส่วนอื่นๆ อย่าง ศีรษะ และไม่ควรให้ผู้อื่นสัมผัสร่างกายหรือเสื้อผ้าของเราโดยตรง เพราะอาจทำให้คนๆ นั้นได้รับสารเคมีตัวนี้ไปด้วย และหลังจากที่นำเสื้อผ้าออกไปแล้วให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่ เพื่อเป็นการลดปริมาณสารเคมี แล้วจึงรีบไปโรงพยาบาลนะคะ
  • การสูดดมและรับประทาน หากมีการสูดดมอากาศที่มีสารเคมีตัวนี้ปนเปื้อนอยู่ ควรนำตัวเองออกจากพื้นที่บริเวณนั้นๆ โดยเร็ว แต่ถ้าหากไม่สามารถออกมาจากสถานที่นั้นได้ให้ทำการก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีที่หายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาลค่ะ

ข้อห้าม : ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอด เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารเคมี

  • การสัมผัสทางดวงตา เมื่อสัมผัสโดนดวงตาให้รีบถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออก หลังจากนั้นให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 10 นาที และนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรับการตรวจ

 

หลีกเลี่ยงการสัมผัส?


   การหลีกเลี่ยงหรือการลดโอกาสที่จะได้รับสารเคมีตัวนี้ มีดังนี้

  • งดสูบบุหรี่
  • เก็บภาชนะที่บรรจุสารเคมีภายในบ้านให้มิดชิดและเหมาะสม
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ควรใช้ภาชนะรองรับสารเคมีที่มีขนาดเล็กที่สุด อาจจะช่วยให้ได้รับสารเคมีน้อยลง รวมถึงลดโอกาสที่จะสัมผัส และการสูดดมลดลงอีกด้วย
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ไม่ควรนำเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่อาจจะมีสารปนเปื้อนออกนอกสถานที่ทำงานหรือการนำกลับบ้าน
  • ติดตั้งเครื่องดับจับควัน เนื่องจากสารเคมีอาจมาในรูปแบบของควันได้ค่ะ
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อต้องทำงานกับสารเคมีหรือต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของสารเคมี
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับสารพิษสูงอย่างเช่น เกษตรกร ช่างเหล็ก ช่างทอง พลังงานที่อยู่ในกระบวนการผลิตกระดาษ สิ่งทอ ยาง และพลาสติก ผู้ที่ทำงานกำจัดแมลง เป็นต้น แนะนำให้ไปพบแพทย์และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำด้วยนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูล :   POBPAD  , ศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ,  กรมควบคุมโรค,  กรมอนามัย



ย้อนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ใช้ "ไซยาไนด์" ในต่างประเทศ

 

https://youtu.be/aUFl3tRqpr0


ที่ต่างประเทศพบคดีการใช้ไซยาไนด์ ในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง และหวังประสงค์ต่อทรัพย์ เช่นกัน โดยเฉพาะที่อินเดีย ที่กลายเป็นคดีที่ได้รับความสนใจ จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ #ไซยาไนด์ #ฆาตกรรม #ฆาตกรรมต่อเนื่อง



https://youtu.be/CLCzrEKaJjo


ไซยาไนด์ (Cyanide) สารเคมีอันตรายและต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ที่ส่วนใหญ่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ พลาสติก และส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง มีความเป็นพิษสูงมาก ลักษณะไซยาไนด์มีทั้งของแข็งและของเหลว ไซยาไนด์ สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยพบในพืชบางชนิด เช่น อัลมอนด์ แอปเปิล และยังเกิดได้จากกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกายมนุษย์ สำหรับผู้ที่กินไซยาไนด์ทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ หากกินขณะท้องว่างจะใช้เวลาออกฤทธิ์เป็นหน่วยนาที ประมาณ 5-15 นาที แต่ถ้าสูดไฮโดรเจนไซยาไนด์เข้าไปจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาที อาการเมื่อได้รับสารไซยาไนด์ กรณี อาการรุนแรง จะมีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติรุนแรง ที่นำไปสู่การเกิดหัวใจวายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ชักหมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด ข่าว TNN ช่อง16



https://youtu.be/Z0firKO2Awo





พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3

 

