การจัดฟัน คืออะไร
การจัดฟัน (Orthodontics) เป็นสาขาหนึ่งทางทันตกรรมเพื่อความงาม (cosmetic dentistry) ในการวิเคราะห์ วินิจฉัยและวางแผนป้องกันรักษาความผิดปกติของการเรียงฟัน การสบฟัน รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับขากรรไกรที่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับใบหน้า เป็นการรักษาเพื่อให้มีการสบฟันที่ดีขึ้น การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพ ลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกอันเนื่องมาจากฟันเรียงตัวผิดปกติ และหลีกเลี่ยงการเกิดรอยสึกของฟันจากการเรียงฟันหรือการสบฟันที่ไม่เหมาะสม
อีกหนึ่งข้อสำคัญสำคัญไม่แพ้กัน การจัดฟันยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม เสริมบุคลิกภาพ จากการที่มีฟันเรียงกันสวยงาม ซึ่งการจัดฟันจำเป็นต้องทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ในคลินิกทันตกรรมเฉพาะทาง หรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้นถึงจะดูแลรักษาฟันของเราให้มีความสวยงามและปลอดภัย
จัดฟันมีกี่แบบ?
รูปแบบชนิดของการจัดฟันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ : เป็นวิธีจัดฟันที่ใช้กันมาอย่างแพร่หลาย เครื่องมือทำด้วยวัสดุที่เป็นโลหะ
- การจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ : เป็นการจัดฟันแบบถอดได้ ไม่ต้องติดเครื่องมือจัดฟันบนฟัน ผู้มารับบริการ หลายคนอาจคุ้นกันในชื่อ Invisalign
โดยทั้ง 2 ประเภทนี้ มีชนิดของเครื่องมือจัดฟันให้เลือกได้เหมาะสมกับตามความต้องการ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 แบบดังนี้
จัดฟันแบบโลหะ Metal
เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดครับ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นจะเลือกการจัดฟันวิธีนี้ ซึ่งจะเป็นการจัดฟันโดยการติดเครื่องมือแบบโลหะไว้ที่ผิวด้านหน้าของฟัน ใส่ลวดผ่านร่อง Bracket และใช้ยางโอริง (O-ring) สีสันสดใสรัดตัวเครื่องมือจัดฟันให้ติดกับลวดจัดฟัน ทำให้การจัดฟันติดแน่น และต้องมีการปรับเครื่องมือทุก ๆ เดือน
ข้อดี : การจัดวิธีนี้จะเป็นการติดเครื่องมือที่ทำด้วยวัสดุที่เป็นโลหะ ผิวเรียบเป็นมันวาว ทำให้คราบอาหารและ จุลินทรีย์ติดได้ยากกว่าวัสดุชนิดอื่นครับ และยังเป็นการติดด้านนอกของฟัน จึงทำให้การทำความสะอาดได้ง่าย สะดวกขึ้น ราคาไม่แพง ถือว่าเป็น การจัดฟัน ราคาค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าตัวอื่น ระยะเวลาในการจัดฟัน 2 ปีขึ้นไป
เหมาะกับใคร: การจัดฟันแบบโลหะเหมาะกับนักเรียน นักศึกษา ที่มีงบประมาณจัดฟันจำกัด และผู้ที่มีเวลาสามารถมาพบทันตแพทย์ได้บ่อย ๆ
จัดฟันแบบเซรามิก Ceramic
จัดฟัน เซรามิก (Ceramic) เป็นการจัดฟันโดยใช้วัดสุแบบเซรามิกใส ที่ยึดติดกับผิวฟันด้านหน้า แล้วใส่ลวดผ่านร่อง Bracket และใช้ยางแบบใสรัดเครื่องมือจัดฟันให้ติดกับลวดจัดฟัน เพื่อช่วยควบคุมทิศทางการเคลื่อนตัวของฟัน มีสีใกล้เคียงกับสีฟัน ทำให้ฟันเรียงตัวสวย
ข้อดี : เครื่องมือจัดฟันประเภทนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้สีและความใสใกล้เคียงสีฟันมากที่สุดครับ ดังนั้นจึงมองไม่ค่อยเห็นว่าคนไข้กำลังจัดฟันอยู่
เหมาะกับใคร : การจัดฟันแบบจัดฟันเซรามิก เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากให้คนสังเกตชัดเจน เนื่องจากมีหน้าที่และบุคลิก ในการทำงาน คนไข้ต้องมาปรับเครื่องมือจัดฟันทุก ๆ 1 เดือน ใช้ระยะเวลาการจัดฟัน 2 ปีขึ้นไป
