Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2567

จัดฟันคืออะไร มีกี่แบบ รวมข้อมูลการดัดฟันที่ต้องรู้

 

จัดฟันคืออะไร มีกี่แบบ รวมข้อมูลการดัดฟันที่ต้องรู้



การจัดฟัน คืออะไร

การจัดฟัน หรือ Orthodontics ประกอบไปด้วยรากศัพท์ภาษากรีก 2 คำ คือ ‘Orthos’ ซึ่งแปลว่า แก้ไข/ให้ตรง ส่วน ‘Dontics’ แปลว่า ฟัน การจัดฟันเป็นทันตกรรมเฉพาะทางแขนงหนึ่ง ที่มุ่งเน้น การวินิจฉัย การป้องกัน และการแก้ไขฟันที่เรียงตัวผิดปกติ รวมถึงปัญหาอื่นๆ เช่น การสบฟัน ตำแหน่งและขนาดของกระดูกขากรรไกร

 

การดัดฟันมีจุดประสงค์เพื่อการบดเคี้ยวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดฟันสึก รวมทั้งยังทำให้คุณสามารถทำความสะอาดช่องปากได้ดีขึ้น ทำให้ลดโอกาสในการเกิดโรคทางทันตกรรมอื่นๆ และแน่นอนว่ายังช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงาม ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กับคุณได้

การจัดฟันมีกี่แบบ?

การจัดฟันสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ดังนี้

 

  1. การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ ได้แก่ ติดเครื่องมือแบบใช้ยาง O-ring เช่น การจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบเซรามิก และการติดเครื่องมือแบบไม่ใช้ยาง (Self-ligating) เช่น การจัดฟันแบบดามอน (Damon)
  2. การจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ เช่น จัดฟันใส Invisalign หรือ ดี-aligner

 

การเรียนรู้ข้อดีข้อเสียของการจัดฟันในแต่ะละชนิด จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการจัดฟันที่เหมาะสมกับ lifestyle และงบประมาณของคุณ วันนี้เรามาเรียนรู้การจัดฟัน และโปรจัดฟันในแต่ละประเภทกันดีกว่า

 

1. จัดฟันแบบโลหะ

คลินิกจัดฟันที่ราคาถูกที่สุด โปรจัดฟันเพียบ คุณหมอมีตัวช่วยเยอะเหมาะกับเคสซับซ้อน สนุกกับการเลือกเปลี่ยนสียางโอริงได้ทุกเดือน

การจัดฟันแบบโลหะ หรือ การจัดฟันแบบเหล็ก (Metal Bracket) เป็นวิธีดั้งเดิมที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คนไข้สามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่าย แบบสบายกระเป๋า

 

ข้อดีอีกอย่างของจัดฟันแบบโลหะธรรมดา คือ เหมาะสำหรับเคสที่ยากหรือซับซ้อน เนื่องจากคุณหมอสามารถควบคุม และปรับเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนฟันของคุณในยังตำแหน่งที่ต้องการได้ง่าย และยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้คุณหมอยังสามารถเลือกใช้อุปกรณ์เสริม หรือการรักษาอื่นๆ เช่น การปักหมุดจัดฟัน, การดึงยาง มาเป็นตัวช่วยได้อีกด้วย

 

สามารถอ่านบทความ จัดฟันแบบโลหะ เพิ่มเติม เขียนโดยทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญได้ที่นี่!

จัดฟันแบบโลหะ ราคาเท่าไหร่? 

  • ผู้ที่เคยจัดฟันมาแล้ว ราคาเดือนละ 1,500 บ. (12-18 เดือน) 

ผู้ที่ยังไม่เคยจัดฟันมาก่อน ติดเครื่องมือจัดฟัน 999 บ. ( 2 เดือนแรก) หลังจากนั้นเดือนละ 1,500 บ.

