วูฟเฟีย (Wolffia) / ผำ / ไข่น้ำ เป็น superfood ของดีแห่งสยามเทียบชั้นมัทฉะของญี่ปุ่น
ถ้าเอ่ยถึง Wolffia (วูฟเฟีย) หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเรียกใหม่ในชื่อ "ผำ" หรือ "ไข่น้ำ" เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงรู้จัก โดยเฉพาะคนไทยทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือมักนำพืชชนิดนี้มาทำเป็นอาหารท้องถิ่นรับประทานกันมายาวนานหลายศตวรรษแล้ว ทว่าหลายคนอาจไม่รู้ว่านี่คืออาหารชั้นดี ปัจจุบันมีปัจจุบันมีนักวิจัยและนักโภชนาการทั่วโลกยกย่องว่า Wolffia เป็นสุดยอดอาหาร superfood ที่มาแรงในขณะนี้
วิษุวัต สงนวล Co Founder, Advanced GreenFarm Co., Ltd. มีความเชี่ยวชาญในการเพาะเลี้ยงพืชน้ำขนาดเล็ก อธิบายเพิ่มว่า คนไทยบางคนอาจจะเคยเห็นพืชชนิดนี้กันบ้าง แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนช่างสังเกตอาจจะมองไม่เห็น Wolffia เพราะมันเป็นพืชขนาดจิ๋วที่มีลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวลำต้นมีขนาดเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร มักเจริญเติบโตได้ดีบริเวณน้ำจืดที่สะอาด
"Wolffia เป็นเสมือนพืชแห่งโลกอนาคต ที่หลายประเทศทั่วโลกต้องการ ด้วยคุณสมบัติของมันที่มีโปรตีนสูงถึง 2 เท่าของถั่วเหลืองเมื่อรับประทานในปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากัน เป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่มีโปรไฟล์ของกรดอะมิโนใกล้เคียงกับที่ได้จากเนื้อสัตว์ และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนทุกชนิด อีกทั้งยังเป็นพืชในวงศ์แหนซึ่งเป็นพืชกลุ่มเดียวที่มีวิตามิน B12 ที่ปกติไม่พบในพืชชนิดอื่น ตอบโจทย์ของผู้ที่ทานอาหาร plant-based นอกจากนี้ Wolffia ยังใช้ทรัพยากรน้อยเพราะเป็นพืชน้ำที่โตไว เพียง 3 วันก็เพิ่มจำนวนเป็นสองเท่า ใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกน้อยกว่าถั่วเหลืองถึง 30 เท่าในการผลิตโปรตีนในปริมาณที่เท่ากัน จึงเป็นพืชที่มีความ sustainable มาก แถมยังเป็นพืชขนาดเล็กจิ๋วที่รับประทานได้ทุกส่วน ช่วยผลักดันเรื่อง zero-waste movement ได้ด้วยเป็นอย่างดี"
จากนักวิชาการสู่นักธุรกิจ
ด้วยคุณสมบัติที่ดีของ Wolffia ที่ดีเป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัท Advanced GreenFarm สนใจที่จะนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจจริงจัง เพราะได้แรงกระตุ้นจากผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันท่านหนึ่งที่มาตามหา Wolffia เพื่อนำไปเผยแพร่ในยุโรป พร้อมแนะนำให้เพาะเลี้ยงเพราะในตลาดโลกมีความต้องการพืชชนิดนี้มาก
“เท่าที่ทราบตอนนี้มีบริษัทอิสราเอลที่เพาะเลี้ยง Wolffia ส่งไปอเมริกา ทั้งๆ ที่บ้านเขาไม่มีพืชชนิดนี้ แต่เขาได้รับเงินสนับสนุนเป็นร้อยล้าน ในขณะที่บ้านเราเองมีพืชนี้จำนวนมาก และเราในฐานะคนไทย มีความรู้ทางด้านนี้ถ้าไม่เริ่มแล้วใครจะเริ่มทำ อยากใช้ความรู้ที่มีพยายามให้คนไทยรู้จักมากขึ้นและหันมารับประทานพืชที่มีประโยชน์”
ดั้งนั้นไม่เพียงนำ Wolffia มาเพาะเลี้ยง บริษัท Advanced GreenFarm ยังได้พัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะนี้บริษัทได้นำมาแปรรูปเป็นวัตถุดิบให้สามารถเป็นส่วนประกอบอาหาร นำไปผสมทานได้กับอาหารต่างๆ ได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะโรยไข่เจียว หรือบนขนมเค้ก ฯลฯ
“จุดเด่น เหมาะกับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่ทานผักยาก เพราะว่ามันเล็กมาก ไม่มีกลิ่นฉุน ทำให้ทานง่ายแล้วยังมีประโยชน์มากมาย”
ส่วนวิธีการทำตลาดบริษัทฯ จะเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ กลุ่มวีแก้น รวมทั้งร่วมมือกับร้านอาหารต่างๆ เพื่อทำให้ Wolffia เป็นที่รู้จักมากขึ้น
“แม้จะเพิ่งเริ่มได้หนึ่งปีแต่ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์ ที่ได้รับความคนสนใจเยอะมาก มีทีวีหลายรายการที่ให้ความสนใจเชิญไปร่วมรายการ และก็มีคนรู้จักพืชชนิดนี้มากขึ้น ซึ่งมันตรงกับความฝันวันของ ผศ. ดร.เมธา มีแต้ม CEO/co-founder ที่ต้องการให้คนรู้จัก Wolffia เพิ่มขึ้น ให้คนได้ทานก็ภูมิใจแล้ว”
อย่างไรก็ตามวิษุวัต ยอมรับว่าด้วยพื้นฐานที่ตนเองเป็นอาจารย์ ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจจึงพบกับอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การตลาด กฎหมาย ต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวเพราะบางอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น การเดินต้องเข้าไปทักทายคนที่ไม่รู้จัก ต้องปรับตัวเองพอสมควรและต้องอาศัยความอดทนเพื่อจะก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปให้ได้
“ชีวิตไม่เคยคิดทำธุรกิจ แต่ถึงวันหนึ่งที่รู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำแล้ว อาจมีต่างประเทศเอาไปทำ ประกอบกับเราได้เจอสิ่งที่ดี จึงอยากเริ่มและอยากทำเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาเห็นว่างานวิจัยที่เราเรียนรู้ค้นคว้ามันเป็นไปได้ในทางธุรกิจ เพียงแต่ต้องไปช่องทางแบบไหน ต้องทำอย่างไร โดยเฉพาะการเป็น Startup เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะทุกวันที่ผ่านไปคือเงินที่เสียไป ต้องคิดไวทำไว”
สำหรับเป้าหมายต่อไปของ Advanced GreenFarm ที่จะพยายามทำให้คนไทยรู้จัก Wolffia แล้วเป้าหมายต่อไปคือ การทำตลาดต่างประเทศ
“ถ้าเป็นไปได้อยากให้ Wolffia เป็นเหมือนมัทฉะญี่ปุ่น ให้คนที่ได้กินนึกถึงประเทศไทยว่า Wolffia ที่ดีที่สุดต้องมาจากประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น”
CR : https://www.smethailandclub.com/startup-startingabusiness/7146.html , https://www.flowolffia.com/ , https://www.facebook.com/AdvGreenFarm
ภาพ :: https://www.facebook.com/AdvGreenFarm
ถ้าญี่ปุ่นมีมัทฉะ ทำไมเมืองไทยจะมี Wolffia เป็นของดีประจำชาติไม่ได้
ตอบลบแต่ถ้าพูดถึง Wolffia (วูฟเฟีย) ตอนนี้หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเรียกใหม่ในชื่อ "ผำ" หรือ "ไข่น้ำ" เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงรู้จัก โดยเฉพาะคนไทยทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือมักนำพืชชนิดนี้มาทำเป็นอาหารท้องถิ่นรับประทานกันมายาวนานหลายศตวรรษแล้ว
ทว่าหลายคนอาจไม่รู้ว่านี่คืออาหารชั้นดี ปัจจุบันมีนักวิจัยและนักโภชนาการทั่วโลกยกย่องว่า Wolffia เป็น superfood ที่มาแรงแห่งยุค
ทำให้ วิษุวัต สงนวล Co Founder, Advanced GreenFarm มองว่านี่คือโอกาสดีที่จะลงมือทำ เพราะความพร้อมด้านวัตถุดิบและองค์ความรู้ จึงยอมผันตัวจากนักวิชาการมาเป็นนักธุรกิจ
เพื่อจะทำให้ Wolffia เป็น superfood ของดีแห่งสยามเทียบชั้นมัทฉะของญี่ปุ่น
https://www.smethailandclub.com/startups-7146-id.html
#Wolffia #วูฟเฟีย #AdvancedGreenFarm #ผำ #ไข่น้ำ
“ผำ” อาหารที่คนไทยรู้จักมานาน สู่ ซูเปอร์ฟูดของโลก /โดย ลงทุนเกิร์ล
ตอบลบรู้ไหมว่า พืชท้องถิ่นของภาคเหนือและภาคอีสานของไทย
อย่าง “ผำ” หรือ ไข่ผำ ถูกจัดให้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
จนถูกมองว่า ในอนาคตมันจะสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาวิกฤติอาหาร และลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
แล้วเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ผำ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Wolffia (อ่านว่า วุลฟ์เฟีย) เป็นพืชที่พบได้ในภาคเหนือ และภาคอีสานของไทย
ซึ่งจะมีหน้าตาคล้าย “แหน” และเป็นพืชที่อยู่กับผิวน้ำเหมือนกัน แต่มีข้อแตกต่างกันตรงที่ ผำ มีสีเขียวสดกว่า ไม่มีรากและใบ มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ คล้ายกับไข่กุ้ง มีรสออกจืด ไม่ขม กลิ่นไม่แรง
มักพบอยู่บนผิวน้ำเป็นกลุ่มในแหล่งน้ำที่นิ่ง และใสสะอาดเท่านั้น ทั้งยังชอบอากาศร้อน และแสงแดดจัด
จึงไม่น่าแปลกใจที่พบผำในประเทศที่อยู่ในเขตร้อน
อย่างเช่น อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา แอฟริกา
รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเมียนมา ลาว และไทย
ซึ่งคนไทยในภาคเหนือและภาคอีสาน จะคุ้นเคยกับผำเป็นอย่างดี
เพราะนิยมนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร นานนับร้อยปีแล้ว
เมนูยอดฮิตก็อย่างเช่น คั่วผำ ที่นำผำมาใส่พริกป่น ข้าวคั่ว และปรุงรสคล้าย ๆ ลาบ หรือไข่เจียวผำ เป็นต้น
โดยผลการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 พบว่า ผำมีสารอาหารสูง และมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ เช่น
- ให้โปรตีนสูงกว่าถั่วเหลืองเกือบ 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน
- ไฟเบอร์สูง ย่อยง่าย ดีต่อระบบย่อยอาหาร
- มีแคลอรี แป้ง น้ำตาล และไขมันต่ำ
- มีวิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ซึ่งหาได้ยากในพืชตามธรรมชาติ
- มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน และอุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็น เช่น เหล็ก แคลเซียม สังกะสี
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ คุณสมบัติของผำ ยังเป็นดาวเด่นในด้าน “สิ่งแวดล้อม” อีกด้วย
เพราะพวกมันสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับป่าที่อุดมสมบูรณ์ ที่มีพื้นที่ขนาดเท่า ๆ กัน
นอกจากนี้ ผำยังเติบโตง่าย ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี และสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงทำให้ ผำ ถูกคาดหวังให้เป็น “อาหารแห่งอนาคต”
ซึ่งปัจจุบัน หลายประเทศกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารของโลก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทำให้ ผำ เริ่มถูกหยิบมาใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจมากขึ้น
อย่างเช่น
การทำฟาร์มเพาะเลี้ยงผำ
ซึ่งอาจกลายเป็น ทั้งความหวังใหม่ของเกษตรกร และช่วยลดการปนเปื้อน ที่อาจมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
สำหรับในปัจจุบัน ผำมีราคาเฉลี่ยประมาณ 150-200 บาทต่อกิโลกรัม
โดยมีจำหน่ายทั้งแบบสด แบบแช่แข็ง และแบบแห้ง (Freeze Dry) สำหรับนำไปประกอบอาหาร ที่ทำได้ทั้งอาหารคาวเมนูต่าง ๆ แทนผักชนิดอื่น
นอกจากนี้ ผำยังถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร Plant Based หรือแม้แต่นำไปเป็นส่วนประกอบของขนม อย่าง คุกกี้ เค้ก ไอศกรีม และสมูทที ก็ทำได้เช่นกัน
แล้ว ผำ มีโอกาสเติบโตแค่ไหนในเชิงธุรกิจ ?
ธุรกิจที่เห็นโอกาส เริ่มหยิบวุลฟ์เฟียขึ้นมาใช้ในเชิงธุรกิจ และใช้เทคโนโลยีพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้ว
เช่น
- Biovolf บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ จากสิงคโปร์ ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยี สำหรับปลูกผำในเครื่องที่สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเติบโตของผำ ทำให้ประหยัดพื้นที่ และยังช่วยให้การเพาะปลูกรวดเร็วขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ที่อาหารอาจไม่เพียงพอต่อประชากรโลก
- Advanced GreenFarm และ Flo ธุรกิจฟาร์มผำในประเทศไทย ที่จำหน่ายผำแบบสด, แบบผง และแบบแช่แข็ง
- Thai Coconut บริษัทระดับมหาชนของไทย ก็มีการผลิตสินค้าเป็น “ผำแช่แข็ง” จนคว้ารางวัล “Sial Innovation” ระดับ Silver จากเวทีแสดงสินค้าโลก Sial 2022 ที่ประเทศฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นธุรกิจในไทยที่จับเอาวุลฟ์เฟียมาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างเช่น
บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ที่ออกผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารจากผำ ภายใต้แบรนด์ สุภาพโอสถ
Absolute Plant แบรนด์ Plant Based น้องใหม่ ที่ออกผลิตภัณฑ์หมูจากพืช ผสมวุลฟ์เฟีย ออกจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ
ด้วยคุณประโยชน์ที่ค้นพบ และการผลักดันในเชิงธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นที่น่าจับตาว่า ในอนาคต เราจะได้เห็นธุรกิจที่ใช้ผำมาผลิตสินค้าอะไรใหม่ ๆ อีกบ้าง
แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ประเทศไทยเองถือว่ามีความพร้อมมากกว่าหลาย ๆ ประเทศ ทั้งสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกผำ และภูมิปัญญาในการนำผำมาปรุงอาหารที่มีมาอย่างยาวนาน
ดังนั้น หากผำกลายมาเป็นแหล่งอาหารสำคัญในอนาคตขึ้นมาจริง ๆ ประเทศไทย ก็น่าจะได้ประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว..
References:
-https://www.sciencedirect.com/.../agricultural.../wolffia
-https://science.mahidol.ac.th/simple.../2022/08/02/wolffia/
ผำ’ ไม่ใช่ชื่อที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าพืชน้ำสีเขียวขนาดเล็กจิ๋วนี้จะกลายเป็นความหวังใหม่ในฐานะของซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ แถมยังแตกหน่อยขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
ตอบลบผำ มีชื่อเรียกหลายชื่อเลยทีเดียว ทั้ง ‘ไข่ผำ’ และ ‘ไข่น้ำ’ ส่วนในภาษาอังกฤษจะรู้จักกันในชื่อว่า Wolffia (วูฟเฟีย) เป็นพืชน้ำที่พบได้ในแหล่งน้ำนิ่งทั่วโลก ยกเว้นเพียงแค่พื้นที่ที่มีแต่น้ำแข็งอย่างแอนตาร์กติกาและพื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้ง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ใต้ร่มเงาหรือมีแสงน้อย ในประเทศไทยเองก็มีการบริโภคผำด้วยเช่นกัน พบมากโดยเฉพาะทางภาคเหนือของประเทศ
จะเรียกว่า ‘จิ๋วแต่แจ๋ว’ ก็ว่าได้ เพราะในขนาดเท่าหัวเข็มหมุดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และกรดอะมิโนจำเป็น อีกทั้งยังมีปริมาณไขมันต่ำ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผำกลายเป็นพืชที่น่าจับตามองในฐานะของแหล่งโปรตีนทางเลือกแห่งอนาคต
.
ทุกวันนี้ผำเป็นหนึ่งในพืชที่เริ่มอวดโฉมในร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำหลายร้าน ผสมผสานออกมาได้ตั้งแต่เครื่องดื่มไปจนถึงไฟน์ไดนิ่ง ทั้งที่ร้าน Le Du (ฤดู), Chim By Siam Wisdom, MAKAI Açaí & Superfood Bar, 手 qraft., และ BROCCOLI REVOLUTION เป็นต้น ผ่านการพัฒนาโดย Advanced GreenFarm สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ผู้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ SPACE-F ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งหน้าผลักดันธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของไทย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการทดลองปลูกผำในสภาพแวดล้อมแรงโน้มถ่วงต่ำ เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ของการใช้ผำผลิตเป็นอาหารสำหรับภารกิจบนอวกาศอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ผำจะได้ชื่อว่าเป็นอาหารแห่งอนาคตอย่างแท้จริง!
แหล่งข้อมูล
https://kukrdb.lib.ku.ac.th/.../search.../result/20010688
https://scitechdaily.com/development-of-next-generation.../
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8470744/
Advanced GreenFarm
NIA : National Innovation Agency, Thailand
วูฟเฟีย (ไข่ผำ)
ตอบลบวูฟเฟียเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อหน่วยสูง (nutrient-dense) ทำให้ทุกๆ ช้อนที่คุณใส่ลงไปในอาหารที่ชื่นชอบ คุณจะได้รับทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงในระดับซูเปอร์ฟู้ด วูฟเฟียไม่ขมไม่เหม็นเขียว สามารถทานได้ทีละมากๆ เราจึงอยากแนะนำให้ใส่วูฟเฟียราว 2-6 ช้อนโต๊ะ ลงในอาหารจานโปรดของคุณ
เมนูอาหารที่แนะนำจะเป็น ไข่เจียว ข้าวผัด ซุป สลัด พิซซ่า พาสต้า ขนมปัง แพนเค้ก และเบเกอรี่ชนิดต่างๆ รวมไปถึง น้ำผลไม้ปั่น และ สมูตตี้โบลว์ หรือ ใส่กับพวก dipping/dressing แล้วใช้จิ้มผักลวกหรือ chips ก็อร่อย
ง่ายที่สุดลองเวฟ 1-2 นาที แล้วทานพร้อมกับเมนูอื่นๆ ที่ทานอยู่แล้ว จะพบว่าวูฟเฟียเข้ากันได้ดีกับเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ดร้อนแรงแบบไทยๆ หรือจะไปแนวสตูว์แบบฝรั่ง ซุปเต้าหู้กิมจิแบบเกาหลี ก็เข้ากันดี๊ดีไปหมด
ลองดูนะคะ แล้วคุณจะพบว่า ทานผักวันละมากๆ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด