Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ระวัง อย่าให้น้องหมาเลียหน้า น้ำลายสุนัข เป็นอันตรายมากกว่าที่คิด

 

ระวัง อย่าให้น้องหมาเลียหน้า น้ำลายสุนัข เป็นอันตรายมากกว่าที่คิด






คนที่รักสัตว์มักจะชอบแสดงความรักด้วยการกอดจูบกับสัตว์เลี้ยง หรือปล่อยให้สัตว์เลี้ยงเหล่านี้เลียหน้าเลียตาของคุณด้วยความรักใคร่ แต่การแสดงความรักต่อสัตว์เลี้ยงแบบนี้อาจนำพามาซึ่งโรคภัยได้ เพราะใน น้ำลายสุนัข นั้น อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนมากกว่าที่ทุกคนคิด

น้ำลายสุนัข เป็นอันตรายจริงเหรอ

เช่นเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในน้ำลายของสุนัขนั้น จะเต็มไปด้วยเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ มากมาย ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้ก็สามารถถ่ายทอดมาสู่คนได้ หากคุณปล่อยให้สุนัขเลียตัวคุณ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงในกรณีของคนรักสุนัขที่ใช้ช้อนเดียวกันป้อนไอศกรีมให้สุนัข ว่าอาจจะก่อนให้เกิดโรคจากน้ำลายสุนัขได้

สุนัขนั้นเป็นสัตว์ที่มักจะคลุกคลีอยู่กับดิน ทั้งยังมีสัญชาตญาณชอบในการเลีย ไม่ว่าจะเป็นเลียตัวเอง เลียสุนัขตัวอื่น หรือเลียสำรวจสิ่งของต่างๆ ส่งผลให้ภายในน้ำลายของสุนัข เต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ มากมายเข้าไปปะปนในน้ำลาย เมื่อสุนัขมากัดคุณ เลียคุณ หรือหากคุณใช้ช้อนร่วมกันกับสุนัข เชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำลายก็จะสามารถถ่ายทอดมาสู่ตัวคุณได้

โรคจากน้ำลายสุนัขที่อาจเกิดขึ้นกับคน มีดังต่อไปนี้

การติดเชื้อพาสเทอเรลลา แคนิส (Pasteurella canis) เชื้อนี้เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยออกซิเจน เชื้อแบคทีเรียประเภทนี้มักจะอาศัยอยู่ภายในปากและทางเดินหายใจส่วนบนของสุนัข หากเราถูกสุนัขกัด หรือหากสุนัขมาเลียแผลของเรา อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายได้ และทำให้เกิดการติดเชื้อที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และอาจเกิดโรคปอดบวมได้

การติดเชื้อแคปโนไซโตฟากา (Capnocytophaga) เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถพบได้ทั่วไปในน้ำลายของสุนัข แม้ว่าโดยปกติแล้วเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะไม่เป็นอันตรายอะไร แต่การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที เพราะเชื้อนี้อาจจะเข้าไปในกระแสเลือด และกระจายเข้าสู่เยื่อหุ้มสมองและลิ้นหัวใจได้

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) การติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง และมีโอกาสเสียชีวิตมากจนเกือบถึง 100% หากไม่ได้รับวัคซีนก่อนที่จะเริ่มมีอาการใดๆ โรคพิษสุนัขบ้านั้นมักจะติดได้จากการถูกสุนัขกัด แต่ก็มีส่วนน้อยที่อาจจะได้รับเชื้อจากการถูกสุนัขเลีย

เชื้อโรคที่มาจากน้ำลายสุนัขเหล่านี้มักจะส่งผลกระทบต่อเด็กเล็ก เด็กทารก ผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เด็กทารกและเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี อาจจะมีความเสี่ยงสูงที่สุด เนื่องจากเป็นวัยที่ระบบภูมิคุ้มกันกำลังพัฒนา ดังนั้นหากเด็กในวัยนี้ติดเชื้อที่อาจจะทำให้เกิดอาการเพียงเล็กน้อยในผู้ใหญ่ ก็ยังอาจส่งผลให้เกิดอันตรายที่รุนแรงได้

การหลีกเลี่ยงอันตรายจากน้ำลายสุนัข

หากคุณเป็นคนเลี้ยงสุนัข ในบางครั้งอาจจะเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงน้ำลายสุนัข แต่คุณควรคำนึงถึงอันตรายที่อาจมาพร้อมกับน้ำลายของสุนัขอยู่เสมอ และเทคนิคที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงน้ำลายสุนัขได้มีดังต่อไปนี้

  • อย่าใช้ช้อนหรือภาชนะร่วมกันกับสุนัข ไม่ว่าคุณจะรักสุนัขของคุณมากเพียงใด คุณก็ไม่ควรแบ่งปันและใช้อุปกรณ์ในการรับประทานอาหาร เช่น ช้อน หรือถ้วยชาม ร่วมกันกับสุนัขของคุณเป็นอันขาด ทางที่ดีควรมีชามสำหรับใส่อาหารของสุนัขโดยเฉพาะ และแยกบริเวณที่สุนัขกินอาหารให้ห่างไกลจากบริเวณที่คุณกินอาหาร
  • ล้างมือเป็นประจำ คุณควรล้างมือทุกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสกับตัวของสัตว์เลี้ยง เล่นกับมัน ให้อาหาร หรือหลังจากการทำความสะอาดกรง ควรสวมถุงมือทุกครั้งที่คุณจะทำความสะอาดของเสียของสุนัข
  • อย่าจูบสัตว์เลี้ยง อย่าจูบหรือหอมสุนัข หรือปล่อยให้สุนัขของคุณมาเลียหน้าเลียปากคุณ เพราะจะเป็นการส่งต่อเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียจำนวนมากที่อยู่ในน้ำลายของสุนัขได้
  • อย่าให้สุนัขเข้ามาป้วนเปี้ยนในบริเวณครัว หรือบริเวณที่คุณประกอบอาหารต่าง ๆ นอกจากนี้คุณยังควรระมัดระวังไม่ให้แบ่งอาหารให้สุนัขระหว่างกำลังทำกับข้าว หรือปล่อยให้สุนัขของคุณแอบขโมยของกินที่คุณกำลังประกอบอาหารอยู่ เพราะอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของน้ำลายสุนัขได้




















16 ความคิดเห็น:

  1. ไขข้อสงสัยน้ำลายหมาทำให้เสียชีวิต

    กรณีชายชาวเยอรมันเสียชีวิตจากการติดเชื้อรุนแรง จากเชื้อแบคทีเรียในน้ำลายหมา หลังจากพบว่าเลียใบหน้าชายดังกล่าว สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า การเสียชีวิตอาจจะมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย

    น.สพ.เกษตร สุเตชะ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายว่า แบคทีเรีย Capnocytophaga canimorsus จะพบได้ในช่องปากของหมาแมวตามปกติ แบคทีเรียชนิดนี้สามารถถ่ายทอดสู่คนเมื่อถูกหมาแมวเลีย ไม่ก่อโรคร้ายแรงกับหมาแมวหรือคน ส่วนกรณีที่มีคนได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้แล้วเสียชีวิต มองว่าโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นประกอบร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน





    “หากเป็นคนที่ติดเชื้อเอชไอวี คนที่รักษาเคมีบำบัด คนที่ภูมิคุ้มกันอ่อน มีโรคระบบทางภูมิคุ้มกัน เช่น โรคเอสแอลอี หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง เมื่อได้รับเชื้อโรค ร่างกายจะมีปัญหา แต่ปัญหามากปัญหาน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน”



    น.สพ.เกษตร สุเตชะ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปกติร่างกายของคนมีกลไกลการป้องกันตัวเองอัตโนมัติ คือ เมื่อถูกเลีย จะล้างทำความสะอาด หากไม่ได้ล้างทำความสะอาด เชื้อเข้าสู่ร่างกาย คนสภาพร่างกายปกติจะมีเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรค กรณีการเสียชีวิตของชายชาวเยอรมันอาจจะต้องตรวจย้อนหลังว่าผู้ป่วยรายนี้อาจจะมีโรคประจำตัว


    หมาร้อยละ 99 ไม่เคยทำความสะอาดฟัน ยิ่งเลี้ยงนาน ช่องปากสกปรกเพิ่ม แบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากหมา มันมีเชื้อก่อโรค เพียงแต่ว่าเราแข็งแรงพอที่จะต่อต้านเชื้อเหล่านั้นไหม ไม่ต้องแตกตื่น”




    สำหรับประเทศไทยยังไม่พบกรณีหมาเลียคนที่มีสภาวะร่างกายปกติ แล้วก่อให้เกิดโรค เสียชีวิต แต่เคยพบกรณีที่บุคคลนั้นมีบาดแผลหรือมีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน จะนำไปสู่การติดเชื้อ


    แนวทางการป้องกัน สัตวแพทย์แนะนำให้ล้างทำความสะอาดบริเวณถูกหมาเลียให้สะอาด และควรระมัดระวังหลีกเลี่ยงหมาที่ไม่รู้จักเลียบริเวณร่างกาย เช่น ใบหน้า มือ แขน และขา เพราะอาจจะนำไปสู่โรคพิษสุนัขบ้า ควรล้างทำความสะอาดทันที หากมีไข้หรือมีความผิดปกติทางร่างกาย 2-3 วัน ควรพบแพทย์ทันที ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นผู้เลี้ยงสุนัขไม่ควรตื่นตระหนก เพราะโอกาสการเสียชีวิตเป็นไปได้ยาก

    https://news.thaipbs.or.th/content/286772

    ตอบลบ
  2. แพทย์เตือน “จูบน้องหมา” อาจอันตรายถึงชีวิต

    ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษเขียนรายงานทางการแพทย์เผยแพร่ในวารสารวิชาการบีเอ็มเจ เคส รีพอร์ต เมื่อเร็วๆ นี้ เตือนอันตรายจากการจูบสุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้านว่าอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับสุภาพสตรีชาวอังกฤษวัย 70 ปี ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังเกิดอาการพูดไม่ชัดและล้มคว่ำหน้าอยู่กับเก้าอี้ เมื่อได้สติและอาการดีขึ้นเล็กน้อยที่โรงพยาบาล แพทย์เข้าใจว่าผู้ป่วยสูงอายุรายนี้เกิดอาการชักจากโรคลมบ้าหมู เนื่องจากมีประวัติป่วยเป็นโรคนี้มาก่อน

    อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 ผู้ป่วยกลับมีอาการทรุด ปวดหัว ไข้สูง หนาวสั่น และท้องร่วง และตรวจพบอาการไตวายรวมอยู่ด้วย จนต้องนำตัวเข้าดูแลในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ไอซียู)

    แพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีอาการเป็นพิษจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงหรืออาการเซปซิส ซึ่งอาจมีอาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา

    เมื่อตรวจเลือด พบว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อแคปโนไซโตฟากา คานิมอร์ซัส (Capnocytophaga canimorsus) ซึ่งพบมากในปากของสุนัขและแมว มักเข้าสู่ร่างกายคนเราเมื่อสัตว์เลี้ยงเหล่านี้กัด ข่วน หรือติดจากการเลียปากที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราจูบสุนัข


    ผู้ป่วยรายนี้ไม่ปรากฏมีรอยข่วนหรือกัด แต่บอกกับแพทย์ว่าสัมผัสใกล้ชิดกับสุนัขเลี้ยงพันธุ์อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์ และถูกเลียก่อนเกิดอาการอีกด้วย

    ทีมแพทย์ผู้เขียนรายงานเน้นว่า กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยอาจติดเชื้อจากสุนัขได้จากการเลีย แม้ไม่ปรากฏรอยข่วนหรือกัดก็ตาม นอกจากนั้น กรณีติดเชื้อทำนองนี้อาจเกิดกับผู้สูงอายุได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้สูงวัยทำงานได้ไม่เต็มที่ตามวัย และเป็นกลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าปกติ

    แม้การติดเชื้อ ซี. คานิมอร์ซัส จะไม่ก่อให้เกิดอาการเป็นพิษรุนแรงทุกคน แต่ในกรณีที่เกิดเป็นพิษรุนแรงจากการติดเชื้อนี้ ผู้ป่วยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์

    ผู้ป่วยชาวอังกฤษวัย 70 ปีรายนี้ได้รับการรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ แต่ก็จำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 1 เดือน อาการจึงกระเตื้องขึ้นดีพอที่แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้

    recommended by
    Mgid
    Mgid

    INSTANTHUB
    Kate Was Caught Losing Her Temper On Camera
    LEARN MORE

    2
    นอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว แพทย์ระบุว่ากลุ่มผู้ที่ผ่าตัดเอาม้ามออก หรือกลุ่มผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เกิดอาการเป็นพิษรุนแรงจากการติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไปเช่นเดียวกัน



    ตอบลบ
  3. จูบนั้นสำคัญไฉน แค่จุ๊บเดียวจากน้องหมาก็เสียแขนขาได้

    สำนักข่าว CNN รายงานว่า มารี เทรนเนอร์ ต้องถูกตัดแขนและขาทั้งสองข้างเพื่อรักษาชีวิต หลังติดเชื้อแบคทีเรีย capnocytophaga canimorsus จากการถูกลูกสุนัขเลีย จนเกิดอาการเนื้อตาย

    เทรนเนอร์มีอาการปวดหลังและคลื่นไส้ อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นและลดลง จนถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอของสหรัฐ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเธอเริ่มมีอาการเพ้อและหมดสติ จากนั้นผิวหนังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงจนเกิดภาวะเนื้อตาย เลือดจับตัวเป็นลิ่ม และต้องเข้ารับการตัดแขนและขาอย่างเร่งด่วน โดยเชื้อโรคยังแพร่กระจายไปถึงปลายจมูก หู และใบหน้า

