พัฒนาการเด็กและการส่งเสริมทารกวัย 12 เดือน
หนูน้อยอายุครบปีกลายเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กที่วุ่นวายอยู่กับการสำรวจโลกอยู่ทั้งวัน ทำให้เวลานอนก็ไม่ยอมนอน เวลากินก็มักจะปฏิเสธ ทำให้คุณพ่อคุณแม่จะต้องมีลูกล่อลูกชนอยู่เสมอ อีกทั้งต้องระวังเรื่องความปลอดภัย เพราะเขาจะสามารถเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วบ้านได้แล้ว
พัฒนาการทางร่างกายและการส่งเสริม
เมื่อลูกอยู่ที่บ้านอาจจะเดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะว่าอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย สามารถเดินชะลอเพื่อสำรวจสิ่งที่ตนเองสนใจ และสามารถหยุดมอง นั่ง และเล่นได้อย่างเบิกบานมีความสุข เพราะว่าเขาสามารถเคลื่อนตัวเองไปยังจุดที่น่าสนใจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพิงใคร แต่เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยลูกอาจจะไม่ยอมเดิน อยู่เกาะติดกับคุณแม่ และมีความรู้สึกกลัวเข้ามาแทรกทั้งๆ ที่อยู่บ้านเคยทำได้ อย่างเช่น จะคลานแทนทั้งๆ ที่เคยเดินได้คล่องแคล่วลูกสามารถใช้มือทั้งสองข้างได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว โดยเฉพาะนิ้วโป้งและนิ้วชี้ที่จะสามารถหยิบของต่างๆ ได้เต็มมือ มีการหยิบวางอย่างบรรจงและแม่นยำ ถือของต่างๆ ได้เหนียวแน่นและตกยาก
พัฒนาการทางร่างกายของทารกวัย 12 เดือนที่เด่นชัด ได้แก่
- ยืนได้เอง และยืนได้ตรง
- ย่อตัวลงนั่งได้แข้งขัน
- เดินได้ แต่ก็ยังชอบคลาน
- ชอบคลานขึ้นลงบันได
- ใช้มือขณะเดินได้ อย่างเช่น เดินไปพร้อมกับเล่นของเล่น เดินพร้อมกับโบกมือ
- ชอบใช้มือข้างเดียว และอีกข้างก็สามารถทำอย่างอื่นได้
- ใช้นิ้วชี้สิ่งของและผลักของ
- ถอดเสื้อผ้าออกได้เอง
- ชอบเปิดฝากล่องและฝาขวด
- ทำท่าเหมือนว่ายน้ำในอ่างอาบน้ำ
พัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจ และการส่งเสริม
ลูกจะเริ่มกลับมาติดแม่อีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมข้างนอก การติดแม่แจในวัยนี้ลูกจะไม่ยอมเล่นกันใคร จนทำให้คุณแม่หลายคนคิดมาก แต่พฤติกรรมนี้จะค่อยๆ หายไปเองเมื่อโตขึ้น ลูกจะรู้สึกว่าเริ่มอยู่ได้เมื่อปราศจากแม่ เขาจะปรับตัวและจัดการอารมณ์ของตนเอง เพื่อนำไปสู่พัฒนาการทางอารมณ์ที่จะเข้มแข็งขึ้นทีละน้อย โดยเฉพาะเวลาที่ลูกโกรธหรือโมโห ต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้อารมณ์ตรงนี้และสงบได้ด้วยตนเอง
พัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจของทารกวัย 12 เดือนที่เด่นชัด ได้แก่
- มีปฏิกิริยารุนแรงเมื่อจับแยกจากแม่
- มีอารมณ์ขัน
- มีอารมณ์แห่งการปฏิเสธมากขึ้น อย่างเช่น ไม่กิน ไม่ไป
- ยืนยันความต้องการของตนเอง
พัฒนาการทางภาษาและการส่งเสริม