2. จัดฟันแบบเซรามิก

การจัดฟันแบบเซรามิก

เหมือนแบบโลหะ แต่ Bracket สีใส เหมาะกับเคสซับซ้อน ที่ต้องการบุคลิกภาพที่ดีตลอดเวลา

การจัดฟันแบบเซรามิก คือ การจัดฟันที่มีวิธีการเคลื่อนตำแหน่งฟันเหมือนกับการจัดฟันแบบโลหะ แต่เปลี่ยนเครื่องมือจัดฟัน (Bracket) โลหะ ให้เป็นเซรามิกใส ซึ่งสังเกตได้ยากเพราะมีสีคล้ายกับฟันธรรมชาติ ดูสวยงามกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาชีพ หรือความต้องการที่จะคงบุคลิกภาพที่ดี ดูเป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา 

 

อย่างไรก็ตาม ฟันที่เรียงตัวผิดปกติเยอะ เป็นเคสยาก และต้องอาศัยการออกแรงดึงฟันที่ซับซ้อน รวมทั้งอาจต้องใช้อุปกรณ์จัดฟันอื่นๆ มาช่วยเคลื่อนฟันเพิ่มเติม

 

 

ข้อดีอีกอย่างนอกจากความสวยงามคืออุปกรณ์จัดฟันที่เป็นเซรามิกจะมีความเรียบ และโค้งมนกว่าแบบโลหะ ลดโอกาสไปเกี่ยวกระพุ้งแก้มเป็นแผลร้อนในได้

3. จัดฟันแบบดามอน

การจัดฟันแบบดามอน

ใช้ตัวล๊อคแบบพิเศษ ไม่ต้องมีโอริง เจ็บน้อยกว่า จัดฟันเสร็จเร็วกว่า

จัดฟัน damon หรือ จัดฟันแบบดามอนคือ รูปแบบหนึ่งของการจัดฟันชนิดที่เรียกว่า ‘Self-Ligating Braces’ โดยคุณหมอจะไม่ใช้โอริง (o-ring) ในการยึดลวดเข้ากับอุปกรณ์จัดฟันโลหะ (Metal Bracket) ที่ติดอยู่กับฟัน แต่จะใช้ Bracket แบบพิเศษซึ่งมีตัวล๊อคเปิดปิดได้เป็นตัวยึดลวดจัดฟัน

ข้อได้เปรียบของการจัดฟันแบบดามอนคือ ลวดจัดฟันจะสามารถเคลื่อนที่ซ้ายขวาได้อย่างอิสระ ไม่ถูกยึดอยู่กับที่ด้วยโอริง แรงที่กระทำต่อฟันจะคงที่ตลอดเวลา ทำให้เจ็บน้อยกว่า เคลื่อนฟันได้นุ่มนวล รักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า โอกาสที่เศษอาหารติดก็จะลดลง ทำให้จัดฟันเสร็จไวกว่า และไม่ต้องเสียเวลามาพบคุณหมอบ่อยๆ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านบทความ จัดฟันแบบดามอน เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก!

จัดฟันแบบดามอน ราคาเท่าไหร่? 

  • ราคาติดเครื่องมือ 12,000 บ. ( 2 เดือนแรก) หลังจากนั้นเดือนละ 2,500 บ. (22 เดือน)

4. จัดฟันแบบใส

ดี-aligner จัดฟันใส Header

มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน ดูเป็นผู้ใหญ่ คงลุคมืออาชีพอยู่ตลอด สามารถถอดได้ แปรงฟันง่าย รับประทานอาหารสะดวก ไม่ต้องมาพบคุณหมอบ่อยๆ มีโปรจัดฟันใส ราคาไม่ได้แพงเหมือนแต่ก่อน

หากคุณไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่ และการมี Bracket ติดอยู่ที่ฟันนั้นเป็นอุปสรรคต่อหน้าที่การงาน หรือคุณต้องการลุคที่ดูเป๊ะ เป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา การจัดฟันแบบใส หรือดัดฟันใส เป็นคำตอบของคุณ การที่สามารถถอดออกได้ ทำให้คุณสามารถรับประทานอาหารได้สะดวก และง่ายต่อการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันด้วย

การจัดฟันแบบใสในปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก ได้แก่

  • Invisalign – เป็นยี่ห้อจัดฟันใสจากอเมริกา มีจำนวนคนไข้ถึง 12 ล้านคน รวมทั้งเปิดให้บริการมายาวนานถึง 25 ปี  Invisalign ถือเป็น Gold Standard ในการจัดฟันใส ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง invisalign ราคาเริ่มต้นที่ที่ 69,000 บ. ซึ่งจำกัดระยะเวลารักษาที่ 6 เดือน เคลื่อนฟันได้ถึงฟันกรามน้อยเท่านั้น และราคาจะแพงขึ้นตามความยากของเคสและเวลาที่ต้องใช้ในการจัดฟันใส

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านบทความ จัดฟันแบบใส invisalign เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก!

