วูล์ฟเฟีย ( Wolffia) อาหารแห่งอนาคต
https://youtu.be/P7ar-2sfS3U?si=3jghsfGXt_xwURbg
"Plant-based diet หรือการรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลัก กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทั้งดีต่อสุขภาพ และไม่ทำลายโลก
วูล์ฟเฟีย’ หรือพืชตระกูลแหน ที่คนไทยเรียกว่าไข่น้ำ หรือไข่ผำ หนึ่งใน Plant-based ที่ถือเป็นสุดยอดโปรตีนระดับซูเปอร์ฟู้ด นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ไข่เจียว แกงหรือผัด ด้วยรสชาติดที่กรุบ ๆ มัน ๆ สัมผัสคล้าย ๆ ไข่กุ้งในซูชิ ช่วยเพิ่มความอร่อยในมื้ออาหารได้อย่างไม่น่าเชื่อ ปกติ วูล์ฟเฟีย จะขึ้นตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่เป็นน้ำนิ่ง คุณค่าทางโปรตีนจะแปรผันไปตามสภาพแวดล้อม จึงเป็นที่มาของฟาร์มเพาะเลี้ยงวูล์ฟเฟีย Advance GreenFarm ที่นำเกษตรแม่นยำเข้ามาปรับใช้ เพื่อให้ได้วูล์ฟเฟียที่มีคุณภาพ สะอาด และได้โปรตีนสูงแบบสม่ำเสมอในทุกรอบการผลิต
มาทำความรู้จักกับวูฟเฟีย พืชจิ๋วคุณค่าแจ๋ว ผ่านบทสัมภาษณ์ของ CSO ของ Advanced Greenfarm ดร. วิษุวัต สงนวล ที่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวน่าสนใจของวูฟเฟียกับรายการเพื่อนคู่คิดกันนะคะ
วูฟเฟียคืออะไร
วูฟเฟียเป็นชื่อของพืชที่มีขนาดเล็กซึ่งคนไทยเรียกว่า ไข่น้ำ หรือ ไข่ผำ
คนที่เคยรับประทาน ส่วนใหญ่ก็จะอยากรับประทานอีก เพราะว่าเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์สูง แล้วก็อร่อย รับประทานง่าย สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด
เทรนด์ของวูฟเฟีย
ในปัจจุบันก็คือมีความสนใจเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าพืชชนิดนี้มีคุณค่าทางอาหารสูงประดับซูเปอร์ฟู้ด แล้วก็เป็นที่ต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศเลย
วูฟเฟียเป็นหนึ่งในพืชตระกูลแหน ในต่างประเทศตอนนี้ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่มีกระแสอาหารที่ทำมาจากพืช หรือโปรตีนทางเลือก เพราะว่าวูฟเฟียเป็นพืชที่มีโปรตีนในปริมาณสูงมาก
ในแคลอรี่ที่เท่ากัน วูฟเฟียมีปริมาณโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลืองถึงสองเท่า แถมยังมีคุณค่าอื่นๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ มีธาตุเหล็ก สูงกว่าบร็อคโคลี่ 10 เท่า สูงกว่าเคล 3 เท่า
ความตั้งใจของทีมผู้ก่อตั้งบริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม
เมื่อก่อน ชาวบ้านก็จะรับประทานวูฟเฟียที่มาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบัน แหล่งน้ำตามธรรมชาติ ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ แล้วก็ยังอาจจะมีการปนเปื้อนจากสารเคมีทางการเกษตร
เราก็เป็นทีมนักวิจัย ที่พอได้ทราบถึงคุณประโยชน์ของวูฟเฟีย ก็เลยตั้งใจที่จะผลิตวูฟเฟียที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานมากขึ้น โดยวิธีการเพาะเลี้ยงที่ใช้การเกษตรแม่นยำ ควบคุมคุณภาพทั้งน้ำแล้วก็อาหารที่ให้กับวูฟเฟีย เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงที่สุดต่อพื้นที่ แล้วก็สามารถที่จะพัฒนาให้มีคุณค่าทางอาหารสูงขึ้น
ความท้าทายในการทำธุรกิจ
ก่อนที่เราจะเริ่มธุรกิจนี้ ก็คือข้อมูลมีน้อย เราใช้เวลาประมาณสองปีในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อที่จะนำมาปรับปรุงการผลิตของเรา ทำให้เราได้ผลผลิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
อุปสรรคข้อที่สอง ก็คือการทำให้ผู้บริโภคเปิดใจและยอมรับ ทำให้คนรู้จักการรับประทานวูฟเฟียมากขึ้น
ส่วนใหญ่ก็คือ คนจะยังไม่เคยรู้จักเลย นอกจากนี้หลายคน รู้จักแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเอามาทำอาหารอะไรทาน เราก็เลยร่วมมือกับร้านอาหาร พัฒนาเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่ายขึ้น และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบันได้มากขึ้น
วูฟเฟีย ดีต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากสารอาหารที่ดีมาก โปรตีนที่มีคุณภาพดี วูฟเฟียเป็นพืชที่โตเร็วมากด้วย ทำให้การเพาะเลี้ยง ใช้ทรัพยากรน้อย แล้วก็ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