ลูกยังไม่สามารถพูดเป็นภาษาได้ แต่ก็สามารถฟังคุณพ่อคุณแม่และแปลความหมายที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างแม่นยำ การพัฒนาด้านภาษาของลูกขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ โดยพูดและอธิบายให้ลูกฟังบ่อยๆ ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ โดยเริ่มจากของใกล้ตัวที่สุดคืออวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเขา อย่างเช่น มือ เท้า ท้อง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้คำศัพท์ และรู้จักบอกความต้องการของตนเองได้ โดยเฉพาะเมื่อตนเองเกิดเจ็บปวดขึ้นมา
พัฒนาการทางภาษาของทารกวัย 12 เดือนที่เด่นชัด ได้แก่
- จับดทนเสียงบ่งบอกอารมณ์ได้
- พูดเสียงอื่นๆ ได้มากขึ้น
- พยายามพูดเสียงต่างๆ บางครั้งใช้การแผดเสียงเพื่อเรียนรู้ลำดับของโทนเสียง
พัฒนาการทางสังคมและการส่งเสริม
แม้ลูกจะมีความผูกพันกับคุณแม่มาก แต่กลับมักออกฤทธิ์และมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักออกมาเมื่ออยู่กับคุณแม่ ราวกับว่าไม่กลัวใครเมื่อมีคุณแม่อยู่ด้วย อย่างเช่น ชอบตีพี่เลี้ยง สั่งอะไรก็ไม่ยอมทำ เป็นต้น กลับกันคุณจะเห็นว่าเมื่อฝากลูกไว้กับคุณตาคุณยายหรือพี่เลี้ยงเพียงลำพังโดยที่คุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วย ก็มักจะได้ยินเสียงบอกเล่าว่าลูกเป็นเด็กน่ารัก ให้ทำอะไรก็เชื่อฟัง แต่พอมาอยู่กับคุณแม่อีกครั้งกลับเป็นเหมือนเดิม สั่งอะไรก็ไม่ยอมทำตามแถมอาจจะก้าวร้าวอีกด้วย พฤติกรรมนี้จะค่อยๆ หายเมื่ออาการติดแม่มีน้อยลงไปเมื่อเขาโตขึ้น
พัฒนาการทางสังคมของทารกวัย 12 เดือนที่เด่นชัด ได้แก่
- แสดงอารมณ์มากขึ้น และเข้าใจอารมณ์คนอื่นมากขึ้น
- ระแวงคนแปลกหน้าและสถานที่ใหม่ๆ
- เข้าใจการเล่นเกมง่ายๆ เป็นกลุ่ม
- ใครขอของเล่นก็จะให้บ้าง
- บางครั้งก็แยกตัวเล่นคนเดียว
- จะทำสิ่งต่างๆ ได้ดีเมื่อมีคนชมเชยอยู่ข้างๆ
พัฒนาการทางสมองและการส่งเสริม
เมื่อลูกมีพลังงานเยอะเหลือเฟือและโลกใบใหม่ก็น่าสนุกและน่าเรียนรู้ ทำให้เจ้าหนูวัยนี้ส่วนใหญ่นอนยาก และไม่ชอบที่จะเข้านอนสักเท่าไร ทั้งๆ ที่การนอนเป็นส่วนหนึ่งการพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และผลิต Growth Hormones ออกมาเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นหากอยากให้ลูกแจ่มใสคุณพ่อคุณแม่จะต้องจัดตารางเวลาการนอนของลูกให้ดี รวมทั้งสร้างบรรยากาศการนอนที่เป็นสุข ไร้แสงสว่างกวนตาและเสียงรบกวนด้วย
พัฒนาการทางสมองของทารกวัย 12 เดือนที่เด่นชัด ได้แก่
- ชอบจับของแยกออกจากกัน อย่างเช่น แกะห่อของเล่น
- เรียนรู้เรื่องการแทนที่ การหมุน และการกลับหัวกลับท้ายของสิ่งของ
- ค้นหาของเล่นที่มองไม่เห็น แต่จำได้ว่ามีอยู่
- จดจำเหตุการณ์ต่างๆ ได้นานขึ้น และจำรายละเอียดได้มากขึ้น
- เริ่มรู้ว่าตนเองใช้มือถนัดด้านไหน
- เมื่อเกิดปัญหาหรือความผิดผลาด จะหาทางแก้ปัญหา
- สามารถแยกของเล่นตามสีและรูปร่างได้
- รู้ว่าตัวเองแตกต่างจากสิ่งของ
- เลียนแบบกิริยาท่าทางได้ดีขึ้น
- ไม่ค่อยยอมนอน
ที่มา : Momypedia : นิตยสารรักลูก : นิตยสาร ModernMom : คู่มือพัฒนาการเด็ก : คู่มือพัฒนาสมองลูกด้วยสองมือแม่ : หนังสือคู่มือเลี้ยงลูก โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.ชนิกา ตู้จินดา สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊ค : http://www.momypedia.com/
