เทคนิคใช้ น้ำหอม ให้ติดทนนาน!
เมื่อพูดถึงการใช้ ‘น้ำหอม’ เพื่อน ๆ หลายคนมักจะพบกับปัญหาว่ากลิ่นไม่หอมติดทน ฉีดตอนเช้าแต่พอตกบ่ายกลับหายเกลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกคนเกิดความไม่มั่นใจ กลัวกลิ่นเหม็นอับจากเหงื่อนั่นเอง ด้วยสาเหตุนี้ เราจึงรวบรวมทริคหาวิธีการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนานมากขึ้น มาลองดูกันว่าเป็นไงบ้าง
ทริค 1 – เลือกน้ำหอมให้ติดทน
การเลือกน้ำหอมจะเลือกแค่กลิ่นถูกใจอาจไม่ตอบโจทย์คนชอบติดทนนาน หากกเพื่อน ๆ ต้องการให้น้ำหอมติดทนนาน ควรเลือกน้ำหอมให้ตรงประเภท ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำหอม ซึ่งส่งผลโดยตรงกับความทนทานของกลิ่น กลิ่นหอมจะติดทนนานหรือหายไว ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำหอมที่ใช้ ซึ่งเราสามารถแบ่งน้ำหอมออกมาได้เป็น 3 ประเภท
- Eau de Toilette (EDT) : ความเข้มข้นน้อยที่สุด กลิ่นหอมจะติดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- Eau de Parfum (EDP) : เข้มข้นขึ้นมา กลิ่นจะติดประมาณ 4-6 ชั่วโมง
- Parfum : ความเข้มข้นสูงสุด กลิ่นติดทนนานถึง 8 – 10 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
ทริค 2 – ฉีดตามจุดชีพจร
ทริคยอดฮิตในการฉีดน้ำหอมให้ติดทนก็คือ ‘ฉีดตามจุดชีพจร’ เช่น ข้อมือ, ข้อศอกด้านใน, หลังใบหู และซอกคอ จุดเหล่านี้จะช่วยกระจายกลิ่นให้หอมฟุ้ง และติดทนนานขึ้น เพราะจุดชีพจรเป็นบริเวณที่เส้นเลือดอยู่ใกล้ผิวหนัง ความร้อนจากเลือดที่ไหลเวียนในจุดเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้น้ำหอมระเหยออกอย่างสม่ำเสมอ และกระจายกลิ่นหอมได้ดีกว่าบริเวณอื่น ๆ และติดทนนานมากขึ้น
ทริค 3 – รวมหลายเทคนิคมาแชร์ให้ใช้กัน
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น : น้ำหอมจะติดทนนานกว่าเมื่ออยู่บนผิวที่ชุ่มชื้น ลองทาครีมบำรุงผิวหรือวาสลีนก่อนฉีดน้ำหอมจะช่วยล็อกกลิ่นหอมได้ดียิ่งขึ้น
- ไม่ถูข้อมือหลังฉีด : หลายคนมักจะถูข้อมือหลังฉีดน้ำหอม แต่จริง ๆ แล้วการถูจะทำให้โมเลกุลของน้ำหอมแตกตัว และกลิ่นจางเร็วขึ้น
- ฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำ : ผิวที่สะอาดและชื้นเล็กน้อยจะช่วยดูดซับน้ำหอมได้ดีกว่า และช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น
- ฉีดน้ำหอมบนเสื้อผ้า : การฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าจะทำให้กลิ่นติดทนนานกว่าเพราะเสื้อผ้าไม่มีกระบวนการผลิตน้ำมันเหมือนผิวหนัง แต่ระวังอย่าฉีดใกล้หรือเยอะเกินไป เพราะบางครั้งอาจทำให้เกิดรอยด่างหรือเปื้อนเสื้อได้
- เก็บน้ำหอมในที่เย็นและมืด : ความร้อน แสงแดด สามารถทำลายคุณภาพของน้ำหอมได้ การเก็บน้ำหอมในที่เย็น เช่น ตู้เย็น หรือเก็บในลิ้นชักที่ไม่มีแสงเพื่อรักษาความหอมได้นานขึ้น
- ใช้แปรงแต่งหน้าทาน้ำหอม : ถ้าคุณต้องการกระจายกลิ่นหอมเบา ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ลองฉีดน้ำหอมลงบนแปรงแต่งหน้า แล้วใช้แปรงทาเบาๆ ตามจุดที่คุณต้องการ กลิ่นจะกระจายเบา ๆ
เทคนิคใช้ น้ำหอม ให้ติดทนนาน! , Perfume
ที่มา :: https://www.ananda.co.th

ทริค ฉีดน้ำหอมยังไงให้ปัง หอมติดทนนานตลอดทั้งวัน
ตอบลบ1.ระดับความเข้มข้นของน้ำหอมแต่ละประเภท
ส่วนใหญ่หลายคนมักมองข้ามคือความเข้มของระดับน้ำหอม ให้เหมาะกับการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ความเข้มของน้ำหอมมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภท หากต้องการฉีดน้ำหอมไปงานก็ควรเลือกประเภทที่กลิ่นติดทนนาน เป็นต้น นอกจากนี้ยิ่งน้ำหอมมีความเข้มข้นมากเท่าไหร่ ระยะเวลาในการติดนานก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามมานะคะ
1.Parfum (หรือ Perfume) ระดับความเข้ม 20-30 % เหมาะสำหรับการทำงาน ออกเดท หรือในวันที่ต้องอยู่ข้างนอกนาน ๆ เพราะกลิ่นจะอยู่ได้ถึง 6-8 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมานั่งเติมบ่อย ๆ เพียงแค่ฉีด 2-3 ครั้ง ก็รับประกันได้ว่าอยู่! ติดทนนานทั้งวันแน่นอน
2.Eau De Parfum ระดับความเข้ม 15-20 % สามารถอยู่ได้ถึง 4-5 ชั่วโมงหลังจากการฉีดครั้งแรก เหมาะสำหรับการไปเที่ยวปาร์ตี้ งานแต่งงาน หรือกิจกรรมยามเช้าหรือเที่ยงที่เราสามารถกลับมาเติมกลิ่นได้
3.Eau De Toilette ระดับความเข้ม 5-15 % เป็นกลิ่นที่มีคนซื้อเยอะมากที่สุด เนื่องจากราคาที่น่าคบหาและผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกเยอะมากมายในท้องตลาด น้ำหอมประเภทนี้สามารถอยู่ได้ 2-3 ชั่วโมง แปลว่าต้องเติมระหว่างวันเพื่อจะให้กลิ่นติดตัว เหมาะสำหรับการออกไปทำกิจกรรมสั้นๆ เช่น อีเวนท์ ดินเนอร์ ดูหนัง หรือประชุม
4.Eau De Cologne ระดับความเข้ม 2-4 % อย่างมากที่สุดอยู่ได้ 2 ประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะเหตุผลนี้ถึงไม่เหมาะกับการฉีดในเวลากลางวัน เพราะคุณแทบไม่มีเวลามานั่งเติมบ่อย ๆ แต่ด้วยความที่ต้องเติมบ่อย ๆ นี่แหละค่ะ กลิ่นที่ไม่แรงมากในระดับนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบให้มีกลิ่นน้ำหอมติดตัวนาน ๆ และชอบการที่น้ำหอมจางตามเวลา
5.Eau Faiche ความเข้มข้นของน้ำหอม 1-3% ความเข้มข้นน้อยที่สุด กลิ่นจะไม่ติดทนนานอยู่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ทำให้เราต้องฉีดเพิ่มอยู่บ่อย ๆ ตลอดวัน ไม่เหมาะกับการฉีดออกไปนอกบ้านนาน ๆ แน่นอน แต่เหมาะสำหรับกิจกรรมสั้น ๆ ที่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงค่ะ
2.ฉีดตามจุดชีพจรต่างๆ บนร่างกาย
