บ๊าย บาย นมขวดกันดีกว่า
บ๊าย บาย นมขวดกันดีกว่า (Mother&Care)
หลังขวบปีแรกไปแล้ว ลูกน้อยควรเลิกดูดนมจากขวด เพราะหากคุณแม่ปล่อยให้ลูกติดใจนมขวดนานวันเข้า อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันได้ ดังนั้น เรามีวิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้มาบอกค่ะ
ทำไมต้องเลิกนมขวด
การฝึกให้ลูกน้อยถอยห่างขวดนม สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนเป็นต้นไป แต่ไม่ควรเกินหนึ่งปีครึ่ง โดยเปลี่ยนจากดูดนมขวด หลังมื้ออาหารมาดื่มจากถ้วยหัดดื่มแทน ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะสามารถช่วยให้ลูกเลิกนมขวดได้เอง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าลูกน้อยของคุณแม่ติดอกติดใจนมขวดขึ้นมา ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรบ้าง ?
การดูดแต่นมทำให้อิ่มง่าย ลูกไม่ยอมกินข้าว ส่งผลให้ร่างกายขาดสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
นมมีกากใยอาหารที่น้อย เมื่อกินนมอย่างเดียวอาจมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ท้องผูกได้ง่าย
รสหวานของนม บวกกับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น นอนหลับคาขวดนม คราบนมจึงติดอยู่ที่ฟัน ทำให้ฟันผุ
หากเลย 3 ปีแล้ว ลูกยังเลิกไม่ได้ อาจทำให้ฟันมีรูปร่างผิดปกติ เช่น ฟันยื่น
เทคนิคบอกลาขวดนม
แบบทดแทน
ให้ลูกมีส่วนร่วมช่วยเลือกแก้วหรือหาหลอดมาใช้ ก็มีส่วนดึงความสนใจให้ลูกเลิกนมขวด
ฝึกการใช้แก้ว ให้ลูกจับแก้วเปล่าใบเล็ก ๆ โดยคุณพ่อคุณแม่ยกแก้วจรดปากดื่มเป็นตัวอย่างให้ดู
ใส่น้ำปริมาณน้อย ๆ ฝึกให้จิบก่อน ระยะแรก เด็กอาจยังสำลักหรือทำน้ำหกบ้าง
ใช้แก้วหัดดื่มทั้งกับนม น้ำดื่มและน้ำผลไม้ เพื่อให้เป็นการสร้างความคุ้นเคย
ใช้แก้วขณะกินอาหารทุกมื้อ ไม่ใช่ใช้เฉพาะเมื่อถึงมื้อนม และไม่ให้ถือขวดนมติดตัว
แบบค่อยเป็นค่อยไป
ลดการให้ขวดนม ทีละ 1 ขวด ทุก 2-4 วัน โดยใช้แก้วแทน
งดมื้อนมที่ไม่สำคัญออกไป เช่น มื้อกลางวัน หรือมื้อดึกหลังเที่ยงคืน
หากลูกงอแง อาจใส่น้ำให้ดูดแทนนม ในช่วงมื้อกลางวันหรือก่อนนอน
ลดปริมาณนมมื้อดึก เช่น จาก 8 ออนซ์ เหลือ 4 ออนซ์ จนงดนมมื้อดึกในที่สุด
เพื่อให้คุณฝึกลูกเลิกนมขวดได้ตามเป้าหมาย ควรขอความร่วมมือจากคนในบ้านด้วยค่ะ
แบบทันทีทันใด
บอกให้รู้ล่วงหน้าก่อนถึงเวลาให้เลิก เช่น บอกว่า "หนูโตแล้วถึงเวลาทิ้งขวดเลิกดูดขวดนม"
เก็บขวดนมให้พ้นสายตาลูก หรือให้ช่วยแม่เก็บ นำไปบริจาค หรือเอาไปทิ้งถังขยะ
ให้รางวัลเด็กเมื่อไม่ดูดนมขวดตลอดวันหรือตลอดคืน
เตรียมน้ำหรือน้ำผลไม้ใส่แก้ว พร้อมสำหรับลูกดื่มเมื่อร้องหาขวดนม
มีสิ่งของทดแทนขวดนม อาจเป็นตุ๊กตาหรือของเล่นที่ชอบ เอาไว้กอดเมื่อคิดถึง
ฝึกการแปรงฟันก่อนนอน แล้วพาเข้านอนโดยเล่านิทาน ร้องเพลง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ
ที่มา :: (Mother&Care) Vol.9 No.98 กุมภาพันธ์ 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น