Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ควินัว (Quinoa) คืออะไร

ควินัว (Quinoa) คืออะไร



ควินัว (Quinoa) นิยมมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ ควินัวมีโปรตีนสูง ไม่มีกลูเตน และเป็นธัญพืชหนึ่งในไม่กี่ชนิดที่มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายถึง 9 ชนิด ซึ่งกรดอะมิโนที่จำเป็นนี้จะได้จากอาหาร ร่างกายจะไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้นั่นเอง


นอกจากนี้ควินัวยังมีเส้นใยที่สูงมากถึงร้อยละ 12-18 อีกทั้งยังมีแมกนีเซียม, วิตามินบี, วิตามินอี, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส และ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย เป็นอาหารให้พลังงานสูง เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ดีอย่างหนึ่งซึ่งองค์การสหประชาชาติประกาศให้ปี 2013 เป็น “ปีแห่งควินัว” เลยทีเดียว


ควินัว (Quinoa) คืออะไร


ควินัว (Quinoa) แม้ว่าจะมีหน้าตาเหมือนธัญพืช และใช้รับประทานเช่นเดียวกับข้าวโอ๊ต ข้าวไรย์ ข้าวสาลี หรือข้าวบาร์เลย์ แต่ทว่าควินัวจัดเป็นพืชชนิดที่ใกล้เคียงกับหัวบีทและผักปวยเล้ง ซึ่งควินัวจะมีทั้งหมด 3 ประเภทหลัก ได้แก่ สีขาว, สีแดงและ สีดำ



ควินัวเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารของชาวอินคาโบราณ ซึ่งแหล่งปลูกดั้งเดิมมาจากกลุ่มประเทศในเขตเทือกเขาแอนดิส ในทวีปอเมริกาใต้ ชาวอินคาถือว่าเมล็ดควินัวนั้นเป็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ และเพาะปลูกมากว่า 3-4 พันปีแล้ว อีกทั้งในอเมริกาใต้ยังบริโภคควินัวมาเป็นเวลากว่าพันๆ ปี ถึงแม้ว่าควินัวจะมาเป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม




ประโยชน์ของควินัวมีอะไรบ้าง


1. ควินัวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการของควินัวในปริมาณสารอาหาร 1 ถ้วย ( 185 กรัม ) สามารถนำไปปรุงสุกบริโภคได้ 2 ครั้ง



🟣  ให้พลังงานเท่ากับ 222 กิโลแคลอรี่

🟣  คาร์โบไฮเดรต 39 กรัม

🟣  โปรตีน : 8 กรัม

🟣  ไขมัน : 4 กรัม นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมกา 3 อีกเล็กน้อย

🟣  ไฟเบอร์ : 5 กรัม

🟣  แมงกานีส : 58 เปอร์เซ็น ของ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  แมกนีเซียม : 30 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  ฟอสฟอรัส : 28 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  โฟเลต : 19 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  ทองแดง : 18 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  ธาตุเหล็ก : 15 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  สังกะสี : 13 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  โพแทสเซียม : 9 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน

🟣  วิตามิน บี1, บี2, บี3 ( ไนอาซิน ), บี 6, วิตามิน, แคลเซียม กว่า 10 เปอร์เซ็น ของ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน



2. ควินัวมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งสูงกว่าธัญพืชอื่นๆ ถึง 2 เท่า มีงานวิจัยพบว่าควินัว 100 กรัม มีเส้นใยสูงถึง 10-16 กรัม และมีเส้นใยที่ละลายน้ำ อยู่ประมาณ 1.5 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งเส้นใยที่ละลายน้ำได้สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยลดน้ำหนักได้


3. ควินัวเหมาะสำหรับคนที่มีอาการแพ้กลูเตน กลูเตนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ในข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ ซึ่งพบในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งข้าวสาลี ได้แก่ เบเกอรี่ต่างๆ เช่น ขนมปัง พาย เค้ก ฯลฯ ซึ่งควินัวไม่มีกลูเตนสามารถนำมารับประทานทดแทนได้นั่นเอง


4. มีโปรตีนและกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างกายสูง มีงานวิจัยกล่าวว่าธัญพืชบางชนิดก็มีกรดอะมิโมที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ครบ บางชนิดก็ยังขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นบางอย่างไป เช่น ไลซีน แต่ไม่ใช่สำหรับควินัวเพราะควินัวมีโปรตีนที่ได้จากกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายถึง 9 ชนิด ซึ่งกรดอะมิโนชนิดนี้ร่างกายเราไม่สามารถผลิตเองได้ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้นและมีโปรตีนถึง 8 กรัมต่อ 185 กรัม เลยทีเดียว


5. มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เป็นที่ทราบกันดีว่าการกินอาหารที่มีดัชนี้น้ำตาลสูง จะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และส่งผลนำไปสู่โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคต่างๆ ได้


6. สามารถใช้ทดแทนอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตได้เป็นอย่างดี ซึ่งควินัวจัดเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดีมากชนิดหนึ่ง


7. อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ อาทิ ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี เป็นต้น โดยเฉพาะแมกนีเซียมที่หนึ่งถ้วยมีถึง 30 เปอร์เซ็น ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน


8. ช่วยในการเผาผลาญและ ควบคุมระบบย่อยอาหาร


9. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งมีส่วนช่วยชะลอความแก่ชรา, บำรุงสายตา, ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งทุกชนิด, ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ, โรคเส้นเลือดโลหิตในสมองตีบ และโรคอื่นๆ


10. ง่ายต่อการนำไปปรุงเป็นอาหาร ซึ่งใช้เวลาเพียง 15-20 นาที เท่านั้น สามารถหุงโดยใช้เตาแก๊สหรือจะหุงในหม้อหุงข้าวก็ได้



วิธีหุงโดยใช้เตาแก๊ส


- ล้างควินัวให้สะอาด แช่ทิ้งไว้ 10 นาที

- เทควินัวลงหม้อ ใส่น้ำสะอาดลงไปให้ท่วมควินัว และนำไปต้ม

- ต้มไปเรื่อยๆ ควรหมั่นคนเป็นระยะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ให้ควินัวเริ่มพองตัว ชิมดูถ้าไม่แข็งก็เป็นอันใช้ได้


วิธีหุงในหม้อหุงข้าว


- ล้างควินัวให้สะอาด แช่ทิ้งไว้ 10 นาที

- นำไปหุง ในสัดส่วน 2:1 น้ำ 2 ถ้วยต่อ ควินัว 1 ถ้วย ใช้เวลาในการหุงนานประมาณ 20 นาที

- สังเกตุเมื่อเมล็ดควินัวสุกแล้ว จะมีลักษณะใสๆ คล้ายกับเม็ดสาคู เป็นอันว่ารับประทานได้ หรือจะนำไปประกอบเมนูอาหารคาว หวาน ได้หลากหลายเมนู เช่น ข้าวผัดควินัว, ซูชิควินัว, โรยสลัด, ใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่ต่างๆ และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย


หมายเหตุ : สามารถหุงแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 1-2 วัน




CR   ::      https://mgronline.com/goodhealth/detail/9590000049962