    กว่าแพทย์จะทราบแน่ชัดว่าเทรนเนอร์ติดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำลายสุนัขจากการถูกลูกสุนัขตัวโปรดของเธอเลียบาดแผลเปิด ไม่ใช่อาการติดเชื้อจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเขตร้อนอย่างที่สันนิษฐานเบื้องต้นก็ผ่านไปแล้วถึง 7 วัน

    ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ระบุว่าแบคทีเรีย capnocytophaga canimorsus ซึ่งอยู่ในน้ำลายของสุนัขและแมวเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการถูกสัตว์กัด ข่วน หรือการเลีย แต่โดยปกติแล้วแบคทีเรียดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดอาการป่วยในคน นอกจากกลุ่มที่มีความเสี่ยง อาทิ มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    ส่วนในรายที่ติดเชื้อจะแสดงอาการภายใน 3-5 วัน ในบางเคสซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก ผู้ป่วยจะมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง 3 ใน 10 คนจะเสียชีวิต


    https://www.posttoday.com/world/596689

    ตอบลบ
  4. เตือนอันตราย “จูบ” จากน้องหมา อาจถึงตาย

    แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ผลการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ในยุโรป พบว่าการจูบของ “น้องหมา-น้องแมว” อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
    ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงผลการศึกษาวิจัยของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยลิสบอน ในประเทศโปรตุเกส และ รอยัล เวเทอรีนารี คอลเลจ ในกรุงลอนดอน ที่พบว่ามนุษย์และสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในบ้านเดียวกัน อาจได้รับเชื้อ อี.โคไล ชนิดดื้อต่อยาปฏิชีวนะในร่างกายของทั้งคนและสัตว์ และว่าเชื้อโรคชนิดใหม่นี้ อาจจะเป็นอันตรายร้ายแรง ทั้งกับคนและสัตว์ได้

    ข่าวบอกด้วยว่าเชื้อโรคดื้อยา ซึ่งไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาได้ ทำให้เชื้อโรคที่ปกติไม่มีอันตราย เช่นเชื้อ staph ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบบริเวณผิวหนังและในโพรงจมูกของบุคคลทั่วไป กลายเป็นเชื้อโรคที่มีอันตรายถึงชีวิตได้

    ฟ็อกซ์นิวส์ได้อ้างข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ ซีดีซี ด้วยว่า ในแต่ละปี จะมีชาวอเมริกันติดเชื้อแบคทีเรียชนิดดื้อยา มากกว่า 2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเพราะสาเหตุนี้อย่างน้อย 23,000 คน

    ผลการวิจัยฉบับนี้บอกด้วยว่า เชื้อโรคดื้อยา ที่เรียกว่า ซูเปอร์บัค ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีการตรวจพบในร่างกายมนุษย์มานานแล้ว และเชื่อว่าทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนมาก มีเชื้อร้ายชนิดนี้ในร่างกาย แต่ยังไม่แสดงอาการ

    “มันเป็นเรื่องปกติในการมีแบคทีเรียในร่างกาย และบางตัวอาจจะเป็นเชื้อดื้อยาด้วย หากคุณยังมีสุขภาพแข็งแรง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากมีผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ง่ายต่อการติดเชื้ออยู่ในครอบครัว การเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็เป็นเรื่องที่ควรจะต้องระวัง” ผลการวิจัย ระบุ

    การวิจัยชิ้นนี้ มาจากการตรวจตัวอย่างอุจจาระของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพดีในโปรตุเกส 58 ตัวอย่าง และตัวอย่างอุจจาระของแมว 18 ตัว, สุนัข 40 ตัว ส่วนในสหราชอาณาจักร เป็นการเก็บตัวอย่างอุจจาระเจ้าของสัตว์เลี้ยง 56 ตัวอย่าง และอุจจาระสุนัข 45 ตัว โดยผลการตรวจสอบพบว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์เลี้ยง (สุนัข 14 ตัวและแมว 1 ตัว) และ 13 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง มีเชื้อแบคทีเรียชนิดดื้อยาในร่างกาย

    อย่างไรก็ดี ผลวิจัยพบว่า ตัวเลขของครัวเรือนที่ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงต่างมีเชื้อโรคดื้อยาในร่างกายพร้อมกัน ถือว่าต่ำมาก คือพบเพียง 4 ครัวเรือนเท่านั้น

    พร้อมกันนี้ ผลการศึกษาฉบับนี้ ได้แนะนำให้ผู้เลี้ยงสุนัขและแมว รวมถึงสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ ระมัดระวังในเรื่องความสะอาด รวมถึงหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเลีย และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่เก็บอึสุนัขและแมว รวมถึงหลังจากเล่นหรือลูบหัวสัตว์เลี้ยงด้วย

    โดยผลการวิจัยระบุด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์ จะเป็นแหล่งกำเนิดของแบคทีเรียอันตราย หากไม่มีการรักษาความสะอาดร่างกายที่ดีพอ ดังนั้นการหมั่นล้างมือ อาจจะเป็นการช่วยไม่ให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเราต้องเจ็บป่วยหรือล้มตายลงได้.


    ตอบลบ
  5. โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว อันตรายถึงชีวิต

    เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน แต่ชอบเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนๆ มาก แม้ว่าจะชอบสุนัขและแมวมากเท่าไร พ่อแม่จะย้ำเสมอว่าเล่นกับพวกเขาแล้ว ต้องรีบไปล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และอย่าปล่อยให้สุนัขหรือแมวเลียปาก เลียหน้าเลียตา ตอนเด็กๆ เวลาดูหนังฝรั่ง มักเห็นหมาแมวเลียปากเจ้าของเพื่อแสดงความรักโดยที่เจ้าของก็ไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจ เลยคิดว่าพ่อแม่ของเราคิดมากเกินไปหรือเปล่า

    แต่... ถ้าได้รู้จักโรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว ก็อาจจะต้องคิดใหม่....



    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว คืออะไร

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย โรคนี้ทำให้เกิดหนองเลือด เป็นพิษตามผิวหนัง หรือเยื่อไขกระดูกอักเสบ หากเป็นกรณีที่ร้ายแรงมาก อาจเสียชีวิตได้



    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว มีสาเหตุมาจากอะไร?

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว เป็นอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย Pastsrera ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งอาจพบจากภายในปากของสุนัข 75% และแมวมากถึง 97% เจ้าของอาจใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับสัตว์เลี้ยงมากเกินไป จนทำให้ได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสูงร่างกายผ่านน้ำลายของสัตว์เลี้ยง หรือการสูดเอาแบคทีเรียเข้าไปผ่านจมูก เช่น การจูบ หรือหอมสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ



    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว มีอาการอย่างไร

    หากติดเชื้อผ่านการสูดหายใจเอาแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านจมูก อาจทำให้มีอาการคัดจมูกคล้ายเป็นหวัด แต่จริงๆ แล้วเป็นอาการของโพรงจมูกอักเสบ เป็นหนอง หากเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ดวงตา ก็อาจทำให้มีอาการตาแดง เลือดคั่งในตา

    นอกจากนี้ยังอาจมีไข้สูง ไอค่อนข้างหนัก จนอาจถึงขั้นไอเป็นเลือด เมื่อปอดติดเชื้อ

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว อันตรายมากหรือไม่?

