คุณประโยชน์ของไข่ผำ หรือ วูฟเฟีย (Wolffia)
โลกกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม จากวงจรการผลิตและการบริโภคอย่างไม่ยั่งยืนที่ทับถมมาอย่างยาวนานจนทำให้โลกรวน สภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำลง ในหลายประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารซึ่งกำลังทวีความรุนแรง ในขณะที่จำนวนประชากรโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการประมาณการของสำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs) คาดการณ์ว่าเราจะต้องผลิตอาหารเพิ่มให้ได้อย่างน้อยถึง 70 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนประชากรโลกที่น่าจะพุ่งสูงขึ้นไปแตะหลักหมื่นล้านคนในปี 2050
แล้วเราควรจะเพาะปลูกอะไรจึงจะผลิตอาหารที่เลี้ยงประชากรโลกได้อย่างเพียงพอและไม่ทำร้ายโลกไปมากกว่านี้ “วูฟเฟีย” ชื่อวิทยาศาสตร์ Wolffia globosa หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “ไข่น้ำ” หรือ “ผำ” พืชน้ำขนาดเล็ก อาหารพื้นบ้านไทยแต่โบราณ ที่ผู้คนทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือนิยมนำมาประกอบเป็นอาหารพื้นถิ่น อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมธา มีแต้ม อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษุวัต สงนวล อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหิดล ซึ่งมีความสนใจด้านพลังงานและการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ได้ทำการศึกษาความหลากหลายของพืชวงศ์แหน พืชดอกขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปบนผิวน้ำที่เป็นน้ำจืดและน้ำนิ่งในประเทศไทย โดยอาศัยหลักฐานทางสัณฐานวิทยาและเชิงชีวโมเลกุลพร้อมทั้งศึกษาประโยชน์จากพืชตระกูลแหน พบว่าประเทศไทยมีอยู่หลายสายพันธุ์ หลายชนิดมีอัตราการเจริญรวดเร็วและมีปริมาณสารอาหารสูง จึงเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่สำคัญของสัตว์จำนวนมาก และเมื่อนำมาใช้เป็นอาหารในการเพาะเลี้ยงสัตว์และปลาพบว่าเป็นแหล่งอาหารคุณภาพดี สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโต ช่วยให้สัตว์น้ำมีสีสวย ไข่ไก่มีปริมาณวิตามิน เอ สูงขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมสีเขียวและเป็นพลังงานชีวมวลได้อีกด้วย แหนหลายชนิดมีศักยภาพในการปรับปรุงคุณภาพน้ำโดยดูดซับสารอาหารและสารมลพิษในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้ในระบบชีวภาพหมุนเวียน (biocircular) และในบรรดาพืชวงศ์แหนที่พบในประเทศไทย “ไข่น้ำ” หรือ “ผำ” นั้นมีความพิเศษที่น่าสนใจอย่างมาก
ไข่ผำ หรือ วูฟเฟีย (Wolffia) อาหารเพื่อสุขภาพ
ผำ หรือ ไข่ผำ วัตถุดิบพื้นบ้านโปรตีนสูง
ไข่ผำ คือ
ผำนั้น เป็นพืชน้ำ มีสีเขียว เม็ดกลมขนาดเล็ก คล้าย ๆ ไข่ปลา มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร กระจายคลุมเหนือผิวน้ำเป็นแพ มักจะขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึง และหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป จัดเป็นพืชดอกไม่มีรากและใบ จะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน เวลาเก็บไข่ผำ ต้องใช้สวิงช้อนขึ้นมา แล้วล้างให้สะอาด ก่อนจะนำไปปรุงทำอาหาร เป็นพืชผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านนิยมนำไปประกอบอาหารกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น แกง ผัด หรือใส่เป็นส่วนประกอบของอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติให้มีความหอม มัน อร่อย มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
คุณค่าทางโภชนาการของไข่ผำ
ไข่ผำประมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- เส้นใย 0.3 กรัม
- แคลเซียม 59 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม
- เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ ยังมีวิตามินA, B1, B2, วิตามินซี, ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน, ไลซีน, วาลีน, ฟีนิวอลานีน, ธีโอนีน, ไอโซลิวซีน และมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก ส่วนคลอโรฟิลล์ในผำ เป็นสารสีเขียว ที่พบในพืช โครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีม ที่อยู่ในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือดนั่นเอง
ประโยชน์ของไข่ผำ
ไข่ผำจัดได้ว่า มีคุณค่าทางอาหารสูง ควรส่งเสริมให้มีการผลิต และบริโภคมากยิ่งขึ้น
- มีโปรตีนสูงไม่แพ้ถั่วเหลือง มีโปรตีน 40% ของน้ำหนักแห้ง ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้ปกติ
- มีกรดอะมิโน และแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟัน
- มีธาตุเหล็ก ป้องกันภาวะโลหิตจาง
- มีบีตาแคโรทีน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงสายตา
- มีไฟเบอร์ ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารต่าง ๆ
- ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่าง ในคนที่มีสภาวะเครียด หรือร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร และช่วยรักษาภาวะซีด
การขยายพันธุ์ และการเพาะเลี้ยงไข่ผำ
- การเพาะเลี้ยงไข่ผำ
วัสดุที่เพาะเลี้ยงอาจเป็นโอ่ง อ่างน้ำ กะละมัง หรือท่อซีเมนต์ หากใช้ท่อซีเมนต์ ต้องเทปูนรองพื้น ป้องกันน้ำรั่ว ใส่ท่อระบายน้ำทิ้งไว้ เพื่อการเปลี่ยนถ่ายน้ำ และแช่น้ำทิ้งไว้ให้บ่อหมดความเป็นปูน หรือให้บ่อจืดก่อน จึงจะเลี้ยงผำได้
- สถานที่สำหรับเลี้ยง
พื้นที่ร่ม หรือหากจำเป็นต้องเลี้ยงกลางแดด ให้พรางแสงด้วยสแลน 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะช่วยให้ผำโตดี และให้โปรตีนสูงกว่าการเลี้ยงกลางแดดจัด
- การเก็บเกี่ยวผลผลิต
สามารถทำได้ 2 แบบ คือ เก็บครั้งเดียวแล้วเลี้ยงใหม่ เก็บสัปดาห์ละครั้ง และควรเก็บ ประมาณ 40% ของผำในบ่อเลี้ยง เพื่อให้ผำ เจริญเติบโตได้เพียงพอกับการรับประทานได้บ่อยครั้งนั่นเอง
- การเก็บรักษา
หากเหลือจากรับประทาน สามารถเก็บให้คงความสด ในอุณหภูมิห้องได้ ไม่เกิน 2 วัน และเก็บในตู้เย็นได้ ประมาณ 1 สัปดาห์
CR :: https://www.sgethai.com/
ไข่ผำ จากวัตถุดิบอาหารพื้นบ้านสู่ Superfood ของโลกกับฉายา กรีนคาเวียร์
ไข่ผำ เป็นพืชน้ำ ลักษณะเป็นสีเขียวขนาดเล็กคล้ายไข่ปลา กระจายคลุมเหนือผิวน้ำเป็นแพ มีขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึง และหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป โดยปกติจะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน ก่อนนำไปปรุงทำอาหารต้องล้างให้สะอาดเสมอ ไข่ผำ มักถูกนำไปประกอบอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น แกง หรือผัด บางที่ก็ใส่เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้มีความหอม มัน อร่อย มากยิ่งขึ้น
นอกจากจะเป็นวัตถุดิบหลักของอาหาร แล้วเป็นตัวช่วยในการเพิ่มรสชาติ ไข่ผำ ยังมีประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารอย่างมากเลยทีเดียว ไข่ผำมีโปรตีนสูงมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักแห้ง และโปรตีนของมันยังคล้ายกับของถั่วเหลืองอีกต่างหาก และในบางพื้นที่ สภาพแวดล้อม ทำให้ไข่ผำมีโปรตีนสูงมากกว่าไข่และเนื้อได้ด้วยเช่นกัน
ไข่ผำ 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง วิตามินซี ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน ไลซีน วาลีน ฟีนิวอลานีน ธีโอนีน ไอโซลิวซีน และมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก คลอโรฟิลล์ในผำ เป็นสารสีเขียวที่พบในพืช โครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีมที่อยู่ในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือด
ด้วยประโยชน์ที่มากล้นเกินกว่าจะเป็นพืชไร้ชื่อเสียงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ได้กำหนดนโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food Policy) เป็นหนึ่งในนโยบายหลักเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับประเทศตลอดห่วงโซ่เกษตรและอาหารเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) เดินหน้าส่งเสริมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่คือผำหรือไข่ผำหรือไข่น้ำ (Wolffia) ซึ่งเป็นพืชน้ำล้ำค่ามีฉายาว่า ”คาเวียร์เขียว (Green Caviar)” ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ด (SuperFood) ของอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เหตุผลหลักที่ทำให้ “ไข่ผำ” กลายเป็น สุดยอดซูเปอร์ฟู้ด เพราะมีโภชนาการ (Nutrients) ครบถ้วนสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โปรตีน นั่นเอง
ที่มา : จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยแม่โจ้
ประโยชน์ การใช้ผำ/ไข่ผำ
ตอบลบ1. ไข่ผำในทุกภาคนิยมช้อนเก็บมาทำอาหาร เนื่องจาก อาทิ แกงไข่ผำ ไข่เจียวไข่ผำ ยำไข่ผำ เป็นต้น
2. ไข่ผำนำมาผัดให้สุก และตากแห้ง หรือนำมาตากให้แห้งก่อนนำมาผัดร่วมกับเกลือหรือเครื่องจิ้มที่ใช้สำหรับคลุกปะหน้าขนมขบเคี้ยว อาทิ แผ่นมันฝรั่งทอด ถั่วลิสงอบ เป็นต้น
3. ไข่ผำใช้เป็นส่วนประกอบของขนม อาทิ ขนมเกรียบกุ้ง เป็นต้น
4. ไข่ผำนำมาสกัดคลอโรฟิลล์สำหรับเป็นอาหารเสริม หรือหรือสกัดให้อยู่ในรูปของสารโซเดียมคอบเปอร์คลอโรฟิลลิน
3. ไข่ผำสดใช้เป็นอาหารเลี้ยงเป็ด และเลี้ยงสุกร รวมถึงโค และกระบือ ช่วยให้เกษตรลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารสัตว์ได้
4. ไข่ผำนำปล่อยในบ่อเลี้ยงปลาชนิดที่กินพืช อาทิ ปลานิล ปลาตะเพียน และปลาไน เป็นต้น เพื่อเป็นอาหารเสริมตามธรรมชาติให้แก่ปลา ทั้งนี้ จะปล่อยในปริมาณน้อย และต้องควบคุมปริมาณไม่ให้แพร่กระจายปกคลุมผิวน้ำ
5. ใช้ปล่อยในบ่อบำบัดน้ำเสียสำหรับลดค่าความสกปรกของน้ำ โดยเฉพาะสารไนโตรเจนที่เป็นแร่ธาตุสำคัญของการเติบโต และโลหะหนักชนิดต่างๆ
ทั้งนี้ การนำไข่ผำมาประกอบอาหารควรหลีกเลี่ยงการสด และให้ปรุงสุกผ่านความร้อนก่อน เพราะอาจมีการปนเปื้อนของตัวอ่อนพยาธิได้
คุณค่าทางโภชนาการไข่ผำ (ส่วนที่กินได้ 100 กรัม)
– น้ำ : 97.1 กรัม
– พลังงาน : 9 กิโลแคลอรี
– โปรตีน : 0.6 กรัม
– ไขมัน : 0.1 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต : 1.5 กรัม
– ใยอาหาร : 0.3 กรัม
– เถ้า : 0.7 กรัม
– แคลเซียม : 59 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส : 25 มิลลิกรัม
– เหล็ก : 6.6 มิลลิกรัม
– วิตามิน A : 535 มิลลิกรัม
– ไทอะมีน (วิตามิน B1) : 0.03 มิลลิกรัม
– ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) : 0.09 มิลลิกรัม
– ไนอะซีน (วิตามิน B3) : 0.4 มิลลิกรัม
– วิตามินซี : 11 มิลลิกรัม
สรรพคุณผำ/ไข่ผำ
ผำ/ไข่ผำ ถือได้ว่าเป็นพืชที่มีแคลเซียม วิตามิน A และคลอโรฟิลล์สูง มีสรรพคุณในด้านต่างๆ อาทิ
– ช่วยเสริมสร้างกระดูก
– ป้องกันกระดูกพรุน
– ช่วยบำรุงระบบประสาท
– ช่วยบำรุงสายตา
– ช่วยบำรุงผิวพรรณ
– ช่วยย่อยอาหาร
– ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
– ป้องกันโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร
เอกสารอ้างอิง :: กองโภชนาการ กรมอนามัย
ไข่ผำจะมีประโยชน์ต่างๆมากมายดังนี้
ตอบลบ# สามารถให้ผลผลิตโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลืองเมื่อเทียบในพื้นที่การเพาะปลูกที่เท่ากัน
# มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนและอุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นอีกมากมาย อาทิ
# เหล็ก แคลเซียม สังกะสี ช่วยเสริมกระดูก การไหลเวียนโลหิต และเพิ่มภูมิคุ้มกัน
# วิตามิน บี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ซึ่งไม่พบในผลิตภัณฑ์จากพืชตามธรรมชาติชนิดอื่น
# วิตามิน เอ ลูทีน ซีอาแซนทิน ช่วยบำรุงสายตา
# วิตามิน บี-คอมเพล็กซ์ วิตามิน ซี วิตามิน อี วิตามิน เค โฟเลต ซีอาแซนทิน ลูทีน และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ในระดับสูง
# ทั้งยังย่อยง่าย ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบการย่อยอาหาร
# รวมถึงมีแคลอรี่ แป้ง น้ำตาลและไขมันต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนัก
# ยิ่งไปกว่านั้น ผำยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้เทียบเท่ากับป่าที่สมบูรณ์ในพื้นที่ ๆ เท่ากันอีกด้วย
ไข่ผำ ประโยชน์
