TikTok แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอระบุว่า "เสียใจ" ที่ผู้ใช้เด็กและเยาวชนบางคนบอกว่าถูกกดดันให้เสียเงินซื้อ "ของขวัญ" แก่อินฟลูเอนเซอร์หรือเน็ตไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบผ่านทางแอปพลิเคชันนี้
TikTok ให้ผู้ใช้งานสามารถโพสต์คลิปวิดีโอความยาว 15 วินาที เช่น คลิปวัยรุ่นร้องเพลงลิปซิ้ง หรือเต้นตามเพลงฮิต
ผู้ผลิตวิดีโอที่มียอดผู้ติดตามเกิน 1,000 คน จะสามารถถ่ายทอดสด หรือที่เรียกว่า ไลฟ์สตรีม เพื่อให้เหล่าแฟนคลับชมได้ ซึ่งแฟน ๆ จะสามารถส่ง "ของขวัญดิจิทัล" ให้ผู้ผลิตวิดีโอที่พวกเขาชื่นชอบได้ โดยของขวัญเหล่านี้มีมูลค่าตั้งแต่ 5 เพนนี (ราว 2 บาท) ไปจนถึง 48.99 ปอนด์ (ราว 1,900 บาท) ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้
หาประโยชน์จากเด็ก
บีบีซีตรวจสอบเรื่องนี้และพบว่าอินฟลูเอนเซอร์ใช้กลวิธีต่าง ๆ เช่น สัญญาว่าจะให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว หรือสัญญาว่าจะพูดคุยกับแฟนคลับทางอินสตาแกรมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อแลกกับของขวัญดิจิทัล
TikTok ระบุว่าจะเพิ่มความเข้มงวดกับนโยบายและข้อกำหนดการใช้แอปพลิเคชัน แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดของมาตรการที่จะดำเนินการ
แคลร์ (นามสมมุติ) บอกกับทีมข่าวบีบีซีว่าเธอเสียใจที่ทุ่มเงิน 100 ปอนด์ (ราว 3,800 บาท) เพื่อให้ได้เบอร์โทรศัพท์อินฟลูเอนเซอร์คนโปรดทาง TikTok ของเธอ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยรับสายเธอเลย
แคลร์ เด็กหญิงอายุ 12 ปี จากภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษได้ส่งของขวัญดิจิทัลที่เรียกว่า "ดรามาควีน" (drama queen) ราคา 48.99 ปอนด์ให้กับอินฟลูเอนเซอร์ที่เธอชื่นชอบทาง TikTok ที่ชื่อ เซบาสเตียน มอย เพื่อแสดงถึงความชื่นชอบในวิดีโอของเขา
และเมื่อเขาขอของขวัญอีกชิ้นจากเธอเพื่อแลกกับเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา เธอก็จัดให้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดี
มอย ผู้ผลิตวิดีโอจากสหรัฐฯ มีผู้ติดตามทาง TikTok ถึง 3.8 ล้านคน และเขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎของแอปพลิเคชันนี้
บีบีซีได้ติดต่อขอให้มอยแสดงความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ
ไร้จิตสำนึก
ขณะที่ สเตฟานี บาร์เบอร์ คุณแม่จากนครโทรอนโตของแคนาดา ต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกสาววัย 11 ปีของเธอแอบใช้เงินไป 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,000 บาท) ซื้อของขวัญดิจิทัลให้อินฟลูเอนเซอร์ที่เธอชื่นชอบทาง TikTok โดยที่ไม่ได้สิ่งตอบแทนใดกลับมา
"ผู้ใหญ่ควรมีจิตสำนึกมากกว่านี้ แม้แต่วัยรุ่นเอง ว่าคุณไม่ควรเรียกร้องเงินจากเด็ก"
การตรวจสอบของบีบีซีพบว่านอกจากเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีแล้ว คนวัย 20 ปีบางคนยังสูญเงินไปกว่า 1,000 ปอนด์ (38,000 บาท) ไปกับการซื้อของขวัญให้อินฟลูเอนเซอร์ทางแอปฯ นี้ด้วย
บีบีซีพยายามติดต่ออินฟลูเอนเซอร์หลายคนแต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ มีเพียงพี่น้องตระกูลเนฟฟาตี หรือ The Neffati brothers จากอังกฤษที่มีผู้ติดตามทาง TikTok ถึง 2.5 ล้านคนภายในเวลาเพียง 6 เดือน
สองพี่น้องเนฟฟาตี ยื่นข้อเสนอที่จะกดติดตามแฟน ๆ เพื่อแลกกับของขวัญที่เรียกว่า "ดรามาควีน" หรือเขียนชื่อผู้ที่ให้ของขวัญนี้ไว้บนหน้าผาก
"เราไม่ค่อยชอบเวลาที่คนให้ของขวัญพวกเราเป็นเด็ก ตามปกติเราจะถามพวกเขาว่าพ่อแม้รู้เรื่องนี้หรือไม่...แต่เราก็ห้ามพวกเขาไม่ได้...พวกเราถ่ายทอดสดไม่ใช่เพราะเงินอย่างเดียว แต่เพื่อเพิ่มยอดผู้ชมด้วย" พวกเขาบอก
ขณะที่รีอา (Rhia) อินฟลูเอนเซอร์จากเวลส์ ซึ่งมีผู้ติดตามทาง TikTok ถึง 2.5 ล้านคน ก็บอกว่ารู้สึกไม่สบายใจเวลาที่ได้รับของขวัญจากผู้ชมอายุน้อย และอยากให้มีมาตรการจำกัดอายุผู้ให้ของขวัญที่เข้มงวดขึ้น
"มันจะทำให้ฉันรู้สึกมีจริยธรรมกว่านี้ เพราะการรับเงินจากเด็กไม่ใช่การหาเลี้ยงชีพที่ดีเลยจริง ๆ" เธอกล่าวกับบีบีซี
แบ่งผลประโยชน์
TikTok เป็นแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่เติบโตรวดเร็วที่สุด โดยมีผู้ใช้งานประจำราว 500 ล้านคน แต่บริษัทไม่ได้เปิดเผยตัวเลขฐานผู้ใช้งานอย่างชัดเจน แต่คาดว่ามีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้มาใช้งานจากแอปสโตร์กว่า 1 พันล้านครั้ง
ดาวดังที่สุดของ TikTok สามารถทำเงินได้หลายพันปอนด์ในการถ่ายทอดสดแต่ละครั้ง
อย่างไรก็ตาม TikTok ปฏิเสธจะเปิดเผยว่าทางบริษัทได้ผลประโยชน์จากของขวัญดิจิทัลเท่าใด แต่อินฟลูเอนเซอร์หลายคนบอกกับบีบีซีว่า พวกเขาแบ่งรายได้ 50% จากของขวัญที่ได้ทั้งหมดกับ TikTok
TikTok ระบุว่า ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของแอปฯ นี้ เป็นเยาวชนและคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 16-24 ปี แต่ก็มีหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้ใช้หลายคนมีอายุไม่ถึง 13 ปี ซึ่งขัดกับกฎเกณฑ์การเข้าใช้งานของแอปฯ
ที่ผ่านมา TikTok เพิ่งถูกทางการสหรัฐฯ สั่งลงโทษปรับเป็นเงิน 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 171 ล้านบาท) หลังจากถูกกล่าวหาว่าเก็บบันทึกข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองเด็ก
เมื่อเร็ว ๆ นี้คณะกรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารของสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยว่าได้เปิดการสอบสวนว่า TikTok ได้ดำเนินมาตรการเพียงพอหรือไม่ในการปกป้องคุ้มครองผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชน
ที่มา :: https://www.bbc.com/thai/features-48872203