พัฒนากาทารกอายุ 12เดือน
ตอบลบพัฒนาการเด่น “ หนูเดินได้แล้ว”
• ลูกจะเริ่มมีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และรู้ว่า ตนเองก็เป็นคนหนึ่งคน ที่แยกจากแม่ได้ (sense of self) เขารู้สึกถึงการเป็นตัวตนของเขา และจะมีวิธีที่จะบอกคุณได้ว่า อะไรชอบ อะไรไม่ชอบ และ เขาต้องการอะไรจากคุณ
•ลูกจะเริ่มพูดคำเดี่ยวๆ ที่มีความหมายได้ อย่างน้อย 2-3 คำ และจะชอบทำเสียงโทนสูงต่ำเหมือนกำลังคุย ด้วยภาษาของเขาเอง ซึ่งผู้ใหญ่จะฟังไม่รู้เรื่อง
• ประมาณ 3 ใน 5 รายของเด็กที่อายุ 1 ปี จะเริ่มเดินได้เอง ในวันครบรอบวันเกิดของเขา แต่ก็ยังต้องการการฝึกฝนอีกสักพัก ก่อนที่จะเดินได้คล่อง บางครั้งเด็กจะล้ม ซึ่งมักจะมีการร้องไห้ตามมาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ใช่จากเจ็บตัว แต่จะเป็นจากตกใจ หรือหงุดหงิดที่ตนเองยังไม่สามารถเดินไปถึงที่ที่เขาต้องการ และหลายต่อหลายครั้งเด็กที่เริ่มเดินได้แล้ว จะกลับมาใช้วิธีคลานอีก เนื่องจากยังถนัด ที่จะพาตนเองไปไหนตามใจ โดยการคลาน และเขายังพบว่าเขาคลานได้เร็วกว่าเดินในช่วงแรกๆ
...
•น้ำหนักของลูก ดูจะไม่ค่อยขึ้นมากนักเหมือนเมื่อก่อน เป็นเพราะลูกจะมีกิจกรรม ให้ทำหลายอย่าง ซึ่งจะใช้พลังงานที่ได้ไปในการนี้พอสมควร ไม่เหมือนตอนเล็กๆ ที่จะกินกับนอนเป็นส่วนใหญ่ และพฤติกรรมการทานอาหารก็จะยังไม่แน่นอน บางครั้งจะชอบทานอย่างหนึ่ง ไปหลายมื้อติดๆ กัน แต่อีกวันอาจจะไม่เอาอาหารอย่างเดิมเลย หรือมีสิ่งที่น่าสนใจ ดึงให้เขาไม่อยากนอน ในตอนนั้น ซึ่งคุณควรจะทำตัวสบายๆ อย่าเข้มงวดว่าเขาจะต้องเข้านอนตรงตามเวลา ที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ควรอะลุ่มอะหล่วยบ้าง
ตอบลบ• วัยนี้เด็กบางคนจะเริ่มมีการอาละวาด ลงไปดิ้นกับพื้น เมื่อถูกขัดใจบ้าง (Temper tantrums) ซึ่งอาจทำให้คุณตกใจ และถ้ายิ่งคุณหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่เขา ก็จะยิ่งมีการอาละวาดมากขึ้นไปอีก ลูกต้องการคุณช่วยในการสอนให้เขารู้จักการควบคุมอารมณ์ของเขา เมื่อเขาโกรธหรือโมโห ดังนั้นคุณควรจะคุมตัวคุณเองให้ได้ก่อน และพูดหรือโต้ตอบกับเขา ด้วยท่าทีที่สงบเย็น ก็จะช่วยให้ลูกเริ่มเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ของเขาเองได้ต่อไปในอนาคต
•ลูกอาจจะดูเป็นเด็กอารมณ์ดีน่ารัก ในช่วงขณะหนึ่ง แต่อีกแป็บเดียว อาจจะงอแงร้องไห้ได้ หรืออาจจะกลายเป็นเด็กที่ดื้อที่สุด ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา แต่เขาก็ยังต้องการคนอยู่ใกล้ที่คอยดูแลเขา
• ในการเล่นกับเด็กคนอื่นๆ จะยังเป็นแบบต่างคนต่างเล่น จะไม่เล่นด้วยกันแบบเด็กโต แต่ก็จะอยากให้มีเด็กคนอื่นอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะถ้ามีเด็กที่โตกว่า มาเล่นกับเขา จะรู้สึกสนุกมาก