มีงานวิจัยที่บอกว่า ในพื้นที่ที่เท่ากัน วูฟเฟียสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้พอๆ กับผืนป่าเลย
ความรู้สึกจากใจทีมงาน
ทั้งหมดนี้ทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เราทำ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การทำฟาร์ม แต่ว่าเป็นการสร้างความยั่งยืนทางทรัพยากรอาหาร ให้กับประเทศ แล้วก็ให้กับโลกด้วย
เราก็ตั้งใจว่า เราอยากให้คนทั้งโลกรู้จักว่า วูฟเฟียที่ดีที่สุดต้องมาจากประเทศไทย
‘สเปซเอฟ’ หนุนฟู้ดเทคไทย ปั้น ‘วูฟเฟีย’ ซุปเปอร์ฟู้ดบุกตลาดโลก
“แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม”สตาร์ทอัพสายฟู้ดเทคนำวูฟเฟีย(Wolffia) หรือที่รู้จักในชื่อไข่น้ำ/ผำ วัชพืชน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดแต่คุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เข้ารับการบ่มเพาะจากโครงการสเปซเอฟ (SPACE-F) รุ่นแรก บิ๊กโปรแกรมที่ปลุกปั้นและเร่งการเติบโตทางธุรกิจ
ให้กับผู้ประกอบการนวัตกรรมด้านอาหาร ขับเคลื่อนโดยหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนชั้นนำของประเทศ ถือเป็นการเข้าสู่อีโคซิสเต็มของฟู้ดเทคสตาร์ทอัพอย่างเต็มรูปแบบ
ปั้นคาเวียร์แห่งสายน้ำ
“ผำ” สุดยอดอาหารแห่งอนาคต ที่ได้รับความสนใจจากนาซาเพื่อทำเป็นอาหารให้กับนักบินอวกาศ เป็นอาหารคู่ครัวไทยมาแต่โบราณ ทั้งยังเป็นที่นิยมของต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น อิสราเอล สหรัฐอเมริกา โดยเริ่มมีการทำธุรกิจเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชน้ำชนิดนี้มากขึ้น เพียงแต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแบบเกษตรพื้นบ้าน ซึ่งให้ผลผลิตต่ำและประสบปัญหาการปนเปื้อน
ด้วยความที่เป็นพืชที่โตไวและมีคุณค่าทางอาหารสูงระดับซูเปอร์ฟู้ด ที่ภาคอุตสาหกรรมเสาะแสวงหา จึงเป็นเหตุผลให้ “ผศ.เมธา มีแต้ม” อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประยุกต์ใช้ทักษะความรู้บวกกับเทคโนโลยีการเกษตรแม่นยำ ในการพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงที่ให้ทั้งผลผลิตและธาตุอาหารสูงในปี 2562 พร้อมทั้งการก้าวสู่โลกธุรกิจโดยเปิดตัวบริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด
"ผมมีประสบการณ์ด้านงานวิจัยมากมาย อาทิ การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนาดเล็ก การผสมพันธุ์ข้าวให้มีสารอาหารที่สูงขึ้น จนกระทั่งปี 2559 มีศาสตราจารย์จากเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพืชตระกูลแหนหรือ Duckweed ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อศึกษาการบริโภคและการเพาะเลี้ยงผำ ซึ่งเป็นพืชตระกูลแหนชนิดหนึ่ง ทำให้มองเห็นโอกาสที่จะผลักดันให้เป็นอาหารแห่งอนาคตของโลก ทั้งยังเห็นถึงการเติบโตของตลาด และความต้องการที่เพิ่มขึ้น จึงทำงานวิจัยร่วมกัน"
ปั้นเทคโนโลยีเพาะเลี้ยงขั้นสูง
แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม ได้ผสมผสานความรู้จากงานวิจัยด้านพืช และการเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนาดเล็ก สู่ฟาร์มที่มีเทคโนโลยีเพาะเลี้ยงขั้นสูง 1.คัดเลือกพันธุ์ดีที่สุดที่มีอยู่ในไทย พร้อมกับพัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้น 2.ศึกษาสภาวะการเลี้ยงให้ผลผลิตสูงตลอดปี 3.พัฒนาวิศวกรรมของระบบเพาะเลี้ยง 4.การวิเคราะห์ตรวจสอบคุณภาพตลอดกระบวนการเพาะเลี้ยง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารสูง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังลงทุนในโรงงานเพาะปลูกขนาดใหญ่เพื่อผลักดันให้สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร และวิจัยพัฒนาเพื่อให้มั่นใจว่า จะสามารถผลิตป้อนภาคอุตสาหกรรมในปริมาณที่เพียงพอตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบสด แช่แข็ง ผงแห้ง หรือผลิตภัณฑ์พร้อมทาน
ทางด้านบิซิเนสโมเดลได้วางกลยุทธ์ที่จะเจาะตลาดอาหารสุขภาพและวีแกนเป็นอันดับแรก เริ่มจากจำหน่ายแบบ B2C ที่ส่งให้ผู้บริโภคนำไปประกอบอาหารเองที่บ้าน ปัจจุบันส่วนใหญ่จำหน่ายแบบออนไลน์ และมีออฟไลน์เล็กน้อย
ตั้งเป้าบุกตลาดส่งออก