การฉีดหรือแต้มน้ำหอมตรงจุดชีพจรต่างๆ ของร่างกาย เช่น ข้อมือ, ข้อพับแขน, ข้อพับขา หรือบริเวณซอกคอใต้ใบหู ก็เพราะความอุ่นจากการหมุนเวียนของเลือดใต้ผิวหนังเรา อุณหภูมิบวกกับอัตราการเต้นของชีพจร จะเป็นตัวช่วยดูดซับความหอมไว้ใต้ผิวหนัง ทำให้กลิ่นของน้ำหอมฟุ้งกระจายได้ดีมากกว่าการทาบริเวณอื่นๆ ดังนั้นการแต้มน้ำหอมบริเวณจุดชีพจร ข้อพับ จึงเป็นส่วนที่เหมาะสม ช่วยทำให้ความหอมติดทนนานยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
3.ทาโลชั่นหรือวาสลีนก่อนฉีดน้ำหอมลงบนผิว
หากสาวๆ คนไหนที่ต้องการให้น้ำหอมติดทนนานแล้วหล่ะก็ แอดแนะนำให้ทาโลชั่นลงบนผิวกายหรือ ทาเฉพาะจุดต่างๆ บนร่างกาย ก่อนที่เราจะทำการฉีดน้ำหอมนะคะ เพราะความชุ่มชื่นจะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าผิวแห้งๆ หลายเท่า และควรทาโลชั่นที่ไม่มีกลิ่นจะดีที่สุด (จะได้ไม่ทำให้กลิ่นของน้ำหอมเพี้ยน นั่นเอง !!) เช่นง่ายๆ ก็คือการใช้วาสลีน วิธีนี้จะทำให้น้ำหอมติดทนนานยิ่งขึ้นนั่นเองจ้า !! ยิ่งใครผิวแห้ง ตัวนี้เวิร์คมากจ้า
4.ใช้น้ำหอมครีมอาบน้ำ และบอดี้โลชั่นกลิ่นเดียวกัน
การอาบน้ำถือเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว เพียงแค่เราเลือกใช้สบู่หรอครีมอาบน้ำ โลชั่น บำรุงผิว และน้ำหอม ให้เป็นกลิ่นดียวกันทั้งหมด พอมารวมกันแล้วก็จะทำให้ยิ่งทวีความหอมและกลิ่นยังติดทนนานตั้งแต่เช้าจรดเย็นอีกด้วย ใช้เป็นเซ็ทขนาดนี้แล้วไม่หอมทั้งวันให้มันรู้ไปค่ะ
5.การอาบน้ำก่อนการฉีดน้ำหอม
อาบน้ำก่อนฉีดน้ำหอม หลังจากอาบน้ำให้ฉีดน้ำหอมก่อนการแต่งตัว เพราะผิวจะชุ่มชื่น และทำให้น้ำหอมซึมสู่ผิว แล้วยังไม่ทำให้เสื้อผ้าเสียหายอีกด้วย ควรเช็ดตัวให้แห้งก่อนทำการฉีดน้ำหอมนะคะ เดี๋ยวไปผสมกับน้ำจะทำให้ให้กลิ่นจางลง และไม่ควรวางน้ำหอมตั้งไว้ในห้องน้ำน๊า
6.ห้ามถูผิวหลังฉีดน้ำหอมเสร็จ
แปลกแต่จริงนะเออ !! การถูน้ำหอมหลังจากฉีดแล้วจะทำให้กลิ่นเบาบางลง ทำลายความหอมไปหมดนั่นเอง อย่างไรด็ดีลองฉีดน้ำหอมในอากาศเข้าทางด้านหน้าตัวเอง ห่างประมาณ 6 นิ้ว อย่าลืมหลับตาก่อนะคะ กลิ่นน้ำหอมจะติดทนนานไปกับคุณทั้งวันเลยทีเดียวเชียวหล่ะ
7.วิธีการใช้น้ำหอมใส่ผม (Fragrant hair spray)
ตอบลบวิธีการใช้น้ำหอมใส่ผม หลายคนคงแปลกใจใส่ได้หรอ แต่ก็อีกหลายคนที่ใช้วิธีนี้ในการใช้น้ำหอมค่ะ วิธีการง่ายๆ ตามคำแนะนำการใช้ คือฉีดบนเส้นผม ให้ห่างประมาณ 6 นิ้ว นะค่ะ และจะติดหอมนานทั้งวัน หรือจะใช้ Fragrance hair spray สำหรับเส้นผสมโดยตรงเลยก็ได้จ้า
8.ฉีดน้ำหอมลงบนแปรงก่อนค่อยหวี
สะบัดผมให้พริ้วไหวแค่ไหนก็ไม่มีหวั่นจ้า ถ้าหากอยากให้เส้นผมหอมนานๆ เพิ่มความมั่นใจได้ทุกสถานการณ์ ทริคง่ายๆ ให้คุณฉีดน้ำหอมลงบนแปรงก่อนแล้วค่อยหวีให้ทั่ว นอกจากจะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยปกป้องเส้นผมไม่ให้ไปสัมผัสกับแอลกอฮอล์จากน้ำหอมโดยตรงอีกด้วยค่ะ
