Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568

เทคนิคใช้ น้ำหอม ให้ติดทนนาน!

 

เทคนิคใช้ น้ำหอม ให้ติดทนนาน!



เมื่อพูดถึงการใช้ ‘น้ำหอม’ เพื่อน ๆ หลายคนมักจะพบกับปัญหาว่ากลิ่นไม่หอมติดทน ฉีดตอนเช้าแต่พอตกบ่ายกลับหายเกลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกคนเกิดความไม่มั่นใจ กลัวกลิ่นเหม็นอับจากเหงื่อนั่นเอง ด้วยสาเหตุนี้ เราจึงรวบรวมทริคหาวิธีการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนานมากขึ้น มาลองดูกันว่าเป็นไงบ้าง



ทริค 1 – เลือกน้ำหอมให้ติดทน

การเลือกน้ำหอมจะเลือกแค่กลิ่นถูกใจอาจไม่ตอบโจทย์คนชอบติดทนนาน หากกเพื่อน ๆ ต้องการให้น้ำหอมติดทนนาน ควรเลือกน้ำหอมให้ตรงประเภท ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำหอม ซึ่งส่งผลโดยตรงกับความทนทานของกลิ่น กลิ่นหอมจะติดทนนานหรือหายไว ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำหอมที่ใช้ ซึ่งเราสามารถแบ่งน้ำหอมออกมาได้เป็น 3 ประเภท 

  • Eau de Toilette (EDT) : ความเข้มข้นน้อยที่สุด กลิ่นหอมจะติดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • Eau de Parfum (EDP) : เข้มข้นขึ้นมา กลิ่นจะติดประมาณ 4-6 ชั่วโมง
  • Parfum : ความเข้มข้นสูงสุด กลิ่นติดทนนานถึง 8 – 10 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น


ทริค 2 – ฉีดตามจุดชีพจร

ทริคยอดฮิตในการฉีดน้ำหอมให้ติดทนก็คือ ‘ฉีดตามจุดชีพจร’ เช่น ข้อมือ, ข้อศอกด้านใน, หลังใบหู และซอกคอ จุดเหล่านี้จะช่วยกระจายกลิ่นให้หอมฟุ้ง และติดทนนานขึ้น เพราะจุดชีพจรเป็นบริเวณที่เส้นเลือดอยู่ใกล้ผิวหนัง ความร้อนจากเลือดที่ไหลเวียนในจุดเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้น้ำหอมระเหยออกอย่างสม่ำเสมอ และกระจายกลิ่นหอมได้ดีกว่าบริเวณอื่น ๆ และติดทนนานมากขึ้น


ทริค 3 – รวมหลายเทคนิคมาแชร์ให้ใช้กัน

  1. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น : น้ำหอมจะติดทนนานกว่าเมื่ออยู่บนผิวที่ชุ่มชื้น ลองทาครีมบำรุงผิวหรือวาสลีนก่อนฉีดน้ำหอมจะช่วยล็อกกลิ่นหอมได้ดียิ่งขึ้น
  2. ไม่ถูข้อมือหลังฉีด : หลายคนมักจะถูข้อมือหลังฉีดน้ำหอม แต่จริง ๆ แล้วการถูจะทำให้โมเลกุลของน้ำหอมแตกตัว และกลิ่นจางเร็วขึ้น
  3. ฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำ : ผิวที่สะอาดและชื้นเล็กน้อยจะช่วยดูดซับน้ำหอมได้ดีกว่า และช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น
  4. ฉีดน้ำหอมบนเสื้อผ้า : การฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าจะทำให้กลิ่นติดทนนานกว่าเพราะเสื้อผ้าไม่มีกระบวนการผลิตน้ำมันเหมือนผิวหนัง แต่ระวังอย่าฉีดใกล้หรือเยอะเกินไป เพราะบางครั้งอาจทำให้เกิดรอยด่างหรือเปื้อนเสื้อได้
  5. เก็บน้ำหอมในที่เย็นและมืด : ความร้อน แสงแดด สามารถทำลายคุณภาพของน้ำหอมได้ การเก็บน้ำหอมในที่เย็น เช่น ตู้เย็น หรือเก็บในลิ้นชักที่ไม่มีแสงเพื่อรักษาความหอมได้นานขึ้น
  6. ใช้แปรงแต่งหน้าทาน้ำหอม : ถ้าคุณต้องการกระจายกลิ่นหอมเบา ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ลองฉีดน้ำหอมลงบนแปรงแต่งหน้า แล้วใช้แปรงทาเบาๆ ตามจุดที่คุณต้องการ กลิ่นจะกระจายเบา ๆ

 

เทคนิคใช้ น้ำหอม ให้ติดทนนาน!   ,    Perfume

ที่มา    ::   https://www.ananda.co.th

เด็กวัยไหนควรสูงเท่าไหร่ เช็คได้จาก “ตารางส่วนสูง”

 

เด็กวัยไหนควรสูงเท่าไหร่ เช็คได้จาก “ตารางส่วนสูง”


พัฒนาการของลูกน้อยเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในเรื่องของ “ส่วนสูง” ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตทางกายภาพที่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุด และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนมักเป็นกังวลอยู่เสมอว่าลูกเราเตี้ยไปหรือไม่ สูงไม่ทันเพื่อนหรือเปล่า และจริง ๆ แล้ววัยของลูกน้อยเรานั้นควรจะสูงเท่าไหร่ถึงเรียกได้ว่าดี?


โดยทั่วไปอัตราการเพิ่มส่วนสูงของเด็กแต่ละคนในแต่ละช่วงวัยนั้นล้วนมีความแตกต่างกันออกไป โดยช่วงวัยรุ่นจะเป็นช่วงที่ลูกน้อยมีอัตราการเพิ่มส่วนสูงมากที่สุด และจะหยุดลงเมื่อมีอายุ 20 ปี หากคุณพ่อคุณแม่เป็นคนหนึ่งที่สงสัยว่าลูกเราอายุเท่านี้ ควรจะมีความสูงเท่าไหร่ ตัวเล็กไปหรือไม่เมื่อเทียบกับเพื่อนในวัยเดียวกัน อาจดูได้จาก “ตารางแสดงส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐานของเด็กแต่ละวัย” ซึ่งกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการเสริมพัฒนาการลูกน้อยได้ ตามตารางที่แสดงด้านล่างนี้


ตารางแสดงส่วนสูงตามมาตรฐานของทารกเพศชายและเพศหญิง ตั้งแต่แรกเกิดถึง 
12 เดือน


อายุส่วนสูงเพศชาย (ซ.ม.)ส่วนสูงเพศหญิง (ซ.ม.)
แรกเกิด47.6 – 53.146.8 – 52.9
1 เดือน50.4 – 56.249.4 – 56.0
2 เดือน53.2 – 59.152.0 – 59.0
3 เดือน55.7 – 61.954.4 – 61.8
4 เดือน58.1 – 64.656.8 – 64.5
5 เดือน60.4 – 67.158.9 – 66.9
6 เดือน62.4 – 69.260.9 – 69.1
7 เดือน64.2 – 71.362.6 – 71.1
8 เดือน65.9 – 73.264.2 – 72.8
9 เดือน67.4 – 75.065.5 – 74.5
10 เดือน68.9 – 76.766.7 – 76.1
11 เดือน70.2 – 78.267.7 – 77.6
12 เดือน71.5 – 79.768.8 – 78.9



ตารางแสดงส่วนสูงตามมาตรฐานของเพศชายและเพศหญิง ตั้งแต่อายุ 1 – 18 ปี


อายุส่วนสูงเพศชาย (ซ.ม.)ส่วนสูงเพศหญิง (ซ.ม.)
1 ปี71 – 7968 – 78
2 ปี81 – 9279 – 91
3 ปี88 – 10186 – 100
4 ปี95 – 11093 – 108
5 ปี103 – 11799 – 115
6 ปี106 – 124105 – 122
7 ปี112 – 130110 – 129
8 ปี117 – 135115 – 135
9 ปี121 – 141120 – 141
10 ปี125 – 146125 – 148
11 ปี129 – 153130 – 155
12 ปี134 – 160135 – 160
13 ปี139 – 168140 – 162
14 ปี145 – 173144 – 165
15 ปี152 – 176146 – 165
16 ปี157 – 178147 – 166
17 ปี159 – 180148 – 166
18 ปี161 – 180150 – 167



มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความสูงของลูก ไม่ว่าจะเป็นเพศ, กรรมพันธุ์, โภชนาการ, การพักผ่อนนอนหลับ ฯลฯ หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกน้อยของเรานั้นตกเกณฑ์มาตรฐานตามตาราง อาจดูแลเพิ่มเติมได้ตามแนวทางต่าง ๆ ดังนี้


1. อาหารและโภชนาการ ควรให้ลูกน้อยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ให้สูงสมส่วนตามวัย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ นม ไข่ ชีส โยเกิร์ต ผักใบเขียว เป็นต้น

2. การออกกำลังกาย เน้นให้ลูกน้อยได้ออกกำลังกายประเภทที่มีการยืดเหยียดตัว เช่น กระโดดเชือก ว่ายน้ำ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เป็นต้น ทำให้ร่างกายเกิดความยืดหยุ่นและมีการยืดตัวของกระดูกมากขึ้น และทำให้ลูกน้อยแข็งแรง

3. การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้หลั่งอย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตและส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มส่วนสูง โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ฮอร์โมนชนิดนี้จะหลั่งออกมานั้นจะอยู่ในช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 5 ดังนั้นจึงควรให้ลูกนอนตั้งแต่หัวค่ำ จึงจะได้รับประโยชน์จากฮอร์โมนชนิดนี้มากที่สุด






ที่มา    ::   https://www.interpharma.co.th/

อ้วนหรือผอม น้ำหนักตามเกณฑ์หรือไม่ เซ็คด่วนๆ

 

อ้วนหรือผอม น้ำหนักตามเกณฑ์หรือไม่ เซ็คด่วนๆ 


อ้วนหรือผอม ดูได้อย่างไร


หลายคนอาจเกิดคำถามว่า… น้ำหนักที่มีอยู่ตอนนี้อยู่ในภาวะอ้วนหรือยัง น้ำหนักยังอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ เพราะบางคนอาจคิดว่าตัวเองอ้วนแต่จริงๆ แล้ว น้ำหนักยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ เราจึงนำวิธีการคำนวณหาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมหรือมาเช็คดูว่าเราอ้วนอยู่หรือเปล่าตามมาเลยค่ะ


อ้วนหรือผอมคำนวณจากการหาค่าดัชนีมวลกาย


ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) คือ ค่าความหนาของร่างกาย ใช้ในการประเมินภาวะอ้วนหรือผอมในผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป  ค่าดัชนีมวลกายของแต่ละคนจะมีค่าเท่ากับน้ำหนักของคนๆ นั้น หารด้วยความสูงที่เป็นเมตรสองครั้ง ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานของดัชนีมวลกายปกติของคนเอเชีย คือ 18.5 – 22.9 




อ้วนหรือผอมคำนวณจากการวัดรอบเอว


การวัดเส้นรอบเอว ควรอยู่ในท่ายืน ใช้สายวัดรอบเอวผ่านสะดือ ให้สายวัดแนบกับลำตัว ไม่ควรรัดแน่น และให้ระดับของสายวัดที่วัดรอบเอววางอยู่ในแนวขนานกับพื้นตามภาพแสดงด้านล่างค่ะ

อ้วนหรือผอมคำนวณจากการเปรียบเทียบความสูงกับน้ำหนักตัว


วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด…ไม่ต้องคิดเลขให้ปวดหัว เพียงแค่มีส่วนสูงกับน้ำหนักเท่านั้น วิธีคำนวณง่ายๆ ตามนี้เลยค่ะ


ผู้หญิงให้นำความสูงของตัวเรา (เซนติเมตร) ลบด้วย 110 ส่วนผู้ชายให้ ลบด้วย 100 จะได้น้ำหนักตัวที่เหมาะสม เช่น   

   

นางสาว A สูง 160 เซนติเมตร ให้นำ 160 – 110 = 50 น้ำหนักตัวที่เหมาะสม คือ 50 กิโลกรัม            
นาย B สูง 170 เซนติเมตร ให้นำ 170 – 100 = 70 ดังนั้น น้ำหนักตัวที่เหมาะสม คือ 70 กิโลกรัม


เมื่อรู้วิธีคำนวนแล้ว…ลองเช็คดูเลยนะคะว่าเรากำลังอ้วน! อวบ! ผอม! หรือร่างกายสมส่วนพอดีอยู่หรือเปล่า? หากผอมหรืออ้วนจะได้รีบปรับเปลี่ยนการกิน ออกกำลังกายให้เหมาะสมเพื่อลดโอกาสในการเกิดโรคต่างๆ ที่จะตามมาเมื่ออายุมากขึ้น
สู้ๆ นะคะ สุขภาพที่ดีอยู่ที่ตัวเราเป็นคนกำหนด




อ้างอิง

  1. www.medicalnewstoday.com
  2.  http://nutrition.anamai.moph.go.th
  3. www.thaihealth.or.th.