ตอบลบไข่ผำ มีโปรตีนสูง และมีกรดอะมิโน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีแคลเซียลและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูก พร้อมทั้งมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี ช่วยบำรุงประสาทและสมอง และวิตามินซี ช่วยบำรุงผิวพรรณ มีคลอโรฟิลล์ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
โดยการนำไข่ผำมาประกอบอาหารควรปรุงให้สุกก่อน เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนของตัวอ่อนพยาธิหรือยาฆ่าแมลงจากแหล่งน้ำได้ โดยเฉพาะหากเก็บจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
ประโยชน์ไข่ผำ
ตอบลบไข่ผำ นอกจากจะใช้เป็นอาหารคนและสัตว์แล้ว ยังมีคุณสมบัติในการบำบัดน้ำเสียได้อีกด้วย โดยผำจะช่วยให้ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำมีค่าสูงขึ้น ความเป็นกรดด่างอยู่ในระดับค่อนข้างเป็นกลาง และค่าความขุ่นของน้ำเสียมีค่าต่ำลง แต่ไม่แนะนำให้ใช้ไข่ผำจากการบำบัดน้ำเสียไปรับประทาน เพราะอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายจากน้ำเสียสะสมในผำ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ไข่ผำจัดได้ว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง ควรส่งเสริมให้มีการผลิตและบริโภคมากยิ่งขึ้น
ไข่ผำ 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง วิตามินซี ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน ไลซีน วาลีน ฟีนิวอลานีน ธีโอนีน ไอโซลิวซีน และมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก คลอโรฟิลล์ในผำ เป็นสารสีเขียวที่พบในพืช โครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีมที่อยู่ในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือด มีรายงานการวิจัยถึงฤทธิ์ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องผูก ฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่างในคนที่มีสภาวะเครียด หรือร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร และช่วยรักษาภาวะซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจาง
คุณประโยชน์ของผำ
ตอบลบไข่ผำ เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก มีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว สามารถนำมาปลูกเลี้ยงไว้ในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้ เหมาะแก่การทำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการศึกษา เช่น การศึกษาอิทธิพลของสารที่ควบคุมการขยายพันธุ์ของพืช
ไข่ผำ เป็นอาหารของสัตว์น้ำและสัตว์ปีกหลายชนิด นอกจากนี้ ไข่ผำยังมีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูงมาก คนเหนือและอีสานของประเทศไทยนำมาประกอบเป็นอาหาร ผำมีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร ก่อนนำมารับประทานต้องปรุงให้สุกก่อน
ในไข่ผำ 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง วิตามินซี ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน ไลซีน วาลีน ฟีนิวอลานีน ธีโอนีน ไอโซลิวซีน และมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก คลอโรฟิลล์ในผำ เป็นสารสีเขียวที่พบในพืช โครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีมที่อยู่ในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือด มีรายงานการวิจัยถึงฤทธิ์ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องผูก ฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่างในคนที่มีสภาวะเครียด หรือร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร และช่วยรักษาภาวะซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจาง
ประโยชน์ผำ/ไข่ผำ
ตอบลบ1. ไข่ผำในทุกภาคนิยมช้อนเก็บมาทำอาหาร เนื่องจาก อาทิ แกงไข่ผำ ไข่เจียวไข่ผำ ยำไข่ผำ เป็นต้น
2. ไข่ผำนำมาผัดให้สุก และตากแห้ง หรือนำมาตากให้แห้งก่อนนำมาผัดร่วมกับเกลือหรือเครื่องจิ้มที่ใช้สำหรับคลุกปะหน้าขนมขบเคี้ยว อาทิ แผ่นมันฝรั่งทอด ถั่วลิสงอบ เป็นต้น
3. ไข่ผำใช้เป็นส่วนประกอบของขนม อาทิ ขนมเกรียบกุ้ง เป็นต้น
4. ไข่ผำนำมาสกัดคลอโรฟิลล์สำหรับเป็นอาหารเสริม หรือหรือสกัดให้อยู่ในรูปของสารโซเดียมคอบเปอร์คลอโรฟิลลิน
3. ไข่ผำสดใช้เป็นอาหารเลี้ยงเป็ด และเลี้ยงสุกร รวมถึงโค และกระบือ ช่วยให้เกษตรลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารสัตว์ได้
4. ไข่ผำนำปล่อยในบ่อเลี้ยงปลาชนิดที่กินพืช อาทิ ปลานิล ปลาตะเพียน และปลาไน เป็นต้น เพื่อเป็นอาหารเสริมตามธรรมชาติให้แก่ปลา ทั้งนี้ จะปล่อยในปริมาณน้อย และต้องควบคุมปริมาณไม่ให้แพร่กระจายปกคลุมผิวน้ำ
5. ใช้ปล่อยในบ่อบำบัดน้ำเสียสำหรับลดค่าความสกปรกของน้ำ โดยเฉพาะสารไนโตรเจนที่เป็นแร่ธาตุสำคัญของการเติบโต และโลหะหนักชนิดต่างๆ
ทั้งนี้ การนำไข่ผำมาประกอบอาหารควรหลีกเลี่ยงการสด และให้ปรุงสุกผ่านความร้อนก่อน เพราะอาจมีการปนเปื้อนของตัวอ่อนพยาธิได้
คุณค่าทางโภชนาการไข่ผำ (ส่วนที่กินได้ 100 กรัม)
– น้ำ : 97.1 กรัม
– พลังงาน : 9 กิโลแคลอรี
– โปรตีน : 0.6 กรัม
– ไขมัน : 0.1 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต : 1.5 กรัม
– ใยอาหาร : 0.3 กรัม
– เถ้า : 0.7 กรัม
– แคลเซียม : 59 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส : 25 มิลลิกรัม
– เหล็ก : 6.6 มิลลิกรัม
– วิตามิน A : 535 มิลลิกรัม
– ไทอะมีน (วิตามิน B1) : 0.03 มิลลิกรัม
– ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) : 0.09 มิลลิกรัม
– ไนอะซีน (วิตามิน B3) : 0.4 มิลลิกรัม
– วิตามินซี : 11 มิลลิกรัม
อ้างอิง กองโภชนาการ กรมอนามัย, 2544. ตารางแสดงคุณค่าอาหารไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม.
สรรพคุณผำ/ไข่ผำ
ผำ/ไข่ผำ ถือได้ว่าเป็นพืชที่มีแคลเซียม วิตามิน A และคลอโรฟิลล์สูง มีสรรพคุณในด้านต่างๆ อาทิ
– ช่วยเสริมสร้างกระดูก
– ป้องกันกระดูกพรุน
– ช่วยบำรุงระบบประสาท
– ช่วยบำรุงสายตา
– ช่วยบำรุงผิวพรรณ
– ช่วยย่อยอาหาร
– ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
– ป้องกันโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร
ประโยชน์ผำ/ไข่ผำ
ตอบลบมีการนำไข่ผำมาวิจัยหาคุณค่าทางสารอาหารพบว่า ไข่ผำมีโปรตีนสูงมากไม่แพ้ถั่วเหลือง มีโปรตีน 40% ของน้ำหนักแห้ง ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้ปกติ นอกจากโปรตีนแล้วไข่ผำยังมีกรดอะมิโน, แคลเซียมเสริมกระดูกและฟัน, ธาตุเหล็กป้องกันภาวะโลหิตจาง, เบตาแคโรทีนต้านอนุมูลอิสระและบำรุงสายตา และมีไฟเบอร์ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร
ไข่ผำสามารถนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง รสชาติของไข่ผำมีรสจืด ไม่มีกลิ่น มีความกรุบคล้ายไข่กุ้ง ก่อนนำมาทำอาหารต้องล้างให้สะอาด รองด้วยผ้าขาวบางให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกปนอยู่ ไข่ผำที่ดีต้องมีสีเขียวสดไม่คล้ำ และต้องปรุงให้สุกก่อนกิน เพราะการกินไข่ผำดิบๆ อาจส่งผลเสียต่อการดูดซึมอาหารได้ ตัวอย่างเมนูจากไข่ผำ เช่น ไข่เจียวไข่ผำ, คั่วไข่ผำ, แกงอ่อมไข่ผำ, ไข่ผำผัดไข่ เป็นต้น
ไข่ผำ(ไข่น้ำ) อาหารคนพื้นเมือง ประโยชน์ และสรรพคุณไข่ผำ
ตอบลบไข่ผำ จัดเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ อาจลอยอยู่เป็นกลุ่มล้วน ๆ หรือลอยปนกับพืชชนิดอื่นๆ เช่น แหน , แหนแดง ก็ได้
ไข่ผำ เป็นพืชมีดอกที่มีขนาดเล็กที่สุด รูปร่างเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๐.๑ – ๐.๒ มม.