อีกกลยุทธ์ที่สำคัญคือ ร่วมมือกับธุรกิจอาหารขนาดเล็ก โดยเฉพาะร้านอาหาร Fine Dining อาทิ มิชลินสตาร์ และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารรายย่อยที่เน้นอาหารพรีเมียมเพื่อสุขภาพ อาหารเด็ก หรือวีแกน เช่น เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว สเปรด เพราะส่วนใหญ่ความท้าทายจะอยู่ที่ผู้บริโภคไม่รู้วิธีการนำไปประกอบอาหาร ต่อมาจะขยายสู่สเกลที่ใหญ่ขึ้นผ่านทางพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ
พร้อมทั้งตั้งเป้าที่จะขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เริ่มเจาะตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ดูไบ และขยายสู่ตลาดยุโรปที่กำลังมีความต้องการอาหารสุขภาพและอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ แอดวานซ์ฯ เป็นเพียงไม่กี่รายที่ทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างจริงจัง ในฝั่งของกำลังการผลิตนั้นจำเป็นจะต้องเร่ง เพื่อให้เพียงพอต่อดีมานด์ของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งภายในและนอกประเทศ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถ จึงต้องอาศัยทั้งภาครัฐและนักวิชาการของไทยมามีส่วนช่วยในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม
เขายกตัวอย่างต้นปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยจากต่างประเทศที่เริ่มต้นถอดรหัสพันธุกรรมของผำ เพื่อค้นหายีนที่ช่วยให้เติบโตเร็วที่สุดในโลก เป็นการผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ รวมถึงช่วยให้คนไทยได้กลับมารู้จักและทานอาหารสุขภาพดีแห่งโลกอนาคต
“ผำ” แหล่งโปรตีนทางเลือกใหม่ รสสัมผัสคล้าย ไข่กุ้ง! จากธรรมชาติ สู่ฟาร์มเพาะ
"ผำ" หรือ "ไข่น้ำ" (Wolffia globosa) เป็นพืชที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่สูงมาก ให้คุณค่าทางสารอาหารที่หลากหลายและยังให้แคลอรี่ที่ต่ำอีกด้วย เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายกลุ่ม ด้วยคุณสมบัติในส่วนนี้ทำให้ บริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม เลือกให้เป็นพืชที่ต้องนำมาแปรรูปต่อไป นอกจากนี้ยังกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอีกด้วย
อาจารย์ ดร.วิษุวัต สงนวล Co-founder บริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม เล่าว่า บริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2562 เพื่อแปลงความรู้ในพืชสู่ฟาร์มที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงที่ในการผลิต ไข่ผำ หรือ วูฟเฟีย ระดับพรีเมี่ยม แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม เริ่มต้นจากการคัดสรรพันธุ์ วูฟเฟีย พื้นเมืองที่มีอยู่ในประเทศไทย เพื่อเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุดในการเริ่มต้น พร้อมทั้งลงทุนในโรงงานเพาะปลูกขนาดใหญ่ และการวิจัยและพัฒนาอาหารเพื่อให้มั่นใจว่า พันธมิตรอุตสาหกรรมจะได้รับ วูฟเฟีย ในปริมาณที่เพียงพอและมั่นคงในรูปแบบเหมาะสมที่สุดกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบสด แช่แข็งหรือผงแห้ง
อีกทั้งยังมองว่าปัจจุบันคนไทยรับประทานผักน้อยลง ซึ่งผักถือว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก “ผำ” เป็นผักที่วิจัย และคิดค้นมาแล้วว่าเป็นพืชชนิดเดียวที่อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียมสูง และเป็นผักชนิดเดียวที่มีวิตามิน บี12 ช่วยในการบำรุงสมอง และยังเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย ไม่มีกลิ่น และรับประทานง่าย จึงมองว่า “ผำ” ควรที่จะได้รับการพัฒนา และแปรรูปมาให้ทุกคนได้รับประทานกัน
"ผำ" หรือ "ไข่น้ำ" (Wolffia globosa) เป็นพืชจิ๋วที่มีลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเพียงแค่ 1 มม.ต่อต้น สามารถเจริญเติบโตได้ดีบนผิวน้ำจืดที่สะอาด คนไทยทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือรู้จักนำพืชชนิดนี้มาทำเป็นอาหารท้องถิ่นชั้นเยี่ยมมาหลายศตวรรษ เนื่องจากเอกลักษณ์ของผำคือเป็นพืชขนาดจิ๋วที่ไม่ต้องมีทั้งรากและใบทำให้มั่นใจได้ว่ามันมุ่งเน้นการใช้พลังงานในการเติบโตและการสร้างสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมด ภายในอัดแน่นไปด้วยโปรตีนและวิตามินนานาชนิด แต่มีปริมาณแป้งและไขมันต่ำ มีรสชาติที่นุ่มนวลพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ
ปริมาณโปรตีนของ ไข่ผำ อาจแตกต่างกันไป ผำจากบ่อธรรมชาติอาจมีโปรตีนสูงได้ถึง 25% ของน้ำหนักแห้ง แต่เพราะทางบริษัทบำรุงผำในสภาพ hydronutrient ที่ดีที่สุด ผนวกกับเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยว ทำให้แน่ใจว่าผำสดใหม่ มีโปรตีนมากกว่า 40% ของน้ำหนักแห้ง สัดส่วนโปรตีนนี้นับว่าดีกว่าอาหารจากพืชโปรตีนสูงแทบทุกชนิดที่ในตลาดรู้จัก รวมถึง ถั่วเหลือง ถั่วลูกเจี๊ยบ และถั่วลันเตา อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นการศึกษาจำนวนมากยังยืนยันว่า กรดอะมิโนของไข่ผำให้โปรตีนคุณภาพสูงที่คล้ายกับเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารนมที่มี BCAA สูงและกรดอะมิโนกำมะถันที่มักพบได้น้อยในโปรตีนจากพืชทั่วไป อาจกล่าวได้ว่าผำใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตโปรตีนที่ร่างกายมนุษย์ต้องการได้
“มีนักลงทุนจากเยอรมันมาช่วยไกด์เรา และเป็นผู้ร่วมบริหารมาด้วยกันกับเรา เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งก็จบปริญญาเอกมาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เขาก็เข้ามาวิจัยในเรื่องของพืชตัวนี้ ก็คือ “ผำ” เราก็เลยรู้สึกว่ามันเหมาะ มันดี เนื่องจากมันสามารถอยู่ในอากาศเมืองไทยได้ดี เจริญเติบโตได้ดี ในขณะเดียวกันต่างประเทศ พืชชนิดนี้ก็ไม่สามารถเติบโตได้แบบเรา หรือสายพันธุ์ก็คนละสายพันธุ์กัน ซึ่งทั่วโลกจะมีอยู่ประมาณ 3 สายพันธุ์”
ทั้งนี้ “ผำ” สายพันธุ์ของพืชชนิดนี้ในประเทศไทย เป็นสายพันธุ์ที่โตเร็วที่สุด และมีความสมบูรณ์ที่สุด ซึ่ง “ผำ” จะมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ และไม่ได้เจริญเติบโตได้ง่ายในต่างประเทศ ถือเป็นพืชหายาก ซึ่งทางบริษัทได้ไปคัดเลือกในประเทศไทยทั้งหมดมา แล้วเลือกว่าสายพันธุ์ไหนเป็นสายพันธุ์ที่สมบูรณ์ที่สุด
สำหรับระยะเวลาที่วิจัยและพัฒนาโดยสมบูรณ์พร้อมกับมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดก็เดินทางมาได้ 1 ปีกว่า ผลตอบรับเป็นไปในทางที่ดี กลุ่มลูกค้าเองส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มครอบครัว ที่มีลูกและต้องการให้ลูกๆ ได้รับสารอาหารจากผัก และอีกหนึ่งกลุ่มก็จะเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ เนื่องจากให้คุณค่าทางสารอาหารสูงแต่แคลอรี่ต่ำ ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานอยู่ที่ 20 กิโลแคลอรี่ ตอนนี้มีขายในช่องทางออนไลน์ทั้ง เฟซบุ๊ก และไลน์ ราคาจะอยู่ที่ 250 กรัม 125 บาท
“ผำ สามารถนำไปทำเมนูอาหารได้อย่างหลากหลาย เช่น น้ำเกรวี่ ราดสเต๊ก หรือแม้แต่กระทั่งของหวานอย่างไอศกรีม ก็สามารถทำได้เช่นกัน หรือทำเป็นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพคนก็นิยมเช่นกัน นอกจากน้ี ผำยังเป็นพืชที่คนไทยนิยมมานานแล้ว อย่างกลุ่มผู้สูงอายุในต่างจังหวัดก็นิยมนำมาทำเป็นอาหารกัน เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่า ผำ ให้คุณค่าทางอาหารสูงขนาดนั้น”
ในอนาคตวางแผนไว้ว่าจะเพิ่มกำลังในการผลิตต่อไป พร้อมกับทำคอนเทนท์ บุกตลาดออนไลน์มากขึ้น ขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ และในเมืองที่ยังไม่รู้จัก “ผำ” ให้กลายเป็นที่รู้จักและสร้างการรับรู้ให้มากขึ้นไปกว่าเดิม
Wolffia เป็น superfood ของดีแห่งสยามเทียบชั้นมัทฉะของญี่ปุ่น
ถ้าเอ่ยถึง Wolffia (วูฟเฟีย) หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเรียกใหม่ในชื่อ "ผำ" หรือ "ไข่น้ำ" เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงรู้จัก โดยเฉพาะคนไทยทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือมักนำพืชชนิดนี้มาทำเป็นอาหารท้องถิ่นรับประทานกันมายาวนานหลายศตวรรษแล้ว ทว่าหลายคนอาจไม่รู้ว่านี่คืออาหารชั้นดี ปัจจุบันมีปัจจุบันมีนักวิจัยและนักโภชนาการทั่วโลกยกย่องว่า Wolffia เป็นสุดยอดอาหาร superfood ที่มาแรงในขณะนี้
