Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ไข่ผำ จากวัตถุดิบอาหารพื้นบ้านสู่ Superfood ของโลกกับฉายา กรีนคาเวียร์

ไข่ผำ จากวัตถุดิบอาหารพื้นบ้านสู่ Superfood ของโลกกับฉายา กรีนคาเวียร์





ไข่ผำ เป็นพืชน้ำ ลักษณะเป็นสีเขียวขนาดเล็กคล้ายไข่ปลา กระจายคลุมเหนือผิวน้ำเป็นแพ มีขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึง และหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป โดยปกติจะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน ก่อนนำไปปรุงทำอาหารต้องล้างให้สะอาดเสมอ ไข่ผำ มักถูกนำไปประกอบอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น แกง หรือผัด บางที่ก็ใส่เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้มีความหอม มัน อร่อย มากยิ่งขึ้น

นอกจากจะเป็นวัตถุดิบหลักของอาหาร แล้วเป็นตัวช่วยในการเพิ่มรสชาติ ไข่ผำ ยังมีประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารอย่างมากเลยทีเดียว ไข่ผำมีโปรตีนสูงมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักแห้ง และโปรตีนของมันยังคล้ายกับของถั่วเหลืองอีกต่างหาก และในบางพื้นที่ สภาพแวดล้อม ทำให้ไข่ผำมีโปรตีนสูงมากกว่าไข่และเนื้อได้ด้วยเช่นกัน

ไข่ผำ 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง วิตามินซี ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน ไลซีน วาลีน ฟีนิวอลานีน ธีโอนีน ไอโซลิวซีน และมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก คลอโรฟิลล์ในผำ เป็นสารสีเขียวที่พบในพืช โครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีมที่อยู่ในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือด

มีรายงานการวิจัยถึงฤทธิ์ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องผูก ฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่างในคนที่มีสภาวะเครียด หรือร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร และช่วยรักษาภาวะซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจาง


ด้วยประโยชน์ที่มากล้นเกินกว่าจะเป็นพืชไร้ชื่อเสียงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ได้กำหนดนโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food Policy) เป็นหนึ่งในนโยบายหลักเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับประเทศตลอดห่วงโซ่เกษตรและอาหารเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) เดินหน้าส่งเสริมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่คือผำหรือไข่ผำหรือไข่น้ำ (Wolffia) ซึ่งเป็นพืชน้ำล้ำค่ามีฉายาว่า ”คาเวียร์เขียว (Green Caviar)” ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ด (SuperFood) ของอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ


เหตุผลหลักที่ทำให้ “ไข่ผำ” กลายเป็น สุดยอดซูเปอร์ฟู้ด เพราะมีโภชนาการ (Nutrients) ครบถ้วนสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โปรตีน นั่นเอง


https://youtu.be/5oYzggLOqow?si=D0N6YRd3DiPmvCd6

Foodtech เกษตรไทย สู่นวัตกรรมอาหารเพื่ออนาคต "ผำ" แหนไทยที่สร้างมูลค่าได้กิโลละหลายหมื่น อายุน้อยร้อยล้าน วันนี้ขอพาไปพบกับธุรกิจอาหารแห่งโลกอนาคต กับ “ผำ” หรือ “ไข่ผำน้ำ” (Wolffia) สุดยอดซูเปอร์ฟู้ดของโลก ด้วยความที่เป็นพืชวัฒนธรรมและอาหารพื้นเมืองของไทย ซึ่งมีมากในภาคเหนือและภาคอีสาน จนได้ฉายาว่า “คาเวียร์เขียว (Green Caviar)”   โภชนาการของไข่ผำ มีโปรตีน เบต้า คาโรทีน และคลอโรฟิลล์ จากการสังเคราะห์แสง มีปริมาณโปรตีนในระดับเดียวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่ จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ มาเรียนรู้กันว่า พืชน้ำขนาดเล็ก ฉายา "คาเวียร์เขียว" แห่งน่านน้ำไทย ที่รัฐบาลเตรียมดันให้เป็นอาหารนำร่องสุดยอดซูเปอร์ฟู้ดของโลก

https://youtu.be/P7ar-2sfS3U?si=47738nifsc5qcyxj




ขอบคุณภาพและข้อมูล : จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยแม่โจ้ , อายุน้อยร้อยล้าน


2 ความคิดเห็น:

  1. วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ

    รูปแบบการเพาะเลี้ยงของที่ไร่จะเป็นการเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร และขนาด 100 เซนติเมตร หากเป็นบ่อซีเมนต์ที่ซื้อมาใหม่ ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง โดยการเอาต้นกล้วยมาตัดเป็นท่อนให้ขนาดพอสำหรับวางลงในบ่อซีเมนต์ได้ จากนั้นนำมูลวัวมาเททับต้นกล้วยลงไปจำนวน 1 กระสอบต่อบ่อ แล้วเปิดน้ำใส่บ่อแช่ทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ แล้วปล่อยน้ำทิ้ง ตักเอามูลวัวและเอาต้นกล้วยออก จากนั้นล้างบ่อให้สะอาดอีกครั้ง โดยต้นกล้วยและมูลวัวจะช่วยกัดปูน แก้ด่างในบ่อซีเมนต์

    เมื่อล้างบ่อซีเมนต์จนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป แต่ถ้าบ้านไหน ฟาร์มไหน มีเครื่องกรองน้ำ ก็สามารถปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงได้เลย

    “ผำ” เป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน


    การบำรุงธาตุอาหาร
    อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ

    หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละฟาร์ม


    การดูแล

    หลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด

    เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว




    ตอบลบ
  2. ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้


    1. อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง

    2. สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน


    วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ

    เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้


    ปริมาณไข่ผำ ต่อ 1 บ่อ เก็บได้ประมาณ 2-3 กิโลกรัม แล้วแต่ฤดูกาล ปัจจุบันที่ไร่เลี้ยงอยู่ทั้งหมด 20 บ่อ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อบ่อ อยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท ราคาไข่ผำสด ขายในราคากิโลกรัมละ 150 บาท และนอกจากการขายผำสดแล้ว ยังมีในส่วนของผำแปรรูป ทั้งในรูปแบบของคาวและของหวาน ได้แก่ ขนมจีนน้ำยาไข่ผำมรกต เสิร์ฟคู่กับขนมจีนเส้นสดทำจากผำ ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่ไร่ หากใครมาแล้วต้องลิ้มลอง ข้าวเกรียบผำ เครื่องดื่มผำมัทฉะลาเต้ ผำเลม่อนโซดา ขนมปังกระเทียมไข่ผำ เป็นเมนูที่ทำจากผำที่นำไปอบแห้งออกมาเป็นผง, ทาร์ตผำ, ทองม้วนผำ และโจ๊กผำ เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ทางไร่ภูมิใจนำเสนอมากๆ อีกตัวหนึ่ง รวมๆ แล้วที่ไร่สามารถสร้างรายได้จากผำได้ประมาณ 25,000-30,000 บาทต่อเดือน



    ตอบลบ