9.การเติมน้ำหอมในระหว่างวัน
สำหรับการเติมน้ำหอมระหว่างวัน ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหอมแต่ละชนิดด้วยนะจ๊ะ เช่นน้ำหอมที่มีพื้นฐานของกลิ่นพรรณไม้ตะวันออก Oriental & Woody มักจะติดทนานกว่ากลิ่นหอมจากดอกไม้หรือผลไม้ Floral – Fruity หรือน้ำหอมประเภท Eau de Perfume จะมีกลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้นกว่า Eau de Toilette หรือ Cologne ก็จะกลิ่นติดทนนานกว่านั้นเองค่ะ
10.ฉีดน้ำหอมลงบนกระดาษบางๆ แล้วเอามารองในตู้เสื้อผ้า
น้ำหอมบางชนิดอาจทิ้งคราบเป็นรอยด่างติดบนเสื้อผ้าของคุณได้ อาจฉีดน้ำหอมลงบนกระดาษบางๆ แล้วเอามารองเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า เพียงเท่านี้น้ำหอมก็จะติดเสื้อผ้าแล้วหล่ะจ้า !!!
11. ตอนรีดผ้าเอาน้ำหอมมาพรมลงบนเสื้อผ้า
หากใครรีดผ้าเอง ควรเอาน้ำหอมมาพรมลงบนเสื้อผ้าของคุณบ้าง แล้วรีดทับลงไป แค่นี้กลิ่นของน้ำหอมจะติดลึกอยู่ในใยผ้า ไม่จางหายไปง่ายๆ ค่ะ แต่ต้องดูด้วยว่าผ้าที่ใส่นั้นเป็นแบบไหน หากพรมลงไปเนื้อผ้าจะเสียหายหรือไม่ ตลอดจนน้ำหอมก็ควรเลือกชนิดที่ไม่เป็นคราบค่ะ
12.ไม่ควรเก็บน้ำหอมไว้ในห้องน้ำ
ถึงแม้ว่าห้องน้ำเป็นสถานที่ ที่ไม่สัมผัสกับแสงแดด แต่อย่างที่ทราบกันน้ำหอมมีสารสกัดจากน้ำมันหอมละเหย และห้องน้ำเป็นที่ที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งความชื้นสูงที่อาจก่อให้เกิดเชื้อโรคหรือแบททีเรียที่ก่อตัวขึ้น ทำให้น้ำหอมเสื่อมคุณภาพเร็วค่ะ
13.เก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็น
หลายคนอาจจะกลัวน้ำหอมที่เสื่อสภาพ ด้วยสภาพอากาศภายนอกที่ร้อนเกินไป จึงเลือกที่จะแช่ขวดน้ำหอมไว้ในตู้เย็น ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ผิดอะไร แต่หากแช่ไว้ ควรควบคุมตู้เย็น ไม่ให้ต่ำกว่า 10 องศา จะกำลังพอเหมาะ และควรเช็คด้วยว่าในตู้เย็น ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมหรือกลิ่นเหม็น ที่จะส่งผลให้น้ำหอม ของเรากลิ่นเพี้ยนไปด้วยหล่ะ
ฉีดน้ำหอมอย่างไรให้ติดทน หอมฟุ้งไปทั้งวัน
ตอบลบ1.ฉีดน้ำหอมทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ
เทคนิคแรกคือการฉีดน้ำหอมทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ เพราะช่วงที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฉีดน้ำหอม ความชุ่มชื้นบนผิวหลังอาบน้ำจะช่วยทำให้น้ำหอมติดทนได้นานขึ้น แนะนำให้ฉีดทันทีเลยนะ รับรองว่าทำตามวิธีนี้ ตัวของคุณหอมนานทั้งวันแน่ ทางเราคอนเฟิร์ม
2.ฉีดน้ำหอมตามชีพจร
