วิธีเบิร์นไขมันหน้าท้อง

 วิธีเบิร์นไขมันหน้าท้อง

1. อาหารที่ควรลดหรือเลี่ยง เพื่อการมีหน้าท้องที่แบนราบ

อาหารทุกวันนี้มีแต่อร่อย ๆ จนทำให้พฤติกรรมการกินของเราไหลออกไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด กว่าจะรู้ตัวว่าทานเยอะเกินไปก็มีไขมันส่วนเกินออกมาสะสมที่บริเวณพุงไปซะแล้ว เราจึงต้องควบคุมพฤติกรรมการกิน เพราะเป็นวิธีที่ดีและทำได้ง่ายมากที่สุด โดยอาหารที่ควรเลี่ยงคือ ไขมันทรานส์ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง แอลกอฮอล์ อาหารแปรรูป ของทอด อาหารไขมันสูง โซเดียมสูง และหากใครที่บริโภคคาร์โบไฮเดรตต่อวันเยอะเกินไป ควรจะลดด้วยเช่นกัน

2. อาหารที่ควรรับประทานให้มากขึ้น

แน่นอนว่ามีลด แล้วก็ต้องมีเพิ่ม การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้คุณลดหน้าท้องได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ โดยสิ่งที่คุณจะต้องรับประทานเพิ่มขึ้นคือ อาหารประเภทโปรตีน เพราะจะช่วยลดความหิวลงได้มากถึง 60% และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรีในร่างกาย สูงสุดวันละ 100 แคลอรี นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ และอาหารไฟเบอร์สูง เพื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นวิธีเบิร์นไขมันหน้าท้องที่หมอแนะนำเยอะมากที่สุด เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอย่างองค์รวม โดยการออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญ metabolism ในแต่ละวัน ทำให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้ในตัวมาใช้ จึงทำให้ไขมันส่วนเกินลดลง พุงยุบลง และลดหน้าท้องได้

สิ่งที่ควรรู้คือ ในขบวนการเผาผลาญ ร่างกายจะดึงพลังงานจากไขมันมาใช้ โดยต้องมีการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 20-30 นาที ข้อแนะนำคือ ออกท่า Basic Crunch, Bicycle Crunch, Leg Raise และ Plank Crunches เล่นเป็นเซ็ตวนต่อเนื่องไปจนครบ 30 นาที

4. หลีกเลี่ยงความเครียด

รู้หรือไม่ว่าความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ให้ระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลง เพราะเมื่อเราเกิดความเครียด การหายใจจะถี่และตื้นขึ้นกว่าเดิม ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อไหร่ที่เริ่มเครียด ให้หายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ หาอะไรทำที่สนุก ๆ หรือทำให้ใจเย็นลง เช่น การดูหนัง ฟังเพลง ถักนิตติ้ง และทำอาหาร เป็นต้น

5. วิธีเบิร์นไขมันหน้าท้อง ด้วยการปรับเวลาการนอน

อีกหนึ่งวิธีเบิร์นไขมันหน้าท้องที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ เนื่องจากเป็นวิธีพักผ่อนที่ดีที่สุด โดยการนอนหลับให้เพียงพอต่อเนื่องอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อคืน และควรเริ่มนอนในตอนกลางคืนไม่เกิน 4 ทุ่ม ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมนเร่งการเผาผลาญได้ดี

6. ทำ IF (Intermittent Fasting) เบิร์นไขมันหน้าท้อง

การทำ IF เป็นอีกวิธีที่ยังคงได้รับความนิยมเรื่อย ๆ จากคนทั่วไป โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ เนื่องจากเวลาชีวิตในประจำวันจะค่อนข้างซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทำให้สามารถปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ง่ายขึ้น สำหรับ IF สามารถแบ่งสัดส่วนเวลาได้ตามความเหมาะสมและความสะดวก แต่ส่วนใหญ่ที่หลายคนเลือกทำคือ 8/16 โดยจำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง รวมถึงกินเพียง 2 มื้อ โดยไม่กินของจุกจิก น้ำอัดลม และน้ำหวาน

7. ลดหน้าท้องด้วย โปรแกรม Therma FLX FLX

โปรแกรม Therma FLX FLX อาจไม่ได้ช่วยเรื่องไขมันได้โดยตรง แต่จะเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ลดน้ำหนักแล้วผิวไม่กระชับ หรือเป็นคุณแม่หลังคลอด เพราะเทอร์มาจเป็นเครื่องยกกระชับที่ส่งผลถึงชั้นไขมันได้เพียงเล็กน้อย แต่เห็นผลลัพธ์ได้ยาวนาน ก่อนทำสามารถศึกษาคุณสมบัติของ โปรแกรม Therma FLX FLX เทคโนโลยียกกระชับ ก่อนเพื่อการใช้งานที่ตรงจุดประสงค์