มีสีเขียวลอยอยู่บริเวณผิวน้ำเป็นแพ มักเกิดในธรรมชาติที่น้ำใส สะอาด นิ่ง เช่น บึง หนองน้ำ ผำจะพบมากในฤดูฝน นำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดไข่ผำใส่หมู แกงไข่ผำ หรือจะเจียวใส่ไข่
ไข่ผำ มีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูงมาก แต่เพราะใน ไข่ผำมีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร จึงต้องนำไข่ผำมาทำให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง
ประโยชน์ผำ/ไข่ผำ
1. ไข่ผำในทุกภาคนิยมช้อนเก็บมาทำอาหาร เนื่องจาก อาทิ แกงไข่ผำ ไข่เจียวไข่ผำ ยำไข่ผำ เป็นต้น
2. ไข่ผำนำมาผัดให้สุก และตากแห้ง หรือนำมาตากให้แห้งก่อนนำมาผัดร่วมกับเกลือหรือเครื่องจิ้มที่ใช้สำหรับคลุกปะหน้าขนมขบเคี้ยว อาทิ แผ่นมันฝรั่งทอด ถั่วลิสงอบ เป็นต้น
3. ไข่ผำใช้เป็นส่วนประกอบของขนม อาทิ ขนมเกรียบกุ้ง เป็นต้น
4. ไข่ผำนำมาสกัดคลอโรฟิลล์สำหรับเป็นอาหารเสริม หรือหรือสกัดให้อยู่ในรูปของสารโซเดียมคอบเปอร์คลอโรฟิลลิน
3. ไข่ผำสดใช้เป็นอาหารเลี้ยงเป็ด และเลี้ยงสุกร รวมถึงโค และกระบือ ช่วยให้เกษตรลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารสัตว์ได้
4. ไข่ผำนำปล่อยในบ่อเลี้ยงปลาชนิดที่กินพืช อาทิ ปลานิล ปลาตะเพียน และปลาไน เป็นต้น เพื่อเป็นอาหารเสริมตามธรรมชาติให้แก่ปลา ทั้งนี้ จะปล่อยในปริมาณน้อย และต้องควบคุมปริมาณไม่ให้แพร่กระจายปกคลุมผิวน้ำ
5. ใช้ปล่อยในบ่อบำบัดน้ำเสียสำหรับลดค่าความสกปรกของน้ำ โดยเฉพาะสารไนโตรเจนที่เป็นแร่ธาตุสำคัญของการเติบโต และโลหะหนักชนิดต่างๆ
ทั้งนี้ การนำไข่ผำมาประกอบอาหารควรหลีกเลี่ยงการสด และให้ปรุงสุกผ่านความร้อนก่อน เพราะอาจมีการปนเปื้อนของตัวอ่อนพยาธิได้
สรรพคุณผำ/ไข่ผำ
ผำ/ไข่ผำ ถือได้ว่าเป็นพืชที่มีแคลเซียม วิตามิน A และคลอโรฟิลล์สูง มีสรรพคุณในด้านต่างๆ อาทิ
– ช่วยเสริมสร้างกระดูก
– ป้องกันกระดูกพรุน
– ช่วยบำรุงระบบประสาท
– ช่วยบำรุงสายตา
– ช่วยบำรุงผิวพรรณ
– ช่วยย่อยอาหาร
– ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
– ป้องกันโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร