10 เมนูต้นตำหรับในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving )
10 เมนูต้นตำหรับในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving )
ครั้งสุดท้ายที่คุณบอกรักครอบครัวและเพื่อน ๆ คือเมื่อไหร่
ครั้งสุดท้ายที่คุณระลึกว่าการมีที่ให้พักพิงและมีอาหารให้กินเป็นสิ่งวิเศษสุดคือตอนไหน
บางครั้งเราลืมที่จะรู้สึกโชคดีและขอบคุณสำหรับทุกมิตรภาพและทุกสิ่งที่เรามี ลืมที่จะยินดีกับสิ่งที่ได้รับ แต่ในวันขอบคุณพระเจ้าเราจะได้ระลึกถึงทุกสิ่งเหล่านั้น และรู้สึกขอบคุณที่เราได้รับมันมา
วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันที่เราจะได้เฉลิมฉลองด้วยการกินให้เต็มอิ่ม ดังนั้นเราจะไปดู 10 เมนูต้นตำหรับในวันขอบคุณพระเจ้ากัน
จะมีวิธีไหนที่จะฉลองให้กับทุกสิ่งที่คุณมีได้ดีไปกว่าการกินอาหารดี ๆ ให้เต็มอิ่มร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อีกล่ะ
วันขอบคุณพระเจ้าคืออะไร
วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่สี่ ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ประเพณีเก่าแก่นี้คือการเฉลิมฉลองวันสิ้นสุดฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยว
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่รู้จักความเป็นมาของเทศกาลนี้กันเป็นอย่างดี แม้มันจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1621 แล้วก็ตาม เล่ากันว่า พวก pilgrims (คณะแสวงบุญซึ่งลงหลักปักฐานอยู่ในอเมริกาเหนือในเวลานั้น) และชาวอินเดียนแดงพื้นเมืองได้ร่วมเฉลิมฉลองมื้อใหญ่เป็นเวลาถึงสามวันติดต่อกัน เพื่อแสดงถึงการขอบคุณและการแบ่งปันหลังจากที่ผู้คนทั้งสองกลุ่มได้ร่วมเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวมาด้วยกัน
ในแคนาดา ชาวแคนนาเดียนก็มีการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าด้วยเช่นกัน และจัดก่อนหน้าชาวอเมริกันอยู่เล็กน้อย โดยจัดขึ้นในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี อันที่จริงแล้วแคนาดาเป็นประเทศแรกที่เฉลิมฉลองเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเริ่มต้นโดย Martin Frobisher ในปี ค.ศ. 1578 หลังจากที่เขากลับจากการเดินทางสำรวจได้อย่างปลอดภัย
ปัจจุบัน แม้ผู้คนได้ให้ความหมายของวันขอบคุณพระเจ้าไปในทางที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่วันขอบคุณพระเจ้าสำหรับชาวอเมริกันและชาวแคนาเดียนส่วนใหญ่ คือการใช้เวลากับครอบครัวและการได้รู้สึกขอบคุณในสิ่งที่พวกเขามี
วันขอบคุณพระเจ้ายังเป็นเวลาที่จะได้กิน …ให้เต็มอิ่ม! มีเมนูมากมายที่เสิร์ฟในวันขอบคุณพระเจ้า แต่มันจะไม่ใช่วันขอบคุณพระเจ้าหากขาดเมนูต้นตำหรับเหล่านี้
10 คำที่ใช้พูดถึงคำว่า “กิน” เป็นภาษาอังกฤษ
วันขอบคุณพระเจ้าคือการเฉลิมฉลองมื้อใหญ่! การเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร คุณอาจไม่สามารถจำกัดความได้แค่คำว่า “กิน (eat)” แต่ต้องใช้คำอื่น ๆ มาช่วยอธิบายเกี่ยวกับการกินของคุณ
เอาล่ะ! คุณอาจจะอยากเริ่มด้วยการลองชิมคำเล็ก ๆ (nibble) ดูก่อน จนกว่าจะเจออะไรที่ถูกใจคุณจึงจะเริ่มลงมือกิน (dig in) เพราะบรรดาอาหารที่วางอยู่ตรงหน้ามันเยอะมาก!
เมื่อคุณกินอะไรเข้าไปคุณอาจใช้คำว่า นำมันเข้าสู่ร่างกาย (ingest)—แต่นั่นเป็นคำที่มักใช้โดยนักวิทยาศาสตร์ แล้วหากคุณฟาดอาหารอย่างรวดเร็วล่ะ คุณอาจใช้คำว่า คุณเขมือบ (devoured) มัน ก็ได้นะ
เมื่อพูดถึงการกินคงไม่มีใครอยากโดนเปรียบเทียบกับสัตว์! แต่หากมีใครยัดอาหารเข้าไปจนแทบไม่เคี้ยวเลย นั่นอาจพูดได้ว่า เขากินอย่างตะกละตะกลาม (gobble up; gobble คือเสียงในคอของไก่งวงตอนกลืนอาหาร) และยังอาจพูดได้ว่า เขายัดอาหารใส่ปาก (wolf down; กินอาหารชิ้นใหญ่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว) หรือคุณอาจพูดว่า คุณสวาปาม (pig out) ทุกสิ่งอย่าง เมื่อคุณกินมากจนเกินไป
และเมื่อคุณกินอาหารเสร็จคุณสามารถพูดได้ว่า คุณขัดจานจนเกลี้ยง (polished it off ) หรือคุณทำความสะอาดจานเรียบร้อยแล้ว (cleaned your plate) ก็ได้เหมือนกัน
การพูดถึงเรื่องกินทำให้คุณเริ่มหิวแล้วใช่มั้ย?–งั้นไปเริ่มกันเลย
10 เมนูต้นตำหรับสำหรับวันขอบคุณพระเจ้า
1. ไก่งวง (Turkey)
วันขอบคุณพระเจ้าก็อาจจะไม่ใช่หากไม่ได้ไก่งวง เรามักใช้ไก่งวงทั้งตัวยัดด้วยผัก ผลไม้ หรือสตัฟฟิงอื่น ๆ (ดูเรื่องสตัฟฟิงในข้อ 2!) โรยหน้าให้ทั่ว (seasoned) ด้วยสมุนไพรเพื่อแต่งกลิ่นและเพิ่มรสชาติ
จากนั้นนำไก่งวงไปย่าง (roasted) และไม่ว่าจะย่างบนไฟหรืออบในเตานั้นไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือไก่งวงจะต้องนุ่มฉ่ำและสุกกำลังดี ซึ่งต้องใช้ทักษะสูงพอสมควร เพราะไก่งวงมีชื่อเสีย(ง) (notorious-เป็นที่รู้จักในแง่ลบ) ในเรื่องของเนื้อที่มักจะแห้ง
คุณสามารถเรียนรู้วิธีย่างไก่งวงแบบละลายในปาก และคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องได้จากวีดีโอของ FluentU ชุดนี้!
2. สตัฟฟิง / เดรสซิ่ง (Stuffing/Dressing)
“Stuff” มีความหมายเหมือน “things.” (สิ่งต่างๆ) แต่คำกริยาของสตัฟหมายถึงการที่คุณกรอกอะไรบางอย่างเข้าไปจนเต็ม และสตัฟฟิงในวันขอบคุณพระเจ้า (หรืออาจเรียกว่า dressing) ก็คือส่วนผสมที่ใช้ยัดเข้าไปในไก่งวงอบนั่นเอง
แต่สตัฟฟิงยังใช้เป็นเมนูเคียงจานเสิร์ฟคู่กับอาหารจานหลักได้อีกด้วย สูตรดั้งเดิมของสตัฟฟิงในวันขอบคุณพระเจ้านั้นทำจากขนมปังและสมุนไพร และบางครั้งอาจใช้ไส้กรอก (sausage) หรือส่วนผสมอื่น ๆ ดูสูตร สตัฟฟิง / เดรสซิง ได้ที่นี่!
3. มันบด (Mashed Potatoes)
มันบดทำจากมันฝรั่งที่นำไปต้มจนสุกแล้วปอกเปลือก จากนั้นนำไปบดจนได้เนื้อครีมนุ่มละเอียด เติมเนยสด นมสด และกระเทียมตามชอบ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้อีกหนึ่งเมนูเด็ดล่ะ!