เทคนิคถัดมาที่เราจะแนะนำก็คือเป็นเทคนิคที่หลายๆ คนคงรู้กันมาบ้างแล้ว ว่าการฉีดน้ำหอมตามชีพจรเนี่ย จะทำให้น้ำหอมติดทนนานมากขึ้น โดยจุดที่เหมาะแก่การฉีด คือ ข้อมือ ข้อพับแขน ข้อพับขา หรือบริเวณซอกคอใต้ใบหู เพราะจุดชีพจรเหล่านี้มีความอุ่นจากการหมุนเวียนเลือด ทำให้กลิ่นทนกว่า และกระจายตัวได้ดี ทำให้หอมนานตลอดวัน ยิ่งไปกว่านั้นการฉีดน้ำหอมเล็กๆ น้อยๆ ในบริเวณเหล่านี้สามารถทำให้น้ำหอมติดทนได้มากกว่าการฉีดปริมาณมากๆ อีกด้วย ดังนั้นการแต้มน้ำหอมบริเวณจุดชีพจร ข้อพับ จึงเป็นส่วนที่เหมาะสม ช่วยทำให้ความหอมติดทนนานยิ่งขึ้น
3.ทาโลชั่น หรือ ทาวาสลีนในจุดต่างๆ
ทริคนี้เป็นทริคที่คนนิยมใช้กันมากๆ คือการทาโลชั่น (ที่ไม่มีกลิ่น) หรือ ทาวาสลีนในจุดต่างๆ ก่อนฉีดน้ำหอม เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดทน เพราะความชุ่มชื่นจะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าผิวแห้งๆ หลายเท่า สำหรับคนผิวแห้งวิธีนี้ได้ผลมาก
4.ห้ามถูผิวหลังฉีดน้ำหอมเสร็จ
เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ เพราะการถูผิวเข้าด้วยกันจะทำให้เกิดการเสียดสีและจะทำลายโมเลกุลของน้ำหอม ทำให้กลิ่นจางลงเร็วกว่าเดิม แนะนำว่าให้ใช้วิธีเอานิ้วแท็บๆ ที่ข้อมือจุดที่เราฉีดน้ำหอมลงไปแทน เพื่อกระตุ้นให้น้ำหอมซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมไปทำตามด้วยล่ะ
5.ฉีดน้ำหอมลงบนแปรงก่อนหวีผม
เทคนิคสุดท้ายที่จะทำให้กลิ่นน้ำหอมของเรา หอมนานตลอดทั้งวันมากยิ่งขึ้น สำหรับใครอยากจะมีกลิ่นหอมทั้งหัวจรดเท้า การฉีดน้ำหอมลงบนแปรงก่อนหวีผม เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยได้มากๆ เลยแหละ เพราะจะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานยิ่งขึ้น แต่เราแนะนำให้ฉีดใส่หวีนะ ห้ามฉีดใส่ผมโดยตรงเด็ดขาด เพราะถ้าเราฉีดน้ำหอมลงไปตรงๆ บนเส้นผม หรือหนังศีรษะ กลิ่นจะไม่กระจายตัว
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน กลิ่นไม่เพี้ยน
ตอบลบ1. ฉีดตามจุดชีพจร
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน ฉีดตามจุดชีพจร
การฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจรเช่น ข้อมือ ลำคอ ข้อพับแขน หลังใบหู ซอกคอ และข้อพับขาจะทำให้น้ำหอมติดทนและกลิ่นหอมฟุ้งได้นานกว่า เนื่องมาจากน้ำหอมมีคุณสมบัติที่กระจายกลิ่นได้ดีเมื่อโดนความร้อน และตามจุดชีพจรก็มีความอุ่นจากหลอดเลือดที่มีการเลือดไหลเวียนของเลือดอยู่ใกล้ผิวหนังที่สุด จึงสามารถช่วยเพิ่มและกระตุ้นกลิ่นหอมได้ดีกว่าบริเวณอื่น
2. เก็บน้ำหอมอย่างถูกวิธี
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน เก็บน้ำหอมอย่างถูกวิธี
สิ่งสำคัญที่ทำให้ น้ำหอมที่สาวๆ ใช้ติดทนทั้งวันก็คือ คุณภาพของน้ำหอมนั่นเอง ดังนั้น เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำหอมให้ดีเหมือนตอนซื้อมาใหม่ๆ ที่เก็บน้ำหอมจึงไม่ควรมีอุณหภูมิสูง หรือมีความชื้นสูงเกินไปอย่างในห้องน้ำ รวมทั้งบริเวณที่โดนแสงแดดด้วยค่ะ เพราะจะทำให้น้ำหอมเสื่อมสภาพเร็ว ส่วนที่ที่เก็บรักษาน้ำหอมที่ดีที่สุดจะต้องแห้ง เจอแสงน้อย มีความชื้นไม่สูงเกินไป และอย่าลืมปิดฝาขวดทุกครั้งหลังใช้เป็นการยืดอายุการใช้งาน น้ำหอมไม่เสื่อมสภาพเร็วด้วยค่ะ
3. ห้ามถูผิวหลังฉีด
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน ห้ามถูผิวหลังฉีด
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนเชียวแหละที่ใช้วิธีฉีดน้ำหอมลงบนข้อมือก่อน จากนั้นก็เอาข้อมือสองข้างมาถูๆ กันแล้วไปแต้มส่วนอื่นๆ หรือบางคนชอบใช้นิ้วถูผิวหนังบริเวณที่ฉีดเพราะคิดว่าเป็นการไล่กลิ่นแอลกอฮอล์จะได้กลิ่นหอมที่แท้จริง ซึ่งขอบอกเลยว่า การทำแบบนี้นอกจากจะทำให้กลิ่นของน้ำหอมเจือจางลง และกลิ่นติดอยู่ได้ไม่นาน แถมกลิ่นยังเพี้ยนอีกด้วย
4. ฉีดเพิ่มระหว่างวัน
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน ห้ฉีดเพิ่มระหว่างวัน
สำหรับใครที่ชอบใช้น้ำหอมกลิ่นบางๆ เบาๆ อย่างน้ำหอมประเภท Eau de Toilette และ Cologne ซึ่งติดทนได้นานสุดก็ประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น วิธีที่ง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณตัวหอมยาวนานทั้งวันก็คือ พกพาน้ำหอมกลิ่นที่ใช้ไปฉีดเพิ่ม เมื่อกลิ่นน้ำหอมบนตัวของคุณจางลง หรือวันไหนที่ความชื้นในอากาศสูง สาวๆ อย่าลืมพกน้ำหอมไปฉีดเพิ่มระหว่างวันด้วยละ เพราะสภาพอากาศแบบนี้ก็ทำให้กลิ่นน้ำหอมของคุณจางลงเร็วได้เหมือนกัน
5. น้ำหอม & โลชั่น กลิ่นเดียวกัน
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน น้ำหอม & โลชั่น กลิ่นเดียวกัน
เทคนิคเพิ่มความหอมให้น้ำหอมที่ฉีดติดทนนาน หอมตลบอบอวลขึ้น 2 เท่า เทคนิคนี้ทำง่ายมาก! นั่นก็คือ ใช้น้ำหอมและโลชั่นกลิ่นเดียวกันค่ะ เพียงสาวๆ ทาโลชั่นให้ทั่วเรือนร่างช่วงผิวหมาดรอซึม แล้วฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เท่านี้ความหอมและการกระจายตัวของกลิ่นก็เพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย เพราะโลชั่นจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เปรียบเหมือนบอดี้ไพรเมอร์สำหรับน้ำหอม ที่ช่วยตรึงกลิ่นให้ติดผิวยาวนานขึ้น แถมไม่ฉุนแรงจนคนรอบข้างเวียนหัวด้วย
6. ฉีดหลังอาบน้ำทันที
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน ฉีดหลังอาบน้ำทันที
ฉีดน้ำหอมแล้วกลิ่นหายไวมาก ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็จางจนไม่ค่อยได้กลิ่นแล้ว แนะนำให้ลองเช็กสภาพผิวของคุณดูก่อนเลยค่า หากผิวแห้งเกินไป แน่นอนล่ะว่า กลิ่นจางไวชัวร์! เพราะความชุ่มชื้นของผิว จะช่วยยึดกลิ่นให้หอมทนหอมนาน กลิ่นฟุ้ง ไม่ระเหยเร็ว ดังนั้นจึงควรฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำทันที ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวมีความชื้นอยู่มากที่สุด!
