ชนิดของคําในภาษาอังกฤษ 8 ชนิด : Parts of Speech
Parts of Speech คือ การแบ่งประเภทของคำในภาษาอังกฤษตามหน้าที่ออกเป็น 8 ชนิด ได้แก่ Noun, Pronoun, Verb, Adjective, Adverb, Preposition, Conjunction และ Interjection
แผนผังสรุป Parts of Speech
Parts of Speech คืออะไร
Parts of Speech คือ ชนิดหรือประเภทของคำในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีหน้าที่และตำแหน่งในประโยคแตกต่างกันออกไป ความเข้าใจเกี่ยวกับ Parts of Speech ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้ถูกต้อง
การเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจประเภทของคำหรือ Parts of Speech นั้นมีประโยชน์ เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจส่วนย่อยของภาษา ตั้งแต่คำ วลี ไปจนถึงประโยคที่ใช้ในภาษาอังกฤษ
Parts of Speech มีอะไรบ้าง
พื้นฐานที่สำคัญเริ่มต้นด้วยการตอบคำถามที่ว่า Parts of Speech มีกี่ประเภท เราสามารถแบ่งประเภทคำในภาษาอังกฤษตามหน้าที่ได้หลัก ๆ เป็น 8 ชนิด ได้แก่ Noun (คำนาม), Pronoun (คำสรรพนาม), Verb (คำกริยา), Adjective (คำคุณศัพท์), Adverb (คำกริยาวิเศษณ์), Preposition (คำบุพบท), Conjunction (คำสันธานหรือคำเชื่อม) และ Interjection (คำอุทาน)
นอกจากประเภท Parts of Speech ข้างต้นแล้ว บางตำรายังมีคำประเภท Determiner หรือคำนำหน้านาม เช่น a, an, the, that หรือ some อีกชนิดด้วย
1. Noun (คำนาม)
คำนาม หรือ Noun คือ คำในภาษาอังกฤษซึ่งใช้เรียกชื่อของ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ รวมไปถึง ความรู้สึก อารมณ์ แนวคิด คุณสมบัติ สามารถแบ่งย่อยไปได้อีกหลากหลายประเภท เช่น Proper Nouns (คำนามชี้เฉพาะ), Common Nouns (คำนามทั่วไป), Collective Nouns (สมุหนาม) และ Abstract Nouns (อาการนาม) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งคำนามออกเป็นแบบนับได้และนับไม่ได้ (Countable and Uncountable) โดยคำนามที่นับได้นั้นจะมีได้ทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ (เช่น a man, two men) แต่คำนามนับไม่ได้นั้นจะเป็นได้แค่คำนามเอกพจน์เท่านั้น (water, a glass of water)
ตัวอย่าง Noun (คำนาม) ภาษาอังกฤษ
- Proper Nouns (คำนามเฉพาะ) – Cristiano Ronaldo, Lisa, London, Bangkok, January, Thailand
- Common Nouns (คำนามทั่วไป) – boy, apple, dog, ice cream, phone, city, cat
- Collective Nouns (สมุหนาม) – group (a group of student), herd (a herd of cattle), bunch (a bunch of flowers), crowd (a crowd of people)
- Abstract Nouns (อาการนาม) – happiness, anger, kindness, health, friendship
ตัวอย่างการใช้ Noun (คำนาม) ในประโยค
- My best friend lives in Australia. (เพื่อนสนิทของฉันอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย)
- Chris has two dogs. (คริสมีสุนัขสองตัว)
- Her mother is a teacher. (แม่ของเธอเป็นครู)
Tip: คำนามภาษาอังกฤษอาจสังเกตได้จาก Noun Suffixes หรือรากศัพท์ที่ลงท้ายคำนาม เช่น
- -ance = maintenance, distance
- -ence = difference, silence
- -er = teacher, singer
- -ion = education, satisfaction, celebration
- -ment = entertainment, payment
- -ness = happiness, sadness
2. Pronoun (คำสรรพนาม)
คำสรรพนาม หรือ Pronoun คือ คำที่ใช้เรียกแทนคำนาม เพื่อให้เกิดความกระชับและหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงคำนามเดิมซ้ำ ๆ เช่น I, you, he, she, it, we และ they เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้ Pronoun (คำสรรพนาม) ในประโยค
- We took the car to the garage because it needed fixing.
แทนที่จะเขียนว่า We took the car to the garage because the car needed fixing.
- Tom went to bed because he was tired.
แทนที่จะเขียนว่า Tom went to bed because Tom was tired.
- She is angry with him.
