ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของอังกฤษ
ลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ จากผลการลงคะแนนของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และจะก้าวขี้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากบอริส จอห์นสัน
แฟ้มภาพ ลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจากบอริส จอห์นสัน ที่ประกาศลาออกไปตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคม (Photo by Susannah Ireland / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 กล่าวว่า ลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ รวมทั้งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ หลังได้รับเลือกด้วยคะแนนเอกฉันท์จากสมาชิกพรรคฯทั่วประเทศ
ผลการลงคะแนนที่ปิดรับตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ก่อนประกาศผลในวันจันทร์ แสดงให้เห็นว่าอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงรายนี้เอาชนะริชี ซูนัค คู่แข่งชิงตำแหน่งไปด้วยคะแนนเสียงโหวต 81,326 ต่อ 60,399
ลิซ ทรัสส์ จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งหมายความว่าเธอจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ แทนที่บอริส จอห์นสันที่ประกาศลาออกจากเมื่อต้นเดือนกรกฏาคม.
รู้จัก “ลิซ ทรัสส์” นายกฯ คนใหม่ของอังกฤษ
ลอนดอน 5 ก.ย.- ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ผู้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ หลังจากชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมรอบสุดท้าย เป็นนักการเมืองที่เส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยความพลิกผัน
นางแมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ วัย 47 ปี เกิดในครอบครัวที่เธอระบุว่า “เป็นฝ่ายซ้าย” มารดาเป็นพยาบาลและครู บิดาเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ เคยพาเธอไปเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรีมากาเร็ต แทตเชอร์ ของพรรคอนุรักษนิยม เธอเคยสวมบทเป็นแทตเชอร์ในการเลือกตั้งจำลองที่โรงเรียนจัดขึ้นพร้อมกับที่มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2526 ทรัสส์วัย 7 ขวบในขณะนั้นไม่ได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว ขณะที่แทตเชอร์กวาดคะแนนอย่างถล่มทลาย เธอเล่าในภายหลังว่า ตั้งใจอย่างเต็มที่และปราศรัยหาเสียงอย่างจับใจ แต่ไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว เพราะไม่ได้ลงคะแนนให้ตัวเอง อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่เส้นทางทางการเมืองจริง ๆ ทรัสส์ได้ยกย่องให้แทตเชอร์เป็น “ต้นแบบทางการเมือง” และสามารถเดินตามรอยแทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2522-2533 ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษที่คนที่ 3 ต่อจากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ที่ดำรงตำแหน่งปี 2559-2562
ทรัสส์เคยวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ในช่วงที่เป็นสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เธอพูดในการประชุมพรรคในปี 2537 สนับสนุนให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ว่า สมาชิกพรรคนี้เชื่อเรื่องโอกาสควรเป็นของทุกคน ไม่เชื่อเรื่องการเกิดมาเป็นผู้ปกครอง อย่างไรก็ดี เธอเปลี่ยนแนวทางไปเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 2539 เข้าสู่แวดวงการเมืองจนกระทั่งชนะเลือกตั้ง ส.ส. สมัยแรกในปี 2553 ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีหลายคนตั้งแต่เดวิด คาเมรอน, เทเรซา เมย์ และบอริส จอห์นสัน โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564
และเมื่อทรัสส์ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม เมื่อนายกรัฐมนตรีจอห์นสันประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม เธอเป็น 1 ใน ผู้สมัคร 2 คนที่ได้จากคะแนนจาก ส.ส.พรรคมากที่สุด จากผู้สมัครที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 8 คน เธอมีคะแนนตามหลังนายริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังในการลงคะแนนทั้ง 5 รอบ แต่แล้วชีวิตก็พลิกผันอีกครั้งเมื่อผลการประกาศคะแนนในวันนี้ ( 5 กันยายน) ระบุว่า เธอคือหัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ ซึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง หลังจากอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศได้เกือบ 1 ปีเต็ม.-สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางทรัสส์ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ ที่รอการประกาศอย่างเป็นทางการวันนี้ ระบุว่า เธอเข้าใจดีว่าวิกฤตค่าครองชีพส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างไร พร้อมยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อรับประกันว่า ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจะสามารถผ่านพ้นฤดูหนาวในปีนี้และปีหน้าไปได้
ทั้งนี้ นางทรัสส์ ผงาดในฐานะผู้ชนะหลังการลงคะแนนเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม (หรือพรรคคอนเซอร์เวทีฟ) ได้ปิดฉากลง ทำให้เธอออกมาเปิดใจเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจรวมทั้งปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูง เป็นภารกิจเร่งด่วนหลังได้รับตำแหน่ง
ทั้งเธอและนายริชิ ซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ เป็น 2 ผู้สมัครที่ฟันฝ่ากันมาจนถึงการแข่งขันในรอบสุดท้ายของแคมเปญการเลือกตั้ง (ที่มีผู้แข่งขันทั้งหมด 11 คน) เพื่อควานหาหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายบอริส จอห์นสันที่ลาออกไป การตัดสินรอบสุดท้ายจะมาจากการลงคะแนนของสมาชิกพรรคจำนวน 160,000 คน และการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันนี้ (5 ก.ย.) หรือตรงกับเวลาไทย 18.30 น.
ผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ต่อจาก บอริส จอห์นสันโดยอัตโนมัติ เนื่องจากทางพรรคครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จากนั้น นายกฯคนใหม่จะได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษในวันอังคารนี้(6 ก.ย.)
ในระหว่างการหาเสียงนั้น นางทรัสส์ให้คำมั่นสัญญาว่า จะเสนอการปรับลดภาษีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ในงบประมาณฉุกเฉิน ขณะที่นายซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังที่เป็นคู่แข่ง ประกาศว่าเขาจะลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในราคาเชื้อเพลิงลงเป็นเวลา 1 ปี ส่วนการลดภาษีแบบถาวรอย่างที่นางทรัสส์เสนอนั้น เขาเห็นว่าสมควรต้องรอไปก่อนจนกว่าวิกฤตเงินเฟ้อของอังกฤษจะดีขึ้น
นอกจากนี้ เธอยังประกาศความมุ่งมั่นที่จะออกมาตรการปฏิบัติฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาราคาเชื้อเพลิง และเพิ่มปริมาณสินค้าพลังงานให้มากขึ้น
“หากได้รับการเลือกตั้ง ดิฉันวางแผนว่า ภายในสัปดาห์แรกของรัฐบาลใหม่ ดิฉันจะออกมาตรการเชิงปฏิบัติฉุกเฉินด้านราคาน้ำมันและสินค้าพลังงาน” ทรัสส์กล่าวถึงแผนภารกิจเร่งด่วนที่จะลงมือจัดการเป็นเรื่องแรก
ที่กล่าวกันว่า ลิซ ทรัสส์ จะขึ้นเป็นนายกรัฐมตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้อังกฤษมีนายกฯหญิงมาแล้ว 2 คน คือ นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ (ดำรงตำแหน่ง 4 พฤษภาคม 2522 – 28 พฤศจิกายน 2533) และนางเทเรซา เมย์ (ดำรงตำแหน่ง 13 กรกฎาคม 2559 – 24 กรกฎาคม 2562)
หากเธอได้รับการประกาศชื่อขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษวันนี้ (5 ก.ย.) ลิซ ทรัสส์ ก็จะได้ครองตำแหน่งไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน ม.ค. ปี 2568
ทว่า เกมเริ่มพลิกหลังจากที่ทั้งสองคนเริ่มการรณรงค์หาเสียงเพื่อเรียกคะแนนจากบรรดาสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศจำนวนราว 200,000 คน เริ่มเห็นแววว่าเทพีแห่งโชคและชัยชนะกำลังมาอยู่ฝั่งของทรัสส์ สาเหตุหลัก ๆก็คือ สมาชิกพรรคฝ่ายฝักใฝ่ขั้วการเมืองแบบอนุรักษนิยม นับตั้งแต่นายเดวิด คาเมรอน นางเทเรซา เมย์ รวมทั้งนายบอริส จอห์นสัน มีท่าทีไม่ปลื้มหากนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะมีเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่อังกฤษ ทำให้คะแนนความนิยมของนายซูแนค ที่มีเชื้อสายอินเดีย ลดลงชัดเจน และแสงไฟก็สาดส่องมาที่นางลิซ ทรัสส์ แทน
แม้กระทั่ง YouGov ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ ได้ทำการสำรวจเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก็พบว่า นายซูแนค อาจจะต้องพ่ายแพ้ต่อนางทรัสส์ แม้ว่าเขาจะมีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ในการลงคะแนนทุกรอบของ ส.ส. พรรคอนุรักษนิยมก็ตาม
YouGov เผยว่า จากการสำรวจสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วอังกฤษ พบว่า นางทรัสส์จะได้รับคะแนนเหนือกว่านายซูแนค 54 ต่อ 35
อย่างไรก็ตาม เหตุผลไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติของเขา แต่เป็นเพราะที่ผ่านมา นายซูแนคมีความเห็นคัดค้านการปรับลดอัตราภาษี โดยเขามองว่า ภารกิจสำคัญของรัฐบาลคือการสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ซูแนคยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ผลงานระหว่างที่ครองตำแหน่งรัฐมนตรีคลังภายใต้การนำของนายกฯ บอริส จอห์นสันด้วย อีกทั้งประชาชนส่วนหนึ่ง ยังมีความไม่พอใจที่นายซูแนค เป็นผู้หนึ่งที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี (บอริส จอห์นสัน) ขณะที่อังกฤษยังคงมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
การประกาศรายชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมจะมีขึ้นในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ผู้ชนะนอกจากจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ยังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ด้วย เนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
เปิดประวัติ หญิงแกร่ง ‘ลิซ ทรัสส์’ ตัวเต็งเบอร์หนึ่ง ว่าที่หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมและนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ ซึ่งหากไม่พลิกโผ ที่จะมีการประกาศผลวันที่ 5 ก.ย. นี้ เธอก็จะเป็นนายกฯหญิง คนที่สามของประเทศอังกฤษ
เปิดประวัติ ว่าที่นายกฯคนใหม่ของอังกฤษ
ลิซ ทรัสส์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2021 โดยก่อนหน้านั้น เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีและความเท่าเทียมในปี 2019 เธอเป็นสมาชิกสภาจากนอร์โฟล์คตะวันตกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปี 2010 และเคยร่วมงานคณะรัฐบาลมาตั้งแต่ยุคการบริหารประเทศของนายเดวิด คาเมรอน นางเทเรซา เมย์ และนายบอริส จอห์นสัน
ผู้หญิงเก่งมากความสามารถคนนี้ จบการศึกษาจากวิทยาลัยเมอร์ตัน ในออกซ์ฟอร์ด สมัยเรียนเธอเคยเป็นประธานของพรรคเสรีประชาธิปไตยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อจบการศึกษาในปี 1996 เธอก็เข้าร่วมกับพรรคอนุรักษนิยม และในเวลาเดียวกันก็ทำงานประจำที่บริษัทเชลล์ เคเบิล แอนด์ ไวร์เลส ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายปรับโครงสร้างใหม่ของบริษัท
ลิซ ทรัสส์ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2010 ทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ แต่เธอก็ได้แสดงศักยภาพและมีบทบาทในการปฏิรูประบบสุขอนามัยเด็ก การศึกษาคณิตศาสตร์ รวมทั้งการปฏิรูปเศรษฐกิจ เธอก่อตั้งกลุ่ม สส. อิสระ ของพรรคอนุรักษนิยม และได้เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม อาทิ After the Coalition (2011) และ Britannia Unchained (2012)
เธอขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยาวชนและการศึกษา ในปี 2012-2014 จากนั้นก็เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมในสมัยของนายเดวิด คาเมรอน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในปี 2014
ในช่วงที่มีการถกประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกว่า ‘เบร็กซิท’ (Brexit) นั้น ตอนแรกเธอแสดงจุดยืนสนับสนุนกลุ่ม ‘บริเทน สตรองเกอร์’ ที่เห็นว่าอังกฤษควรจะอยู่ในอียูต่อไป ต่อเมื่อผลการโหวต(ประชามติ) ออกมาว่า ชาวอังกฤษต้องการจะเลือกแยกตัวออกจากอียู เธอก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด
หลังนายคาเมรอน ประกาศลาออกในปี 2016 และนางเทเรซา เมย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทรัสส์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนับเป็นสตรีรายแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ของอังกฤษในรอบหนึ่งพันปี ต่อมาในปี 2017 เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคลังจนกระทั่งถึงเดือน ก.ค. 2019
หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ ประกาศลาออกในปี 2019 ทรัสส์สนับสนุนให้นายบอริส จอห์นสันขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยม และเขาก็แต่งตั้งให้เธอเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ก่อนจะย้ายมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทนนายโดมินิก ร้าบ ในปี 2021 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เธอยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้เจรจาในเวทียุโรป-สหราชอาณาจักร อีกด้วย
เผยชีวิตส่วนตัว
ลิซ ทรัสส์ เธอเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 1975 (พ.ศ. 2518) ปัจจุบันอายุ 47 ปี เธอสมรสแล้วกับนายฮิวจ์ โอเลียรี และมีบุตร 2 คน
ที่มา :: www.thaipost.net/ , https://tna.mcot.net/ , www.nationtv.tv/