วิษุวัต สงนวล Co Founder, Advanced GreenFarm Co., Ltd. มีความเชี่ยวชาญในการเพาะเลี้ยงพืชน้ำขนาดเล็ก อธิบายเพิ่มว่า คนไทยบางคนอาจจะเคยเห็นพืชชนิดนี้กันบ้าง แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนช่างสังเกตอาจจะมองไม่เห็น Wolffia เพราะมันเป็นพืชขนาดจิ๋วที่มีลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวลำต้นมีขนาดเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร มักเจริญเติบโตได้ดีบริเวณน้ำจืดที่สะอาด
"Wolffia เป็นเสมือนพืชแห่งโลกอนาคต ที่หลายประเทศทั่วโลกต้องการ ด้วยคุณสมบัติของมันที่มีโปรตีนสูงถึง 2 เท่าของถั่วเหลืองเมื่อรับประทานในปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากัน เป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่มีโปรไฟล์ของกรดอะมิโนใกล้เคียงกับที่ได้จากเนื้อสัตว์ และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนทุกชนิด อีกทั้งยังเป็นพืชในวงศ์แหนซึ่งเป็นพืชกลุ่มเดียวที่มีวิตามิน B12 ที่ปกติไม่พบในพืชชนิดอื่น ตอบโจทย์ของผู้ที่ทานอาหาร plant-based นอกจากนี้ Wolffia ยังใช้ทรัพยากรน้อยเพราะเป็นพืชน้ำที่โตไว เพียง 3 วันก็เพิ่มจำนวนเป็นสองเท่า ใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกน้อยกว่าถั่วเหลืองถึง 30 เท่าในการผลิตโปรตีนในปริมาณที่เท่ากัน จึงเป็นพืชที่มีความ sustainable มาก แถมยังเป็นพืชขนาดเล็กจิ๋วที่รับประทานได้ทุกส่วน ช่วยผลักดันเรื่อง zero-waste movement ได้ด้วยเป็นอย่างดี"
จากนักวิชาการสู่นักธุรกิจ
ด้วยคุณสมบัติที่ดีของ Wolffia ที่ดีเป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัท Advanced GreenFarm สนใจที่จะนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจจริงจัง เพราะได้แรงกระตุ้นจากผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันท่านหนึ่งที่มาตามหา Wolffia เพื่อนำไปเผยแพร่ในยุโรป พร้อมแนะนำให้เพาะเลี้ยงเพราะในตลาดโลกมีความต้องการพืชชนิดนี้มาก
“เท่าที่ทราบตอนนี้มีบริษัทอิสราเอลที่เพาะเลี้ยง Wolffia ส่งไปอเมริกา ทั้งๆ ที่บ้านเขาไม่มีพืชชนิดนี้ แต่เขาได้รับเงินสนับสนุนเป็นร้อยล้าน ในขณะที่บ้านเราเองมีพืชนี้จำนวนมาก และเราในฐานะคนไทย มีความรู้ทางด้านนี้ถ้าไม่เริ่มแล้วใครจะเริ่มทำ อยากใช้ความรู้ที่มีพยายามให้คนไทยรู้จักมากขึ้นและหันมารับประทานพืชที่มีประโยชน์”
ดั้งนั้นไม่เพียงนำ Wolffia มาเพาะเลี้ยง บริษัท Advanced GreenFarm ยังได้พัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะนี้บริษัทได้นำมาแปรรูปเป็นวัตถุดิบให้สามารถเป็นส่วนประกอบอาหาร นำไปผสมทานได้กับอาหารต่างๆ ได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะโรยไข่เจียว หรือบนขนมเค้ก ฯลฯ
“จุดเด่น เหมาะกับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่ทานผักยาก เพราะว่ามันเล็กมาก ไม่มีกลิ่นฉุน ทำให้ทานง่ายแล้วยังมีประโยชน์มากมาย”
ส่วนวิธีการทำตลาดบริษัทฯ จะเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ กลุ่มวีแก้น รวมทั้งร่วมมือกับร้านอาหารต่างๆ เพื่อทำให้ Wolffia เป็นที่รู้จักมากขึ้น
“แม้จะเพิ่งเริ่มได้หนึ่งปีแต่ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์ ที่ได้รับความคนสนใจเยอะมาก มีทีวีหลายรายการที่ให้ความสนใจเชิญไปร่วมรายการ และก็มีคนรู้จักพืชชนิดนี้มากขึ้น ซึ่งมันตรงกับความฝันวันของ ผศ. ดร.เมธา มีแต้ม CEO/co-founder ที่ต้องการให้คนรู้จัก Wolffia เพิ่มขึ้น ให้คนได้ทานก็ภูมิใจแล้ว”
อย่างไรก็ตามวิษุวัต ยอมรับว่าด้วยพื้นฐานที่ตนเองเป็นอาจารย์ ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจจึงพบกับอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การตลาด กฎหมาย ต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวเพราะบางอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น การเดินต้องเข้าไปทักทายคนที่ไม่รู้จัก ต้องปรับตัวเองพอสมควรและต้องอาศัยความอดทนเพื่อจะก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปให้ได้
“ชีวิตไม่เคยคิดทำธุรกิจ แต่ถึงวันหนึ่งที่รู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำแล้ว อาจมีต่างประเทศเอาไปทำ ประกอบกับเราได้เจอสิ่งที่ดี จึงอยากเริ่มและอยากทำเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาเห็นว่างานวิจัยที่เราเรียนรู้ค้นคว้ามันเป็นไปได้ในทางธุรกิจ เพียงแต่ต้องไปช่องทางแบบไหน ต้องทำอย่างไร โดยเฉพาะการเป็น Startup เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะทุกวันที่ผ่านไปคือเงินที่เสียไป ต้องคิดไวทำไว”
สำหรับเป้าหมายต่อไปของ Advanced GreenFarm ที่จะพยายามทำให้คนไทยรู้จัก Wolffia แล้วเป้าหมายต่อไปคือ การทำตลาดต่างประเทศ
“ถ้าเป็นไปได้อยากให้ Wolffia เป็นเหมือนมัทฉะญี่ปุ่น ให้คนที่ได้กินนึกถึงประเทศไทยว่า Wolffia ที่ดีที่สุดต้องมาจากประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น”
CR : YouTube: เพื่อนคู่คิด โดย ธนาคารกรุงเทพ , https://www.flowolffia.com/post/wolffia-future-food-th , https://www.bangkokbiznews.com/tech/928921 , www.advancedgreenfarm.com , https://m.mgronline.com/smes/detail/9630000111570 , https://www.smethailandclub.com/startup-startingabusiness/7146.html , https://www.flowolffia.com/ , https://www.facebook.com/AdvGreenFarm
Wolffia “ผำ” ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ตอบลบ“ผำ” ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ผำ มีชื่อเรียกหลายชื่อเลยทีเดียว ทั้ง “ไข่ผำ” และ “ไข่น้ำ” ส่วนในภาษาอังกฤษจะรู้จักกันในชื่อ Wolffia (วูล์ฟเฟีย) เป็นพืชน้ำที่พบได้ในแหล่งน้ำนิ่งทั่วโลก อีกทั้งสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ใต้ร่มเงาหรือมีแสงน้อย จึงง่ายต่อการปลูกในบ่อเลี้ยงทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง ในประเทศไทยก็เป็นอีกพื้นที่ที่พบการเจริญเติบโตของผำ และมีการบริโภคผำโดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ที่บอกว่าจิ๋วแต่แจ๋วนั้นไม่เกินจริง เพราะภายในขนาดเท่าหัวเข็มหมุดนั้นอุดมไปด้วย สารอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนจําเป็น และเบตา-แคโรทีน จึงมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แก้ปัญหาอาการท้องผูก อีกทั้งยังมีปริมาณไขมันต่ำ ยิ่งกินบ่อยก็ยิ่งมีส่วนช่วยลดนํ้าตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ด้วยเหตุนี้เองที่ทําให้ฝ่ากลายเป็นพืชที่น่าจับตามองในฐานะของซูเปอร์ฟู้ดและแหล่งโปรตีนทางเลือกแห่งอนาคต ตอบรับกระแสแพลนต์เบสที่กําลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยรสชาติและกลิ่นทีค่อนข้างจืด ไม่เหม็นเขียว ผำสดนําไปประกอบอาหารได้หลากหลายเลยทีเดียว ทั้งเมนูแบบไทยๆ อย่างไข่เจียว แกงไข่ผำ ไปจนถึงเมนูอาหารนานาชาติ รวมถึงของหวาน เช่น สลัด ข้าวปั้น ไอศกรีม และสมูทตีโบว์ล ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาผำ ไปอยู่ในรูปแบบผงโปรตีนจากผักที่สามารถ นําไปใส่ในอาหารทั่วๆ ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง แป้งแพนเค้ก เส้นพาสตาหรือแม้แต่ชงเป็นเครื่องดื่มชา นอกจากจะเพิ่มคุณประโยชน์ให้กับมื้ออาหารแล้ว ยังช่วยเพิ่มสีเขียวให้ดูน่ากินขึ้นด้วย
ทุกวันนี้ผำเริ่มมีพื้นที่อวดโฉมในร้านอาหาร และคาเฟชั้นนําหลายร้าน ผสมผสานอยู่ใน เมนูเครื่องดื่มไปจนถึงไฟน์ไดนิ่ง ทั้งที่ร้าน Le Du (ฤดู), Chim By Siam Wisdom MAKAI Acai & Superfood Bar เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการทดลองปลูกผำในสภาพแวดล้อมแรงโน้มถ่วงต่ำ เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ของการใช้ผำผลิตเป็นอาหารสําหรับภารกิจบนอวกาศอีกด้วยจึงไม่แปลกที่ผำจะได้ชื่อว่าเป็นอาหารแห่งอนาคตอย่างแท้จริง
“ผำ” พืชจิ๋วพื้นบ้าน อาหารแห่งอนาคตสู้วิกฤตด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม
ตอบลบโลกกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม จากวงจรการผลิตและการบริโภคอย่างไม่ยั่งยืนที่ทับถมมาอย่างยาวนานจนทำให้โลกรวน สภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำลง ในหลายประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารซึ่งกำลังทวีความรุนแรง ในขณะที่จำนวนประชากรโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการประมาณการของสำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs) คาดการณ์ว่าเราจะต้องผลิตอาหารเพิ่มให้ได้อย่างน้อยถึง 70 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนประชากรโลกที่น่าจะพุ่งสูงขึ้นไปแตะหลักหมื่นล้านคนในปี 2050
