Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ฉี่บ่อย สัญญาณปัญหาสุขภาพ

 

ฉี่บ่อย สัญญาณปัญหาสุขภาพ





ฉี่บ่อย คือ ภาวะของการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ โดยอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้บ่อย และมักเกิดกะทันหัน จนบางครั้งมีปัญหาในการกลั้นปัสสาวะ และอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน อาการฉี่บ่อยอาจเป็นสัญญาของอาการอื่น ๆ หรือปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

ฉี่บ่อย

ฉี่บ่อยแค่ไหนถึงเข้าขั้นว่าผิดปกติ ?

อาการฉี่บ่อยสังเกตได้ง่าย ๆ จากจำนวนครั้งที่ปัสสาวะในแต่ละวัน ซึ่งโดยปกติภายใน 24 ชั่วโมง คนเราจะปัสสาวะอย่างน้อย 6-8 ครั้ง แต่ถ้าหากมากกว่านี้ อาจต้องกลับไปดูที่สาเหตุว่าเกิดจากอะไร หากเกิดจากการดื่มน้ำมาก หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไปก็ทำให้ฉี่บ่อยได้เช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำ อาจเป็นความผิดปกติที่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด

ฉี่บ่อย เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง ?

ปัสสาวะบ่อยมีหลายสาเหตุ บางสาเหตุไม่เป็นอันตราย แต่บางสาเหตุอาจเป็นอันตราย ต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้อาการยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม โดยมักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

  • การใช้ยา และสารบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ การใช้ดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในปริมาณมาก ๆ รวมทั้งภาวะแคลเซียมสูงในร่างกายสูงผิดปกติ (Hypercalcemia) เนื่องจากการรับประทานแคลเซียมมากเกินไป
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ ได้แก่ เนื้องอกที่อุ้งเชิงกราน การรักษาด้วยรังสีบำบัดที่บริเวณเชิงกราน ช่องคลอดอักเสบ หรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากในเพศชาย
  • ระบบทางเดินปัสสาวะ อาทิ การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ (UTI) กระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบเรื้อรัง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินปกติ (Overactive Bladder Syndrome) และโรคไต
  • โรคอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคเบาจืด โรคหลอดเลือดสมอง ตับวาย หรือกลุ่มอาการคุชชิง(Cushing’s Syndrome) เกิดจากฮอร์โมนผิดปกติส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ใบหน้าบวมกลมคล้ายพระจันทร์ (Moon Face) มีหนอกขึ้นบริเวณหลังคอ (Buffalo Hump) มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผิวหนังบางลงจนเห็นเส้นเลือดฝอย และอาจพบเส้นเลือดฝอยแตกที่หน้าท้อง ภาวะกระดูกผุ และติดเชื้อง่าย ในผู้หญิงอาจมีภาวะประจำเดือนขาดได้อีกด้วย
  • การตั้งครรภ์  
  • ปัญหาสุขภาพจิต ได้แก่ ภาวะกระหายน้ำผิดปกติเนื่องจากอาการทางจิต(Psychogenic Polydipsia)

อาการฉี่บ่อย ควรไปพบแพทย์เมื่อใด ?

หากการปัสสาวะบ่อย เกิดขึ้นจากการดื่มน้ำเยอะ หรือบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป ก็อาจไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่หากเกิดอาการปัสสาวะบ่อยที่ผิดปกติควรไปพบแพทย์ ดังอาการต่อไปนี้

  • ปัสสาวะบ่อยโดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำ หรือไม่ได้บริโภคคาเฟอีน และแอลกอฮอล์มากกว่าปกติ
  • ปัสสาวะบ่อยจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการนอนหลับ

นอกจากนี้ หากมีอาการอื่น ๆ ร่วมกับอาการปัสสาวะบ่อย ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด ซึ่งอาการที่อาจเป็นสัญญาณอันตราย ได้แก่