  • จัดฟันใส d-aligner – เป็นแบรนด์จัดฟันใสแบบใหม่ ซึ่งมีราคาถูกกว่า ใช้เทคโนโลยีจัดฟัน และวางแผนจากอเมริกาเช่นกัน แต่คลินิกสามารถใช้เทคโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ผลิตชิ้นงานขึ้นมาได้เอง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้คุณเข้าถึงการจัดฟันใสได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณหมอประจำตัวคอยดูแล และให้คำปรึกษากับคุณจนจัดฟันเสร็จ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านบทความ จัดฟันใส d-aligner เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก!

  • จัดฟันใสยี่ห้ออื่นๆ ปัจจุบันมีแบรนด์จัดฟันใสอื่นๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น Zenyum, BeforeDent, Clear Correct ฯลฯ

สมัยก่อนการจะจัดฟันใสนั้นมีค่าใช้จ่ายแพงมาก บางเคสต้องควักกระเป๋าจ่ายเป็นแสนบาท แต่เพราะ เราอยากรู้ว่าการจัดฟันมีข้อดีจำนวนมาก เราจึงอยากให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงการจัดฟันใสในราคาที่สมเหตุสมผล Smile Seasons ได้นำเทคโนโลยี Digital Dentistry ระดับโลกมาใช้ เราภูมิใจที่จะขอแนะนำ แบรนด์จัดฟันใส ‘ดี-aligner’ ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่สามารถผลิตจัดฟันใสขึ้นมาได้เองใน คลินิกทันตกรรม

จัดฟันแบบใส ราคาเท่าไหร่? 

  • จัดฟันแบบใส Invisalign ราคาเริ่มต้น 49,000 บ. (ราคาเพิ่มขึ้นตามจำนวนชิ้นงานที่ต้องใช้)
  • จัดฟันแบบใส ดี-Aligner ราคาเริ่มต้น 39,999 บ. (สำหรับ 12 คู่แรก) ผ่อนชำระได้สูงสุด 10 เดือน

ลักษณะฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน ?

การจัดฟันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัว และการสบฟันที่ผิดปกติแบบใดได้บ้าง

  1. ฟันซ้อน ฟันเอียง หรือ บิด – ปัญหาเหล่านี้เป็นประเด็นหลักที่นำคนไข้เข้ามารับการรักษา หากฟันซ้อนกันมากๆ คุณหมออาจจำเป็นต้อง ถอนฟัน บางซี่ออก มีการตะไบฟัน หรือขยายขากรรไกรเพื่อให้มีพื้นที่ในการเรียงฟัน
  2. ฟันห่าง – ปัญหาฟันห่าง สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันเช่นกัน
  3. ฟันเบี้ยว หรือ ฟันกัดเบี้ยว – เป็นภาวะที่กึ่งกลางของฟันบนและฟันล่างไม่ตรงกัน ทำให้เคี้ยวอาหารได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ สามารถแก้ฟันเบี้ยวได้ด้วยการจัดฟันเช่นกัน
  4. Deep bite หรือ ฟันสบลึก เป็นภาวะที่ฟันบนสบลงมาฟันล่างลึกเกินไป
  5. Cross bite หรือ ฟันสบคร่อม เป็นภาวะที่ฟันล่างคร่อมฟันบน
  6. Open bite หรือ ฟันสบเปิด เป็นภาวะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สามารถสบสัมผัสกันได้ หรือที่เรียกกันว่า ฟันไม่สบกัน

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการเรียงตัวของฟัน

สงสัยกันไหมว่าทำไมคนเดี๋ยวนี้ถึงมีฟันเรียงตัวผิดปกติกันเยอะ อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงกันแน่