แล้วเราควรจะเพาะปลูกอะไรจึงจะผลิตอาหารที่เลี้ยงประชากรโลกได้อย่างเพียงพอและไม่ทำร้ายโลกไปมากกว่านี้ “วูฟเฟีย” ชื่อวิทยาศาสตร์ Wolffia globosa หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “ไข่น้ำ” หรือ “ผำ” พืชน้ำขนาดเล็ก อาหารพื้นบ้านไทยแต่โบราณ ที่ผู้คนทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือนิยมนำมาประกอบเป็นอาหารพื้นถิ่น อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมธา มีแต้ม อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษุวัต สงนวล อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหิดล ซึ่งมีความสนใจด้านพลังงานและการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ได้ทำการศึกษาความหลากหลายของพืชวงศ์แหน พืชดอกขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปบนผิวน้ำที่เป็นน้ำจืดและน้ำนิ่งในประเทศไทย โดยอาศัยหลักฐานทางสัณฐานวิทยาและเชิงชีวโมเลกุลพร้อมทั้งศึกษาประโยชน์จากพืชตระกูลแหน พบว่าประเทศไทยมีอยู่หลายสายพันธุ์ หลายชนิดมีอัตราการเจริญรวดเร็วและมีปริมาณสารอาหารสูง จึงเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่สำคัญของสัตว์จำนวนมาก และเมื่อนำมาใช้เป็นอาหารในการเพาะเลี้ยงสัตว์และปลาพบว่าเป็นแหล่งอาหารคุณภาพดี สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโต ช่วยให้สัตว์น้ำมีสีสวย ไข่ไก่มีปริมาณวิตามิน เอ สูงขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมสีเขียวและเป็นพลังงานชีวมวลได้อีกด้วย แหนหลายชนิดมีศักยภาพในการปรับปรุงคุณภาพน้ำโดยดูดซับสารอาหารและสารมลพิษในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้ในระบบชีวภาพหมุนเวียน (biocircular) และในบรรดาพืชวงศ์แหนที่พบในประเทศไทย “ไข่น้ำ” หรือ “ผำ” นั้นมีความพิเศษที่น่าสนใจอย่างมาก
“ผำ” จัดเป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลก แตกต่างแหนชนิดอื่นตรงที่มีขนาดเล็กกว่า ไม่มีราก และพบได้เฉพาะในแหล่งน้ำสะอาดเท่านั้น ซึ่งผลการศึกษาจากทีมวิจัย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 พบว่าผำมีปริมาณโปรตีนสูง เจริญเติบโตได้ไว ใช้ทรัพยากรการผลิตต่ำ
* สามารถให้ผลผลิตโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลืองเมื่อเทียบในพื้นที่การเพาะปลูกที่เท่ากัน
มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนและอุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นอีกมากมาย อาทิ
* เหล็ก แคลเซียม สังกะสี ช่วยเสริมกระดูก การไหลเวียนโลหิต และเพิ่มภูมิคุ้มกัน
* วิตามิน บี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ซึ่งไม่พบในผลิตภัณฑ์จากพืชตามธรรมชาติชนิดอื่น
* วิตามิน เอ ลูทีน ซีอาแซนทิน ช่วยบำรุงสายตา
* วิตามิน บี-คอมเพล็กซ์ วิตามิน ซี วิตามิน อี วิตามิน เค โฟเลต ซีอาแซนทิน ลูทีน และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ในระดับสูง
* ทั้งยังย่อยง่าย ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบการย่อยอาหาร
* รวมถึงมีแคลอรี่ แป้ง น้ำตาลและไขมันต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนัก
* ยิ่งไปกว่านั้น ผำยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้เทียบเท่ากับป่าที่สมบูรณ์ในพื้นที่ ๆ เท่ากันอีกด้วย
จากลักษณะเฉพาะและคุณประโยชน์อันโดดเด่นของผำที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมธา มีแต้ม และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษุวัต สงนวล ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผำในการเป็น “อาหารแห่งอนาคต” แต่การเพาะเลี้ยงและการใช้ประโยชน์จากผำในประเทศไทยยังไม่ได้รับการพัฒนา จึงเริ่มศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงผำด้วยระบบเกษตรแม่นยำ จนถึงการใช้ประโยชน์จากผำในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและผลักดันให้ผำเป็น “อาหารแห่งอนาคต” สามารถต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ และเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย โดยดำเนินการในรูปแบบของธุรกิจสตาร์ทอัพ และได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะและเร่งรัดการเติบโตด้านนวัตกรรมอาหาร SPACE-F ซึ่งก่อตั้งภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และมหาวิทยาลัยมหิดล จนได้ผลิตภัณฑ์อาหารจากผำที่เป็นยอมรับและเป็นทางเลือกใหม่ของกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจในอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารจากพืชทั้งภายในประเทศไทยและทั่วโลก
Wolffia หรือ ผำ ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ตอบลบFacebook
Twitter
Line
จากพืชน้ำท้องถิ่นสีเขียวขนาดเล็กจิ๋ว กับความแจ๋วที่กำลังเดินหน้าไปสู่ความหวังใหม่ในฐานะ “ซูเปอร์ฟู้ดของโลก” ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และยังเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
Wolffia หรือ ผำ ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ผำ มีชื่อเรียกหลายชื่อเลยทีเดียว ทั้ง “ไข่ผำ” และ “ไข่น้ำ” ส่วนในภาษาอังกฤษจะรู้จักกันในชื่อ Wolffia (วูล์ฟเฟีย) เป็นพืชน้ำที่พบได้ในแหล่งน้ำนิ่งทั่วโลก ยกเว้นเพียงพื้นที่หนาวจัดอย่างแอนตาร์กติกาและกลางทะเลทรายเท่านั้น อีกทั้งสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ใต้ร่มเงาหรือมีแสงน้อย จึงง่ายต่อการปลูกในบ่อเลี้ยงทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง ในประเทศไทยเองก็เป็นอีกพื้นที่ที่พบการเจริญเติบโตของผำ และมีการบริโภคผำด้วยโดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
Wolffia หรือ ผำ ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ที่บอกว่าจิ๋วแต่แจ๋วนั้นไม่เกินจริง เพราะภายในขนาดเท่าหัวเข็มหมุดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนจำเป็น และเบตา-แคโรทีน จึงมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แก้ปัญหาอาการท้องผูก อีกทั้งยังมีปริมาณไขมันต่ำ ยิ่งกินบ่อยก็ยิ่งมีส่วนช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผำกลายเป็นพืชที่น่าจับตามองในฐานะของซูเปอร์ฟู้ดและแหล่งโปรตีนทางเลือกแห่งอนาคต ตอบรับกระแสแพลนต์เบสที่กำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ
Wolffia หรือ ผำ ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ด้วยรสชาติและกลิ่นที่ค่อนข้างจืด อีกทั้งไม่เหม็นเขียว ผำสดสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเลยทีเดียว ทั้งเมนูแบบไทยๆ อย่าง ไข่เจียวผำ ชะอมไข่ผำ และ แกงไข่ผำ ไปจนถึงเมนูอาหารนานาชาติ รวมถึงของหวาน เช่น สลัด ข้าวปั้น ซอสพาสตา ไอศกรีม และสมูทตีโบว์ล ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาผำไปอยู่ในรูปแบบผงโปรตีนจากผักที่สามารถนำไปใส่ในอาหารทั่วๆ ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง แป้งแพนเค้ก แป้งเครป เส้นพาสตา หรือแม้แต่ชงเป็นเครื่องดื่มชา นอกจากจะเพิ่มคุณประโยชน์ให้กับมื้ออาหารแล้ว ยังช่วยเพิ่มสีเขียวให้ดูน่ากินขึ้นด้วย
Wolffia หรือ ผำ ซูเปอร์ฟู้ดท้องถิ่นไทย
ทุกวันนี้ผำเริ่มมีพื้นที่อวดโฉมในร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำหลายร้าน ผสมผสานอยู่ในเมนูเครื่องดื่มไปจนถึงไฟน์ไดนิง ทั้งที่ร้าน Le Du (ฤดู), Chim By Siam Wisdom, MAKAI Açaí & Superfood Bar, 手 qraft., และ BROCCOLI REVOLUTION เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการทดลองปลูกผำในสภาพแวดล้อมแรงโน้มถ่วงต่ำ เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ของการใช้ผำผลิตเป็นอาหารสำหรับภารกิจบนอวกาศอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ผำจะได้ชื่อว่าเป็นอาหารแห่งอนาคตอย่างแท้จริง!
แหล่งข้อมูล
บทความ ผำ: พืชน้ำขนาดเล็กและแหล่งโปรตีนทางเลือกเพื่อสุขภาพ โดย วนิดา ปานอุทัย
บทความ Development of Next-Generation Crops: Research Catches Up to World’s Fastest-Growing Plant โดย SALK INSTITUTE
บทความ The World Smallest Plants (Wolffia Sp.) as Potential Species for Bioregenerative Life Support Systems in Space โดย Leone Ermes Romano และ Giovanna Aronne
Advanced GreenFarm
NIA : National Innovation Agency, Thailand