ชีวิตในวัยสาวของ “คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์” ดัชเชสผู้อื้อฉาวแห่งคอร์นวอล!!
อดีตเพื่อนร่วมงานของคามิลลา โรสแมรี พระชายาองค์ที่สองของเจ้าฟ้าชายชาลส์แห่งอังกฤษ ตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตช่วงต้นของดัชเชสแห่งคอร์นวอลผู้อื้อฉาว
On The Fringe คือหนังสือที่เขียนโดย Imogen Taylor มัณฑนากรวัย 90 ปี อดีตเพื่อนร่วมงานของคามิลลาจากบริษัท Colefax and Fowler
Imogen เข้าทำงานที่บริษัท Colefax and Fowler ในปี 1949 ส่วนคามิลลา โรสแมรี หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ เข้าทำงานในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 ก่อนที่จะถูกไล่ออกเพราะ “ปาร์ตี้หนักเกินไป” จากนั้นในปี 1973 ก็ไปแต่งงานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์
“ช่วงนั้นมีสาวสังคมหลายคนเข้ามาทำงานกับเรา รวมทั้งคามิลลา เธอทำงานกับเราอยู่ช่วงหนึ่งจากนั้นก็ถูกไล่ออก”
ในเวลานั้นคามิลลาพักอยู่กับอดีตเพื่อนสาว Jane Wyndham หรือ Jane Spencer Churchill ที่ต่อมาสร้างชื่อเสียงในฐานะนักออกแบบตกแต่งภายใน “เจนตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างมุ่งมั่น ส่วนคามิลลาแค่อยากมีหน้าที่การงานที่ดูดี”
สิ่งที่สำคัญสำหรับคามิลลา โรสแมรี ไม่ใช่งานประจำ แต่เป็นการเที่ยวกลางคืน การพักผ่อนสุดสัปดาห์ การขี่ม้า ล่าสัตว์ ปาร์ตี้ และเข้าสังคม
Imogen ยังจำได้ดีในวันที่คามิลลาถูก Tom Parr หัวหน้าของเธอไล่ออก เขาตวาดเสียงดังว่า “ออกไปซะนังหน้าโง่ ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้! ฉันไม่อยากได้คนแบบเธอมาร่วมงาน!”
แต่หลังจากถูกไล่ออกจากงานคามิลลาก็อุทิศตนให้กับการเข้าสังคมอย่างเต็มที่
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่งดงามเทียบเท่า Lady Mary Gaye Curzon แต่นิสัยใจคอและเสน่ห์ของเธอก็ทำให้ผู้คนคลั่งไคล้
เธอได้รับเชิญไปร่วมงานปาร์ตี้ของคนดังในแวดวงสังคมตั้งแต่อายุแค่ 17 ปี จากนั้นก็คบหาดูใจกับทายาทเจ้าของธนาคาร Rupert Hambro และยังมีข่าวลือว่าชายคนแรกที่ได้มีเพศสัมพันธ์กับเธอคือ Kevin Burke ทายาทมหาเศรษฐีหนุ่มวัย 19 ปี
Burke พูดถึงคามิลลาว่า “เธอเป็นคนที่สนุกสนานมาก ฮอตมาก และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยหยาดเยิ้มเหมือน Mary Gaye แต่เธอก็มีเสน่ห์และเซ็กซี่ เธอไม่เคยพูดจาอึกอักหรือเขินอาย เธอมีคำพูดที่น่าประทับใจเสมอ”
สามีคนแรกของคามิลลาคือพันโทแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกันสองคนคือทอมและลอร่า
ผู้คนกล่าวขานถึงพฤติกรรมของคามิลลาในช่วงนั้นว่า “สวิงกิ้งยุค 60” เพราะขณะที่เจน เพื่อนสนิทของเธอ แต่งงานและสร้างครอบครัวที่มั่นคงกับลอร์ด ชาร์ล สเปนเซอร์ เชอร์ชิลล์ คามิลลาและแอนดรูว์กลับเริ่มคบชู้และมีเพศสัมพันธ์มั่วไปหมด โดยที่ขณะนั้นทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
หนึ่งในหลักฐานที่อื้อฉาวก็คือจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนว่า “แอนดรูว์พักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ที่น็อตติ้งฮิลล์ และมันเป็นสถานที่ที่เขากับคามิลลามีความสัมพันธ์เร่าร้อน” หญิงชนชั้นสูงหลายคนมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแอนดรูว์ ทั้ง Lady Caroline Percy และ Lady Amabel Lindsay
คามิลลาเองก็มีความสัมพันธ์อื้อฉาวหลายครั้งหลายคราเป็นการแก้แค้น Kevin Burke อดีตคู่นอนของเธอบอกว่าเขาเห็นเธอเข้าออกห้องของผู้ชายคนนั้นคนนี้เป็นว่าเล่น และเขาได้ออกมาแฉว่า Alice Keppel คุณยายทวดของเธอนั้นยังคบชู้กับสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักรอีกด้วย
ส่วนทางด้านแอนดรูว์ก็พา Lady Caroline Percy ไปออกงาน Lady Caroline เผยในภายหลังว่า “ตอนนั้นฉันรู้ดีว่ามีผู้หญิงหลายคนคบหากับเขา ตลอดเวลาฉันเจอผู้หญิงคนอื่นๆ มากมายรวมทั้งคนที่มีอายุมากกว่า”
“ฉันไม่รู้จักคามิลลาเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่เราพบกันในงานปาร์ตี้เธอจะเดินตรงมาถามว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่กับแฟนของเธอ”
“เธอทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนของแอนดรูว์ แต่ฉันตอบไปว่า ‘เธอเอาเขากลับไปได้เลยถ้าฉันเสร็จธุระแล้ว'”