  • ปัสสาวะเป็นเลือด 
  • ปัสสาวะมีสีแดง หรือสีน้ำตาลเข้ม
  • มีอาการเจ็บขณะปัสสาวะ
  • มีอาการเจ็บปวดที่บริเวณด้านข้างและด้านล่างของท้อง หรือบริเวณขาหนีบ
  • ปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะไม่ออก
  • มีอาการปวดปัสสาวะอย่างรุนแรง
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการกลั้นปัสสาวะ
  • มีไข้

ทั้งนี้เมื่อไปพบแพทย์แล้ว แพทย์จะตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การซักประวัติ ตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะของผู้ป่วยไปวินิจฉัยหาเชื้อแบคทีเรีย จำนวนเม็ดเลือดขาว หากมีปริมาณเชื้อโรคและเม็ดเลือดขาวมากผิดปกติก็อาจมีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

อีกทั้งแพทย์อาจใช้วิธีการส่องกล้องเพื่อดูการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ รวมไปถึงการอัลตราซาวด์ เพื่อดูความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ และอวัยวะต่าง ๆ ที่แพทย์สงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะบ่อยผิดปกติ

ฉี่บ่อย รักษาได้อย่างไร ?

การรักษาภาวะปัสสาวะบ่อยจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยแพทย์จะมุ่งเน้นไปยังสาเหตุหลักที่ส่งผลต่อความผิดปกติในการปัสสาวะเป็นอันดับแรก เช่น หากผู้ป่วยปัสสาวะบ่อยโดยมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา เพราะหากสาเหตุเหล่านั้นบรรเทาลงได้จะช่วยให้ความถี่ในการปัสสาวะลดลง นอกจากนี้ ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตด้วย เช่น

  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือของเหลวต่าง ๆ ก่อนนอน
  • ลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนลง

นอกจากนี้ ในบางกรณีที่ผู้ป่วยเป็นผู้หญิง แพทย์อาจแนะนำการออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อปัสสาวะ (Kegel Exercisesหรือการฝึกขมิบช่องคลอด ซึ่งวิธีการทำคือ การฝึกขมิบรูเปิดของอวัยวะอุ้งเชิงกราน และขมิบให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานยกขึ้นและเข้าไปข้างใน หากทำได้เป็นประจำจะช่วยให้อาการปัสสาวะบ่อยลดลง การออกกำลังกายนี้ ทำได้ทุกวัยโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยผ่านการคลอดบุตรแบบธรรมชาติ เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานแข็งแรงขึ้นตามไปด้วย แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจใช้ยาเพื่อลดอาการปัสสาวะติดขัด หรือปัญหาในการกลั้นปัสสาวะร่วมด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้เป็นปกติมากขึ้น

ฉี่บ่อยป้องกันได้หรือไม่ อย่างไร ?

ในเบื้องต้น อาการปัสสาวะบ่อยป้องกันได้ด้วยการควบคุมปริมาณการดื่มน้ำ และหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืนเพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะบ่อยในขณะนอนหลับและรบกวนการนอนหลับได้ นอกจากนี้ ควรป้องกันอาการท้องผูกด้วยการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เนื่องจากอาการท้องผูกส่งผลให้เกิดแรงดันที่กระเพาะปัสสาวะมากขึ้นและทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น หากลดอาการท้องผูกได้ ก็จะทำให้ปัสสาวะได้ตามปกติมากขึ้น

ฉี่บ่อย เป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการให้ดี เพื่อป้องกันอาการที่เกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่โตเพราะอาจทำลายสุขภาพในระยะสั้นหรือระยะยาวได้