3. Verb (คำกริยา)
คำกริยา หรือ Verb คือ คำที่แสดงอาการ เพื่อบ่งบอกถึงการกระทำของนามหรือสรรพนาม ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือจิตใจ คำกริยายังบอกถึงสถานะได้อีกด้วย
Verb เป็นคำในภาษาอังกฤษประเภทเดียวที่มีการผันตาม Tense เพื่อแสดงความเป็นปัจจุบันหรืออดีต เป็นต้น
เราอาจแบ่ง Verb ได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
Action verb - แสดงการกระทำต่าง ๆ เช่น run, dance, swim
Linking verb - ใช้เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับข้อมูลเกี่ยวกับประธานดังกล่าว เช่น Peter's room was a mess.
Auxiliary/helping verb - ช่วยเสริมความหมายของ Verb หลักให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น tense, voice หรืออารมณ์ความรู้สึก เช่น
- The film was shot in Thailand.
- We are planning a party.
- She may arrive early.
4. Adjective (คำคุณศัพท์)
คำคุณศัพท์ หรือ Adjective คือ คำที่นำมาใช้ขยายคำนามหรือสรรพนาม เพื่อบอกลักษณะหรือคุณสมบัติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น beautiful, tasty, red, good, sunny เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้ Adjective (คำคุณศัพท์) ในประโยค
- My mum picked some pretty flowers.
- She is the fastest member of our team.
- Every member of the team scored a point.
- I love Japanese food.
5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)
คำวิเศษณ์หรือคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) คือ คำที่ทำหน้าที่ขยายคำกริยา (Verb), คุณศัพท์ (Adjective) และคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) เพื่อบอกรายละเอียดเพิ่มเติม ให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าสิ่งที่พูดถึงเกิดขึ้นอย่างไร (How) เมื่อไหร่ (When) บ่อยแค่ไหน (How often) ที่ไหน (Where) และเท่าไร (How much) โดย Adverb หลายคำมักจะลงท้ายด้วย -ly
ตัวอย่างการใช้ Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) ในประโยค
- I often have cereal for breakfast. [ขยาย Verb]
- My sister is a very lovely person. [ขยาย Adjective]
- Jenny plays very nicely with her younger brother. [ขยาย Adverb]
6. Preposition (คำบุพบท)
คำบุพบท หรือ Preposition คือ คำที่ใช้ทำหน้าที่เชื่อมคำนาม (Noun), นามวลี (Noun Phrase), คำสรรพนาม (Pronoun) หรือคำกริยา (Verb) เพื่อแสดงความสัมพันธ์ เช่น การบ่งบอกเวลา สถานที่ ตำแหน่ง ทิศทาง และอื่น ๆ เพื่อแสดงความเกี่ยวข้องในประโยค เช่น in, on, at, under, in front of, between, beside, with, without เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะอยู่หน้าคำนามหรือสรรพนาม
ตัวอย่างการใช้ Preposition (คำบุพบท) ในประโยค
- I am sitting next to my best friend.
- We had a picnic outside yesterday.
- I'll be there in an hour.
- Nick lives with two dogs and a cat.
7. Conjunction (คำสันธานหรือคำเชื่อม)
คำสันธาน หรือ Conjunction คือ คำที่เชื่อมคำ ประโยค วลี หรือประโยคย่อยเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์และมีความสละสลวยมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น and, but, so, because, when, if, that, although, even if, neither...nor, either...or เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้ Conjunction (คำสันธาน) ในประโยค
- I like chocolate and vanilla ice cream.
- I don't know if I'm going to pass all my exams.
- Have you got everything that you need?
- Tara can't eat nuts because she's allegic to them.
8. Interjection (คำอุทาน)
คำอุทาน หรือ Interjections คือ คำที่ใช้เพื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกต่าง ๆ ในทางบวกหรือทางลบ เช่น ความพอใจ ความแปลกใจ ความประหลาดใจ หรือความรังเกียจ เป็นต้น โดยอาจมีการใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) ร่วมด้วย ทั้งนี้ การบอกว่าคำอุทานแสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ นั้นจะต้องอาศัยบริบทร่วมด้วย
- คำอุทานแสดงความดีใจ เช่น bravo, hooray, yay, yippee
- คำอุทานแสดงตกใจหรือเมื่อทำพลาด เช่น oops
- คำอุทานแสดงความตื่นเต้นหรือประหลาดใจ เช่น oh, wow, oh my god
- คำอุทานแสดงความเจ็บปวด เช่น ouch
- คำอุทานสำหรับเรียกหรือทักทาย เช่น hey, hi
- คำอุทานเพื่อบอกให้เงียบ เช่น shh, hush,
- คำอุทานแสดงความเศร้าใจหรือผิดหวัง เช่น oh no
- คำอุทานแสดงความรังเกียจ เช่น yuck, ugh
- คำอุทานแสดงความโล่งใจ เช่น phew
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น