 

  1. วิวัฒนาการของมนุษย์ – อาจฟังดูเป็นเรื่องแปลก แต่ถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อ 15,000 ปีที่แล้ว จากการศึกษาโครงกระดูกของมนุษย์ เราจะพบว่าบรรพบุรุษของเรานั้นมีฟันที่เรียงตัวดี และแทบไม่มีฟันคุดอยู่เลย ที่เป็นแบบนั้นเพราะขากรรไกรของมนุษย์สมัยก่อนนั้นใหญ่กว่าในปัจจุบัน การปฎิวัติการเกษตร และอุตสาหกรรมทำให้เราปรุงอาหารได้ดีขึ้น มีอุปกรณ์ในการหั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กลง ทำให้จำนวนครั้งในการเคี้ยวน้อยลงตามไปด้วย ขนาดของขากรรไกรในมนุษย์จึงหดเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้พื้นที่ของฟันน้อยลง แต่จำนวนฟันเท่าเดิม เกิดเป็นการเรียงตัวที่ผิดปกติของฟัน จนต้องลงเอยที่การจัดฟัน
  2. ฟันล้ม – หากคุณเคยถอนฟันมาก่อนและไม่ได้บูรณะทดแทนฟันด้วย รากฟันเทียม สะพานฟัน หรือฟันปลอม ฟันซี่ข้างเคียงก็จะเคลื่อน และล้มเข้ามาในช่องว่างที่เกิดขึ้น
  3. โดนฟันคุดดัน – สาเหตุหนึ่งที่คุณหมอแนะนำให้ถอนฟันคุดออกเพราะ ฟันคุดสามารถดันฟันซี่อื่นให้เอียง หรือขยับมาซ้อนกันได้
  4. พฤติกรรมบางอย่าง – การหย่าขวดนมช้า การดูดนิ้ว ภาวะลิ้นดุนฟัน อาจทำให้การเรียงตัวของฟันผิดปกติ

ควรจัดฟันดีไหม จัดฟันช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักคิดว่าการจัดฟันเป็นการแก้ไขปัญหาด้านความสวยงามเพียงอย่างเดียว จริงอยู่ที่การมีฟันเรียงสวยนั้น ส่งผลต่อบุคลิกภาพของคุณในทางที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับคุณหมอแล้ว การจัดฟันยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ เพิ่มเติมอีก เช่น

  1. ช่วยลดปัญหาทันตกรรมอย่างอื่น เช่น โรคเหงือกอักเสบ หรือ ฟันผุ – ทั้งนี้เนื่องจากฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบนั้นสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และทั่วถึงกว่า การจัดฟันจึงช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้
  2. ช่วยในการย่อยอาหาร – การสบฟันที่ดีขึ้นสามารถทำให้คุณเคี้ยวอาหารได้ละเอียดกว่า ลดภาระของระบบทางเดินอาหารลง บอกลาอาการท้องอืด ปวดจุกท้อง และลดโอกาสในการเกิดกรดไหลย้อน
  3. ลดโอกาสการละลายของกระดูกขากรรไกร – กระดูกขากรรไกรที่ปกติจะได้รับแรงจากฟันที่สบกันเวลาเคี้ยวอาหาร แรงสบฟันจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกได้
  4. ช่วยให้พูดชัดขึ้นได้ – พยัญชนะเช่น ฟ ส ซ หรือตัว S ต้องใช้การออกเสียงผ่านฟัน ซึ่งผู้ที่ฟันเรียงตัวผิดปกติอาจออกเสียงได้ไม่ชัดเจน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน
  5. ช่วยลดความอูมของริมฝีปาก – จะยิ่งเห็นชัดเจนในเคสที่มีการถอนฟันร่วมกับการจัดฟัน
  6. เพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ – คนไข้ที่จัดฟันเสร็จแล้วมักจะมีความมั่นใจในรอยยิ้มของตัวเอง เป็นเสน่ห์และความสดใสที่ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต

ข้อดี และ ข้อจำกัดของการจัดฟัน

ข้อดีในการจัดฟัน

การจัดฟันมีประโยชน์และข้อดีหลายอย่างดังนี้

  • สุขภาพช่องปากดีขึ้น – ฟันที่เรียงสวย ตรง และเป็นระเบียบจะทำให้คุณสามารถรักษาสุขอนามัยของช่องปากได้ดีมากขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคเหงือกและฟันผุ
  • การเคี้ยวและการพูดดีขึ้น – ฟันที่เรียงไม่ตรงอาจมีปัญหาในการสบฟันทำให้ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ละเอียด หรือมีช่องว่างทำให้ออกเสียงพูดได้ไม่ชัดเจน ซึ่งการจัดฟันสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
  • ยิ้มสวยมากขึ้น – แน่นอนว่าการจัดฟันสามารถทำให้คุณรู้สึกมั่นใจในรอยยิ้มของตัวเอง
  • ป้องกันปัญหาทางทันตกรรมในอนาคต – การจัดฟันสามารถแก้ไขฟันที่เก เรียงตัวไม่เหมาะสมซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางทันตกรรมที่รุนแรงมากขึ้น เช่น ปวดกราม ปวดหัวเรื้อรัง หรือ ฟันสึก
  • สุขภาพโดยรวมดีขึ้น – สุขภาพช่องปากมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสุขภาพโดยรวมของคุณ ดังนั้น การปรับปรุงสุขภาพฟันด้วยการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน จะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นด้วย


ข้อจำกัดในการจัดฟัน



แม้ว่าการจัดฟันจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อเสียที่ต้องพิจารณาเช่นกัน

 

  • ระยะเวลาในการรักษา – การจัดฟันมักใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจจะหลายปีจนกว่าจะเสร็จ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความผิดปกติในการเรียงตัวของฟัน คุณต้องปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของคุณหมอ  และมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การเคลื่อนฟันเป็นไปตามแผนการรักษา
  • ความเจ็บปวด – คนไข้มักรู้สึกปวดในระหว่างการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3-5 วันแรกของการปรับเครื่องมือจัดฟัน (ในกรณีจัดฟันแบบติดแน่น) หรือการเปลี่ยนชุดเครื่องมือจัดฟันใส
  • ข้อจำกัดด้านอาหาร – เมื่อจัดฟัน คุณอาจต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด หรือปรับเปลี่ยนประเภทอาหารในระหว่างจัดฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็ก หรืออุปกรณ์จัดฟันเสียหาย ในกรณีจัดฟันแบบใส คุณสามารถถอดเครื่องมือจัดฟันออกได้ขณะรับประทานอาหาร ทำให้ลดข้อจำกัดของตัวเลือกในการรับประทานอาหารลง
  • ค่าใช้จ่าย – การจัดฟันแต่ละชนิดมีราคาที่แตกต่างกัน คุณควรพิจารณาตัวเลือก และงบประมาณที่เหมาะสมกับคุณ
  • การเคลื่อนกลับตำแหน่งเดิม – หากไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ (Retainer) หลังจัดฟันเสร็จ ฟันของคุณมีความเสี่ยงในการเคลื่อนกลับตำแหน่งเดิม
  • สุขอนามัยในช่องปาก – การรักษาความสะอาดในช่องปากเป็นเรื่องท้าทายขึ้น เมื่อมีเหล็กดัดฟัน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ในช่องปาก คุณต้องหมั่นแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ

ควรเลือกเทคนิคการจัดฟันแบบไหนดี ?

การจัดฟันปัจจุบันมีหลากหลายเทคนิคโดยแบ่งเป็นการจัดฟันแบบติดแน่น เช่น การจัดฟันแบบโลหะแบบทั่วไป ซึ่งโดดเด่นที่ราคาถูก สามารถจัดได้ในเคสยากซับซ้อน และสามารถเปลี่ยนสีโอริงได้ หรืออยากเรียบร้อยขึ้นมาก็เปลี่ยนเป็นแบบเซรามิกซึ่งใช้หลักการเดียวกัน แต่อุปกรณ์จัดฟันจะสีใสดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น หากคุณต้องการจัดฟันให้เสร็จเร็ว เจ็บน้อยลง และไม่อยากถอนฟันร่วมกับการจัดฟัน คุณอาจเขยิบไปจัดฟันแบบดามอน