Lady Caroline บอกว่าแอนดรูว์ประพฤติกับคามิลลาได้แย่มากแต่สุดท้ายเธอก็ยังแต่งงานกับเขา นอกจากนี้แอนดรูว์ยังมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนอื่นๆ อีก
ในระหว่างนั้นคามิลลาก็กลับไปซบอก Rupert Hambro อีกครั้ง เขาบอกว่าเธอเล่าถึงความทุกข์ใจในการคบหากับแอนดรูว์ แต่เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่สนุกสนานและมีเสน่ห์อยู่ตลอดเวลา
ต่อมาในปี 1969 แอนดรูว์ก็ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังประเทศเยอรมนี พอกลับมาเขาก็มีความสัมพันธ์กับเจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ส่วนคามิลลาก็เริ่มต้นความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าชายชาลส์ พระเชษฐาของเจ้าหญิงแอนน์
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากตอนที่แอนดรูว์ไปต่างประเทศ คามิลลาได้ไปที่สนามโปโลกับ Carolyn Gerard Leigh เพื่อนของเธอ ลูกสาวประธาน Guards Polo Club และได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจ้าฟ้าชายชาลส์
ความสัมพันธ์ครั้งนี้ถือได้ว่าค่อนข้างพิลึกพิลั่น เพราะคุณยายทวดของคามิลลาเองก็เคยเป็นชู้กับเทียดของเจ้าฟ้าชาย
ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพราะคามิลลานั้นเติบโตขึ้นมาในครอบครัวคาทอลิก และไม่ใช่สาวเวอร์จิ้นที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและไร้เดียงสา ต่อมาคามิลลาก็ตกลงแต่งงานกับแอนดรูว์ ทำร้ายพระทัยของเจ้าหญิงแอนน์และเจ้าฟ้าชายชาลส์อย่างมาก
ขณะที่เจ้าหญิงแอนน์ตัดใจจากแอนดรูว์และสมรสกับกัปตันมาร์ก ฟิลลิปส์ เจ้าฟ้าชายชาลส์กลับยิ่งมีความสัมพันธ์ที่ถลำลึกกับคามิลลามากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้นเจ้าฟ้าชายชาลส์ก็เจ้าพิธิเสกสมรสกับเจ้าหญิงไดอานา ขณะที่เรื่องราวความรักของพระองค์กับคามิลลาก็ยังคงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก
ที่มา: DailyMail , http://www.meekhao.com/news/duchess-camilla , pantip.com
Charles & Camilla: The Couple A Country Could Never Love
.
แหวนหมั้นของ คามิลลา ว่าที่ราชินีอังกฤษ วงที่ชาร์ลส์คุกเข่าขอแต่งงาน
ตอบลบถึงจะไม่เห็น คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ออกงานสำคัญเท่า ดัชเชสเคท แต่ทุกครั้งที่คามิลลาปรากฏตัวเธอก็มักสวมเครื่องประดับสุดหรูของราชวงศ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แหวนหมั้น ที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์คุกเข่าขอเธอแต่งงาน
ย้อนกลับไปในปี 2005 ภายหลังจากที่ ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลล์ทรงสิ้นพระชนม์ในปี 1997 แปดปีให้หลังจากนั้น เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และ คามิลลา ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์ ก็ได้ประกาศว่าทั้งคู่หมั้นหมายเป็นที่เรียบร้อย โดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงแถลงการณ์อย่างเป็นทางการด้วยความตื่นเต้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2005 ว่า
“คามิลลา และ ข้าพเจ้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันที่น่าจดจำสำหรับครอบครัวของเรา”
แม้จะไม่มีใครรู้รายละเอียดต่างๆ ของงานหมั้นในครั้งนั้น แต่คามิลลาได้เคยเปิดเผยว่า “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์คุกเข่าเพื่อขอเธอแต่งงานตามธรรมเนียม”
ทั้งนี้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ยังได้มอบแหวนเพชรอันล้ำค่าที่สุดวงหนึ่งให้กับ คามิลลา แม้จะไม่ได้มีรายละเอียดว่าแหวนวงนี้ได้มาจากไหน แต่ Clarence House (กองงานในเจ้าชายแห่งเวลส์) ได้ยืนยันเพียงแค่ว่า “แหวนเป็นมรดกตกทอดของราชวงศ์”
สำหรับแหวนเพชรวงนี้มีดีไซน์แบบ อาร์ตเดคโค ตัวแหวนทำจากแพลทินัม ฝังด้วยเพชรน้ำงาม 5 กะรัตที่เจียระไรแบบ Emerald Cut ( เพชรสี่เหลี่ยมมรกต ) ด้านข้างประดับด้วยเพชรทรงบาเก็ต
อย่างไรก็ตามมีการคาดว่า แหวนหมั้นของ คามิลลา มาจากคอลเล็คชั่นของ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี (The Queen Mother) แม้จะไม่ใช่แหวนหมั้นโดยตรงของพระองค์ แต่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี ทรงสวมมันในช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยเชื่อว่าเป็นสมบัติที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งสมเด็จพระราชินีฯ ได้รับพระราชทานในปี 1929
ที่มา : https://www.express.co.uk/