    จริงๆ แล้วหากเป็นคนที่มีภูมิต้านทานโรคดี ร่างกายปกติแข็งแรงอยู่แล้ว ร่างกายอาจต่อต้านแบคทีเรียจนหายเป็นปกติได้เอง แต่หากยังคงได้รับเชื้อแบคทีเรียจากสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง บวกกับร่างกายเริ่มไม่แข็งแรง พักผ่อนน้อย ทานอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ และไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียทำร้ายร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ความรุนแรงของโรคจึงขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานโรค และสุขภาพของแต่ละคนด้วย



    สังเกตได้อย่างไร ว่าสุนัขและแมวของเรา มีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเราหรือไม่

    เป็นเรื่องยากที่จะสังเกตจากภายนอกได้ว่า สุนัขหรือแมวมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเราหรือไม่ เพราะเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากของสุนัขและแมว ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุนัขและแมวเอง แต่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้นควรจะระวังไม่ว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ ได้รับการดูแลอย่างดีหรือไม่ก็ตาม



    หากมีอาการคัดจมูก ตาแดง มีไข้สูง หรือไอหนัก โดยที่บ้านมีสัตว์เลี้ยง และคลุกคลีอยู่กับสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด อาจต้องพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรีบทำการรักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ

    ตอบลบ
  6. รักน้องหมา แต่ก็ไม่ควรถึงกับจุมพิตอาจติดเชื้อโรครำมะนาดของเหงือก

    นักวิจัยญี่ปุ่นบอกเตือนไว้ ถึงจะรักใคร่น้องหมาสักเท่าใด ก็ไม่ควรถึงกับเอาปากของเราไปจูบปากของมันเข้า เพราะมีแบคทีเรียในปากอยู่เยอะ ซึ่งอาจจะติดต่อมาถึงเราทำให้เป็นรำมะนาดได้

    วารสารวิชาการ “ชีววิทยาของปาก” รายงานว่า นักวิจัยได้นำเอาตัวอย่างของคราบจับที่ฟันสุนัข กับของมนุษย์มาส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าแบคทีเรียในปากของน้องหมามีหลายชนิดที่ทำให้เป็นโรครำมะนาดรวมอยู่ด้วย

    นักวิจัยของศูนย์สัตวแพทย์ที่แมนฮัตตัน ของอเมริกากล่าวว่า ผลการศึกษาส่อว่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคเหงือกอักเสบหลายอย่าง อาจจะติดต่อมาถึงมนุษย์ได้ แต่ยังไม่อาจสรุปได้ว่า การจูบสุนัขจะเป็นอันตรายอย่างใดหรือไม่.


    ตอบลบ
  7. หวิดดับ! คุณยาย 70 ปีเกือบเสียชีวิต หลังถูกสุนัขตัวโปรดเลีย

    เป็นเรื่องราวที่เรียกได้ว่า สร้างความฮือฮาในหมู่คนรักสุนัขไปทั่วโลกเลยค่ะ เมื่อวารสารทางการแพทย์ BMJ Case Report ได้เผยข้อมูลของคุณยายวัย 70 ปี จากประเทศอังกฤษท่านหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามี "ภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายอวัยวะ" (Multiple Organ Dysfunction Syndrome หรือ MODS) และเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งสาเหตุของการป่วยของคุณยายท่านนี้เกิดจากการถูกสุนัขแสนรักสายพันธุ์อิตาเลียนเกรย์ฮาวด์เลียปาก จนทำให้คุณยายติดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากของสุนัข ...

    ตามรายงานระบุว่า คุณยายท่านนี้ได้รับเชื้อ Capnocytophaga canimorsus จากการถูกสุนัขเลียปาก โดยที่สุนัขของคุณยายไม่ได้กัดหรือข่วนเธอ ซึ่งหลังจากที่คุณยายถูกเลียก็มีอาการท้องเสีย มึนงง ปวดศีรษะ หนาวสั่นและมีไข้สูง ก่อนที่จะถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเพราะอาการไตล้มเหลว ซึ่งคุณยายเข้ารับการรักษาตัวนานกว่า 2 สัปดาห์จนหายดี และแพทย์ได้อนุญาตให้คุณยายกลับบ้านได้

    Dr. James Wilson แพทย์เจ้าของไข้เปิดเผยว่า คุณยายได้ติดเชื้อแบคทีเรีย Capnocytophaga canimorsus ที่มักพบอยู่ในช่องปากของสุนัขและแมว ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะได้รับเชื้อจากการถูกกัด โดยโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้น้อยมาก ในอังกฤษมีเคสการติดเชื้อในลักษณะนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ 3 ครั้ง ตั้งแต่ปีที่เจอครั้งแรกในปี ค.ศ. 1990 ซึ่งหากคำนวนออกมาจะเกิดการติดเชื้อขึ้นใน 150 ล้านคนต่อปี จะติดโรคนี้เพียง 1 คนเท่านั้น และถึงแม้จะได้รับเชื้อ แต่เชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายก็จะไม่สามารถทำอันตรายต่อคนทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรงได้ ยกเว้นในกลุ่มคนที่มีร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เช่น ผู้สูงอายุที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ที่อยู่ในระหว่างการทำคีโม รวมถึงเด็ก ๆ ที่ร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่เพียงพอ

    ส่วนวิธีป้องกันเชื้อแบคทีเรียตัวนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ คือ ไม่ให้สุนัขเลียใบหน้า หรือจูบกับสุนัข แต่ถ้าหากเจ้าของสุนัขมั่นใจว่า ตัวเองมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์พอ ทางแพทย์ก็ไม่ได้ห้ามการจูบสุนัขที่แสดงถึงความรักระหว่างเจ้าของและสุนัข

    แต่ในกรณีที่ถูกสุนัขกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสามารถทำได้โดยการใช้น้ำสะอาดชะล้างบาดแผล โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านแผลและพาไปพบแพทย์ทันที ในกรณีถูกสุนัขกัดจนเกิดบาดแผลลึก จะต้องรีบนำตัวผู้ที่ถูกสุนัขกัดส่งห้องฉุกเฉินเพื่อเข้ารับการรักษาทันที ซึ่งทางแพทย์ก็จะประเมินอาการและให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการต่อไป

    สำหรับเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ถึงแม้จะมีโอกาสติดเชื้อได้ยากก็จริง แต่ทางที่ดีเราก็ควรระมัดระวังในการเล่นกับน้องหมาที่บ้านนะคะ โดยต้องระวังไม่ให้น้องหมาเลียแผลหรือเลียปากของเรา ล้างมือทุกครั้งหลังจากเล่นหรือให้อาหารน้อง รวมทั้งไม่ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงข้างต้นสัมผัสน้องหมา เพียงเท่านี้ก็สามารถเล่นกับน้องได้อย่างปลอดภัยแล้วค่ะ