ที่มา  ::  Pobpad.com

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

15 ที่เที่ยวในอุดรธานี ไปเมืองอุดรฯ คราวนี้ไม่มีเบื่อแน่นอน

15 ที่เที่ยวในอุดรธานี ไปเมืองอุดรฯ คราวนี้ไม่มีเบื่อแน่นอน



15 ที่เที่ยวในอุดรธานี

1. อุโบสถดอกบัวกลางน้ำ วัดสันติวนาราม

ตั้งอยู่ในวัดสันติวนาราม (วัดป่าดงไร่) อำเภอหนองหาน และอยู่ไม่ไกลจากชุมชนบ้านเชียง เป็นพระอุโบสถกลางน้ำรูปดอกบัวเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย โดยสร้างเป็นรูปดอกบัว 24 กลีบ สูง 19 เมตร ด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามตระการตา เรียกได้ว่าไปทำบุญก็ดี ไปถ่ายรูปก็ว้าวมาก ภายในวัดมีบริเวณกว้างขวางร่มรื่นสวยงาม ในบ่อน้ำยังมีปลาอาศัยอยู่ชุกชุมเลยนะ กราบพระทำบุญแล้วจะแวะทำทานให้อาหารปลาด้วยก็ยังได้ ไหนๆ ก็เข้าวัดแล้วนี่เนอะ

 

2. ทะเลบัวแดง

ความสวยงามอเมซิ่งของที่นี่เคยได้รับการจัดอันดับจาก CNN ให้เป็น 1 ใน 5 ของทะเลสาบสุดอัศจรรย์ของโลกกันเลยเด้อ ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าที่นี่อ่ะ ว้าวจริงอะไรจริง ทะเลบัวแดงในบึงหนองหาน อำเภอกุมภวาปีแห่งนี้จะมีช่วงพีคอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ในแต่ละปี แต่ถ้าอยากดูแบบพีคในพีคเลยนะ ขอบอกว่ากลางมกราถึงต้นกุมภานี่ละ เริ่ดดดดดด ส่วนถ้าเป็นช่วงเดือนธันวาหรือมกราก็จะได้อากาศเย็นๆ เป็นของตอบแทน แนะนำว่าช่วงเช้ามืดถึงสายๆ จะฟินสุดนะ เพราะอากาศดี แดดไม่ร้อน ถ่ายรูปออกมาแสงก็สวยเว่อร์ ไปกันเหอะ ที่นี่อ่ะพีคจริง คอนเฟิร์มเลย

 

3. บ้านห้วยสำราญ

ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านแห่งไม้ดอกไม้ประดับของเมืองอุดรฯ เลยนะ กับพื้นที่กว่า 65 ไร่ ซึ่งใช้ปลูกดอกไม้สารพัดสารพัน ทั้งดาวเรือง หงอนไก่ มัม สร้อยทอง เบญจมาศ และอื่นๆ อีกเพียบจ้า แถมอยู่ไม่ไกลมากจากตัวเมืองอุดรฯ ด้วยนะ ไม่ถึง 20 กิโลเมตรเลย ใครกำลังมองหาที่ถ่ายรูปอัพโปรไฟล์หรือถ่ายพรีเวดดิ้งนะ ที่นี่คือใช่อ่ะ แล้วถ้าอยากไปเที่ยวเฉยๆ แต่ไม่อยากเดิน เค้ามีบริการรถพาเที่ยวด้วยนะ เลือกเลยจ้าว่าอยากได้สามล้อ ซาเล้ง หรือรถไถ ไปเลยยยย แค่คิดภาพก็มันแล้ว 5555

 

4. วัดโพธิสมภรณ์

วัดนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลหมากแข้ง ในอำเภอเมืองเลยนะ เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5  มีเนื้อที่กว่า 40 ไร่ และได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญในอุดรธานีเลยเด้อ ภายในวัดประกอบไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์และโบราณสถานโบราณวัตถุมากมาย ทั้งพระพุทธรูปเก่าแก่อายุ 600 และ 1,300 ปี ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่นำหน่อมาจากศรีลังกา รอยพระพุทธบาทจำลองอายุกว่า 200 ปี และพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ ที่ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมสิ่งของเกี่ยวกับพุทธศาสนามากมาย แล้วยังใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุด้วยนะ สายบุญห้ามพลาดเลยเชียว

 