 

การจัดฟันแบบใสอย่างเช่น ดี-aligner หรือ invisalign เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมาก เพราะไม่รบกวนบุคลิกภาพ ยังสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ และถอดออกตอนแปรงฟันกับรับประทานอาหารได้ ทำให้สุขภาพช่องปากดีกว่า รวมทั้งลดข้อจำกัดในการทานอาหาร นอกจากนี้ยังไม่ต้องมาพบคุณหมอบ่อยๆ อีกด้วย


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกจัดฟันแบบไหน การจัดฟันราคาเท่าไหร่ อยากได้ข้อมูลการจัดฟัน  เราแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้ : จัดฟันมีกี่แบบ ? ควรเลือกอย่างไร บอกข้อดีข้อเสียแบบหมดเปลือก!

อยากจัดฟันครั้งแรกต้องเริ่มต้นอย่างไร

เมื่อเรารู้จักการจัดฟันชนิดต่างๆ แล้ว สำหรับคนที่จัดฟันครั้งแรก คุณหมอแนะนำให้เข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ในคลินิก เพื่อตรวจประเมินสภาพช่องปากและฟันอย่างละเอียด สิ่งที่คุณจะใช้รับจากการปรึกษาจัดฟันครั้งแรกกับคุณหมอที่ Smile Seasons คือ

 

  • สุขภาพช่องปากของคุณ – มีฟันผุหรือไม่ มีเหงือกอักเสบหรือเปล่า มีฟันคุดที่ควรต้องจัดการก่อนเริ่มการจัดฟันไหม
  • เอ็กซเรย์ภายนอกและภายในช่องปาก – เพื่อช่วยในการวางแผนการรักษา
  • เลือกชนิดของการจัดฟัน – คุณอาจจะมีตัวเลือกการจัดฟันอยู่ในใจ แต่การมาพบคุณหมอ คุณก็จะได้ข้อมูลทางคลินิกเพิ่มเติม และสามารถปรึกษากับคุณหมอเพื่อเลือกชนิดของการจัดฟันที่เหมาะสมสำหรับคุณ
  • แผนการรักษาคร่าว ๆ – คุณอาจสามารถจัดฟันได้เลย แต่บางคนอาจจะต้องมีการถอนฟัน เพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับการเรียงฟัน ในบางครั้งอาจต้องใช้เครื่องมือจัดฟันพิเศษ เช่น มินิสกรูหรือหมุดจัดฟัน (Mini screw) เป็นต้น
  • ราคาจัดฟันครั้งแรก – คุณหมอและเจ้าหน้าที่ประจำคลินิก สามารถประเมินราคาค่าใช้จ่ายในการเคลียร์ช่องปาก จัดฟัน ตามแผนการรักษาให้คุณได้

การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

ในบางครั้งความผิดปกติของฟันจะเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของขากรรไกรที่ผิดปกติด้วย ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันเพียงอย่างเดียว และจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน ถึงจะสามารถแก้ไขการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติได้

 

การผ่าตัดสามารถทำแค่ขากรรไกรล่างอย่างเดียว หรือทำทั้งบนและล่าง ขึ้นอยู่กับปัญหาทางคลินิกของคุณ โดยส่วนใหญ่คุณจะต้องเข้ารับการจัดฟันไปสักระยะหนึ่งก่อน หลังจากนั้นค่อยทำการผ่าตัดซึ่งต้องทำในโรงพยาบาล เมื่อการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย คุณจะต้องจัดฟันต่ออีกหลายเดือนถึงจะเสร็จสิ้นการรักษา หากคุณเคยได้รับการวินิจฉัยว่าควรต้องจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด คุณสามารถติดต่อเราเพื่อทำนัดพบกับคุณหมอจัดฟันเฉพาะทางจากเราได้

ทำความรู้จักกับเครื่องมือจัดฟัน

การจัดฟันเป็นการรักษาที่ใช้เวลารักษานานจึงเป็นการดีหากคุณรู้จักส่วนประกอบต่างๆ ของอุปกรณ์จัดฟันแบบติดแน่นที่จะอยู่กับคุณไปเป็นเวลาหลายเดือน หรือบางกรณีก็หลายปี