4. เกรวี (Gravy)
ขณะที่คุณกำลังปรุงไก่งวง (หรือจานเนื้ออื่น ๆ) คุณสามารถนำน้ำที่ไหลออกมาจากเนื้อมาใช้เป็นเกรวีหรือซอสข้นได้ ลองเอาซอสราดบนหน้ามันบดดูสิ…อร่อยใช่มั้ยล่ะ
5. ซอสแครนเบอร์รี่ (Cranberry Sauce)
ซอสแครนเบอร์รี่รสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ (tangy) ทำให้มันเป็นอีกหนึ่งเมนูจานเคียงที่เพิ่มความกลมกล่อมให้ไก่งวงได้อย่างยอดเยี่ยม คุณหาซื้อซอสแครนเบอร์รี่ได้ไม่ยาก แต่คุณก็สามารถทำเองได้ไม่ยากด้วยเช่นกัน
มาลองทำซอสแครนเบอร์รี่กัน เริ่มด้วยต้มแครนเบอร์รี่ น้ำตาล เลมอนเซสต์ (lemon zest-ผิวมะนาวขูด) ในน้ำเปล่า แล้วค่อย ๆ เคี่ยว (simmer) และ…นั่นแหละทั้งหมดที่คุณต้องทำ!
6. ข้าวโพด (Corn)
ขนมปังก้อนเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ (staple) สำหรับวันขอบคุณพระเจ้า และส่วนใหญ่มักจะเป็นขนมปังข้าวโพด (cornbread) ซึ่งทำจากเมล็ดข้าวโพดอบแห้งบดละเอียด (cornmeal)
ข้าวโพดยังสามารถเสิร์ฟได้อีกหลากหลายเมนูสำหรับวันขอบคุณพระเจ้า โดยอาจจะเป็นในลักษณะ corn on the cob (ข้าวโพดที่ไม่ได้แกะเมล็ด) เสิร์ฟเป็นข้าวโพดย่าง หรือในลักษณะ creamed corn (ครีมข้าวโพด) โดยเสิร์ฟเป็นซุปข้าวโพดหรือซอสข้าวโพดก็ได้
7. แคสเซอโรลถั่วกรีนบีน (Green Bean Casserole)
แคสเซอโรล (Casserole) เป็นสตูว์ที่ปรุงให้สุกช้าๆในเตาอบ แคสเซอโรลถั่วกรีนบีนทำจากครีมซึ่งเป็นส่วนผสมของซุปเห็ด หัวหอมทอด แล้ว—ก็—ถั่วกรีนบีน!
8. ขนมมันเทศเชื่อม (Candied Yams)
มันฝรั่งหวานมีเนื้อเป็นสีเหลืองและเป็นประเภทเดียวกันกับมันเทศ (yams) ด้วยรสหวานและเนื้อนุ่มของมันฝรั่งชนิดนี้ ทำให้มันสามารถนำไปทำเป็นเมนูเคียงจานได้หลากหลาย (versatile; ใช้งานง่ายในหลาย ๆ สถานการณ์)
ไม่ว่าจะเป็นเมนูอบ แคสเซอโรล ทำมันบดเหมือนมันฝรั่งทั่วไป หรือ..คุณอาจเติมเครื่องเทศ น้ำตาลทรายแดง เนย เอามาร์ชเมลโลว์โปะไว้ด้านบน แล้วนำไปอบ..เป็นอันเสร็จสำหรับขนมมันเทศเชื่อม เมนูที่จะเชื่อมคุณกับความทรงจำดี ๆ ในอดีตที่ผ่านมา
9. พายฟักทอง (Pumpkin Pie)
“รสฟักทอง” ในฤดูใบไม้ร่วงของอเมริกาดูเหมือนอาหารเกือบทุกอย่างของที่นี่จะเป็นเวอร์ชั่นรสฟักทอง ตั้งแต่ไส้กรอกฟักทอง ขนมปังฟักทอง คุกกี้ฟักทอง หรือแม้กระทั่งกาแฟฟักทอง
และที่แปลกที่สุดคือมันไม่ได้มีฟักทองจริง ๆ อยู่ในนั้นเลย แต่พายฟักทองมีฟักทอง แป้งกรอบ ๆ ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ห่อไส้ฟักทองปรุงรสแสนอร่อยไว้ด้านใน พายฟักทองอุ่น ๆ จะทำให้คุณอุ่นขึ้นได้เสมอ และไม่น่าแปลกใจเลยที่คนจะหลงรักฟักทองกันมากในฤดูใบไม้ร่วง!
10. พายพีแคน (Pecan Pie)
จบมื้ออาหารให้สมบูรณ์แบบด้วยความอร่อย (delectable-delicious) ของพายพีแคน พายที่ทำจากถั่วพีแคน (pecans) ปรุงรสด้วยเครื่องเทศและน้ำเชื่อมเมเปิ้ล ทำให้พายพีแคนเป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธ (irresistible) แม้แขกเหรื่อจะอิ่มแปล้กันสักแค่ไหนแต่ก็ยังมีที่สำหรับพายพีแคนเสมอ!
คำศัพท์หลังจบมื้ออาหารวันขอบคุณพระเจ้า
คุณกินเสร็จแล้วใช่มั้ย เป็นวันหยุดที่ลืมไม่ลงเลยใช่มั้ย—แน่ล่ะ!
งานฉลองวันขอบคุณพระเจ้าคืออาหารมื้อใหญ่มาก ๆ มากซะจนผู้คนจะมีอาหารเหลือ (leftovers- remains) เก็บไว้เป็นมื้อพิเศษได้อีกหลายวันแม้งานฉลองจะจบไปแล้ว
แม้ว่าจะมีอาหารเหลือเก็บอีกมากมายหลังงานฉลอง แต่หลายคนก็กินเข้าไปมากซะจนรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นจะต้องดีท็อกซ์ (detox) เอาสารพิษหรือของเสียตกค้างออกจากร่างกายหลังจากนั้น
รุ่งขึ้นหลังวันขอบคุณพระเจ้าเป็นอีกหนึ่งวันที่มีชื่อเสียงซึ่งรู้จักกันในชื่อ Black Friday ในวันแบล็คฟรายเดย์ร้านค้าทั่วประเทศจะพร้อมใจกันลดกระหน่ำ และถึงกระนั้นผู้คนก็ยังต้องเข้าแถวรอกันเป็นชั่วโมงเพื่อซื้อสินค้าราคาถูกสุด ๆ เหล่านั้น (ปกติจะเป็นของขวัญคริสต์มาส)
คุณยังอิ่มกับอาหารวันขอบคุณพระเจ้าจนไม่อยากออกไปไหนใช่มั้ย—ไม่เป็นไร—คุณแค่รอจนถึงวันจันทร์ซึ่งตอนนี้รู้จักกันในชื่อ Cyber Monday ร้านค้าต่าง ๆ จะย้ายมหกรรมลดราคาครั้งใหญ่นี้ไปไว้บนอินเทอร์เน็ต
คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในอเมริกาหรือแคนาดาเพื่อจะได้สนุกกับวันขอบคุณพระเจ้าหรอก เพราะสิ่งที่คุณต้องการคือ อาหารมื้อใหญ่ ๆ ท้อง (belly) ว่าง ๆ และครอบครัวหรือเพื่อน ๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมขอบคุณทุก ๆ สิ่งที่คุณมี!
ที่มา :: https://www.fluentu.com/blog/english-thai/
วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) วันแห่งการขอบคุณ วันหยุดราชการของสหรัฐฯ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่ง Thanksgiving Day ปีนี้ตรงกับวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563
ในช่วงปลายปีเช่นนี้คงเป็นช่วงเวลาโปรดของใครหลายคนที่กำลังเฝ้ารอวันหยุดยาวช่วงสิ้นปี แล้วเราทราบกันบ้างหรือไม่ว่าสำหรับประเทศในอีกฝั่งทวีปหนึ่งอย่างสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากวันหยุดในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ที่สืบเนื่องมาจนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว ชาวอเมริกันยังคงมีหนึ่งเทศกาลวันหยุดยาวที่แสนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั่นก็คือ วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) หรือวันแห่งการขอบคุณ นั่นเอง
วันขอบคุณพระเจ้า คืออะไร
วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวอเมริกัน ที่จะมีการขอบคุณครอบครัว มิตรสหาย และเพื่อนบ้านของตน รวมทั้งขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดปี โดยตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ในขณะที่ในประเทศแคนาดาซึ่งมีการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าเช่นกัน จะตรงกับวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม
ที่มาของ วันขอบคุณพระเจ้า
สหรัฐอเมริกา
หากมองในด้านคริสตศาสนา วันขอบคุณพระเจ้า ถือเป็นวันฉลองการเก็บเกี่ยว ที่เดิมเป็นการแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้าเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว แต่หากมองในด้านประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือแล้ว วันขอบคุณพระเจ้า ได้ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ พวกพิลกริมส์ หรือชาวยุโรปที่อพยพมาตั้งรกรากอยู่ในโลกใหม่ (ทวีปอเมริกาในปัจุบัน) ต้องเผชิญกับความยากลำบากหลายประการยังดินแดนแห่งนี้ และฤดูหนาวอันทารุณก็มักทำให้เกิดความอดอยากจนนักบุกเบิกกลุ่มนี้ล้มตายเป็นจำนวนมาก และบางครั้งถึงกับทำให้พวกเขาตัดสินใจละทิ้งอาณานิคมของตนไปก่อนเรือขนเสบียงอาหารจากอังกฤษจะเดินทางมาถึง
จนต่อมาในปี พ.ศ. 2164 ชนพื้นเมืองอเมริกัน เผ่าวอมอาโน้ก ก็ได้ช่วยเหลือพวกพิลกริมส์ด้วยการสอนเคล็ดลับการเอาชีวิตรอด ทั้งการล่าสัตว์ และสอนให้ปลูกพืชที่สามารถเอามาทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ข้าวโพด ซึ่งนั่นทำให้พวกพิลกริมส์รู้สึกขอบคุณชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดมาได้ตลอดทั้งปี และทำเกษตรกรรมได้ผลดี มีอาหารสำรองอยู่ได้ตลอดฤดูหนาว ชาวพิลกริมส์ทั้ง 50 คนที่รอดชีวิตมาได้ จึงเชิญเผ่าวอมอาโน้ก 90 คน มาร่วมงานฉลองครั้งใหญ่ที่จัดขึ้น 3 วัน 3 คืน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเผ่าวอมอาโน้ก โดยภายในงานมีอาหารมากมายอาหารมากมายเช่นไก่งวงป่า เป็ด ห่าน กวาง กุ้งลอบสเตอร์ หอยกาบ ปลากระพง ข้าวโพด ผัก และผลไม้แห้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป ไก่งวงก็ได้กลายมาเป็นอาหารจานหลักของเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
แคนาดา
สำหรับการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าของแคนาดา จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2121 ที่อ่าวโฟรบิเชอร์ ของเกาะแบฟฟิน โดย เซอร์มาร์ติน โฟรบิเชอร์ นักสำรวจชาวอังกฤษ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้า หลังจากที่เขารอดชีวิตจากการเดินทางอังยาวไกล ผ่านเส้นทางที่อันตรายฝ่าพายุและน้ำแข็ง จากประเทศอังกฤษมาจนถึงดินแดนทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกได้ในที่สุด
วันขอบคุณพระเจ้า วันหยุดราชการของสหรัฐอเมริกา
จากประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งตั้งถิ่นฐานในอเมริกาเหนือ วันขอบคุณพระเจ้า ได้กลายมาเป็นวันหยุดราชการของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2406 เมื่อประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ได้ประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดราชการของประเทศ ก่อนที่ต่อมาประธานาธิบดี แฟรงคลิน รูสเวลท์ จะประกาศเพิ่มว่าวันขอบคุณพระเจ้าคือวันพฤหัสที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของสำหรับเทศกาลวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่
ประเพณีวันขอบคุณพระเจ้า
เมื่อถึงวันขอบคุณพระเจ้า ชาวอเมริกันทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามมักจะเดินทางกลับบ้าน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อนสนิท เพื่อแสดงความขอบคุณต่อครอบครัว มิตรสหาย และเพื่อนบ้าน สำหรับสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นและมอบให้กันตลอดทั้งปี ในแต่ละครอบครัวจะมีการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ร่วมกัน โดยมีอาหารที่นิยมรับประทานจนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเพณีนี้ก็คือ ไก่งวง
และในวันศุกร์ที่ต่อจากวันขอบคุณพระเจ้าก็คือวัน Black friday ซึ่งถือเป็นวันหยุดสำหรับโรงเรียนและบริษัทต่าง ๆ จนเป็นเหมือนช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของชาวอเมริกัน ก่อนเข้าสู่ช่วงช็อปปิ้งรับเทศกาลคริสต์มาส นอกจากนี้ในนครนิวยอร์กก็จะมีขบวนพาเหรดที่มีชื่อเสียง จัดโดยห้างสรรพสินค้า เมซีส์ ในชื่อ เมซีส์เดย์พาเหรด ด้วย
สำหรับชาวอเมริกันที่นับถือศาสนาคริสต์ วันขอบคุณพระเจ้านับว่าเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นวันที่จะมีการรำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเขา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
bangkok.usembassy.gov, เฟซบุ๊ก คริสเตียนไทย, sahavicha.com, thaiaupairclub.com ,กระปุกดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น