5. วัดป่าภูก้อน

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดชื่อดังที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางป่า และกลายเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ถ้ามาอุดรแล้วก็ควรต้องแวะมาเช็คอินกันหน่อยละ และถ้าไปถึงแล้วต้องได้เห็นองค์พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี  พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ ที่มีความยาว 20 เมตร และสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลีจำนวน 42 ก้อน โดยใช้เวลาสร้างกันถึง 6 ปีเชียวนะ ในช่วงเวลาจะมีแสงสะท้อนคล้ายคลื่นสีฟ้าส่องลงมายังบริเวณองค์พระ สวยมากกกกกก ขอบอก

 

6. คำชะโนด

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสำนักงานใหญ่ของสายมูฯ ที่เรียกว่าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเชียวละ ถ้าคิดจะเดินเส้นทางนี้ เพราะด้วยชื่อเสียงของความศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนจากทั่วประเทศหลังไหลกันไปสักการะไม่ขาดสาย ด้วยพลังแห่งความศรัทธาต่อเรื่องราวของพญานาคอันเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนจำนวนมาก และถ้าหากไม่อ้างถึงเรื่องนี้นะ เราว่าที่นี่ก็ยังน่าสนใจ เพราะเป็นผืนป่าต้นชะโนดขนาดใหญ่ซึ่งในประเทศไทยมีแค่เพียงที่เดียวเท่านั้น ความเจ๋งอยู่ตรงที่ป่าคำชะโนดแห่งนี้มีดินข้างใต้ที่ลักษณะคลายฟองน้ำซึ่งสามารถพองหรือหดได้ตามปริมาณน้ำรอบๆ ทำให้เกาะแห่งนี้ลอยตัวอยู่บนผืนน้ำด้านบนได้ โดยไม่เคยจมน้ำ แต่ในภายหลังเมื่อมีสิ่งก่อสร้างบนเกาะมากเกินไป ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เราจึงเห็นข่าวว่ามีบางครั้งที่เกาะแห่งนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้นนั่นละ แต่บางคนอาจจะเชื่อไปในทางของบาปบุญนะ ก็แล้วแต่ศรัทธาเลยจ้า อยู่ที่วิจารณญาณเด้ออออ

 

7. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง

มาอุดรฯ ทั้งที จะไม่พูดถึงแหล่งโบราณคดีที่เป็นมรดกโลกก็คงไม่ได้ เพราะที่นี่โด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องของการเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญและเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่มีอายุถึงประมาณ 5,000 ปี แล้วพิพิธภัณฑ์ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่หม้อแตกแจกันเก่าให้ดูกันเท่านั้นตามที่หลายคนเข้าใจนะ เค้ายังมีการจำลองหลุมขุดค้น มีมุมที่ให้เราได้สวมบทนักโบราณคดีที่ต้องนำชิ้นส่วนของที่ขุดค้นเจอมาประกอบร่าง มีเรื่องราวเหตุและผลของการฝังศพแบบโบราณ นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว รอบๆ บริเวณยังมีแหล่งเรียนรู้การทอผ้า บางร้านก็เปิดโอกาสให้เราได้หัดปั้นหม้อดินหรือเขียนลาย โอ๊ย ยังมีอีกหลายกิจกรรมเลยละ สนุกกว่าที่เคยคาดไว้แน่นอน มาเลยยยย

 

8. เขื่อนห้วยหลวง

เป็นเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดของอุดรธานี แถมยังตั้งอยู่ในอำเภอเมืองกันไปเลยจ้า จึงไม่ต้องเดินทางไกล บนสันเขื่อนทำเป็นถนนให้เราขับรถหรือเดินชมวิวแจ่มๆ กันได้สบายมาก แต่หากจะเลือกล่องแพ นั่งเรือชมวิว หรือตกปลา ก็ถือว่าชิลล์เว่อร์ เพราะบริเวณเขื่อนแห่งนี้มีทิวทัศน์สวยงามเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี ด้านในมีร้านอาหารเปิดให้บริการด้วยนะ เมนูเด็ดก็แน่นอนว่าหนีไม่พ้นปลาสดๆ จากในเขื่อนนี่ละ แซ่บหลาย สายถ่ายรูปน่าจะถูกใจเลยนะ เราว่าที่นี่ถ้าจับจังหวะแสงดีๆ แจ่มแน่นอน