ส่วนประกอบหลักของเครื่องมือจัดฟัน

  1. Bracket – Bracket เป็นส่วนที่ติดแน่นอยู่บนผิวฟันด้วยกาวทางทันตกรรมแบบพิเศษ ทำหน้าที่ส่งผ่านแรงจากลวดจัดฟันมาที่ตัวฟัน Bracket นั้นมีทั้งที่ลักษณะเป็นโลหะ ซึ่งมักทำจาก Stainless Steel หรือมีลักษณะเป็นสีใสดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นซึ่งเป็นเซรามิกที่ทำจาก Sapphire
  2. ลวดจัดฟัน (Archwire) – ลวดจัดฟันเป็นส่วนสำคัญในการออกแรงเคลื่อนฟัน มีหลายขนาด หลายเบอร์ รวมถึงทำจากวัสดุหลายชนิด ทันตแพทย์จะเป็นคนดัดลวดจัดฟันรวมถึงเลือกชนิดและขนาดที่เหมาะสมในการเคลื่อนฟันของคุณให้เป็นไปตามแผนการรักษา
  3. ตัวรัด (Ligature) – เป็นส่วนที่ยึด Bracket กับลวดจัดฟันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งอาจใช้ลวดขนาดเล็กๆ หรือใช้ยางโอริงที่มีสีสันสวยงามแบบที่เห็นกันทั่วไปก็ได้ การจัดฟันชนิดดามอนซึ่งเป็นระบบ Self ligating system สามารถล๊อคลวดจัดฟันเข้ากับ Bracket แบบพิเศษได้เลย ทำให้ไม่ต้องใช้ตัวรัดเพิ่มเติม

อุปกรณ์เสริมของเครื่องมือจัดฟัน

บางครั้งแค่อุปกรณ์หลักก็ไม่เพียงพอที่จะออกแรงเคลื่อนฟันไปตามแผนการรักษาได้ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าคุณหมอมีอุปกรณ์เสริมอีกเพียบซึ่งถือเป็นข้อดีหนึ่งของการจัดฟันแบบโลหะ ตัวอย่างอุปกรณ์เสริมมีดังนี้

 

  • ยางดึงฟัน (Elastic) – มักใช้ดึงฟันไปแนวหน้าหลัง หรือแนวดึ่งเพื่อแก้ไขการสบฟัน โดยคุณหมอจะแนะนำวิธีการคล้องยางดึงฟันให้กับคุณ ซึ่งโดยปกติจะต้องเปลี่ยนยางทุกๆ 1-2 วัน
  • เชนดึงฟัน (Power Chain) – ไว้ดึงฟันในแนวหน้าหลังเช่นกัน มีหลายสี คุณหมอเป็นคนใส่ให้ และห้ามถอดออกเอง คนไข้จัดฟันไม่จำเป็นต้องใช้เชนดึงฟันทุกคน ฉะนั้นหากคุณหมอไม่ใส่เชนให้ก็ไม่ต้องตกใจไป
  • สปริง (Spring) – เอาไว้ดึง หรือดันฟันไปยังตำแหน่งต่างๆ โดยสปริงจะออกแรงอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับเชนดึงฟันที่แรงจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ
  • หมุดจัดฟัน (Miniscew) – ใช้เป็นหลักยึดที่แข็งแรง เพื่อนำอุปกรณ์เสริมอื่นๆ มายึดเพื่อเคลื่อนฟันในเคสที่ซับซ้อน
  • ตัวหนุนฟัน (Raise Bite หรือ Bite turbo) – เป็นวัสดุสีฟ้า หรือสีเหมือนฟัน เพื่อยกฟันแยกจากกัน เพื่อแก้ไขการสบฟันในแนวดิ่ง ระหว่างนี้คุณอาจจะเคี้ยวอาหารยากขึ้นนิดหน่อย

Orthodontics   ,  จัดฟันคืออะไร   ,  จัดฟันมีกี่แบบ   ,  การดัดฟัน   , ข้อดีของการดัดฟัน   ,   ข้อเสียของการดัดฟัน

CR   ::   https://www.smileseasons.com/orthodontics/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น