ระดับออกซิเจนในเลือดไม่สมดุล
อันตรายใกล้ตัว ที่ทุกคนควรรู้
เรื่องน่ารู้:
- ผู้ที่มีสุขภาพดีพร้อมกับปอดที่แข็งแรงเมื่อวัดด้วยเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ควรจะมีระดับออกซิเจนในเลือด 80-100 มม.ปรอท หรือ 95-100% ไม่ควรต่ำหรือสูงมากไปกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะบ่งบอกถึงสัญญาณผิดปกติของระดับออกซิเจนในเลือดที่ไม่สมดุล
- ระดับออกซิเจนในเลือดมีความเป็นปกติ (Normal ABG oxygen level) ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 96-99%เป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดต่อร่างกาย เป็นค่าวัดสำหรับผู้ที่มีสุขภาพและปอดที่แข็งแรงจะอยู่ระหว่าง 80 ถึง 100 มิลลิเมตรปรอท หากวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 95-100%
- ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxemia) คือ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยกว่าปกติ คือการมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% โดยหากระดับออกซิเจนในร่างกายมีค่าต่ำกว่าระหว่าง 90% มีแนวโน้มที่อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน โรคที่เกี่ยวกับปอดหรือโรคระบบทางเดินหายใจ
- ระดับออกซิเจนสูง (Hyperoxia) คือ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนมากกว่าปกติ คือมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่สูงว่า 100 มิลลิเมตรปรอท หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสูงกว่า 99% มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะออกซิเจนเป็นพิษ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณมากหรือการรับออกซิเจนบริสุทธิ์เป็นเวลานานต่อเนื่อง
ผู้ที่มีสุขภาพดีพร้อมกับปอดที่แข็งแรงเมื่อวัดด้วยเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ควรจะมีระดับออกซิเจนในเลือด 80-100 มม.ปรอท หรือ 95-100% ไม่ควรต่ำหรือสูงมากไปกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะบ่งบอกถึงสัญญาณผิดปกติของระดับออกซิเจนในเลือดที่ไม่สมดุล ระดับออกซิเจนในเลือดเป็นการวัดระดับฮีโมโกลบินที่จับกับออกซิเจนซึ่งจะช่วยบอกว่าเม็ดเลือดแดงขนส่งออกซิเจนไปให้ร่างกายเพียงพอหรือไม่ ร่างกายของคุณจะควบคุมระดับออกซิเจนและรักษาความสมดุลของเลือดให้พร้อมไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงระบบอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย เมื่อใดที่คุณมีอาการผิดปกติหรือปัญหาของสุขภาพ เช่น อาการหายใจถี่หรือเจ็บหน้าอก เวียนหัวเรื้อรัง เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เจ็บป่วยง่าย อย่างไม่ทราบสาเหตุ รวมถึงผู้ที่มีภาวะสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ อาจจะต้องติดตามระดับออกซิเจนในเลือด ด้วยการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดของคุณ ซึ่งสามารถช่วยคัดกรองโรครุนแรง เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้ก่อนโรคเหล่านี้จะกำเริบรุนแรง พร้อมกับการติดตามหลังการรักษาได้เช่นกัน
ระดับออกซิเจนเท่าไหร่ในร่างกายที่สมดุลที่คุณควรมี ?
ระดับออกซิเจนในเลือดมีความเป็นปกติ (Normal ABG oxygen level)
ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 96-99% เป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดต่อร่างกาย เป็นค่าวัดสำหรับผู้ที่มีสุขภาพและปอดที่แข็งแรงจะอยู่ระหว่าง 80 ถึง 100 มิลลิเมตรปรอท หากวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 95-100% และหากเกิดสัญญาณของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคปอดอื่น ๆ อาจจะต้องได้รับการยืนยันจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ เพราะหากวัดได้ค่าระหว่าง 88-92% หรือยิ่งต่ำลงเท่าใดก็มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน โรคปอดหรือโรคระบบทางเดินหายใจที่จะรุนแรงขึ้นตามลำดับเปอร์เซ็นต์ที่ลดต่ำลง
- ผลดีต่อร่างกาย
⟴ สมองทำงานดี สดชื่นกระฉับกระเฉง การคิดวิเคราะห์และความจำดี การเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว
⟴ ผิวพรรณดี
⟴ ร่างกายแข็งแรงในทุกระบบ เช่น ระบบเผาผลาญพลังงานมีประสิทธิภาพ เซลล์ต่างๆ ซ่อมแซมตัวเอง เอนไซม์ต่างๆ ทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง
⟴ เพิ่มระดับพลังงาน ปรับความสมดุลทางอารมณ์ และสมาธิ
⟴ ลดความตึงเครียด ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและไมเกรน ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น
ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxemia)
คือ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยกว่าปกติ คือการมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% โดยหากระดับออกซิเจนในร่างกายมีค่าต่ำกว่าระหว่าง 90% มีแนวโน้มที่อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน โรคที่เกี่ยวกับปอดหรือโรคระบบทางเดินหายใจ
- สาเหตุ
❆ อยู่ในพื้นที่ที่ออกซิเจนในอากาศมีไม่เพียงพอ
❆ การทำงานของระบบปอดและทางเดินหายใจเสื่อมลง
❆ การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดไปยังปอด ประสิทธิภาพการสร้างเม็ดเลือด หรือความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดที่อาจจะเกิดความผิดปกติในการจับออกซิเจนเพื่อขนส่งไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย
❆ การเกิดโรคที่เกี่ยวกับปอดหรือโรคระบบทางเดินหายใจที่รุนแรง
ความเสี่ยงและอาการของระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ
- ระดับการสังเกต
⫸ มีอาการมึนงง ไม่มีสมาธิ
⫸ มีอาการหายใจถี่เมื่อพักผ่อน เช่น นั่งหรือนอน
⫸ หายใจถี่อย่างรุนแรงระหว่างการออกกําลังกาย
⫸ ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยการหายใจถี่หรือเกิดความรู้สึกสําลักของเหลว มีอาการไอหัวใจเต้นเร็วหรือช้ามาก หรือใจสั่น
- ระดับขั้นรุนแรง
⊝ มีอาการเกิดรอยคล้ำหรือแดงตามร่างกาย เช่น เล็บมือเล็บเท้า ริมฝีปาก ผิวหนังส่วนต่างๆ เป็นต้น
⊝ เกิดอาการหายใจถี่อย่างรุนแรงและฉับพลัน
⊝ เป็นลมหรือหมดสติ
แนวทางการป้องกันความเสี่ยง
- ตรวจโรคและการติดตามอาการ จากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ โดยกลุ่มอาการของโรคที่อาจจะเสี่ยง ได้แก่
⟴ กลุ่มโรคปอด เช่น โรคโควิด-19 ภาวะ Long COVID (อาการหลังป่วยโควิด) มะเร็งปอด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคผังพืดที่ปอด ถุงลมโป่งพอง ปอดบวม การอุดตันของหลอดเลือดแดงในปอด ปอดอักเสบจากติดเชื้อ มีภาวะน้ำท่วมปอด เป็นต้น
⟴ กลุ่มโรคระบบไหลเวียนโลหิต เช่น โรคโลหิตจาง โรคความดันสูง
⟴ กลุ่มโรคหัวใจ รวมถึงโรคหัวใจพิการแต่กําเนิด
⟴ กลุ่มอาการหายใจลําบากเฉียบพลัน (ARDS)
⟴ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ โรคหอบหืด
⟴ ภาวะภูมิแพ้อาหารฉับพลัน
⟴ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
⟴ ยารักษาโรคบางชนิด
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่เสี่ยง
⟴ นำพาตนเองออกจากพื้นที่ที่ออกซิเจนในอากาศไม่เพียงพอ ที่เริ่มทำให้รู้สึกอึดอัด มึนงง และต้องหายใจถี่ เช่น พื้นที่ที่มีความรุนแรงของการปนเปื้อนฝุ่น PM 2.5 รวมถึงมลพิษทางอากาศต่างๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้ หากจำเป็นต้องผ่านหรือเข้าพื้นที่ดังกล่าวจำเป็นต้องป้องกันตนเองอย่างมิดชิด
⟴ ทำความรู้จักข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีและสารพิษที่อาจจะเสี่ยงต่อการสัมผัสสารหรือสูดดมหรือเป็นสารต้องห้ามตามประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น สารไซยาไนด์ เมทานอล น้ำมันก๊าด ยาเบื่อหนู เป็นต้น ที่อาจจะเจอกับการปนเปื้อนของสารดังกล่าวทั้งในอาหาร น้ำดื่ม และทางอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ และไม่ควรมีไว้ครอบครองสำหรับบุคคล เสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมาย
ระดับออกซิเจนสูงเกินไป (Hyperoxia)
คือ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนมากกว่าปกติ คือมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่สูงว่า 100 มิลลิเมตรปรอท หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสูงกว่า 99% มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะออกซิเจนเป็นพิษ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณมากหรือการรับออกซิเจนบริสุทธิ์เป็นเวลานานต่อเนื่อง
- สาเหตุ
❆ อยู่ในพื้นที่ที่ออกซิเจนในอากาศมีไม่เพียงพอ
