Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561

ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ

ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ


student-300x189

ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ

การจะไป ศึกษาต่ออังกฤษ จำเป็นต้องทราบถึงระบบการศึกษา ซึ่งในประเทศอังกฤษ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา การศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 5 ปีถึง 16 ปี เด็กนักเรียนประมาณ 95% จะเรียนในโรงเรียนรัฐบาล สำหรับผู้ปกครองที่มีฐานะดีและมีรสนิยมสูงมักส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน
ข้อจำกัดของ นักเรียนต่างชาติที่มา ศึกษาต่อที่อังกฤษ ในระดับมัธยมศึกษา จะมีสิทธิลงเรียนในโรงเรียนเอกชนเท่านั้น

ปีการศึกษา

นักเรียนที่มา ศึกษาต่ออังกฤษ ควรทราบเรื่องปีการศึกษาของสถาบันระดับต่าง ๆ ที่ต่างจากของไทย ดังนี้
ภาคการศึกษาของสถานศึกษาทุกระดับในอังกฤษ เริ่มต้นภาคแรก ในราวปลายเดือนกันยายน หรือต้นเดือนตุลาคมของปีที่หนึ่ง และสิ้นสุดราวปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคมของปีถัดไป โดยแบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ
  1. ภาคต้น (Autumn Term) เริ่มปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนธันวาคม
  2. ภาคกลาง (Spring Term) เริ่มกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมีนาคม
  3. ภาคปลาย (Summer Term) เริ่มปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม

ระดับประถมศึกษา (Preparatory School)

grop-studen-300x191
รับนักเรียนอายุ 5 – 13 ปี โดยการเรียนการสอนจะเน้นให้เด็ก มีทักษะในการเขียนและทักษะด้านตัวเลข เพื่อพัฒนาเด็กให้มีความรู้ความสามารถตามวัย
– ระดับเตรียมประถมศึกษา (Pre – Preparatory School) รับนักเรียนอายุตั้งแต่ 5 – 7 ปี
– ระดับประถมศึกษา (Preparatory School) รับนักเรียนอายุตั้งแต่ 8 – 13 ปี
* การศึกษาในระดับนี้จะมุ่งเน้นการเตรียมตัวเข้าสอบ Common Entrance Examination (CEE) เพื่อก้าวไปสู่การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาต่อไป
underline

ระดับมัธยมศึกษา (Secondary School)

grop-studen02-300x227
โรงเรียนมัธยมของเอกชน หรือ Public School รับนักเรียนตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปที่สอบผ่าน CEE แล้วเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาของเอกชนส่วนมาก เป็นมูลนิธิหรือสถานประกอบการที่มิได้หวังผลกำไร โดยรายได้ของโรงเรียนนั้น มาจากค่าธรรมเนียมการศึกษาและเงินบริจาค โรงเรียนประเภทนี้มีให้เลือกทั้งแบบชายล้วน หญิงล้วน และสหศึกษา ทั้งแบบประจำและไป-กลับ มีโรงเรียนบางแห่ง เปิดสอนให้กับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ เช่น ทางด้านดนตรี กีฬาด้วย
grop-studen03-300x196
ในระดับมัธยมศึกษาทางกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของอังกฤษ ได้กำหนดให้มีการสอบวัดผลความรู้ และความสามารถ การสอบจะจัดโดยคณะกรรมาธิการอิสระซึ่งมี 5 คณะ ซึ่งผลการสอบดังกล่าว สามารถนำไปใช้ในการสมัครเข้าระดับอุดมศึกษาได้ การสอบแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
GCSE (General Certificate of Secondary Education) การสอบระดับนี้จะสอบเมื่อนักเรียนมีอายุประมาณ 16 ปีขึ้นไป นักเรียนต้องเลือกสอบประมาณ 8 – 12 วิชา เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ ศิลป ฯลฯ และผลการสอบจะแบ่งออกเป็น 7 ระดับ คือ Grade A, B, C, D, E, F และ G นักเรียนที่สอบได้ Grade C ขึ้นไปจึงจะถือว่าสอบผ่าน นักเรียนที่สอบ GCSE จนได้วุฒิบัตร สามารถเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรสายสามัญ “A” Level ได้ หรือหลักสูตรสายวิชาชีพ Advanced GNVQ อีก 2 ปี
GCE A Level (GCE Advanced) เป็นการสอบวัดผลความรู้ของนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป วิชาที่สอบมีให้เลือกกว่า 50 วิชา โดยส่วนใหญ่จะสอบเพียง 2 – 3 วิชาที่มีความสัมพันธ์กัน คือ เลือกสอบทางด้าน Science หรือทางด้าน Humanities ผลการสอบแบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือ A, B, C, D และ E ซึ่ง Grade ทั้ง 5 ระดับนี้ถือว่าสอบผ่านทั้งหมด แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะรับพิจารณารับผู้ที่มีผลการสอบในระดับ C ขึ้นไป แต่มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจจะรับผู้ที่ได้คะแนนระดับ A และ B สำหรับผลสอบ GCE “A” Level นี้เป็นเกณฑ์ที่สถานศึกษาใชัในการพิจารณารับนักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา
underline

ระดับอาชีวศึกษา

เป็นการศึกษาที่จัดขึ้นสำหรับนักเรียนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปที่ไม่ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา แต่ต้องการเพียงคุณวุฒิวิชาชีพต่างๆ ในการทำงานสายอาชีพ สถาบันการศึกษาด้านอาชีวศึกษานี้ มีทั้งของรัฐบาลและของเอกชน
grop-studen04-300x204

สถาบันการศึกษาของรัฐบาล

มีประมาณ 500 แห่ง เปิดสอนหลักสูตรต่างๆ ได้แก่ บริหารธุรกิจ การโรงแรม การเกษตร วิศวกรรม ช่างเทคนิค ฯลฯ สถาบันการศึกษาของรัฐบาล ได้แก่
– College of Further Education
– College of Art
– College of Commerce
– College of Education
– College of Technology
– Technical College
– Agricultural College
การศึกษาระดับอาชีวะจะได้วุฒิบัตรจาก Business and Technician Education Council (BTEC) ส่วนในสกอตแลนด์ จะได้รับวุฒิบัตรจาก Scottish Vocational Education Council (SCOTVEC) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้ คือ
1. First Certificate/Diploma (FC/CD)
เป็นการศึกษาที่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนที่มีอายุเกินกว่า 16 ปี โดยจะได้รับประกาศนียบัตร GCSE เพียงไม่กี่วิชาหรืออาจจะไม่ได้รับเลย ซึ่งต้องการจะทำงานในสายวิชาชีพต่างๆ เป็นหลักสูตรการศึกษา 1 ปี เมื่อเรียนจบแล้วสามารถเรียนต่อในระดับสูงขึ้นไปได้

2. National Certificate/Diploma (NC/ND)
เป็นการศึกษาในสายวิชาชีพที่ทีคุณวุฒิสูงกว่า FC/FD ใช้ระยะเวลาในการศึกษา 2 ปี โดยรับผู้ที่มีคุณวุฒิ FC/FD หรือประกาศนียบัตร GCSE อย่างน้อย 4 วิชา ผู้ที่จบการศึกษาระดับ NC/ND นี้ นอกจากจะมีวุฒิบัตรวิชาชีพแล้ว ยังเทียบได้กับ GCE “A” Level ด้วย และหากได้คะแนนดีมาก ก็สามารถเรียนต่อในระกับปริญญาตรีได้ด้วย

3. Higher National Certificate/Diploma (HNC/HND)
เป็นการศึกษาในระดับสูงสุดของระดับอาชีวศึกษา ใช้ระยะเวลาในการเรียน 2 ปี และถือว่าการศึกษาในระดับนี้เป็นการศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยเช่นกัน หลักสูตรนี้รับสมัครผู้ที่จบการศึกษา NC/ND หรือผู้มีคุณวุฒิ GCSE 3 วิชา + GCE “A” Level 1 วิชา ผู้ที่จบการศึกษาระดับนี้เทียบเท่ากับอนุปริญญาของไทยแต่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี 1 ชั้น ทั้งนี้สามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีโดยใช้เวลาศึกษาอีก 2 ปี แต่ผลการเรียนจะต้องอยู่ในขั้นดีเยี่ยม

สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน

ควรเลือกสถานศึกษาเอกชนที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก The British Accredition council for Further and Higher Education (BAC) ซึ่งเป็นหลักประกันว่าเป็นสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่เชื่อถือได้ สำหรับวุฒิการศึกษาที่ได้รับ จะได้เพียงประกาศนียบัตรเท่านั้น
underline

ระดับอุดมศึกษา (Higher Education)

นักศึกษาของไทย มีจำนวนไม่น้อย ที่มา ศึกษาต่ออังกฤษ โดยมีเป้าหมายในดารเรียนในระดับอุดมศึกษา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย และ College of Higher Education มหาวิทยาลัยในราชอาณาจักรมีประมาณกว่า 100 แห่ง และล้วนแต่เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลเกือบทั้งหมด(โดยรวม Polytechnic ที่ได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย ซึ่งรวมอยู่ใน 100 แห่งที่กล่าวมาแล้ว)
degree-300x201
หลักสูตรระดับอุดมศึกษา สามารถแบ่งออกเป็น

Undergraduate ศึกษาต่ออังกฤษ ในระดับปริญญาตรี

– BTEC HNC/HND หรือ Diploma of Higher Education (Dip. HE) เป็นหลักสูตร 2 ปี ส่วนใหญ่จะเปิดสอนอยู่ใน College of Higher Education โดยมหาวิทยาลัยบางแห่ง เปิดรับผู้สอบผ่าน “A” Level อย่างน้อย 1 วิชา หรือสำเร็จการศึกษาระดับ National Diploma การสมัครเข้าศึกษาต่อนั้นต้องสมัครผ่าน UCAS เช่นเดียวกับในระดับปริญญาตรี
– First Degree (Bachelor Degree) เป็นหลักสูตรการศึกษา 3 ปี ยกเว้นบางสาขาวิชา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ (4 ปี)  สถาปัตยกรรมศาสตร์ (5 ปี) ทันตแพทย์ (5 ปี) สัตวแพทย์ (5 ปี) แพทย์ (6 ปี)

Postgraduate ศึกษาต่ออังกฤษ ในระดับสูงกว่าระดับปริญญาตรีแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

ศึกษาต่ออังกฤษในระดับ Postgraduate Certificate Diploma 
หลักสูตรการศึกษา 9 เดือนถึง 1 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเข้าศึกษาต่อ

ศึกษาต่ออังกฤษในระดับ Master Degree หรือ ปริญญาโท
หลักสูตรการศึกษา 1 – 2 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีผลการเรียนดี

ศึกษาต่ออังกฤษในระดับ Doctoral Degree หรือปริญญาเอก
หลักสูตรการทำวิจัย ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร M. Phil

แผนภูมิเปรียบเทียบระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษกับไทย


แผนภูมิเปรียบเทียบระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษกับไทย
แผนภูมิเปรียบเทียบระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษกับไทย

COMPARE-TANLE-EDUCATION-SYSTEM-THAILAND2

สำหรับข้อมูล วีซ่านักเรียนอังกฤษ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก   https://www.gov.uk/   ; 
Educatepark.com