การเลิกจ้าง/ค่าชดเชย/บีบให้ออกจากงาน
2. แต่หากบริษัทใช้วิธีบีบให้ลาออกไปเอง เช่น ย้ายให้ไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งเราไม่สามารถไปได้ เราควรจะทำอย่างไร
3. การจ่ายโบนัสและขึ้นเงินเดือนถูกตัดหมดอย่างไม่เป็นธรรม เราสามารถฟ้องอะไรได้หรือไม่
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. แม้บริษัทจะเลิกจ้างลูกจ้าง โดยยินยอมจ่ายค่าชดเชยให้ซึ่งมากกว่าค่าชดเชยตามกฎหมาย ย่อมชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่หากว่าท่านซึ่งเป็นลูกจ้างเห็นว่าเป็นการเลิกจ้างท่านโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งลูกจ้างไม่มีความผิดใด ๆ ท่านย่อมมีสิทธิฟ้องบริษัทต่อศาลแรงงานว่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เพื่อเรียกค่าเสียหายจากนายจ้างได้
2. หากบริษัทบีบให้ท่านลาออก โดยการให้ท่านไปทำงานยังต่างจังหวัด ซึ่งท่านไม่อาจไปได้ ท่านก็ต้องฟ้องบริษัทต่อศาลแรงงานว่ากระทำของนายจ้างนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมแก่ท่าน หรือร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน
3. นายจ้างตัดโบนัสหรือเงินเดือนโดยไม่ขึ้นให้ ตามข้อสัญญาจ้างแรงงานท่านก็ต้องฟ้องคดีต่อศาลแรงงาน
ที่มา :: http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=6877
เพิ่มเติม
ศาลแรงงานกลาง มีฐานะเป็นศาลชั้นต้น สังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลแรงงานกลางมีเขตอำนาจครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี และในระหว่างที่ยังไม่ได้จัดตั้งศาลแรงงานภาค หรือศาลแรงงานจังหวัดนั้น ศาลแรงงานกลางมีอำนาจ ครอบคลุมพี้นที่ทั่วราชอาณาจักร
ปัจจุบันศาลแรงงานกลาง มีสาขาจำนวน 4 สาขา และมีศาลแรงงานภาค จำนวน 9 ภาค ทั่วประเทศ
ศาลแรงงานกลาง นนทบุรี ที่ตั้ง | ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี หมู่ที่ 8 ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000 |
โทรศัพท์ | (+66) 0 2580 0705-6 |
โทรสาร | (+66) 0 2580 0705-6 |
เว็บไซต์ | จังหวัดนนทบุรี |
"ถูกบีบให้ออกจากงาน" เหตุผลอันน่าเศร้าของคนทำงานจำนวนไม่น้อยที่ต้องออกจากงานเดิมด้วยความจำใจ เพราะไม่สามารถทนรับแรงกดดันต่างๆที่ถูกกระ ทำสะสมจนไม่สามารถทำ งานต่อไปได้
ตอบลบในการบีบพนักงานที่ไม่ต้องการให้ลาออกมักใช้วิธีสร้างแรงกดดันทางจิตวิท ยา เช่น ทำให้รู้สึกว่าพนักงานคนนั้นไม่มีคุณค่าต่อองค์กร โดยการไม่มอบหมายงานใหม่ๆ ลดงานเดิมลงจนแทบไม่มีอะไรให้ทำ หรือเอางานที่เคยรับผิดชอบให้พนักงานใหม่ทำ หรือย้ายไปทำงานที่ไม่ถนัด เช่น ให้ไปทำงานแผนกอื่นโดยไม่ถามความสมัครใจก่อน และไม่อยากทำงานอีกต่อไปจนต้องยอมลาออกไปเองในที่สุด
การลาออกเท่ากับเป็นความสำเร็จขององค์กร เพราะการลาออกเองทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งคงไม่มีคนทำงานคนใดต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้
การถูก บีบให้ออกจากงานเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และองค์กรไม่ควรใช้วิธีนี้กับคนทำงาน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการใดสามารถระงับยับยั้งไม่ให้ใช้วิธีการนี้ได้ เนื่องจากเป็นการสร้างแรงกดดันทางอารมณ์ให้พนักงานลาออกเอง จึงไม่สามารถหาเหตุผลฟ้องร้องได้ และเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีการเช่นนี้ยังคงถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง
คำถามคือ ในฐานะคนทำ งานเราจะป้องกันและหลีกเลี่ยง ไม่ให้อยู่ในข่ายถูกบีบให้ออกจากงานได้อย่างไร?
สร้าง ผลงานให้คุ้มค่าตอบ แทนที่สูงขึ้น หรือทำให้องค์กรเห็นว่าจ้างเราแล้ว "เกินคุ้ม" หาก เราทำงานมานานจำเป็นต้องพัฒนาตนเองให้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยรับผิดชอบงานที่เพิ่มขึ้น เสียสละอุทิศตนเพื่องานขององค์กรที่เพิ่มขึ้น และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง มีความริเริ่มใหม่ๆให้กับองค์กรอยู่เสมอ
สร้าง ความไว้เนื้อเชื่อใจเพิ่มขึ้น จำไว้ว่าหัวหน้างานของเราจะยินดีร่วมงานกับคนที่เขาไว้วางใจมากกว่าคนที่เขา ไม่ไว้วางใจ ดังนั้น ถ้าเราทำงานของเราด้วยความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ อย่างดี รักษาความลับขององค์ กร ให้ความร่วมมือกับหัวหน้างาน เป็นอย่างดีจนเป็นที่ไว้วางใจ
สร้างลักษณะชีวิตที่น่าประทับใจ องค์กรย่อมต้องการคนทำงานที่กระตือ รือร้น ทุ่มเททำงาน ทำงานอย่างเต็มที่จริงจัง ใช้เวลางานอย่างคุ้มค่า คงไม่มีใครชอบพวกอู้งาน
ทุก องค์กรย่อมต้องการคนที่สามารถสร้างผลผลิต ให้องค์กรได้มากขึ้น สร้างกำ ไรให้มากขึ้น ช่วยให้งานขับเคลื่อนได้เร็วขึ้น ดังนั้น ถ้าหากเราเป็นพนักงานแบบนี้แล้วยังถูกบีบให้ออกจากงาน อีก นั่นแสดงว่าองค์กรนั้นปฏิบัติต่อเราอย่างไม่เป็นธรรม และไม่คู่ควรที่เราจะอยู่ในองค์กรเช่นนั้นอีกต่อไป