    ที่มา :http://www.petmd.com

    ตอบลบ
  8. คนรักสัตว์เลี้ยงต้องรู้!! อันตรายจากสัตว์แสนรัก

    เกิดเป็นกระแสดราม่าอย่างยาวนานและไม่มีสิ้นสุดสำหรับกรณีปัญหา "สุนัข" หรือ "แมว" ดูโอสัตว์เลี้ยงยอดฮิตข้างกายมนุษย์ที่นับวันไลฟ์สไตล์จะค่อยๆ ขยับชิดใกล้แบบเดียวกับคนเราไม่ว่าจะแต่งตัว เที่ยว กระทั่งกิน สถานบริการบางแห่งก็ถึงกลับมีการเตรียมพร้อมไว้เสร็จสรรพเพื่อบริการเป็นล่ำเป็นสันซึ่งดูเป็นภาพน่ารังน่าชังไม่น้อย สำหรับเจ้าของและคนที่รักชอบ

    อย่างไรก็ตามในอีกมุมด้านหนึ่งก็มีไม่น้อยที่มองต่างแยก "ความรัก" และ "ชีวิต" ออกจากกัน เพราะเกรงซึ่งอันตรายที่จะนำมาซึ่งพาหะโรคที่จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยและสุขภาพชีวิตก่อนวัยอันควร จนเกิดเป็นการโต้แย้งต่างๆ นาๆ ถึงความถูก-ผิด ข้อควรพึ่งปฏิบัติ ของความเข้าใจที่ถูกต้องก่อให้เป็นปัญหาที่บานปลายข้ามโยงสู่คนและตัวบทกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    .แน่นอนของใคร ใครก็รัก
    แต่ชีวิตเรา เราก็หวงแหน...
    วันนี้เราจึงมาไขข้อข้องใจในกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่าอะไรบ้างของสัตว์เลี้ยงที่ส่งผลกระทบต่อคน ซึ่งอาจจะต้องคิดใหม่และทำใหม่

    น้ำลายอาจไม่อันตรายต่อน้องๆ สี่ขา
    แต่สามารถคราชีวิต "เรา" ได้

    คุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียของน้ำลายของสุนัขมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียอย่างอ่อน โดยจำเพาะกับแบคทีเรียบางชนิด คือ Streptococcus canis และ E. coli ซึ่งได้ผลไม่แน่นอน จึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่า น้ำลายอาจมีส่วนช่วยให้แผลหายได้แต่น้ำลายสามารถช่วยให้แผลหายได้ในสัตว์บางสปีชีส์เท่านั้น อาทิเช่น น้ำลายของหนู mice สามารถใช้นำลายเลียที่แผลและแผลที่ได้รับการเลียจะหายได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับแผลที่ไม่ได้รับการเลีย

    ที่ตัวสะอาดเพราะเลียไม่มีกลิ่นจึงไม่สำคัญเท่าน้ำลายของน้องๆ สี่ขาที่แฝงมาด้วยเชื้อโรคอันตรายอื่นๆ จากพื้นฐานทางธรรมชาติเองและจากพฤติกรรมการกินของสกปรก โดยในสุนัขมีความเสี่ยง 75 เปอร์เซ็นต์และแมวมีมากถึง 97เปอร์เซ็นต์ ของเชื้อแบคที่เรีย Pastsrera ที่พบในช่องปาก ดังนั้นหากเราได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสูงร่างกายผ่านน้ำลายของสัตว์เลี้ยง หรือการสูดเอาแบคทีเรียเข้าไปผ่านจมูก เช่น การจูบ หรือหอมสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ อาจก่อให้เกิด อาการคัดจมูกจนอาการของโพรงจมูกอักเสบ เป็นหนอง ไอเป็นเลือด เมื่อปอดติดเชื้อ เป็นพิษตามผิวหนังหรือเยื่อไขกระดูกอักเสบ อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด (septicemia) ตามมาได้และเสียชีวิตได้ หากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอขึ้นมา

    ตอบลบ
  9. "ขน" พิษตามขนาด
    ยากที่จะทำร้ายมนุษย์

    X

    เพราะปอดประกอบด้วยถุงลมขนาดเล็กและหลอดลมฝอยที่มีขนาดจิ๋วที่ป้องกันตัวเองในการทำหน้าที่สูบออกซิเจนเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย ดังนั้นร่างกายจึงมีกลไกสำคัญในการที่จะปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่มีประสิทธิภาพสูง ขนาดของวัตถุที่จะเข้าไปในปอดได้นั้น ต้องมีขนาดเล็กกว่า 3-5 ไมครอนเท่านั้น (1 ไมครอน = 1 ส่วนล้าน ของ 1 เมตร เส้นขนของมนุษย์ มีขนาดประมาณ 100 ไมครอน)

    นอกจากนี้ร่างกายก็จะมีการปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว เช่น จาม ไอ สร้างเมือก (เสมหะ) มาจับ หรือใช้ cilia (ซีเลีย) พัดโบกออกมา และในถุงลมของปอดยังก็มีเซลล์จำนวนมากที่คอยดักจับสิ่งแปลกปลอมอีกชั้นหนึ่งด้วย ดังนั้นความเชื่อที่ว่าขนของสุนัขและแมวก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ การแพ้สัตว์เลี้ยงไม่ใช่การแพ้ขน แต่มักเป็นการแพ้ผิวหนัง (ขี้ไคลหรือรังแค) และน้ำลายสัตว์ที่ติดมาจากขนอาจมีอาการ คัน น้ำมูกไหล จาม หายใจลำบาก เคืองตา ตาบวม หรือหอบหืดที่ร้ายแรงที่สุด
    ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างไรก็ตามควรรักษาความสะอาดสัตว์เลี้ยงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ พาตรวจพบฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดแบคทีเรียสะสมที่จะนำเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ในส่วนของผู้เลี้ยงเองยังควรเข้าตรวจสุขภาพร่างกายกับแพทย์ภูมิแพ้เพื่อเช็คของประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง หากเกิดการติดเชื้อจะได้รักษาอย่างทันท่วงทีว่าสาเหตุเกิดจากโรคชนิดใด

    ตอบลบ
  10. น้ำลายจากสุนัขและแมว อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตหากติดเชื้อ

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว …เชื่อว่าใครหลายๆบ้าน หลายๆ ครอบครัว มักเลี้ยงน้องหมา น้องแมว ไว้เป็นเพื่อนเล่นให้กับเด็กๆ อยู่ในบ้าน … แต่เมื่อได้เลี้ยงเจ้าพวกนี้ไว้ในบ้านแล้ว สิ่งต้องห้าม คือ อย่าปล่อยให้สุนัขหรือแมวเลียปาก เลียหน้าเลียตา เพราะถ้าได้รู้จักโรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว ทุกคนจะต้องสยองกับมันแน่นอน!!

