ประโยชน์ และเรื่องต้องห้าม "เมล็ดเจีย"
กินผิดวิธี ไม่ดีต่อสุขภาพ
● - ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ● - ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว ไม่ติดเชื้อจากบาดแผลง่ายๆ ● - ทำให้ห่างไกลจากโรคเบาหวานประเภท 2 ● - ช่วยบำรุงสมองและความจำ ● - ป้องกันโรคกระดูกพรุน ● - ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น ● - ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้เป็นปกติ ● - ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น พุงไม่ป่อง ท้องไม่ผูก ● - ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น ● - ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย (ช่วยให้หน้าเด็ก) แต่ถ้าคุณทานแบบผิดวิธีก็จะนำผลเสียมาสู่ร่างกายเลยทีเดียว เรามีวิธีมาแนะนำการรับประทานเมล็ดเจียกันอย่างถูกต้อง | |||
● ทานแบบเมล็ดแห้ง โรยบนสลัด หรือจะผสมในขนมปังอบ คุ๊กกี้ (ทานเพียงเล็กน้อย ถ้าทานเยอะไปจะท้องอืด) ● ทานแบบผสมน้ำ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม น้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ เป็นต้น (ในอัตราส่วนน้ำ 1 แก้ว เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ) ● ทานแบบ Chia Gel (เมล็ดเจียแช่น้ำได้เนื้อข้น) โรยหน้าโยเกิร์ตหรือผสมในสมูทตี้ก็เข้ากันดี ● สามารถทานได้ทั้งวัน ระหว่างมื้อ ก่อนอาหาร หรือทานเป็นมื้อเย็น แนะนำให้ทานเป็นประจำ ● ควรทานวันล่ะ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วงควบคุมน้ำหนักทานได้ถึง 3 ช้อนโต๊ะ (เมล็ดแห้ง) *สำหรับผู้ใหญ่ ควรบริโภคประมาณ 15 กรัม หรือ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน *สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรบริโภคแบบป่นประมาณ 33-41 กรัม ทุกๆ 3 เดือน | |||
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ - ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคแพ้โปรตีนในธัญพืช (กลูเตน) - ไม่เหมาะกับผู้ที่ทำศัลยกรรม และประวัติแพ้ยาแอสไพริน - ในผู้ชาย หากรับประทานมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก - ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ - ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน - ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ เพราะอาจทำให้ช็อกหรือหมดสติไปได้ - ไม่ควรรับประทานร่วมกับวิตามินบี17 ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจสะสมเป็นสารพิษขึ้นในร่างกาย ก่อเกิดโรคมะเร็งได้ กินเมล็ดเจียให้ได้ประโยชน์จัดเต็ม โดยไม่ต้องกังวลกับอาการท้องผูกและอาการท้องอืดอีกต่อไป เรื่องแบบนี้ต้องกินให้เป็น และควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้หลากหลายด้วย ไม่ใช่รับประทานเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเวลานาน จะได้สุขภาพดีอย่างแท้จริง |