4. https://www.mamaexpert.com/posts/content-5049

วิธีคำนวณอัตราความสูงเด็กชาย เด็กหญิงแต่ละวัย

 

วิธีคำนวณอัตราความสูงเด็กชาย เด็กหญิงแต่ละวัย


พัฒนาการของลูกน้อยเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนให้ความใส่ใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะในเรื่องของ “ความสูง” ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตทางกายภาพที่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุด และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนมักเป็นกังวลอยู่เสมอว่าลูกเราเตี้ยไปหรือไม่ สูงไม่ทันเพื่อนหรือเปล่าและจริงๆ แล้ววัยของลูกน้อยเรานั้นควรจะสูงเท่าไหร่ถึงเรียกได้ว่าดี?



ทำความเข้าใจเรื่องความสูงของเด็ก

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าความสูงของเด็กนั้นมีปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

  1. พันธุกรรม: ยีนส์จากคุณพ่อคุณแม่มีส่วนสำคัญมากในการกำหนดความสูงของลูก
  2. โภชนาการ: อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโต
  3. การออกกำลังกาย: การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโต
  4. การนอนหลับ: การนอนหลับที่เพียงพอช่วยในการผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโต
  5. สภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีความเครียด ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี

การประเมิน และติดตามการเจริญเติบโตของลูก

การติดตามการเจริญเติบโตของลูกอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ วิธีการประเมินที่พ่อแม่สามารถทำได้ มีดังนี้

1. การวัดส่วนสูง และน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ

ควรวัดส่วนสูง และน้ำหนักของลูกในทุก ๆ เดือน พร้อมบันทึกไว้ เพื่อดูกราฟการเจริญเติบโต

2. การใช้กราฟการเจริญเติบโตมาตรฐาน

นำข้อมูลส่วนสูง และน้ำหนักของลูกมาเทียบกับกราฟการเจริญเติบโตมาตรฐานตามเพศ และอายุ ซึ่งสามารถขอได้จากสถานพยาบาล หรือดูได้จากข้อมูลด้านล่าง

3. การคำนวณเป้าหมายความสูง

สามารถคำนวณเป้าหมายความสูงของลูกได้โดยใช้สูตร

  • ผู้ชาย [(ความสูงพ่อ + ความสูงแม่ + 13) ÷ 2] ± 8.5 ซม. 
  • ผู้หญิง [(ความสูงพ่อ + ความสูงแม่ – 13) ÷ 2] ± 8.5 ซม. 

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น ความสูงจริงอาจแตกต่างได้ประมาณ 5 เซนติเมตร

เมื่อไหร่ควรพาลูกไปพบแพทย์เรื่องความสูง

แม้ว่าเด็กแต่ละคนจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน แต่มีบางกรณีที่ควรปรึกษาแพทย์ ได้แก่

  1. ความสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาก: ถ้าความสูงของลูก ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง ต่ำกว่าเส้นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 3 บนกราฟการเจริญเติบโตมาตรฐาน
  2. การเจริญเติบโตช้าผิดปกติ: สังเกตว่าอัตราการเพิ่มความสูงของลูกช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกันอย่างชัดเจน
  3. มีอาการผิดปกติอื่น ๆ: เช่น อ่อนเพลียผิดปกติ ท้องผูกเรื้อรัง หรือมีปัญหาการเรียนรู้
  4. พัฒนาการทางเพศเร็วหรือช้าเกินไป:
    • เด็กหญิง: มีการพัฒนาของเต้านมก่อนอายุ 8 ปี หรือยังไม่มีสัญญาณเมื่ออายุ 13 ปี
    • เด็กชาย: มีการขยายขนาดของอัณฑะก่อนอายุ 9 ปี หรือยังไม่มีสัญญาณเมื่ออายุ 14 ปี
  5. ความสูงแตกต่างจากที่คาดการณ์: ความสูงปัจจุบันของลูกแตกต่างจากที่คำนวณจากความสูงของพ่อแม่มาก


อย่างไรก็ตาม ไม่ควรกังวลมากเกินไป เพราะในหลายกรณี อาจเป็นเพียงความแตกต่างตามธรรมชาติ การพบแพทย์จะช่วยให้มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ หรือได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมหากมีปัญหาจริง

เกณฑ์ความสูงเฉลี่ยของเด็กไทย

เกณฑ์ความสูงเฉลี่ยของเด็กผู้หญิง
เกณฑ์ความสูงเฉลี่ยของเด็กผู้ชาย

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจสงสัยว่า ลูกของเราสูงตามเกณฑ์หรือเปล่า? เรามาดูกันครับว่าเกณฑ์ความสูงเฉลี่ยของเด็กไทยเป็นอย่างไร

ส่วนสูงเด็กชาย ตั้งแต่อายุ 1 - 18 ปี

อายุ (ปี)

ส่วนสูงเฉลี่ย (ซม.)

ส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ (ซม.)

ส่วนสูงสูงกว่าเกณฑ์ (ซม.)

1

75.7

70.6

80.8

2

87.8

82.0

93.6

3

96.1

89.9

102.3

4

103.3

96.7

109.9

5

110.0

103.0

117.0

6

116.1

108.7

123.5

7

121.7

113.9

129.5

8

127.0

118.8

135.2

9

135.2

123.6

140.8

10

137.5

128.5

146.5

11

143.1

133.7

152.5

12

149.1

139.1

159.1

13

155.7

145.1

166.3

14

162.1

151.1

173.1

15

167.7

156.5

178.9

16

171.9

160.7

183.1

17

174.6

163.4

185.8

18

175.9

164.7

187.1

โดยทั่วไป เด็กผู้ชายจะเริ่มเข้าสู่ช่วงการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด (Growth Spurt) ในช่วงอายุประมาณ 12-13 ปี และมักจะมีการเจริญเติบโตสูงสุดในช่วงอายุ 13-15 ปี ซึ่งในช่วงนี้อาจสูงขึ้นได้ถึง 7-12 เซนติเมตรต่อปี หลังจากนั้น อัตราการเจริญเติบโตจะค่อย ๆ ลดลง และมักจะหยุดสูง เมื่ออายุประมาณ 18-20 ปี

ส่วนสูงเด็กหญิง ตั้งแต่อายุ 1 - 18 ปี

อายุ (ปี)

ส่วนสูงเฉลี่ย (ซม.)

ส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ (ซม.)

ส่วนสูงสูงกว่าเกณฑ์ (ซม.)

1

74.0

69.1

78.9

2

86.0

80.4

91.6

3

94.1

88.1

100.1

4

101.6

95.2

108.0

5

108.4

101.6

115.2

6

114.6

107.4

121.8

7

120.6

113.0

128.2

8

126.4

118.4

134.4

9

132.2

123.8

140.6

10

138.3

129.5

147.1

11

144.7

135.5

153.9

12

151.2

141.6

160.8

13

156.7

146.9

166.5

14

160.8

150.8

170.8

15

163.3

153.3

173.3

16

164.4

154.4

174.4

17

164.9

154.9

174.9

18

165.1

155.1

175.1

เด็กผู้หญิงมักจะเริ่มเข้าสู่ช่วงการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด (Growth Spurt) เร็วกว่าเด็กผู้ชาย โดยทั่วไปจะเริ่มในช่วงอายุประมาณ 10-11 ปี และมีการเจริญเติบโตสูงสุดในช่วงอายุ 11-13 ปี ซึ่งในช่วงนี้อาจสูงขึ้นได้ถึง 6-11 เซนติเมตรต่อปี หลังจากนั้น อัตราการเจริญเติบโตจะลดลงและมักจะหยุดสูง เมื่ออายุประมาณ 16-17 ปี

แต่อย่าลืมนะครับว่านี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย เด็กแต่ละคนมีอัตราการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน

ความสูงเด็กหญิงและเด็กชาย มีความแตกต่างกันอย่างไร?

คุณเคยสังเกตไหมครับว่า ในช่วงวัยรุ่น เด็กหญิงมักจะสูงกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน? นี่เป็นเพราะเด็กหญิงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็วกว่าเด็กชายประมาณ 2 ปี ทำให้มีการเจริญเติบโตทางด้านความสูงเร็วกว่า

แต่หลังจากนั้น เด็กชายจะมีช่วงการเจริญเติบโตที่นานกว่า ทำให้โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายจะสูงกว่าผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

วิธีส่งเสริมความสูงของเด็กชาย เด็กหญิง

ทีนี้ เรามาดูกันว่ามีวิธีเพิ่มความสูงไหนบ้างที่จะช่วยส่งเสริมความสูงของลูก ๆ ได้

1. โภชนาการที่ดี

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่พ่อแม่สามารถควบคุมได้ ควรให้ลูกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เน้น