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว มีสาเหตุมาจากอะไร?
    โรคติดเชื้อจากสุนัขและแมวเป็นอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย Pastsrera ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งโรคนี้จะทำให้เกิดหนองเลือด เป็นพิษตามผิวหนัง มือ หรือเยื่อไขกระดูกอักเสบ หากเป็นกรณีที่ร้ายแรงมาก อาจเสียชีวิตได้

    สามารถพบได้จากภายในปากของสุนัข 75% และแมวมากถึง 97% เจ้าของอาจใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับสัตว์เลี้ยงมากเกินไปจนทำให้ได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านน้ำลายของสัตว์เลี้ยง หรือการสูดดมเอาแบคทีเรียเข้าไปผ่านจมูก เช่น การจูบ หรือหอมสัตว์เลี้ยงประจำ

    อาการของโรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว


    หากติดเชื้อผ่านการสูดหายใจเอาแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านจมูก อาจทำให้มีอาการคัดจมูกคล้ายเป็นหวัด แต่จริงๆ แล้วเป็นอาการของโพรงจมูกอักเสบ เป็นหนอง นอกจากนี้ยังอาจมีไข้สูง ไอค่อนข้างหนัก จนถึงขั้นไอเป็นเลือดเมื่อปอดติดเชื้อและหากเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ดวงตา ก็อาจทำให้มีอาการตาแดง และมีเลือดคั่งในตา

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว อันตรายมากหรือไม่?
    จริงๆ แล้วหากเป็นคนที่มีภูมิต้านทานโรคดี ร่างกายปกติแข็งแรงอยู่แล้ว ร่างกายอาจต่อต้านแบคทีเรียจนหายเป็นปกติได้เอง แต่หากยังคงได้รับเชื้อแบคทีเรียจากสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง บวกกับร่างกายเริ่มไม่แข็งแรง พักผ่อนน้อย ทานอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ และไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียทำร้ายร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ความรุนแรงของโรคจึงขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานโรค และสุขภาพของแต่ละคนด้วย

    ตอบลบ


  11. โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว

    สังเกตได้อย่างไร ว่าสุนัขและแมวของเรา มีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเราหรือไม่
    เป็นเรื่องยากที่จะสังเกตจากภายนอกได้ว่า สุนัขหรือแมวมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเราหรือไม่ เพราะเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากของสุนัขและแมว ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุนัขและแมวเอง แต่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้นควรจะระวังไม่ว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ ได้รับการดูแลอย่างดีหรือไม่ก็ตาม


    SHARE

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว

    สังเกตได้อย่างไร ว่าสุนัขและแมวของเรา มีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเราหรือไม่
    เป็นเรื่องยากที่จะสังเกตจากภายนอกได้ว่า สุนัขหรือแมวมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อเราหรือไม่ เพราะเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากของสุนัขและแมว ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุนัขและแมวเอง แต่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้นควรจะระวังไม่ว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ ได้รับการดูแลอย่างดีหรือไม่ก็ตาม


    เพราะเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากของสุนัขและแมว ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุนัขและแมวเอง แต่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เราด้วย ดังนั้นควรจะระวังไม่ว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ ได้รับการดูแลอย่างดีหรือไม่ก็ตาม หากมีอาการคัดจมูก ตาแดง มีไข้สูง หรือไอหนัก โดยที่บ้านมีสัตว์เลี้ยง และคลุกคลีอยู่กับสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด อาจต้องพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรีบทำการรักษาอย่างทันท่วงที

    จูบสัตว์เลี้ยง! เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารได้
    นอกจากนี้พฤติกรรมจูบสัตว์เลี้ยงแบบนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารให้กับเด็กๆ และผู้เลี้ยงได้อีกด้วยซึ่งข้อมูลนี้ก็ไม่ได้ถูกอ้างถึงแบบลอย ๆ เพราะมีหลายงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นเลยว่า เชื้อโรคจากสัตว์เลี้ยงอาจเป็นอันตรายกับสุขภาพได้อย่างคาดไม่ถึง

    ผลวิจัยล่าสุดที่ศึกษาโดยมหาวิทยาลัย Kitasato ประเทศญี่ปุ่น เผยว่า สิ่งปฏิกูลของสัตว์ทั้งในรูปของเหลว เช่น น้ำลาย ปัสสาวะ เลือด น้ำหนอง และสิ่งปฏิกูลของแข็งอย่างอุจจาระ อาจส่งต่อเชื้อโรคที่ทำให้คนเลี้ยงสัตว์เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ง่ายขึ้น

    โดยผลการศึกษาพบว่า ในสิ่งปฏิกูลของสัตว์เหล่านี้ แอบแฝงเชื้อแบคทีเรีย helicobacter heilmanni เชื้อแบคทีเรียตัวร้ายที่พบในร่างกายของผู้ป่วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารกว่า 60% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลการศึกษาของเยอรมนีก่อนหน้านี้ที่พบว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารกว่า 70% ที่มีเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในตัว เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงหรือมีพฤติกรรมคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงแทบทั้งนั้น

    นอกจากนี้แล้ว พฤติกรรมที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก ต่อการได้รับเชื้อแบคทีเรีย helicobacter heilmanni จากสัตว์เลี้ยงโดยตรงก็มีดังต่อไปนี้ด้วย

    จูบสัตว์เลี้ยงหรือปล่อยให้สัตว์เลี้ยงเลียหน้าตา โดยสัมผัสกับน้ำลายของสัตว์เลี้ยงโดยตรง
    จูบสัตว์เลี้ยงบริเวณใกล้ ๆ ปาก
    ใช้ของร่วมกับสัตว์เลี้ยง เช่น ภาชนะ ผ้าเช็ดตัว หวี เป็นต้น
    สัมผัสกับสิ่งปฏิกูลหรือซากสัตว์เลี้ยงโดยไม่สวมถุงมือป้องกันเชื้อโรค
    จูบกับคนที่มีเชื้อแบคทีเรีย helicobacter heilmanni อยู่ในร่างกาย
    ทั้งนี้ ด้าน ดร.คาเรน เบกเกอร์ สัตวแพทย์จากสหรัฐอเมริกายังเผยด้วยว่า ในร่างกายของสัตว์เลี้ยงก็มีเชื้อแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคในระบบลำไส้ของมนุษย์ เช่น เชื้ออีโคไล (E. coli) เชื้อแซลโมเนลล่า (salmonella) แบคทีเรียคลอสตริเดีย (clostridia) และเชื้อแคมพิโลแบคเทอร์ (campylobacter) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคในระบบทางเดินอาหารอย่างโรคท้องร่วง ท้องเสีย และความผิดปกติอื่น ๆ ของลำไส้


    ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษาจาก Massey University ประเทศนิวซีแลนด์ยังพบว่า สัตว์เลี้ยงสามารถแพร่เชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิดที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ โดยส่งผ่านเชื้อโรคและแบคทีเรียเหล่านี้มาทางน้ำลาย ดังนั้นจึงไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงเลียหน้า เลียปาก หรือจูบกับสัตว์เลี้ยงโดยตรง อีกทั้งหากสัมผัสกับน้ำลายของสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกาย ก็ควรรีบล้างทำความสะอาดโดยทันที เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรค

    ตอบลบ
  12. ความปลอดภัยของแม่ท้องกับสัตว์เลี้ยง
    แมวสามารถนำโรคภัยมาสู่แม่ท้องได้มากกว่าสุนัข โดยเฉพาะโรคนี้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรกต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเชื้อนี้เกิดจากเชื้อโปรโตซัว ซึ่งจะเจริญและขยายพันธุ์ในลำไส้ของแมว โดยแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย มักจะชอบเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งอาจจะไปกินเนื้อดิบ ๆ หรือกินหนู และแมลงสาบที่ติดเชื้อ เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายแมว ไปอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ ตลอดจนลำไส้ของแมว และเชื้อจะปนเปื้อนออกมากับอุจจาระของแมว

    หากคุณแม่ท้อง ต้องทำความสะอาดกระบะทราย และสัมผัสถูกอุจจาระแมว แล้วไม่ล้างมือก่อนทานอาหาร คุณแม่ก็จะได้รับเชื้อโรคนี้ แล้วเชื้อจะส่งผ่านทางรกไปสู่ลูกน้อยในครรภ์ได้ ซึ่งผลที่มีต่อเด็กคือ เด็กบางคนอาจแท้ง บางคนเมื่อเด็กคลอดออกมาตอนแรกจะเหมือนเด็กปกติทุกอย่าง แต่หลังจากคลอดประมาณ 6-7 เดือน เด็กที่ติดเชื้อโรคนี้จะมีอาการ ตาบอด ปัญญาอ่อน มีปัญหาด้านการเรียนรู้ และมีปัญหาด้านระบบประสาท เช่น สมองบวมน้ำ มีอาการชักและความผิดปกติของระบบประสาทได้

    แต่โรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณแม่ท้องทุกคน เนื่องจากคุณแม่ส่วนใหญ่ที่แข็งแรงดี จะมีภูมิต้านทานโรคนี้อยู่ในระดับหนึ่งแล้ว หากได้รับเชื้อจะมีอาการคล้ายเป็นหวัด แล้วก็หายไป คุณแม่ท้องที่ต้องระวังคือ คุณแม่ในกลุ่มเสี่ยงที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งซึ่งอยู่ในช่วงให้เคมีบำบัด และผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ เพราะคุณแม่ในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่อโรคต่ำ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย โดยคุณแม่ที่ได้รับเชื้อโรคนี้จะมีไข้และต่อมน้ำเหลืองบวม บางรายจะมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ค่ะ


    √เลี้ยงสัตว์อย่างไรให้ อยู่ใกล้ได้ แต่ไกลจากโรค
    และถึงสัตว์เลี้ยงตัวโปรดจะสามารถนำพาอันตรายต่าง ๆ มาให้เด็กๆ และคุณแม่ท้องได้ แต่การเป็นเพื่อนยามเหงา แก้เครียด และช่วยให้ผ่อนคลายก็เป็นเรื่องดี ดังนั้นหากจะเลี้ยงสัตว์ระหว่างตั้งท้อง ควรปฏิบัติดังนี้ค่ะ

    หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขกระโดดใส่ เพราะจะทำให้คุณแม่ได้รับอันตรายได้
    ไม่ควรเก็บอุจาระแมวจากกระบะทรายด้วยตัวเอง หรือถ้าหาผู้ช่วยไม่ได้ ควรสวมถุงมือแบบใช้ครั้งเดียว ทิ้งทุกครั้งในการทำความสะอาดกระบะทราย และล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง แนะนำว่ากระบะทรายควรเปลี่ยนทรายทุกวันเพื่อป้องกันเชื้อโรค
    สำหรับคุณแม่ที่ชอบปลูกต้นไม้ ทำสวน ควรสวมถุงมือทุกครั้ง เพราะสุนัขหรือแมว อาจมาอุจจาระไว้ในสวนหรืออาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนในดิน ทำให้คุณแม่อาจไปสัมผัสเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว
    ล้างมือหลังจับหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยงทุกครั้งและก่อนทานอาหาร
    ดังนั้นเหล่าคนรักสัตว์ก็ควรต้องระวังกับการสัมผัสน้ำลายและสิ่งปฏิกูลของสัตว์เลี้ยงอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เด็กเล็ก ๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ คนชรา หรือผู้ที่กำลังป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคจากสัตว์เลี้ยงได้ง่ายกว่าปกติ


    https://www.amarinbabyandkids.com/health/infectious-saliva-dogs-cats/3/

    ตอบลบ
  13. เล่นกับหมา [ระวัง] หมาเลียปาก

    สัตว์เลี้ยงในบ้านช่วยให้เราคลายเหงา และรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นด้วย หรือได้ดูแลเจ้าสัตว์ตัวโปรด แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงแล้ว เจ้าสัตว์สี่ขาเหล่านี้ก็สามารถนำพาเชื้อโรคมาสู่เราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า หรือแม้แต่กระทั่งน้ำลายก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว เป็นโรคหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถเป็นอันตรายได้ถึงแก่ชีวิตเลย
    จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะได้ยินคำเตือนจากผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองของเราว่า


    “ถ้าคิดจะเล่นกับสัตว์เหล่านี้แล้ว ต้องรีบไปล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วย และที่สำคัญอย่าปล่อยให้สุนัขหรือแมวเลียปาก เลียหน้า เลียตา ของเราเด็ดขาดแม้ว่าคุณจะรักมันเท่าไหร่ก็ตาม”

    การที่หมาแมวเลียปากของเจ้าของ อาจเป็นการกระทำเพื่อแสดงความรักโดยที่เจ้าของก็อาจจะไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจ และไม่ได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อพวกเขา แต่วันนี้เราอยากให้คุณตระหนักเสียใหม่ ว่าในความเป็นจริงแล้ว…สิ่งที่คุณทำยังมีอันตรายอื่นๆแอบแฝงอยู่ จะน่ากลัวแค่ไหนไปหาคำตอบกันเลยค่ะ

    เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว“ กันสักหน่อยว่ามันคืออะไร
    สาเหตุจากอะไร อาการเป็นอย่างไร และอันตรายต่อชีวิตของเรามากแค่ไหน พร้อมแล้วไปอ่านกัน…

    โรคนี้คืออะไรกันแน่?

