รู้ไว้ก่อนสาย สอนลูกเอาตัวรอดให้ได้เมื่อติดอยู่ในรถ
ปัจจุบันเด็กจำนวนมากเดินทางด้วยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถของที่บ้าน หรือรถตู้รับส่งของโรงเรียน ซึ่งบ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นข่าวเด็กติดอยู่ในรถ ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้ปกครองหรือคนขับรถเผลอลืมเด็กไว้ในรถ หรือปล่อยเด็กอยู่ในรถเพียงลำพังเพื่อจะลงไปทำธุระแล้วลืมเอากุญแจรถออกไปด้วยหรือเด็กซุกซนไปกดล็อครถเข้าทำให้เปิดประตูไม่ได้ เป็นต้น หากโชคดีมีผู้มาพบเห็นหรือช่วยเหลือได้ทันก็ดีไป แต่ก็หลายครั้งที่กินระยะเวลานานกว่าจะมีผู้พบเห็นจนสายเกินไปทำให้เด็กเสียชีวิต กลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นของผู้ปกครองและสร้างความสะเทือนใจไม่น้อยในสังคม
แต่ผู้ใหญ่อย่างเราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นนี้อีกได้ ด้วยการสอนให้เด็กรู้จักวิธีการช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดจากสถานการณ์การติดอยู่ในรถลำพัง ซึ่งควรสอนตั้งแต่เด็กเล็กในวัยอนุบาล เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ โดยทำตามวิธีการดังนี้
- บีบแตร
เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่าย และค่อนข้างได้ผล โดยปกติแล้วแตรรถของรถแต่ละรุ่นจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ต้องสอนให้เด็กรู้ว่ากดแตรรถตรงไหน และต้องกดแบบยาวๆ ย้ำๆ เพื่อเรียกความสนใจคนอื่นได้
- ปลดล็อคประตูรถ
หากเด็กปลดล็อคประตูรถเป็น โอกาสจะออกจากรถได้ย่อมมีสูง เพราะถ้าไม่มีใครมาช่วยเหลือก็อาจจะออกจากรถเองได้ หรือถ้ามีคนมาช่วยแต่ประตูล็อคอยู่ก็สามารถปลดล็อคเองได้ ไม่ต้องรอช่างมางัดแงะ พ่อแม่หรือคุณครูต้องสอนว่าตัวล็อคอยู่ตรงไหน ล็อคอย่างไร ปลดล็อคอย่างไร ตอนไหนต้องล็อค ตอนไหนปลดล็อคได้
- เปิดประตูรถ
เด็ก 3 ขวบขึ้นไปมีแรงพอจะเปิดประตูรถเองได้ พ่อแม่และคุณครูต้องสอนว่าจะเปิดประตูรถได้อย่างไร และอย่าลืมสอนว่าสามารถเปิดได้ตอนไหน ไม่ควรเปิดประตูตอนไหน
- เปิดหน้าต่างรถ
กรณีรถตู้หรือรถยนต์ที่กระจกเป็นแบบมือหมุน ควรสอนให้เด็กรู้จักวิธีเปิดเพื่อให้มีอากาศหายใจ หรือถ้าเด็กโตก็อาจจะปีนออกจากรถทางหน้าต่างได้
- ใช้โทรศัพท์
อาจทิ้งโทรศัพท์รุ่นเก่า ๆ ที่ไม่มีฟังก์ชั่นอะไรมากไว้ในรถ หรือให้เด็กพกติดตัวไว้ พร้อมกับเบอร์โทรของผู้ปกครอง แล้วสอนให้เด็กรู้จักเปิดเครื่องและโทรหาในกรณีฉุกเฉิน
- ฝึกทำซ้ำๆ
การเรียนรู้ทุกอย่างต้องให้เด็กได้ทดลองทำจริง ทำซ้ำ ๆ จนจำได้ทุกขั้นตอนและทำได้อย่างคล่องแคล่ว อาจจำลองสถานการณ์โดยมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
- ใส่ชื่อและเบอร์โทรผู้ปกครองในกระเป๋าลูก
สิ่งเหล่านี้จำเป็นมากโดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะหากผู้ปกครองไม่อยู่ ผู้ที่มาช่วยเหลือจะได้สามารถติดต่อกับผู้ปกครองได้
ทั้งนี้ผู้ปกครอง ครูหรือพนักงานขับรถเองก็ควรป้องกันเหตุไว้ ด้วยการมีสติ นับจำนวนเด็กก่อนขึ้นและลงรถทุกครั้ง ก่อนจะล็อคประตูก็ควรตรวจสอบทั่วรถอีกรอบ และอย่าทิ้งเด็กไว้ในรถเพียงลำพังแม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
ที่มา :: https://www.gsbgen.com/smartgen/48447/