จัดฟันแบบใส Invisaliagn
จัดฟันแบบใส หรือ เครื่องมือ จัดฟัน Invisalign เป็นนวัตกรรมการจัดฟันแบบใหม่ เน้นความสวยงามเป็นหลักครับ เพราะใช้เครื่องมือโปร่งใสช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน เป็นเครื่องมือจัดฟันที่สามารถถอดใส่ได้จาก USA ข้อดี : การจัดฟันประเภทนี้จะมองไม่เห็นเครื่องมือ สะดวก ไม่ต้องทนเจ็บจากเครื่องมือแบบติดแน่น สามารถถอดใส่ง่าย รับประทานอาหารหรือเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
เหมาะกับใคร : การจัดฟันประเภทนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มดารา นักธุรกิจที่ต้องใช้หน้าตา และความน่าเชื่อถือ เพราะสามารถจัดฟันได้โดยไม่ต้องใส่เหล็กดัดฟัน สามารถพูด หรือออกเสียงได้อย่างชัดเจน โดยระยะเวลา
การจัดฟันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6 เดือน-2 ปีขึ้นไป สามารถแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
- Invisalign i7
- Invisalign lite
- Invisalign moderate
- Invisalign full
จัดฟันแบบดามอน Damon
จัดฟันแบบดามอน เป็นการจัดฟันด้วย Bracket ชนิดดามอนซิสเต็ม เป็นการจัดแบบใหม่ไม่ต้องใช้ยางรัด มีประสิทธิภาพสูง มีกลไกการบานพับขนาดเล็กที่ยึดกับลวดอย่างหลวม ๆ เพื่อดึงให้ฟันเคลื่อนตัว
ข้อดี : การจัดฟันดามอน (Damon) ไม่ต้องใช้ยาง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องยางขาด หรือยางเสื่อมสภาพและแทบไม่ต้องถอนฟันออกสักซี่ เพราะใช้เทคโนโลยีแบบ self-ligating ลักษณะจะเป็นบานพับเปิดปิด ลดแรงเสียดทาน ส่งผลให้ฟันเคลื่อนที่ไว ซึ่งได้รับการรับรองจากแพทย์ว่าช่วยลดระยะเวลาในการจัดฟันน้อยลง เมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ และขณะเดียวกันตอนปรับเครื่องมือยังเจ็บน้อยกว่า เนื่องจากไม่ได้ใช้ยางมัด จัดฟันดามอน มี 2 รุ่นคือ
- Damon Q ที่เป็นโลหะ
- Damon clear เป็นแบบใส
เหมาะกับใคร: เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพราะสามารถดูเเลความสะอาดฟันได้ง่าย ลดโอกาสการเกิดฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบได้
การจัดฟันครั้งแรก เริ่มต้นอย่างไร
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าต้องการจัดฟัน สำหรับคนที่เข้ารับการจัดฟันครั้งแรก หมอแนะนำให้เลือกทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันโดยเฉพาะได้รับการรับรองจากสมาคมจัดฟันแห่งประเทศไทยครับ เพื่อให้ทันตแพทย์ช่วยพิจารณาวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมในแต่ละบุคคล อาทิ ความจำเป็นจะต้องถอนฟันหรือไม่
ถ้าจำเป็นต้องถอน จะต้องถอนกี่ซี่ หรือบางคนไม่จำเป็นต้องถอน สามารถใช้เครื่องมืออื่น เช่น มินิสกรู (miniscrew) ในการช่วยรักษาจัดฟันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องประเมินจากโครงสร้างฟันและใบหน้าของแต่ละคนครับ โดยทันตแพทย์ของเราจบจัดฟันจากมหิดลครับ (เฉพาะทางจัดฟันในระบบ) ได้รับการรับรองว่าเป็นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจัดฟันจากสมาคมจัดฟันแห่งประเทศไทย
ดังนั้นคนไข้จึงสามารถเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวหมอของเราได้ครับนอกจากนี้ยังมีวิธีการจัดฟันให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบก็มีรายละเอียดข้อดีและราคาแตกต่างกันไป ดังนั้นคนไข้ที่ต้องการจัดฟันควรศึกษาให้ดีก่อนจัดฟัน
ปัญหาการเรียงตัวของฟัน
หลาย ๆ คนอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมการเรียงตัวของฟันของแต่ละคนถึงแตกต่างกันหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง สาเหตุของความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงแบ่งออกได้ 3 ปัจจัยคือ
- กรรมพันธุ์ : การเรียงตัวของฟันแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์เป็นตัวกำหนด ซึ่งมีผลต่อขนาด รูปร่างและความสัมพันธ์ระหว่างขากรรไกร ขนาดของฟันใหญ่หรือเล็กในแต่ละบุคคล ฟันยื่น ฟันซ้อนเก ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุดครับ
- จำนวนซี่ฟันที่หายไปหรือเกิน : จำนวนฟันที่มี หากขาดหายไป ทั้งจากการถอนฟันหรืออุบัติเหตุ ก็อาจทำให้ฟันที่เหลืออยู่ขาดสมดุล เกิดล้มหรือเอียงได้ครับ อีกกรณีคือมีฟันเกิน จนเกิดการเบียดอยู่ในช่องปากทำให้เรียงตัวไม่สวยงาม
- นิสัยบางอย่างที่มีผลต่อฟัน : เช่น การดูดนิ้ว กัดเล็บ การกลืนโดยเอาลิ้นดุนฟัน การหายใจทางปาก อาจทำให้ ฟันห่าง ฟันยื่น หรือการถอนฟันน้ำนมก่อนเวลาที่สมควร ก็มีผลต่อการเรียงตัวของฟัน
จัดฟันช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
1. การจัดฟันช่วยให้การเรียงฟันเป็นระเบียบสวยงามมากยิ่งขึ้นครับ ใครที่สงสัยว่าปัญหาของตนเองแก้ไขด้วยการจัดฟันดีไหม ต้องให้ทันตแพทย์ช่วยประเมินปัญหา เช่น
- มีปัญหา ฟันเก (Over Crowding)
- ภาวะสบลึก (Deep overbite)
- ภาวะสบเปิดหรือการสบฟันหน้าไม่สนิท (Open bite)
- ขากรรไกรบนยื่น (Overjet)
- ขากรรไกรล่างยื่น(Under-bite)
- การสบฟันแบบไขว้ (Cross-bite Occlusion)
การจัดฟันสามารถปรับแนวฟันให้เรียงตัวเป็นระเบียบ และช่วยรักษาสุขภาพช่องปากดีขึ้น ลดปัญหาฟันผุได้ เพราะฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบนี้ เป็นที่มาของเศษอาหาร ที่ไปติดอยู่ตามซอกหลืบของฟัน สาเหตุหลักของฟันผุครับ
2. ช่วยให้การดูแลรักษาฟันเป็นเรื่องง่ายขึ้น เมื่อฟันเรียงตัวดี อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นครับ ช่วยลดโอกาสการสูญเสียฟันในอนาคต ทำให้ฟันอยู่กับเราได้ยาวนาน
3. ช่วยปรับรูปหน้าให้เข้าที่ การจัดฟันทำให้ใบหน้าเข้าที่มากขึ้น แก้ปัญหาการฟันสบ ฟันล่างยื่น หรือฟันเหยินได้ ส่งผลให้เจ้าของใบหน้ามีความมั่นใจ กล้าพูด กล้ายิ้มมากขึ้น
ขั้นตอนการจัดฟัน
ขั้นตอนการจัดฟันเบื้องต้นมีวิธีการคล้าย ๆ กันครับ แต่อาจมีข้อแตกต่างในแต่ละประเภท คือ การจัดฟันด้วยเครื่องมือเเบบติดเเน่น และการจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ แต่การเตรียมตัวก่อนจัดฟันคล้ายกัน แบ่งเป็น 8 ขั้นตอนดังนี้
- ปรึกษาทันตแพทย์ เมื่อตัดสินใจจัดฟันครั้งแรก ต้องปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันโดยตรงครับ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยปัญหาของแต่บุคคล ตรวจรูปหน้า โครงสร้างกระดูกขากรรไกรและฟัน พร้อมทั้งซักประวัติ เช่น มีโรคประจำ ประวัติการแพ้ยา หรือยาที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบันว่ามีหรือไม่ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดฟันในแต่ละวิธีการให้ทราบ เพื่อให้คนไข้ตัดสินใจว่าแบบไหนตรงความต้องการมากที่สุด
- วางแผนการจัดฟัน เมื่อคนไข้เลือกวิธีการจัดฟันที่เหมาะกับตนเองได้เเล้ว ทันตแพทย์จะแจ้งแผนการรักษาคร่าว ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา และทำการพิมพ์ปาก สร้างแบบจำลองฟัน