7. ฉีดให้ห่างจากตัว
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน ฉีฉีดให้ห่างจากตัว
รู้นะ! ว่าหลายคนกระหน่ำฉีดน้ำหอมลงบนผิวจนชุ่มฉ่ำ เพราะกลัวน้ำหอมติดไม่ทน แต่ทราบกันมั้ยคะว่า กลิ่นจะฉุนเกินพอดี หอมแรงจนทำร้ายคนรอบข้างได้ อีกหนึ่งเทคนิคที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดน้ำหอมให้ติดทน แต่ไม่ฉุน เหมาะกับอากาศเมืองไทยและน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงๆ คือ ฉีดให้ห่างจากตัวค่า เทคนิคนี้จะช่วยให้กลิ่นติดผิวดีและกระจายกลิ่นให้เบาบางลง มีความละมุนขึ้น แต่ยังคงหอมฟุ้งแตะจมูกอยู่!
8. ฉีดบนเส้นผมหรือหวี
วิธีฉีดน้ำหอมให้ติดทน หอมนานทั้งวัน ฉีดบนเส้นผมหรือหวี
เทคนิคไม่ลับเพิ่มความหอมแบบละมุนละไมต้องเทคนิคนี้จ้า เราขอแนะนำให้สาวๆ ฉีดน้ำหอมลงบนหวีหรือพรมลงบนเส้นผมเบาๆ เทคนิคนี้ผมจะช่วยดูดซับความหอมไว้ ทำให้กลิ่นติดทนนานขึ้น มีความฟุ้งละมุนอย่างนุ่มนวลทุกครั้งที่สยายผม รับรองว่า หอมแบบสบายจมูก ไม่ฉุนจนปวดหัวแน่นอนค่า อย่างไรแล้วขอกระซิบว่า ฉีดบนหวีดีกว่าฉีดบนเส้นผมโดยตรงนะ เพราะน้ำหอมมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ไม่ดีต่อเส้นผมเลยค่า หากฉีดมากไปจะทำให้ผมแห้งเสีย เปราะง่าย
เทคนิคคงกลิ่น "น้ำหอม" ติดทน แม้อากาศร้อน เหงื่อฉ่ำ
ตอบลบ8 เทคนิคคงกลิ่นน้ำหอมยาวนานในหน้าร้อน
1.ลองฉีดหลังอาบน้ำร้อนสิ
เพราะหลังอาบน้ำร้อน รูขุมขนบนผิวหนังจะเปิดกว้าง ช่วยให้โมเลกุลของน้ำหอมซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี กลิ่นหอมจึงติดทนนานขึ้น
2.ฉีดน้ำหอมในจุดชีพจร
การฉีดน้ำหอมในจุดชีพจรจะช่วยให้ความร้อนจากร่างกายกระตุ้นโมเลกุลของน้ำหอม ทำให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายและติดทนนานขึ้น
จุดที่ควรฉีดน้ำหอม
- ข้อมือ
- บริเวณหลังใบหู
- โคนคอ
- ด้านในข้อศอก
- ด้านหลังหัวเข่า
3.ลองทาวาสลีนก่อนฉีด
วาสลีนจะช่วยกักเก็บกลิ่นน้ำหอมให้ติดทนนานขึ้น โดยไม่ต้องฉีดเยอะ
เพราะว่า
วาสลีนมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชื้น
ผิวหนังที่ชุ่มชื้นจะดูดซับและเก็บกลิ่นน้ำหอมได้ดีกว่าผิวแห้ง
วาสลีนจะช่วยสร้างชั้นฟิล์มบางๆ บนผิวหนัง ช่วยให้โมเลกุลของน้ำหอมเกาะติดได้นานขึ้น
วิธีการ
- ทาวาสลีนบริเวณจุดชีพจร เช่น ข้อมือ ข้อศอก ต้นคอ และหลังใบหู
- รอสักครู่ให้วาสลีนซึมเข้าสู่ผิว
- ฉีดน้ำหอมตามปกติ
เพียงเท่านี้ กลิ่นหอมของน้ำหอมของคุณก็จะติดทนนาน
4.ห้ามถูข้อมือหลังฉีดน้ำหอม
หลายคนมักมีพฤติกรรมถูข้อมือหลังฉีดน้ำหอม ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมาก เพราะการเสียดสีจะทำลายโมเลกุลของน้ำหอมชั้นบน กลิ่นหอมจึงจางหายเร็วลง
แทนที่จะถูข้อมือ ควรทำดังนี้
- แตะข้อมือเบาๆ เข้าหากัน
- ปล่อยให้น้ำหอมแห้งสนิทก่อนสัมผัสกับสิ่งอื่น
5.อย่าเขย่าขวดน้ำหอมก่อนฉีด
แม้ว่าเรามักจะทำแบบนี้กับผลิตภัณฑ์เสริมความงามอื่นๆ แต่ในเรื่องน้ำหอม อย่าเขย่าขวดน้ำหอมหรือภาชนะ เพราะจะทำให้อากาศเข้าและทำให้กลิ่นจางเร็วขึ้น
6.ทาน้ำหอมแบบเลเยอร์ เพิ่มมิติและเสน่ห์ให้กลิ่นหอมของคุณ
การทาน้ำหอมแบบเลเยอร์ หรือการทาหลายกลิ่นพร้อมกัน เป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มมิติและเสน่ห์ให้กับกลิ่นหอมของคุณ ช่วยให้คุณสร้างกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และทำให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น สำหรับการทาน้ำหอมแบบเลเยอร์นั้น ไม่มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคุณ คุณสามารถทาครีมบำรุงผิวที่มีกลิ่นหอมก่อนทาน้ำหอม หรือทาโลชั่นที่มีกลิ่นหอมเป็นเบสก่อนทาน้ำหอม
เคล็ดลับ
เลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นต่างกัน แต่เข้ากันได้ดี เช่น น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ผสมกับน้ำหอมกลิ่นผลไม้ หรือน้ำหอมกลิ่นโอเรียนเต็ลผสมกับน้ำหอมกลิ่นวู้ดดี้
- ทาน้ำหอมแต่ละกลิ่นในปริมาณที่น้อย เน้นการทาแบบแตะแต้มเบาๆ
- ทาจุดชีพจร เช่น ข้อมือ ข้อศอก ต้นคอ และหลังใบหู เพื่อกระจายกลิ่นหอม
- รอให้กลิ่นหอมของแต่ละชั้นเข้ากันก่อนทาชั้นต่อไป
ข้อดีของการทาน้ำหอมแบบเลเยอร์
- ช่วยให้คุณสร้างกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
- ทำให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น
- เพิ่มมิติและเสน่ห์ให้กับกลิ่นหอมของคุณ
- เป็นการแสดงออกถึงสไตล์และรสนิยมของคุณ
7.ทาน้ำหอมให้ทั่วถึง ไม่จำกัดแค่ช่วงบน เพิ่มความหอมติดทนนาน
หลายคนทาน้ำหอมแค่บริเวณช่วงบนร่างกาย เช่น ข้อมือ ลำคอ หรือหลังใบหู แต่รู้หรือไม่ว่า การทาเฉพาะจุดเหล่านี้ อาจทำให้กลิ่นหอมของคุณหมดไปเร็ว เทคนิคการทาน้ำหอมให้ติดทนนาน คือการทาให้ทั่วถึงทั้งร่างกาย รวมไปถึงจุดที่เราอาจละเลย เช่น ข้อเท้า ด้านหลังเข่า และน่อง เพราะความร้อนจากร่างกายจะช่วยดึงกลิ่นหอมของน้ำหอมให้กระจายออกมาได้ดีขึ้น ทำให้กลิ่นหอมของคุณติดทนนานยิ่งขึ้น
จุดทาที่ไม่ควรมองข้าม
- ข้อเท้า: ทาบริเวณข้อเท้าด้านในหรือด้านนอก
- ด้านหลังเข่า: ทาบริเวณด้านหลังเข่า
- น่อง: ทาบริเวณน่องด้านในหรือด้านนอก
8.เลือกกลิ่นหอมติดทนนาน
เลือกน้ำหอม:
- เลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นโน้ตหลักเป็นวนิลลาหรือมัสก์ เพราะกลิ่นเหล่านี้มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ระเหยได้ช้า ทำให้กลิ่นหอมติดทนนาน
- เลือกน้ำหอมแบบ Eau de Parfum (EDP) หรือ Eau de Toilette (EDT) เพราะมีปริมาณน้ำหอมเข้มข้นกว่า Eau de Cologne (EDC)