4 ทำ 5 ห้าม! ข้อปฏิบัติที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
การเป็นคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ โดยเฉพาะมือใหม่ทั้งหลายที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน หรือแม้แต่คนที่เตรียมตัวศึกษาข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ มาอย่างดี เมื่อถึงเวลาเลี้ยงลูกจริง ๆ อาจพบว่าข้อความเหล่านั้นไม่สามารถนำมาใช้กับลูกของคุณได้ ทั้งนี้เป็นเพราะปัจจัยในการเลี้ยงดูของเด็กแต่ละแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู และการพัฒนาทางร่างกายของเด็ก ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมขอนำแนวทางในการเลี้ยงลูกที่ถูกต้องมาฝาก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปปรับใช้กันค่ะ
4 เรื่องที่ควรทำ
1. เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก
ก่อนที่คุณจะตั้งกฎใด ๆ กับลูก ตัวคุณพ่อคุณแม่เองควรทำให้พวกเขาเห็นเป็นตัวอย่างเสียก่อน อย่างเช่น หากห้ามลูกไม่ให้พูดคำหยาบ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจะพูดให้พวกเขาได้ยินทั้งต่อหน้าหรือลับหลังลูกก็ตาม เพราะลูกของคุณยังไม่ประสีประสา อะไรที่คุณทำพวกเขาก็จะเห็นว่าดีไปหมด แล้วเก็บนิสัยไปทำตามจนเกิดเป็นนิสัยได้
2. ใส่ใจสุขภาพของลูก
สุขภาพของลูกเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาร่างกาย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจสิ่งนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้การเจริญเติบโตขั้นต่อ ๆ ไปของพวกเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะเรื่องสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ อาหารการกิน และของใช้ของลูก ๆ หากเป็นไปได้ควรให้พวกเขาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง
3. บอกว่าไม่ คือไม่
ไม่ว่าเด็ก ๆ จะงอแง โกรธ งอน หรือแสดงอาการอย่างไรออกมา หากคุณพ่อคุณแม่พูดออกไปว่า "ไม่" หรือ "ไม่ได้" ควรจะให้ลูกทำตามที่คุณบอก อย่างเช่น ไม่เถียงผู้ใหญ่ ไม่กินของหวาน ไม่เล่นเกม เป็นต้น นอกจากนี้หลังจากที่พสกคุณสั่งไปควรจะทำแบบนั้นไปตลอด เพื่อไม่ให้ลูก ๆ เกิดความสับสนในคำพูดของคุณ เพราะถ้าหากคุณกลับคำไปมาห้ามบ้างปล่อยบ้างลูก ๆ จะเกิดความสับสน และไม่ฟังคำสั่งของคุรอีกต่อไป
4 ให้เวลากับลูก ๆ อย่างเต็มที
สำหรับลูก ๆ ไม่มีของสิ่งใดจะทำให้พวกเขามีความสุขได้เท่ากับเวลาที่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่อีกแล้ว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาว่างมาอยู่กับลูก ๆ บ้าง ในระหว่างนั้นหากิจกรรมสนุกมาเล่นกับพวกเขาด้วย อย่างเช่น ในช่วงเวลาหลังเลิกงาน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ และถ้าหากมีวันหยุดติดต่อกันนาน ๆ หรือในช่วงปิดเทอมอาจจะพากันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือบ้านญาติคนอื่น ๆ ก็ได้
5 เรื่องไม่ควรทำ
1. สร้างกรอบชีวิตให้ลูก
ความหวังดีของคุณพ่อคุณแม่ที่มีมากเกินไปอาจเป็นอันตรายกับลูก ๆ ก็ได้ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่ขีดกรอบชีวิตให้กับลูกทุกอย่างไม่ว่า ความคิด ทัศนคติ ความเชื่อ หรือการใช้ชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต เพราะจะทำให้ลูกของคุณกลายเป็นคนที่มีแต่ความเครียด กดดัน และไม่มีความสุข หากเป็นไปคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้ทำตามใจตัวเองบ้าง แล้วคอยตักเตือนหากเห็นว่าเรื่องนั้นไม่สมควรทำก็พอ
2. ไม่ให้กำลังใจลูก
กำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกอย่างมาก โดยเฉพาะในเวลาที่ลูกรู้สึกเศร้า เหงา หรือช่วงที่ต้องการกำลังใจมีปัญหาที่พวกเขาไม่สามารถแก้ได้ ทั้งนี้หากคุณคอยพูดซ้ำเติมความผิด หรือทำให้พวกเขาหมดกำลังใจมากยิ่งขึ้น อาจเป็นการผลักให้ลูกหันไปพึ่งสิ่งอื่นในทางที่ไม่ดี อย่างเช่น ยาเสพติด การพนัน เพื่อระบายความเครียด เพราะฉะนั้นทางที่ดีหันมาให้กำลังใจลูกกันดีกว่า เพื่อความสุขของคนในครอบครัว
3. คาดหวังมากเกินไป
ทั้งนี้ความสามารถและทักษะของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน ฉะนั้นไม่ควรตั้งความหวัง หรือคาดหวังในตัวเขามากเกินไป เพราะถ้าหากลูกทำไม่ได้ตามที่หวัง ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณเองรู้สึกเสียใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการกดดันลูกอีกด้วย เนื่องจากพวกเขาคงไม่สบายใจเช่นกันที่ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ได้
4. คุณพ่อคุณแม่ขัดแย้งกันเอง
อย่างเช่น คุณแม่ไม่อนุญาติให้ลูกทำตามคำขอ แต่สามารถทำได้เมื่ออยู่กับคุณพ่อ ความขัดแย้งในคำสั่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ลูกเกิดความสับสน และเชื่อฟังคนใดคนหนึ่งมากกว่า เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะออกคำสั่งกับลูกควรทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อน อีกทั้งควรเตรียมเหตุผลอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่าทำไมจึงจำเป็นต้องออกคำสั่งแบบนั้นกับลูก
5. บั่นทอนความมั่นใจของลูก
ความมั่นใจของลูกเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณควรใส่ใจ เพราะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาบุคลิกของลูก ๆ ในช่วงต่อไป หากคุณคอยบั่นทอนความมั่นใจของลูก พวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่เก็บตัว ไม่ชอบเข้าสังคม และอาจทำให้เข้ากับคนอื่นยาก ซึ่งแตกต่างกับลูก ๆ ที่มีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะเด็กประเภทนี้จะมีนิสัยร่างเริงแจ่มใส สามารถเข้ากับบุคคลรอบข้าง และปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ดี
ถึงแม้พวกคุณจะไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบ แต่สามารถกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดีได้ ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีและเลี้ยงลูกในทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช่เคร่งครัดกับลูก หรือปล่อยสบายตามใจลูกจนเกินไป และสามารถทำให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความพร้อมทั้งทางร่ายกายและจิตใจก็เพียงพอแล้วล่ะ
ที่มา :: กระปุกดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น