- ถ่ายภาพ x-ray คนไข้ต้องทำการพิมพ์ฟัน และ x-ray ได้แก่ Panoramic, Lateral cephalometric หรือ PA cephalometric (ถ้าจำเป็น) เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการวินิจฉัย ประเมินฟัน กระดูกขากรรไกรบนและล่าง ดูการสบของฟัน และออกแบบการจัดฟันเพื่อให้เข้ารูปสวยงาม และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เคลียร์ช่องปาก การเคลียร์ช่องปาก คือการเตรียมให้ช่องปากของเราพร้อมที่จะจัดฟัน โดยทันตแพทย์ต้องเช็คสุขภาพในช่องปากก่อนเริ่มการจัดฟัน ได้แก่ การอุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน หรือผ่าฟันคุด เป็นต้น เพราะถ้าได้ติดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว แล้วต้องทำการอุดฟัน หรือทำการรักษาฟันใด ๆ จะทำให้การรักษานั้นยุ่งยาก และช่วยให้การจัดฟันประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี ซึ่งในขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานในบางคนครับ หากมีปัญหาฟันผุ หรือเหงือกอักเสบมาก ๆ
- นัดติดเครื่องมือ ขั้นตอนนี้จะแยกออกเป็น 2 รูปแบบ
- จัดฟันโดยติดเครื่องมือ เมื่อทันตแพทย์ทำการติดเครื่องมือแล้ว จะมีการนัดหมายเพื่อปรับเครื่องมือทุก ๆ 1-2 เดือน ตามประเภทเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งในช่วงแรกอาจจะเจ็บบ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ครับ
- จัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ หรือจัดฟันใส ทันตแพทย์จะนัดใส่เครื่องมือจัดฟัน พร้อมแนะนำวิธีการดูแลระหว่างใส่ เพราะการจัดฟันวิธีนี้สามารถถอดออกได้ระหว่างจัดฟัน โดยเครื่องมือถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล เพื่อจัดระเบียบกล้ามเนื้อ และส่งผลต่อการเจริญเติบโตของขากรรไกร โดยเครื่องมือจัดฟันจะส่งแรงกดไปบนฟันอย่างนุ่มนวลเพื่อให้ฟันเคลื่อนที่บนกระดูกขากรรไกร จากนั้นทันตแพทย์จะนัดเปลี่ยนชุดเครื่องมือตามแผนที่วางไว้ครับ ในการนัดหมายแต่ละครั้ง คนไข้ควรจะต้องมาให้ตรงตามนัด เพื่อให้แผนการรักษาไม่คลาดเคลื่อน
- การดูแลช่องปากและฟันหลังจัดฟัน ในระหว่างจัดฟันจำเป็นต้องการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างดีครับ เช่น แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร และใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ เข้าพบทันตแพทย์ตรวจเช็คช่องปาก ขูดหินปูน ทุก 3-6 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดเหงือกอับเสบระหว่างการจัดฟัน
- นัดถอดเครื่องมือ เมื่อแผนการจัดฟันเป็นไปตามที่วางไว้ ทันตแพทย์ก็จะนัดถอดเครื่องมือจัดฟัน และจะให้ใส่รีเทนเนอร์ครับ แนะนำคนไข้จะต้องใส่ต่อเนื่องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟันคงอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องสวยงามตลอดไป
- ติดตามผล ทันตแพทย์จะนัดติดตามการใส่รีเทนเนอร์ทุก ๆ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และทุก ๆ 1 ปี
เมื่อผ่านขั้นตอนการจัดฟัน คุณหมอขอแนะนำให้คนไข้ศึกษาวิธีการดูแลหลังจัดฟัน
เพื่อให้ฟันเรียงตัวสวย มีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น
Orthodontics , จัดฟันคืออะไร , จัดฟันมีกี่แบบ , การดัดฟัน , ข้อดีของการดัดฟัน , ข้อเสียของการดัดฟัน
ขอบคุณที่มา :: https://smileandcodentalclinic.com/orthodontic/
ข้อดีของการจัดฟัน
ตอบลบ1. หากฟันเข้ารูป ลงตำแหน่งการสบฟัน จะทำให้ฟันทำหน้าที่ในการขบเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น การเคี้ยวอาหารละเอียดขึ้น
2. ฟันที่จัดเรียงเป็นระเบียบจะทำให้การทำความสะอาดช่องปากง่ายขึ้น หมดปัญหากลิ่นปากที่เราเคยทำความสะอาดไม่ทั่วถึง หลีกเลี่ยงการสูญเสียฟันในอนาคต
3. ช่วยลดปัญหาพันผุและเหงือกอักเสบได้ เนื่องจากการทำความสะอาดเข้าถึงทุกซี่
4. สร้างความมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น มีรอยยิ้มที่สวยขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงานของคุณ ที่ต้องพบปะกับผู้คนเป็นจำนวนมากในยุคปัจจุบัน
5. สร้างนิสัยรักฟัน เพราะฟันสวยทำความสะอาดง่าย และอยากให้สวยงามแบบนี้ตลอดไป
6. จัดฟันทำให้โครงหน้าเปลี่ยน รูปหน้าเปลี่ยน หน้าคมขึ้น เรียวขึ้น ดูดีขึ้นโดยไม่ต้องไปทำศัลยกรรม หรือผ่าตัด
7. แก้ปัญหาฟันห่าง ฟันเก ฟันไม่เท่ากัน ทำให้ออกเสียงพูดได้ชัดมากขึ้น
ข้อจำกัดของการจัดฟัน
ตอบลบ1. มีราคาสูง : จัดฟันเสียค่าใช้จ่ายค่อนสูงครับ นอกจากขั้นตอนการจัดฟันแล้ว ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมความพร้อม เช่น การพิมพ์ปาก, เอกซเรย์, เคลียร์ช่องปาก, จัดฟัน, ทำรีเทนเนอร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
2. ต้องใช้ระยะเวลา : การจัดฟันใช้เวลานานกว่าจะจัดฟันเสร็จและต้องพบทันตแพทย์บ่อย ๆ เพราะฉะนั้นต้องวางแผนให้ดี ๆ ครับ เพราะอาจมีผลกระต่อแพลนที่วางไว้ เช่น เรียนต่อต่างประเทศ ย้ายงาน หรือย้ายที่อยู่อาศัย
3. ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น : หลังติดเครื่องมือจัดฟันจะมีข้อจำกัดในการรับประทาน เช่น ควรหลีกเลี่ยง อาหารเหนียว ๆ แข็ง ๆ เพราะอาจสร้างความเสียหายให้เครื่องมือจัดฟัน
4. ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดในช่องปากมากขึ้น : เพราะเศษอาหารจะติดฟันได้ง่ายครับ และเอาออกยากในกรณีที่จัดฟันแบบติดแน่น จึงต้องพิถีพิถันทำความสะอาดฟันหลังอาหารทุกครั้ง
5. สร้างความเจ็บปวด : ในการจัดฟันอาจจะต้องถอนฟันและการดึงฟัน ปรับเครื่องมือ เรียงฟัน ซึ่งอาจทำให้เจ็บฟันได้ และอาจมีแผลในช่องปากจากเครื่องมือ
การดูแลรักษาหลังจัดฟัน
ตอบลบวิธีดูแลฟันหลังจัดฟัน สำหรับการจัดฟันเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ เพราะการจัดฟันต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ต้องมีความเอาใจใส่ในการดูแล สุขภาพช่องปากและฟัน ในช่วงเวลา 1-3 ปี เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลิ่นปากและฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ หรือเป็นแผลในช่องปากตามมา โดยมีวิธีการดังนี้
1. ควรเลือกใช้แปรงสีจัดฟันโดยเฉพาะ เพื่อทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามเครื่องมือจัดฟันได้มากขึ้น
2. เลือกใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุ
3. แปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง และควรใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย
4. หลังการแปรงฟันควรใช้น้ำยาบ้วนปาก หรืออมน้ำเกลือหลังแปรงฟัน เพื่อยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก ฆ่าเชื้อโรคและยังรักษาแผลร้อนในในช่องปากได้ด้วย
5. หมั่นตรวจเช็คฟันผุทุก 6 เดือน แนะนำให้ขูดหินปูนร่วมด้วย