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3

.
  • Author,

ผู้คนนับล้านทั่วสหราชอาณาจักรและทั่วโลก กำลังเฝ้ารอที่จะได้ชมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่ สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งจะมีขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในวันเสาร์ที่ 6 พ.ค. ที่จะถึงนี้

https://youtu.be/-uzeimfKonU


https://youtu.be/DEPonRNHf9A


https://youtu.be/e3nW2-V0C5s


ในพระราชพิธีดังกล่าว สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะทรงได้รับการสวมพระมหามงกุฎพร้อมกัน โดยกษัตริย์พระองค์ใหม่นั้นถือเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษลำดับที่ 40 ที่ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ใจกลางกรุงลอนดอน นับตั้งแต่ปี 1066 เป็นต้นมา

พีธีกรรมต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นในวันสำคัญดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นไปตามขนบธรรมเนียมโบราณที่ถือปฏิบัติกันมาโดยแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง ตลอดระยะเวลากว่า 1,000 ปีในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งหมายกำหนดการตามเวลามาตรฐานอังกฤษ (BST) มีดังต่อไปนี้

.

ที่มาของภาพ,.

การเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น ด้วยการเคลื่อนขบวนเสด็จจากพระราชวังบักกิงแฮมไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ในช่วงเวลาก่อน 11.00 น. เล็กน้อย แต่จะเปิดพื้นที่เฝ้าชมขบวนเสด็จสองข้างทางให้ประชาชนได้เข้าจับจองตั้งแต่เช้าตรู่ราว 6.00 น.

.

ที่มาของภาพ,.

ผู้ที่มาก่อน จะได้เข้าถึงพื้นที่ริมถนนเดอะมอลล์และถนนไวต์ฮอลล์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวนเสด็จจะเคลื่อนผ่าน ส่วนคนที่มาทีหลังในตอนที่บริเวณเฝ้าชมขบวนเสด็จสองข้างทางเต็มแล้วนั้น จะได้รับการจัดสรรที่นั่งเพื่อชมการถ่ายทอดสดจากจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ในสวนสาธารณะไฮด์พาร์ก, กรีนพาร์ก, และสวนหลวงเซนต์เจมส์


นอกจากนี้ ยังมีการจัดเตรียมอัฒจันทร์สำหรับเฝ้าชมขบวนเสด็จ ให้กับแขกพิเศษ 200 คน ที่ด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮมอีกด้วย โดยแขกรับเชิญเหล่านี้ได้แก่เหล่าทหารผ่านศึก รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักสังคมสงเคราะห์ที่ได้รับคัดเลือกจากสำนักพระราชวัง

ขบวนเสด็จใช้กำลังทหารเพียงไม่ถึง 200 นายจากทุกเหล่าทัพ เพื่อถวายการอารักขา โดยส่วนใหญ่เป็นกองทหารม้ารักษาพระองค์ (Household Cavalry) ซึ่งจะมาประจำการแต่เช้าตรู่ที่พระราชวังบักกิงแฮม เพื่อเตรียมเข้าร่วมขบวนเสด็จไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์

สำหรับการรักษาความปลอดภัยโดยรวมนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ 1,000 คน ประจำการที่สองข้างทางซึ่งขบวนเสด็จจะเคลื่อนผ่าน แต่ขบวนเสด็จในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมน้อยกว่าปี 1953 ตอนที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงขึ้นครองราชย์อย่างมาก โดยในครั้งนั้นมีบรรดาพระราชวงศ์ต่างประเทศและนายกรัฐมนตรีของรัฐในเครือจักรภพเข้าร่วมขบวนเสด็จด้วย

.

ที่มาของภาพ,.

เริ่มเคลื่อนขบวนเสด็จ

ขบวนจะเคลื่อนออกจากพระราชวังบักกิงแฮมไปตามถนนเดอะมอลล์ สู่จัตุรัสทราฟัลการ์ ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนไวต์ฮอลล์และถนนรัฐสภาตามลำดับ จากนั้นจะเข้าสู่จัตุรัสรัฐสภาและอาคาร Broad Sanctuary เพื่อไปยังประตูใหญ่ทิศตะวันตกของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์

ในการนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะเสด็จไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ด้วยราชรถพัชราภิเษก ซึ่งทำขึ้นใหม่เมื่อราวสิบปีก่อน โดยทรงยกเลิกการใช้ราชรถทองคำตามธรรมเนียมดั้งเดิม เนื่องจากเป็นพระราชพาหนะรุ่นเก่าที่ไม่ค่อยสะดวกสบายนัก

ขบวนเสด็จถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์

คาดว่า ขบวนจะไปถึงสถานที่ประกอบพระราชพิธีก่อน 11.00 น. เล็กน้อย โดยสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 อาจเลือกทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหาร แทนที่จะเป็นเครื่องแต่งกายของบุรุษแบบโบราณ ซึ่งเป็นชุดที่สวมกางเกงสั้นเหนือเข่าและสวมถุงน่อง ตามแบบอย่างของกษัตริย์ในอดีต

Getty Images

ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

คำบรรยายภาพ,

สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 อาจทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ต่างจากพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระอัยกา ซึ่งทรงฉลองพระองค์ของบุรุษแบบโบราณ

.

ที่มาของภาพ,.

สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 จะเสด็จเข้าสู่ด้านในของมหาวิหาร โดยทรงพระดำเนินผ่านประตูใหญ่ทิศตะวันตก จนเข้าถึงโถงใหญ่และบริเวณศูนย์กลางของมหาวิหาร

.

ที่มาของภาพ,.

พิธีจะเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น. ด้วยการบรรเลงดนตรี ซึ่งกษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงเลือกสรรมาด้วยพระองค์เอง ทั้งยังโปรดให้มีการประพันธ์เพลงขึ้นใหม่ถึง 12 เพลงด้วย ซึ่งรวมถึงผลงานของแอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์ และดนตรีแบบกรีกออร์โธดอกซ์เพื่อรำลึกถึงเจ้าชายฟิลิป พระราชบิดา

เจ้าชายจอร์จ พระราชนัดดา จะทรงเป็นหนึ่งในหมู่เด็กชายเด็กหญิงผู้ทำหน้าที่เชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ร่วมกับพระนัดดาของสมเด็จพระราชินีคามิลลา 5 คน ได้แก่โลลา, เอไลซา, กุส, ลูอีส์, และเฟรดดี โดยขบวนของเด็ก ๆ เหล่านี้จะเดินนำหน้ากษัตริย์ภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อนำสิ่งของสำหรับการประกอบพระราชพิธีไปวางไว้บนแท่นบูชาสูง

เครื่องราชกกุธภัณฑ์คืออะไร

ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวในแถบยุโรป ที่ยังคงมีการใช้งานเครื่องราชกกุธภัณฑ์หรือสิ่งของอันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเป็นกษัตริย์ อย่างเช่นพระมหามงกุฎ ลูกโลกประดับกางเขน และพระคทา ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอยู่

เครื่องราชกกุธภัณฑ์แต่ละชิ้น ถือเป็นเครื่องหมายแทนบทบาทหน้าที่ในแต่ละด้านของพระมหากษัตริย์ที่แตกต่างกันออกไป โดยจะมีการถวายลูกโลก, พระคทากางเขน, พระคทานกพิราบ, และสิ่งของอื่น ๆ ในขั้นตอนสำคัญของพิธีราชาภิเษก ส่วนสมเด็จพระราชินีคามิลลานั้น จะทรงได้รับพระคทากางเขนและพระคทานกพิราบสำหรับราชินีอังกฤษเช่นกัน

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นประกอบไปด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งใช้เวลารวมกันทั้งหมดไม่เกิน 2 ชั่วโมง

.

ที่มาของภาพ,.

ขั้นตอนที่ 1 : รับรองฐานะความเป็นกษัตริย์

จะมีการประกาศแนะนำพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ต่อปวงชน ตามธรรมเนียมเก่าแก่ซึ่งนับย้อนไปได้ถึงยุคแองโกล-แซ็กซอน โดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีจะยืนอยู่หน้าบัลลังก์ราชาภิเษกอายุ 700 ปี ก่อนจะหันไปทางทิศต่าง ๆ ของมหาวิหาร พร้อมป่าวประกาศว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 คือ “กษัตริย์พระองค์ใหม่ของพวกเรา อย่างไม่ต้องสงสัย” จากนั้นจะขอให้ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีถวายความเคารพ และกล่าวถวายความจงรักภักดี

ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีจะเปล่งเสียงขึ้นพร้อมกันว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงปกปักรักษาพระราชา” โดยจะมีการเป่าแตรหลังการกล่าวถวายความจงรักภักดีทุกครั้ง

สำหรับบัลลังก์ราชาภิเษก หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ดนั้น เชื่อกันว่าเป็นเครื่องเรือนอายุเก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักรที่ยังถูกใช้งานตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิมอยู่ โดยมีกษัตริย์อังกฤษถึง 26 พระองค์ ที่ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกบนบัลลังก์นี้

.

ที่มาของภาพ,.

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 โปรดให้สร้างพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ดขึ้นในช่วงยุคกลาง เพื่อใช้บรรจุ “ศิลาแห่งชะตาลิขิต” ซึ่งเป็นพระแท่นศิลาราชาภิเษกของกษัตริย์สกอตแลนด์ที่ทรงนำมาจากนครหลวงเก่าของชาวสกอต หลังทรงชนะศึกพิชิตดินแดนทางเหนือได้สำเร็จ

รัฐบาลอังกฤษได้ส่งคืนศิลาแห่งชะตาลิขิตให้กับทางการสกอตแลนด์ไปเมื่อปี 1996 แต่มันจะถูกนำกลับมายังกรุงลอนดอนเป็นการชั่วคราว เพื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้

บัลลังก์ราชาภิเษกที่ทำจากไม้โอ๊กจะถูกนำไปวางไว้ตรงศูนย์กลางของมหาวิหาร บริเวณหน้าแท่นบูชาสูงเหนือพื้นฝังหินประดับแบบคอสมาติ ซึ่งเป็นผลงานศิลปะโบราณอันเลื่องชื่อ สื่อแสดงถึงความสำคัญยิ่งยวดทางศาสนาของพิธีกรรมนี้

.

ที่มาของภาพ,.

ขั้นตอนที่ 2 : ทรงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ

อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี นักบวชผู้มีสมณศักดิ์สูงสุดของศาสนจักรอังกฤษ จะขอให้กษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ เพื่อยืนยันว่าจะทรงพิทักษ์รักษากฎหมายของแผ่นดินและศาสนจักรอังกฤษ โดยจะทรงวางพระหัตถ์ลงบนพระคัมภีร์ไบเบิลระหว่างตรัสคำปฏิญาณดังกล่าว ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ทรงปฏิบัติตาม

คาดว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 อาจจะมีพระราชดำรัสเพิ่มเติมเป็นพิเศษในการนี้ เพื่อทรงแสดงการอุปถัมภ์รับรองศาสนาและความเชื่ออื่น ๆ ที่มีผู้นับถือกันในสหราชอาณาจักรด้วย แต่พระราชดำรัสนี้จะไม่รวมอยู่ในคำสัตย์ปฏิญาณที่เป็นทางการข้างต้น

ขั้นตอนที่ 3 : เจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์

ฉลองพระองค์คลุมและฉลองพระองค์ชั้นนอกที่เป็นชุดพิธีการจะถูกถอดออก จากนั้นกษัตริย์พระองค์ใหม่จะประทับบนบัลลังก์ราชาภิเษกเพื่อทรงรับการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแสดงถึงสถานะผู้นำทางจิตวิญญาณและความเป็นองค์ประมุขสูงสุดของศาสนาจักรอังกฤษ

อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีจะเทน้ำมันออกจากขวดอินทรีทองคำ โดยเทลงบนฉลองพระหัตถ์ช้อนราชาภิเษก ก่อนจะเจิมน้ำมันดังกล่าวเป็นเครื่องหมายกางเขนบนพระนลาฏ (หน้าผาก) พระอุระ (หน้าอก) และที่พระหัตถ์ทั้งสองข้าง

ขวดบรรจุน้ำมันศักดิ์สิทธิ์นั้นทำขึ้นสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 เมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยเลียนแบบของเก่าและคติความเชื่อจากตำนานของนักบุญโทมัส แบ็กเค็ต ในศตวรรษที่ 12 ซึ่งระบุว่าพระแม่มารีได้ปรากฏพระองค์ต่อหน้านักบุญผู้นี้และประทานอินทรีทองคำให้ โดยทำนายว่ากษัตริย์อังกฤษในอนาคตจะทรงได้รับการเจิมด้วยอินทรีทองคำนี้

ส่วนฉลองพระหัตถ์ช้อนราชาภิเษกนั้น มีอายุเก่าแก่ยิ่งกว่าขวดอินทรีทองคำมาก ทั้งยังเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่รอดจากการถูกทำลายโดยนายโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ผู้โค่นล้มสถาบันกษัตริย์ในยุคสงครามกลางเมืองของอังกฤษ

.

ที่มาของภาพ,.

น้ำมันศักดิ์สิทธิ์นั้นมีการผลิตขึ้นเพื่อพระราชพิธีในครั้งนี้เป็นพิเศษ โดยสกัดจากผลมะกอกที่ปลูกในป่าสองแห่งบนภูเขา Mount of Olives ในนครเยรูซาเลม ทั้งยังผ่านพิธีปลุกเสกในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสุสานของพระเยซูอีกด้วย

ในระหว่างการเจิมน้ำมันนี้ เจ้าหน้าที่จะใช้ผ้าคลุมเป็นเพดานและม่านกั้นรอบบัลลังก์ราชาภิเษก เพื่อปิดบังสายตาของสามัญชนไม่ให้มองเห็นพิธีกรรมดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เนื่องจากเป็นพิธีกรรมส่วนพระองค์ระหว่างกษัตริย์กับพระผู้เป็นเจ้า

ขั้นตอนที่ 4 : สวมพระมหามงกุฎ

เมื่อเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และเปลี่ยนเครื่องทรงเรียบร้อยแล้ว พระราชพิธีได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนสำคัญอันเป็นหัวใจของราชาภิเษกหรือการสถาปนาแต่งตั้งพระราชา โดยนักบวชจะถวายการสวมหรือวางพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดลงบนพระเศียรของกษัตริย์ ซึ่งตลอดพระชนมชีพพระองค์จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียว ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น

พระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดนั้น ได้รับการขนานนามตามชื่อของกษัตริย์ยุคแองโกล-แซ็กซอน คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น “นักบุญเอ็ดเวิร์ดผู้สารภาพบาป” (Edward the Confessor) เชื่อกันว่ามีการใช้พระมหามงกุฎนี้ในพิธีราชาภิเษกมาจนถึงปี 1220 ก่อนที่จะถูกทำลายไปในยุคสงครามกลางเมือง

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 โปรดให้ทำพระมหามงกุฎนี้ขึ้นใหม่โดยเลียนแบบของเดิม แต่มีการประดับตกแต่งเพิ่มเติมให้หรูหราอลังการยิ่งขึ้น

.

ที่มาของภาพ,.

สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 จะเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 7 ที่ได้ทรงพระมหามงกุฎนี้ต่อจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2, พระเจ้าเจมส์ที่ 2, พระเจ้าวิลเลียมที่ 3, พระเจ้าจอร์จที่ 5, พระเจ้าจอร์จที่ 6, และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2

แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนการสวมพระมหามงกุฎ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีจะถวายลูกโลกประดับกางเขน, พระธำมรงค์ประจำองค์พระมหากษัตริย์, พระคทากางเขน, และพระคทานกพิราบ แล้วจึงถวายการสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดได้ในที่สุด โดยจะมีการเป่าแตรและยิงสลุตทั่วสหราชอาณาจักรอย่างพร้อมเพรียงกัน

จะมีการยิงสลุต 62 นัด จากหอคอยแห่งลอนดอน และอีก 6 นัด จากลานสวนสนามของกองทหารม้ารักษาพระองค์ นอกจากนี้จะมีการยิงสลุต 21 นัด จากสถานที่อีก 11 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร รวมถึงที่เอดินบะระ, คาร์ดิฟฟ์, เบลฟาสต์, และจากเรือหลวงที่ลอยลำอยู่ในมหาสมุทร

ขั้นตอนที่ 5 : เสด็จขึ้นครองราชย์

ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ กษัตริย์พระองค์ใหม่จะเสด็จขึ้นประทับบนพระราชอาสน์อันเป็นสัญลักษณ์ของการขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ โดยในอดีตบรรดานักบวชและขุนนางอาจนำพระองค์ไปประทับยังพระราชอาสน์ด้วยวิธีอุ้มหรือยกพระวรกายไป

ตามธรรมเนียมดั้งเดิมแล้ว ในขั้นตอนนี้เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางจะพากันต่อแถวยาว เพื่อเข้าเฝ้าฯ ถวายความเคารพ โดยพวกเขาจะคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ กล่าวถวายความจงรักภักดี ก่อนจะจุมพิตที่พระหัตถ์ขวา

อย่างไรก็ตาม คาดว่าครั้งนี้พิธีการจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเจ้าชายวิลเลียมจะเป็นพระราชวงศ์ที่มีฐานันดรชั้นดยุคเพียงพระองค์เดียว ที่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายความเคารพต่อสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3

พระราชพิธีสำหรับสมเด็จพระราชินี

หลังจากพิธีการข้างต้นเสร็จสิ้นลงแล้ว จะมีการประกอบพระราชพิธีอภิเษกหรือการสถาปนาแต่งตั้งสมเด็จพระราชินี โดยนักบวชจะเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับพระอัครมเหสี และถวายการสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี โดยดำเนินพิธีการขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเรียบง่ายกว่า ทั้งไม่ทรงต้องกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตามแบบของกษัตริย์

พระมหามงกุฎควีนแมรีนั้น เดิมทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีอภิเษกสมเด็จพระราชินีแมรีในพระเจ้าจอร์จที่ 5 แต่ขณะนี้กำลังมีการปรับปรุงโดยนำวงโค้งบางส่วนออก รวมทั้งติดตั้งเพชรคัลลิแนน 3 เม็ด ซึ่งล้วนเป็นเพชรที่ตัดแบ่งมาจากโคตรเพชรใหญ่ที่สุดในโลก

.

ที่มาของภาพ,.

เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม

จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะเสด็จลงจากพระราชอาสน์เพื่อไปยังโบสถ์น้อยเซนต์เอ็ดเวิร์ดภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อผลัดเปลี่ยนพระมหามงกุฎที่ทรงอยู่ จากพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดมาเป็นพระมหามงกุฎอิมพีเรียล ก่อนเสด็จออกจากมหาวิหารเพื่อทรงเข้าร่วมขบวนที่เตรียมเคลื่อนกลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮม โดยจะมีการบรรเลงเพลงชาติของสหราชอาณาจักรในช่วงเวลาดังกล่าว

.

ที่มาของภาพ,.

ขบวนเสด็จจะเคลื่อนกลับไปตามเส้นทางเดิม แต่คราวนี้ราชรถที่ประทับจะใช้ราชรถทองคำอายุเก่าแก่ 260 ปี ซึ่งเป็นราชรถที่ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาตั้งแต่เริ่มต้นรัชสมัยของพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 เมื่อปี 1831

.

ที่มาของภาพ,.

มีรายงานว่าเจ้าชายแห่งเวลส์และพระชายา รวมทั้งพระโอรสและพระธิดาคือเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และเจ้าชายลูอีส์ จะทรงเข้าร่วมในขบวนเสด็จขากลับนี้ด้วย โดยประทับในราชรถที่แล่นตามหลังราชรถทองคำ

กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรระบุว่า ได้ใช้กำลังทหารเกือบ 4,000 นายจากทุกเหล่าทัพ เพื่อเข้าร่วมใน “ปฏิบัติการเชิงพิธีการ” ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชั่วอายุคนรุ่นหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการสวนสนามและถวายการอารักขาตลอดเส้นทางเสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม

.

ที่มาของภาพ,.

ผู้แทนจากรัฐในเครือจักรภพและดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษจะเข้าร่วมในขบวนเสด็จขากลับนี้ด้วย ส่วนที่จัตุรัสรัฐสภาจะมีแถวของราชองครักษ์กิตติมศักดิ์ที่เป็นทหารผ่านศึก 100 คน เฝ้าถวายการอารักขาขบวนเสด็จขณะเคลื่อนผ่านจุดดังกล่าว

เมื่อขบวนเสด็จกลับถึงพระราชวังบักกิงแฮม กษัตริย์และราชินีพระองค์ใหม่จะทรงได้รับการวันทยาหัตถ์ถวายความเคารพและมีการเปล่งเสียงถวายพระพร 3 ครั้ง จากกองทหารที่เข้าร่วมการสวนสนาม

.

ที่มาของภาพ,.

เส้นทางของขบวนเสด็จนี้คิดเป็นระยะทางทั้งสิ้น 2.29 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าสั้นกว่าเส้นทางเมื่อครั้งที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในปี 1953 โดยในครั้งนั้นเส้นทางยาวไกลกว่า 6.5 กิโลเมตร และใช้เวลาถึง 45 นาที เพื่อเคลื่อนขบวนทั้งหมดผ่านจุดใดจุดหนึ่ง

กองทัพจัดฝูงบินถวายพระเกียรติ

นับตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในปี 1902 การเสด็จออกสีหบัญชร ณ พระราชวังบักกิงแฮม หลังเสร็จสิ้นการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถือเป็นธรรมเนียมที่พระราชวงศ์อังกฤษทรงยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยเป็นโอกาสที่จะได้ทรงพบปะทักทายเหล่าพสกนิกร ซึ่งมารวมตัวกันที่ถนนเดอะมอลล์ด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม

.

ที่มาของภาพ,.

ในปี 1953 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จออกสีหบัญชรหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พร้อมด้วยสมเด็จพระราชชนนี (ควีนมัม), พระขนิษฐา, พระราชโอรส, พระราชธิดา, และพระราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ เพื่อทอดพระเนตรการบินถวายพระเกียรติจากฝูงบินของกองทัพอากาศ ซึ่งจะบินผ่านเหนือพระราชวังบักกิงแฮม

สำหรับในครั้งนี้สำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้แถลงยืนยันแล้วว่า สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะเสด็จออกสีหบัญชรตามราชประเพณีที่เคยมีมา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดบ้างที่จะได้โดยเสด็จออกสีหบัญชรในครั้งนี้

จากนั้นฝูงเครื่องบินรบจากทุกเหล่าทัพจะบินผ่านเหนือพระราชวังบักกิงแฮม โดยใช้เวลาทำการบินถวายพระเกียรติ 6 นาที ปิดท้ายด้วยการแสดงของฝูงบินผาดแผลงแห่งกองทัพอากาศที่ได้รับฉายาว่า “ลูกศรสีแดง” (The Red Arrows) ซึ่งเป็นสัญญาณสิ้นสุดการเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 6 พ.ค. 2023




ที่มา   https://www.bbc.com/thai/articles/c1d3rdmdpyvo