Tesla เตรียมจดตั้งบริษัทขายรถในไทย
เปิดหลักฐาน Tesla จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยแล้ว เตรียมนำรถไฟฟ้าเข้ามาขาย เพจดังวิเคราะห์ข้อดี อาจซื้อรถไฟฟ้าได้ในราคาถูกลง แต่ข้อเสียอาจกระทบรถใช้น้ำมันต่อเนื่องเป็นทอด ๆ
ภาพจาก JL IMAGES / Shutterstock.com
วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 มีรายงานว่า เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ DBD ระบุว่า บริษัท เทสลา Tesla ได้มีการดำเนินการเข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัทในประเทศไทย ในชื่อ บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด โดยเริ่มจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ในทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ซึ่งรายชื่อคณะกรรมการบริษัท ได้แก่…
- นายเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ (David Jon Feinstein) ตำแหน่ง Global Senior Director – Trade Market Access
- นายไวภา ตเนชา (Vaibhav Taneja) ผู้บริหารระดับสูงด้านการเงิน (Chief Accounting Officer) และเคยเป็นผู้อำนวยการของ Tesla India Motors and Energy Private Limited ในช่วงเดือนมกราคม 2021
- นายยารอน ไคลน์ (Yaron Klein) ผู้บริหารด้านทรัพย์สินของ Tesla และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของบริษัท Tesla Energy Operations
ทั้งนี้ บริษัทได้ระบุวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย คือเพื่อประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้งและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง ระบบผลิตพลังงานและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบพลังงาน
เพจดังวิเคราะห์ผลดี - ผลเสีย ถ้า Tesla เปิดขายในไทย
สำหรับกระแสข่าวดังกล่าวตกเป็นความสนใจอย่างมาก โดยเพจเฟซบุ๊ก Blink Drive ได้มีการวิเคราะห์ผลคาดการณ์ว่าหาก Tesla เข้ามาเปิดที่ไทยจะมีผลอะไรตามมาบ้าง…
ภาพจาก Jonathan Weiss / Shutterstock.com
ถ้า Tesla มาเปิด Official จริง ๆ ผลที่ตามมา คือ…
1. Tesla รุ่นเริ่มต้น อย่าง Model 3 จะมีราคา 1.7 - 2.2 ล้านบาท (รวมภาษีอื่น ๆ ทั่วไปแล้ว)
2. Tesla ทุกคันที่วิ่งในไทยตอนนี้จะได้ Software Update ชุดประเทศไทย ทำให้ใช้งาน Map และ Navigation ได้ทันที พร้อมกับคีย์บอร์ดไทยในระบบ
3. Tesla มาแล้วคงไม่มามือเปล่า แต่จะมาพร้อมกับการตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Supercharger ทั่วประเทศไทยอย่างแน่นอน และอาจจะเชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ในอนาคตแน่นอน
4. รถ Tesla จะมีประกันซ่อมศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับชาวเทสล่าทันที
ภาพจาก Anton_AV / Shutterstock.com
ขณะที่ผลเสียที่เกิดขึ้น คือ…
1. อุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องปรับตัวอย่างรุนแรงทันที ให้แข่งขันกับ Tesla ให้ทัน จะมีการเลิกจ้างงานในบางหน่วยงาน เช่น R&D เครื่องยนต์
2. ค่ายรถในประเทศต้องปรับฐานราคา (ลดราคา) รถบางรุ่นเพื่อหนีจากฐานราคา Tesla เพื่อคงลูกค้าเอาไว้ ผลกระทบจะทำให้ตลาดรถหรูมือสองปรับราคาลงทันที ชนรถญี่ปุ่นมือหนึ่งหลายรุ่นแน่นอน
3. ปตท. จะเสียรายได้แบบ Compound (สะสม) ไปเรื่อย ๆ ลองคิดดูว่า ถ้ามียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปีละ 10,000 คัน วิ่งรถปีล่ะ 10,000 กิโลเมตร ก็เท่ากับว่า ยอดขายน้ำมันหายไปปีละ 5 ล้านลิตร (อย่างต่ำ) ปีหน้าขายได้อีก 10,000 คัน เท่ากับว่า ยอดขายน้ำมันหายไป 10 ล้านลิตร (จะลดอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ) คนในอุตสาหกรรมปิโตรเลี่ยมอาจจะตกงานเยอะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
4. อู่รถยนต์ต่าง ๆ ต้องปรับตัวให้รองรับการมาของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนักขึ้น อย่างที่รู้คือรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องการการซ่อมบำรุงทุก 6 - 12 เดือน เหมือนรถยนต์น้ำมัน ทำให้อะไหล่ใช้แล้วทิ้งหลายตัวขายไม่ออก เช่น ไส้กรองน้ำมัน, ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ และอื่น ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ DBD, เฟซบุ๊ก Blink Drive , https://car.kapook.com/