8. ลดพุง เบิร์นไขมันหน้าท้องด้วยการดูดไขมัน

หนึ่งในวิธีเบิร์นไขมันหน้าท้อง หรือไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องที่เห็นผลไวที่สุด คือการดูดไขมัน ออกจริง ออกง่าย เห็นผลไว และคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องเลือกดูดไขมันกับแพทย์ ให้คำปรึกษาด้วยความจริงใจ สถานที่ให้บริการมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ทำไมต้องดูดไขมันที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซนเตอร์ เพราะการันตีคุณภาพความปลอดภัยและมีผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม มีการรักษาดูดไขมันกว่า 25 ปี โดยคุณหมอหนึ่ง สุทธิพงษ์ คุณจะได้รับการดูแลและการรักษาที่มีคุณภาพและปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน

9. Tesla Former สร้างกล้ามเนื้อ สลายไขมัน

Tesla Former เทคโนโลยีใหม่ที่ได้เข้ามาช่วยในเรื่องของการสร้างกล้ามเนื้อ สลายไขมัน และกระชับสัดส่วน สามารถปั้นหุ่นเฟิร์มได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นไลน์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะร่อง 11 หรือซิกแพ็กสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายมาระยะหนึ่งแล้ว โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องมีแผล ไม่ต้องผ่าตัด และดูแลให้ปลอดภัย

10. เครื่อง CoolSculpting

CoolSculpting วิธีเบิร์นไขมันหน้าท้องด้วยการใช้ความเย็นมาสลายไขมันในร่างกาย เป็นอีกวิธีที่ได้ผลลัพธ์ดี แต่ใช้ระยะเวลาในการสลาย ในราคาใกล้ ๆ กันหลายคนจึงเลือกวิธีดูดไขมันไปเลยมากกว่า นอกจากนี้ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บตอนนวดก้อนไขมันที่โดนแช่แข็ง และรู้สึกปวดระบมในจุดที่ทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ได้ในบางกรณี

11. ตัดหนังหน้าท้อง

ตัดหนังหน้าท้อง เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าท้องย้วย หย่อนยาน และไม่กระชับจากการลดน้ำหนัก การตั้งครรภ์ และปัญหาจากการทำศัลยกรรมหน้าท้องครั้งก่อน โดยการตัดหนังหน้าท้องจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้เข้ารับการผ่าตัดให้คืนกลับมามีรูปร่างให้งดงาม มีทรวดทรงองค์เอว และหุ่นที่เฟิร์มกระชับมากขึ้น

12. การใช้ยาลดความอ้วน

การใช้ยาลดความอ้วน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก แต่แพทย์ไม่แนะนำ เนื่องจากหากใช้ยาเองอาจมีผลข้างเคียงที่เกิดผลร้ายมากกว่าผลดีได้ วิธีนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการควบคุมอาหาร หรือมีปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ ซึ่งควรเป็นการใช้ยาที่อยู่ภายใต้การดูแลโดยแพทย์เท่านั้น

13. โยคะลดหน้าท้อง

การเกร็งหน้าท้อง หรือการบริหารเอวและหลัง เป็นหนึ่งในการเล่นโยคะที่นอกจากจะช่วยเรื่องหน้าท้องแบนราบแล้ว ยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้ดีอีกด้วย เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ไม่เหนื่อยเกินไป ซึ่งท่าที่แนะนำ ควรเป็นท่าที่ส่งผลต่อการเกร็งหน้าท้อง เอว และหลังเป็นหลัก สามารถทำสลับวันกับการออกกำลังกายได้ ไม่ต้องหักโหมจนเกินไป

14. ทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกาย

กิจกรรมต่าง ๆ สามารถทำให้ร่างกายได้รับการเผาผลาญ เราสามารถทำเรื่องสนุกให้เป็นเรื่องของการลดหน้าท้องควบคู่กันได้ ไม่ว่าจะเป็นการรวมกลุ่มกันเต้น ปีนผา หรือไปว่ายน้ำกับเพื่อน ๆ หากทำเป็นประจำ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้ดี อย่างไรก็ตามกิจกรรมต่าง ๆ อาจไม่ได้ทำบ่อยครั้งนักในแต่ละสัปดาห์ จึงควรใช้วิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย

ทั้ง 14 วิธีเบิร์นไขมันหน้าท้อง ไม่ได้เหมาะแค่สำหรับคนผอมแต่มีพุง หรือคนที่มีภาวะอ้วนเท่านั้น แต่ยังรวมผู้ที่หน้าท้องหย่อนคล้อยไม่กระชับอีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรปรับใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาที่ตัวเองพบเจออยู่ หรือสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำได้ ซึ่งเราจะได้วิธีทำให้หน้าท้องแบนราบลงอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ที่มา    ::    https://www.rattinan.com/14-how-to-reduce-belly/