แฟ้มภาพ เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ (เอเอฟพี)

ด่วน! เจ้าชายฟิลิป พระสวามีควีนอังกฤษ สิ้นพระชนม์แล้ว พระชนมายุ 99 พรรษา

เมื่อวันที่ 9 เมษายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมระบุว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ สิ้นพระชนม์แล้วขณะทรงมีพระชนมายุ 99 พรรษา

แฟ้มภาพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิป พระสวามี (เอเอฟพี)

“ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างยิ่งที่สมเด็จพระราชินีนาถขอประกาศการสิ้นพระชนม์ของพระสวามีอันเป็นที่รัก เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระองค์ทรงเสด็จสวรรคตอย่างสงบที่ปราสาทวินด์เซอร์ในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนแถลงการณ์เพิ่มเติมจะมีขึ้นในทันที ราชวงศ์และประชาชนทั่วโลกต่างเศร้าเสียใจต่อการจากไปของพระองค์” แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมระบุ

ด้านเว็บไซต์ทางการของราชวงศ์อังกฤษประกาศปิดเว็บไซต์ชั่วคราวเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของเว็บไซต์ในการรองรับสถานการณ์การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป

เจ้าชายฟิลิปขณะประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จออกจากโรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม (เอเอฟพี)

อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมมีแถลงการณ์ว่า เจ้าชายฟิลิปทรงมีพระอาการประชวร เริ่มเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในกรุงลอนดอน ด้วยพระอาการติดเชื้อ แต่ไม่ใช่พระอาการประชวรที่เกี่ยวเนื่องกับไวรัสโคโรนา หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขณะนั้นเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสองค์เล็กของเจ้าชายฟิลิป และควีนเอลิซาเบธที่ 2 ประทานสัมภาษณ์กับ สกาย นิวส์ ว่าพระบิดาทรงมีพระอาการดีขึ้นมาก และรอวันที่จะได้เสด็จออกจากโรงพยาบาล


เจ้าชายฟิลิปขณะเสด็จเข้าประทับรถยนต์พระที่นั่ง ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 มีนาคม (รอยเตอร์)

ต่อมาสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมมีแถลงการณ์ว่า เจ้าชายฟิลิปทรงเข้ารับการผ่าตัดพระหทัยเป็นผลสำเร็จ หลังจากที่ทรงถูกย้ายมาประทับรักษาพระวรกายที่แผนกโรคหัวใจในโรงพยาบาลเซนต์บาร์โธโลมิว ในใจกลางกรุงลอนดอน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นเสด็จกลับไปพักฟื้นพระวรกายโรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ต่อ กระทั่งได้เสด็จออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 16 มีนาคม และเสด็จกลับไปประทับที่ปราสาทวินด์เซอร์ หลังจากทรงประทับรักษาพระวรกายอยู่ในโรงพยาบาลนาน 4 สัปดาห์

ทั้งนี้ เจ้าชายฟิลิปประสูติในราชวงศ์กรีซและเดนมาร์ก มีพระนามเดิมว่า เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ก ต่อมาราชวงศ์ของพระองค์ต้องเสด็จหนีภัยการเมืองออกจากราชอาณาจักรกรีซ ทำให้เจ้าชายฟิลิปทรงเจริญวัยและได้รับการศึกษาในหลายประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ทรง เข้ารับราชการทหารในราชนาวีอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.2482 ขณะมีพระชันษาได้ 18 ชันษา และทรงเริ่มติดต่อทางจดหมายกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธซึ่งทรงมีพระชันษา 13 ชันษาในปีเดียวกันนั้นเอง


เจ้าชายฟิลิปทรงเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองโดยปฏิบัติหน้าที่ในกองเรือเมดิเตอร์เรเนียนและกองเรือแปซิฟิก ภายหลังสงครามสิ้นสุด ทรงได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ โดยพระองค์ทรงสละฐานันดรทั้งหมดของกรีซและเดนมาร์ก กลายเป็นสามัญชนข้าแผ่นดินสหราชอาณาจักรโดยใช้ชื่อและนามสกุลอังกฤษ “เมานต์แบ็ตเทน” ซึ่งแปลงมาจากนามสกุลเยอรมัน “บัทเทินแบร์ค” ซึ่งเป็นสกุลทางฝ่ายพระมารดา

เจ้าชายฟิลิปได้รับพระราชทานยศขุนนางเป็นดยุคแห่งเอดินบะระ, เอิร์ลแห่งเมริออเน็ต และบารอนกรีนวิช แล้วจึงได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2490

ครั้นเมื่อเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ.2495 ฟิลิปก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าชายแห่งราชวงศ์อังกฤษอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.2518

.