ความเสี่ยงและอาการของระดับออกซิเจนในเลือดสูง
- ระดับการสังเกต
⫸ เกิดการอักเสบของหลอดลมและปอด ที่จะมีผลรุนแรงต่อชีวิตได้
แนวทางการดูแลรักษาระดับออกซิเจนในร่างกายให้สมดุลเพื่อสุขภาพ
- งดการสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่มือสอง
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป
- กรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดหรือเป็นโรคปอด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพราะน้ำมีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบหลัก จึงช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกายได้อย่างทันที
- หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัย การปนเปื้อนสารพิษในอาหาร เครื่องดื่ม อากาศ ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
- เลือกบริโภคอาหารที่ช่วยสนับสนุนในเรื่องของการขนส่งออกซิเจนในร่างกาย คือ เหล็ก วิตามินบี 12 วิตามินซี CoQ10 ไนอาซิน แมกนีเซียม โดยแหล่งอาหารควรเป็นแหล่งอาหารจากธรรมชาติ เช่น ผักสีเขียว บรอกโคลี พืชตระกูลถั่ว ปลา เนื้อสัตว์ ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี่ แบล็คเบอรี่ แอปเปิ้ล มะเขือเทศ และกีวี
- ออกกำลังกายพร้อมกับฝึกลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ เช่น การออกกำลังกายแบบแอโรบิก การฝึกโยคะ เป็นต้น
- หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ
แนวทางการตรวจสุขภาพเพื่อความสมดุลของระดับออกซิเจนในร่างกาย
- ความสมบูรณ์ของเลือด (Complete Blood Count: CBC)
⟴ ตรวจวัดระดับฮีโมโกลบินในเลือด
⟴ ตรวจวัดจำนวนเม็ดเลือดแดง ( Total RBC: Total Red Blood Cell Count)
⟴ ตรวจวัดระดับความเข้มข้นเลือด (PCV: Packed Cell Volume)
⟴ ตรวจวัดขนาดเม็ดเลือดแดง (MCV: Mean Corpuscular Volume)
⟴ ตรวจความซีดจางเม็ดเลือดแดง (MCHC: Mean Corpuscular Hemoglobin Concentration)bulll
- ธาลัสซีเมีย (Thalassemia Screening)
⟴ ตรวจประเมินเพื่อดูโรคโลหิตจางทางพันธุกรรม ชนิดเบต้าธาลัสซีเมีย (Beta-Thalassemia) และชนิดแอลฟ่าธาลัสซีเมีย (Alpha-Thalassemia) ที่อาจเป็นโรคโลหิตจางแฝงทางพันธุกรรมที่คุณไม่เคยรู้ เพื่อวางแผนการดูแลและการรักษาต่อไป
- ระดับโลหะหนักปนเปื้อนในร่างกาย (Levels of Heavy Metals Test)
⟴ หากร่างกายของคุณเกิดการสะสมโลหะหนักไม่ว่าจะมาจากอาหารเครื่องดื่ม การสูดดม หรือสัมผัส ที่จะทำให้คุณได้รับโลหะหนักในระดับที่ส่งผลต่อสุขภาพ จนทำให้การทำงานของระบบส่วนต่างๆ ในร่างกายผิดปกติ เช่น ระบบไหลเวียนโลหิตในการจับออกซิเจน การดูดซึมสารอาหาร และภาพรวมของสุขภาพแย่ลงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต
- ระดับสารอาหารที่จำเป็นในร่างกาย (ระดับวิตามินและแร่ธาตุ) ที่จำเป็นและเพียงพอต่อการสร้างความแข็งแรงของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่จะสามารถการรักษาความสมดุลของออกซิเจนในร่างกาย ได้แก่
⟴ ธาตุเหล็ก
⟴ ทองแดง
⟴ วิตามิน A (VIT A: Vitamin A)
⟴ วิตามินบี 9 (VIT B9: Folic Acid)
⟴ วิตามินบี 12 (VIT B12: Vitamin B12 Test)
⟴ วิตามินซี (VIT C: Vitamin C Test)
⟴ เกลือแร่ในเลือด (Electrolyte Test) (โซเดียม โปแตสเซียม คลอไรด์ ไบคาร์บอเนต) (Na,K,Cl,CO2)
⑤ หมั่นตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงเพื่อประเมินสุขภาพของคุณ
ระดับออกซิเจนในเลือดเป็นอีกตัวชี้วัดการมีสุขภาพที่ควรให้ความสำคัญ เพราะออกซิเจนคือพื้นฐานของการการมีชีวิตและสุขภาพดี จึงเป็นเรื่องดีหากได้รู้ถึงการดูแลรักษาระดับออกซิเจนให้อยู่ในระดับปกติ รวมถึงการรับรู้ถึงอาการที่แสดงออกจากภาวะออกซิเจนที่ขาดความสมดุล และหากเกิดสถานการณ์ที่เป็นสัญญาณดังกล่าว ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างทันท่วงที เพื่อค้นหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ตรงกับอาการ เพื่อให้การรักษาโรคเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
การได้รับออกซิเจนหรือการบำบัดโรคโดยออกซิเจนบำบัด ควรต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเท่านั้น
Normal Range of Oxygen Levels for Adults
ที่มา :: https://pathlab.co.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น