  • โปรตีน: จำเป็นสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อ และกระดูก แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นม ถั่ว
  • แคลเซียม: สำคัญต่อการสร้างกระดูก พบมากในนม และผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว
  • วิตามิน D3 และวิตามิน K2: ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และช่วยนำแคลเซียมใช้ในการสร้างกระดูก พบในปลาทะเล น้ำมันตับปลา ไข่แดง
  • สังกะสี: ช่วยในการเจริญเติบโต และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ พบในเนื้อสัตว์ ถั่ว เมล็ดพืช
  • กรดอะมิโนจำเป็น: มีบทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อ และฮอร์โมนต่าง ๆ รวมถึงฮอร์โมนการเจริญเติบโต


นอกจากนี้ พบว่ามีบางกรณีที่เด็กมีการเจริญเติบโตช้าเนื่องจากขาดสารอาหารจำเป็นบางชนิด เช่น วิตามินเอ และวิตามินเพิ่มความสูงที่จำเป็น ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น กรดอะมิโนจำเป็นมีบทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อ และฮอร์โมนต่าง ๆ รวมถึงฮอร์โมนการเจริญเติบโต

2. การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตด้วย ดังนั้นควรส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 60 นาที ซึ่งการออกกำลังกายเพิ่มความสูงที่แนะนำ ได้แก่

  • การว่ายน้ำ
  • การกระโดดเชือก
  • การเล่นบาสเกตบอล
  • การวิ่ง
  • การยืดเหยียด

3. การนอนหลับที่เพียงพอ

การนอนหลับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโต ควรให้เด็กได้นอนหลับอย่างเพียงพอ

  • เด็กอายุ 3-5 ปี: 10-13 ชั่วโมงต่อวัน
  • เด็กอายุ 6-13 ปี: 9-11 ชั่วโมงต่อวัน
  • วัยรุ่น 14-17 ปี: 8-10 ชั่วโมงต่อวัน

4. ลดความเครียด

ความเครียดสามารถส่งผลลบต่อการเจริญเติบโตของเด็กได้ พ่อแม่ควร

  • สร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น และปลอดภัยในบ้าน
  • ส่งเสริมการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การฟังเพลง การวาดรูป
  • พูดคุย และรับฟังปัญหาของลูกอย่างเปิดใจ

5. ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

พฤติกรรมบางอย่างอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ควรหลีกเลี่ยง

  • การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ (สำหรับวัยรุ่น)
  • การรับประทานอาหารขยะ (Junk Food) และอาหารแปรรูป (Process Food) มากเกินไป
  • การนอนดึกเป็นประจำ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความสูงของเด็ก

1. เด็กหยุดสูงเมื่อไหร่?

โดยทั่วไป เด็กผู้ชายจะหยุดสูงประมาณอายุ 16-18 ปี ส่วนเด็กผู้หญิงจะหยุดสูงประมาณอายุ 14-16 ปี อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย บางคนอาจหยุดสูงเร็ว หรือช้ากว่านี้ได้

2. ถ้าพ่อแม่ไม่สูง ลูกจะสูงได้ไหม?

ไม่เสมอไป แม้ว่าพันธุกรรมจะมีผลต่อความสูง แต่ปัจจัยอื่น ๆ เช่น โภชนาการ การออกกำลังกาย และสภาพแวดล้อม ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน การดูแลเรื่องเหล่านี้อย่างดีอาจช่วยให้ลูกสูงกว่าค่าเฉลี่ยของพ่อแม่ได้

3. การดื่มนมช่วยให้สูงจริงหรือไม่?

จริง นมเป็นแหล่งของแคลเซียม และโปรตีนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต แต่ต้องดื่มร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนด้วย

4. ออกกำลังกายแบบไหนช่วยเพิ่มความสูง?

กีฬาที่มีการกระโดดหรือยืดเหยียดร่างกาย เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ว่ายน้ำ หรือยืดเหยียด สามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกได้ดี

5. ทำไมลูกถึงตัวเล็กกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน?

เด็กแต่ละคนมีจังหวะการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน บางคนอาจเข้าสู่ช่วงการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด (Growth Spurt) เร็วกว่าหรือช้ากว่าเพื่อน ทำให้ในบางช่วงอายุอาจดูเตี้ย หรือสูงกว่าเพื่อนได้

CR   ::     https://professionalhealths.com/