Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563

รู้ไว้ก่อนสาย สอนลูกเอาตัวรอดให้ได้เมื่อติดอยู่ในรถ

รู้ไว้ก่อนสาย สอนลูกเอาตัวรอดให้ได้เมื่อติดอยู่ในรถ



ปัจจุบันเด็กจำนวนมากเดินทางด้วยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถของที่บ้าน หรือรถตู้รับส่งของโรงเรียน ซึ่งบ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นข่าวเด็กติดอยู่ในรถ ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้ปกครองหรือคนขับรถเผลอลืมเด็กไว้ในรถ หรือปล่อยเด็กอยู่ในรถเพียงลำพังเพื่อจะลงไปทำธุระแล้วลืมเอากุญแจรถออกไปด้วยหรือเด็กซุกซนไปกดล็อครถเข้าทำให้เปิดประตูไม่ได้ เป็นต้น หากโชคดีมีผู้มาพบเห็นหรือช่วยเหลือได้ทันก็ดีไป แต่ก็หลายครั้งที่กินระยะเวลานานกว่าจะมีผู้พบเห็นจนสายเกินไปทำให้เด็กเสียชีวิต กลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นของผู้ปกครองและสร้างความสะเทือนใจไม่น้อยในสังคม

แต่ผู้ใหญ่อย่างเราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นนี้อีกได้ ด้วยการสอนให้เด็กรู้จักวิธีการช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดจากสถานการณ์การติดอยู่ในรถลำพัง ซึ่งควรสอนตั้งแต่เด็กเล็กในวัยอนุบาล เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ โดยทำตามวิธีการดังนี้


  • บีบแตร

เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่าย และค่อนข้างได้ผล โดยปกติแล้วแตรรถของรถแต่ละรุ่นจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ต้องสอนให้เด็กรู้ว่ากดแตรรถตรงไหน และต้องกดแบบยาวๆ ย้ำๆ เพื่อเรียกความสนใจคนอื่นได้


  • ปลดล็อคประตูรถ

หากเด็กปลดล็อคประตูรถเป็น โอกาสจะออกจากรถได้ย่อมมีสูง เพราะถ้าไม่มีใครมาช่วยเหลือก็อาจจะออกจากรถเองได้ หรือถ้ามีคนมาช่วยแต่ประตูล็อคอยู่ก็สามารถปลดล็อคเองได้ ไม่ต้องรอช่างมางัดแงะ พ่อแม่หรือคุณครูต้องสอนว่าตัวล็อคอยู่ตรงไหน ล็อคอย่างไร ปลดล็อคอย่างไร ตอนไหนต้องล็อค ตอนไหนปลดล็อคได้


  • เปิดประตูรถ

เด็ก 3 ขวบขึ้นไปมีแรงพอจะเปิดประตูรถเองได้ พ่อแม่และคุณครูต้องสอนว่าจะเปิดประตูรถได้อย่างไร และอย่าลืมสอนว่าสามารถเปิดได้ตอนไหน ไม่ควรเปิดประตูตอนไหน


  • เปิดหน้าต่างรถ

กรณีรถตู้หรือรถยนต์ที่กระจกเป็นแบบมือหมุน ควรสอนให้เด็กรู้จักวิธีเปิดเพื่อให้มีอากาศหายใจ หรือถ้าเด็กโตก็อาจจะปีนออกจากรถทางหน้าต่างได้


  • ใช้โทรศัพท์

อาจทิ้งโทรศัพท์รุ่นเก่า ๆ ที่ไม่มีฟังก์ชั่นอะไรมากไว้ในรถ หรือให้เด็กพกติดตัวไว้ พร้อมกับเบอร์โทรของผู้ปกครอง แล้วสอนให้เด็กรู้จักเปิดเครื่องและโทรหาในกรณีฉุกเฉิน


  • ฝึกทำซ้ำๆ

การเรียนรู้ทุกอย่างต้องให้เด็กได้ทดลองทำจริง ทำซ้ำ ๆ จนจำได้ทุกขั้นตอนและทำได้อย่างคล่องแคล่ว อาจจำลองสถานการณ์โดยมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย


  • ใส่ชื่อและเบอร์โทรผู้ปกครองในกระเป๋าลูก

สิ่งเหล่านี้จำเป็นมากโดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะหากผู้ปกครองไม่อยู่ ผู้ที่มาช่วยเหลือจะได้สามารถติดต่อกับผู้ปกครองได้

ทั้งนี้ผู้ปกครอง ครูหรือพนักงานขับรถเองก็ควรป้องกันเหตุไว้ ด้วยการมีสติ นับจำนวนเด็กก่อนขึ้นและลงรถทุกครั้ง ก่อนจะล็อคประตูก็ควรตรวจสอบทั่วรถอีกรอบ และอย่าทิ้งเด็กไว้ในรถเพียงลำพังแม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม

ที่มา   ::  https://www.gsbgen.com/smartgen/48447/