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียเป็นหลัก โดยจะเป็นอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย Pastsrera ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งอาจพบจากภายในปากของสุนัข 75% และแมวมากถึง 97%


    ซึ่งเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียแล้วจะทำให้เกิดหนองเลือดเป็นพิษตามผิวหนังหรือเยื่อไขกระดูกอักเสบ ซึ่งหากเป็นกรณีที่ร้ายแรงมาก อาจทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้เลย

    สาเหตุสำคัญที่ต้องระวัง

    อย่างที่บอกไว้ว่าโรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมวเป็นอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่พบในปากของสุนัขและแมว ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับพวกมันมากเกินไป อาจมีการจูบปาก เลียปากเพื่อแสดงความรัก และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์ได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านน้ำลายของสัตว์เลี้ยงได้นั่นเอง

    นอกจากนี้ อาจเป็นการได้รับเชื้อแบคทีเรียจากการสูดดมเข้าไปผ่านจมูก เช่น การหอมสัตว์เลี้ยงสุดรักเป็นประจำก็เป็นได้




    ตอบลบ
  14. อาการของโรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว

    เมื่อคุณติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าไปผ่านการสูดหายใจ อาการเริ่มแรกจะมีอาการคัดจมูกคล้ายเป็นหวัด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะมักเป็นอาการเริ่มต้นของ “โพรงจมูกอักเสบ หรือ โพรงจมูกเป็นหนอง“ ต่างหาก

    หากเชื้อแบคทีเรียติดต่อเข้าสู่ดวงตา จะทำให้มีอาการตาแดง หรือมีเลือดคั่งในดวงตาได้ นอกจากนี้ อาจพบอาการอื่นๆ ได้แก่ ตัวร้อน มีไข้สูง ไอหนัก หรือรุนแรงจนถึงขั้นไอเป็นเลือด ซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อปอดของคุณเกิดปัญหาติดเชื้อ

    ความรุนแรงของโรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมว
    คุณอาจคิดว่า…สุนัขและแมวไม่น่าจะสามารถฆ่าคุณให้ตายได้… แต่เชื่อเถอะว่าหากคุณไม่ใส่ใจและละเลยเรื่องนี้ไป เจ้าสัตว์ตัวเล็กๆนี่แหละที่จะเป็นผู้ปลิดชีวิตของคุณ

    หากคุณเป็นคนไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองมากเท่าที่ควร ร่างกายไม่แข็งแรง พักผ่อนน้อย รับทานอาหารไม่เลือก ขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ คุณก็จะสามารถรับเชื้อแบคทีเรียเข้าไปได้มาก และเชื้อแบคทีเรียก็จะทำร้ายร่างกายอย่างหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

    ตอบลบ
  15. ในทางตรงกันช้าม หากคุณเป็นคนที่มีภูมิต้านทานโรคดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายปกติแข็งแรง ร่างกายก็จะสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้มากกว่า เพราะความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานโรคและสุขภาพของแต่ละคนด้วย และหากติดเชื้อขึ้นมาจริงๆความผิดปกติที่เป็นก็อาจจะหายเป็นปกติไปได้เอง อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นในกรณีที่ไม่ได้รับเชื้อแบคทีเรียจากสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่องด้วย

    จะสังเกตสุนัขและแมวของตัวเองได้อย่างไร ว่าพวกมันเป็นอันตราย?
    แค่มองภายนอกคงยากที่จะเดาว่า “สุนัขหรือแมวตัวไหนที่มีเชื้อแบคทีเรีย” และแบคทีเรียที่พวกมันมีเป็นอันตรายต่อเราหรือไม่ เพราะเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากของสุนัขและแมว อาจไม่สามารถทำอันตรายต่อสุนัขและแมวเอง แต่ในทางกลับกัน มันกลับเป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมหาศาล

    เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดจึงเป็นการระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ติดเชื้อโรค โดยการหมั่นสังเกตอาการของพวกมัน ดูว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอาการคัดจมูก ตาแดง มีไข้สูง หรือไอหนักบ้างหรือไม่ หากเริ่มมีอาการต้องส่งไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และจะได้รีบทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อที่มีบางปลายไปสู่มนุษย์ได้นั่นเอง

    โรคติดเชื้อจากน้ำลายสุนัขและแมวจะไม่ทำร้ายใคร หากคุณตั้งรับมันได้อย่างถูกวิธี อย่าลืมดูแลสัตว์เลี้ยงในบ้านและสังเกตอาการของพวกมันอยู่เสมอ เท่านี้คุณก็ปลอดภัยจากโรคร้ายแรงนี้ได้แล้ว


    ตอบลบ
  16. What you should know about (Extremely Rare) Dog Lick Infections


    If you’re a dog person, you’ve almost certainly seen some of the alarming stories about people dying after being licked by their dogs. In the highest profile story, an otherwise healthy 63-year-old German man died from “multiple organ failure” after contracting a rare infection from normal contact with his pet dog. It’s a scary thought for any dog owner or anyone who loves being around dogs but the vast, vast majority of people needn’t worry about getting sick or dying from a dog lick.

    We wanted to know what dog owners and dog fans should know about the bacteria, and how it should or shouldn’t affect how you interact with your pet. We consulted the Washington Animal Disease Diagnostic Laboratory at the Dept. of Veterinary Microbiology and Pathology at Washington State University for a quick fact check and some advice.

    What the heck?!
    The bacterium in question is capnocytophaga canimorsus, found in the mouths of healthy dogs, cats, and people. Media coverage of the German patient is based on a report published in the European Journal of Case Reports in Internal Medicine. In that report, researchers note that the bacteria is transmitted to humans only in rare cases, and most typically via a dog bite (although, it’s worth emphasizing, per the CDC, most contact with dogs does not lead to an infection or any illness, even after a bite). The European researchers also note that most people who have had severe or fatal infections have had immune, spleen or alcohol abuse issues.

    How should this affect how you interact with your dog, if at all?
    Claire Burbick, DVM, PhD, DACVM, Clinical Assistant Professor and Section Head, Bacteriology and Parasitology at WSU says dogs licking open wounds is probably the most common means of transmission of the bacteria. She also emphasized common sense hygiene. “Avoidance of dog saliva is always recommended, but can be difficult when dogs are close family members,” says Burbick. “We recommend being especially aware of contact with pets if someone is immunosuppressed or otherwise more susceptible to infections. Basic hand hygiene or covering/washing wounds if licks are possible, or have occurred, would be recommended. This isn’t the only bacteria the dog has in the mouth that can contaminate human skin/wounds and cause infection.” Burbick recommends reviewing the CDC’s fact page regarding transmission and emphasizes the importance of prompt medical attention if dog bites occur.

    So why are we hearing about it now?
    When a story of this… intensity gets media attention, it’s tempting to assume that incidents of infection are on the rise. But Burbick says that there’s nothing about dog or human diets or habits that’s contributing to the bacteria’s growth or proliferation. “There have been reports about this bacteria for years, but no database exists to track numbers of cases,” says Burbick. “I would guess that there might be a few cases per year at most. Unfortunately, the outcomes can be quite bad and that is probably why we hear about this in a more dramatic fashion.”


    ตอบลบ