• คุณควรเริ่มการฝึกอบรมสอนลูกให้รู้ว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ อะไรถูกอะไรผิด (ไม่ใช่จับมานั่งฟังเทศน์) ที่เรียกว่า Discipline ซึ่งมีความหมายลึกซึ้ง โดยอาศัยความรักความเข้าใจที่คุณมีต่อลูก
•หลักการก็คือ ความสม่ำเสมอ (consistency) ไม่ใช่ว่า ในกรณีเดียวกันเดี๋ยวได้ เดี๋ยวไม่ได้ คุณควรจะมีเกณฑ์อยู่ในใจ ที่ไปในแนวเดียวกัน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ (รวมทั้งผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ดูแลเด็กด้วย) เพื่อให้ลูกค่อยๆ เรียนรู้กฎเกณฑ์ และกติกาของการอยู่ร่วมกัน และการปฏิบัติตน พยายามใช้วิธีละมุนละม่อมและชัดเจนกับลูก จะช่วยให้เขาเข้าใจได้ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกว่าไม่ แต่อีกคนรีบเข้ามาโอ๋ และให้เด็กได้ของนั้นๆ หรือเชียร์ให้เด็กทำตรงข้าม กับที่ห้ามไว้ทันที
• ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ ควรจะหาเวลาพูดคุยกันเอง ถึงเรื่องต่างๆ เหล่านี้ เพื่อที่จะได้ “ส่งและรับ เรื่อง” กันทัน เมื่อลูกเกิดอาการงอแงขึ้น ควรใช้วิธีกระตุ้นในเชิงบวก (positive re-enforcement) โดยการสนับสนุนพฤติกรรมที่ดี ให้คงอยู่ และแสดงให้ลูกทราบว่า คุณไม่ชอบ ถ้าเขาแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ออกมา
• ควรเก็บการลงโทษ หรือการใช้การกระทำอันเด็ดขาด ในการจัดการกับเขา ไว้เฉพาะในกรณีที่พฤติกรรมที่เขากำลังทำอยู่นั้น เป็นสิ่งที่อาจเกิดอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่นได้ และใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
•เด็กบางคนจะเริ่มติดตุ๊กตานุ่มๆ, ผ้าห่ม, หมอน เพราะเขาจะใช้แทนการมีตัวคุณแม่อยู่ใกล้ตลอดเวลา เนื่องจากเขาโตขึ้นก็จริง แต่ก็ยังจะมี ความรู้สึกไม่อยากแยกจากคุณแม่ (separation anxiety) ซึ่งถึงแม้จะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง และเช่นกัน ใน การกลัวคนแปลกหน้า (stranger anxiety) ก็จะยังคงมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องออกไปข้างนอกบ้านกับคุณ จึงควรระวังที่จะไม่ปล่อยเขาไว้โดยลำพัง กับคนที่เขาไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะเวลาอยู่ในที่ใหม่ ที่เขาไม่รู้จักคุ้นเคย
• อีกไม่นานลูกของคุณก็จะมีอายุครบ 1 ขวบเต็ม จากตอนแรกเกิด ที่เขาไม่สามารถช่วยตนเองได้เลย มาถึงตอนนี้ ที่เขาพอจะทำอะไรได้เองมากขึ้น เขาเริ่มรู้จักการเป็นตัวของตัวเอง การช่วยตนเอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งอีกไม่นานเขาก็จะเป็นคนๆ หนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะของตัวเขา และไม่มีใครเหมือน และไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็คือ ดวงใจของเรานั่นเอง
• สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะทำได้ต่อไปก็คือ การช่วยกันอบรมเลี้ยงดูเขา ให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่มีความสุข ประสบความสำเร็จ และเป็นคนดีของสังคม ได้ดังที่เราตั้งใจไว้
ที่มา :: http://www.baby2talk.com