 

9. สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม

ใครผ่านไปผ่านมาในตัวเมืองอุดรธานี ก็ล้วนแต่ต้องแวะสร้างแลนด์มาร์กกันที่นี่ทั้งนั้นนะ ไม่งั้นจะเหมือนว่ามาไม่ถึงเมืองอุดรฯ กันเลยเชียว ส่วนไฮไลท์ของที่นี่ก็ต้องยกให้เป็ดเหลืองไซส์ใหญ่ยักษ์ที่ลอยอยู่กลางบึง ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ไปเรียบร้อยแล้วละ ช่วงเวลาชิลล์ๆ ที่ผู้คนนิยมมาใช้เวลาพักผ่อนกันน่ะ ก็แน่นอนว่าต้องยกให้ช่วงแดดร่มลมตกในยามเย็น เพราะนอกจากจะมีเรือเป็ดให้ปั่นเล่นกันเพลินๆ แล้วนะ ยังมีถนนหนทางสำหรับวิ่ง เดินเล่น ขี่จักรยาน เต้นแอโรบิก แถมยังมีสนามเด็กเล่นและสนาม BMX ด้วยนะ เรียกว่าเป็นที่รวมของชุมชนคนรักสุขภาพกันเลยทีเดียว เฟี้ยวมาก มาเลย

 

10. ศาลเจ้าปู่ย่า

ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟใกล้กับตลาดหนองบัว ถือว่าเป็นศาลเจ้าเก่าแก่และมีความศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุดรฯ ให้การเคารพนับถือกันเป็นอย่างยิ่งเลยละ ภายในบริเวณศาลเจ้ามีเนื้อที่ราวๆ 9 ไร่ มีศาลากลางน้ำสำหรับให้ใช้นั่งเล่นพักผ่อนชมวิวหนองน้ำที่อยู่ด้านหน้าได้แบบเพลินๆ ในบริเวณยังมีศาลย่อยๆ อีก 6 ศาล ซึ่งผู้คนก็ล้วนให้ความเชื่อถือศรัทธากันเป็นอย่างมากเช่นกัน ในทุกปีช่วงประมาณเดือนธันวาคม จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ มีการแสดงงิ้วและโคมไฟหลากสี ดีงามมาก ถ้าไปตรงช่วงงานพอดีนะ อย่าพลาดเลยเชียว

 

11. ศูนย์วัฒนธรรมไทย – จีน

เพราะเมืองอุดรธานีเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เพียบ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการรวบรวมเรื่องราวประวัติที่มาของชาวไทยและจีนเอาไว้ในเมืองนี้ ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้าปู่ – ย่า ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนอุดรธานี สร้างขึ้นภายใต้สถาปัตยกรรมที่สวยงามในแบบจีนสีสันสดใส นอกจากมีประวัติความเป็นมาของชาวจีนในอุดรฯ แล้วนะ ที่นี่ยังมีพันธุ์ไม้หายาก ร้านคาเฟ่ ร้านชาที่มีชาดีๆ สารพัดรูปแบบให้เลือกชิม มีโรงหนังสามมิติที่ฉายเรื่องราวของชาวจีนในอุดร มีร้านขายของที่ระลึก มีจุดให้เช่าชุดจีนแจ่มๆ ไว้แต่งคอสเพลย์ถ่ายรูปเก็บไว้ดูกัน เรียกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยในอีกรูปแบบนึงเลยละ มาสิ สนุกเว่อร์

 

12. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

มีพื้นที่ 3,430 ไร่ ถือเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองอุดรฯ เลยละ ภายในมีเพิงหินและเสาหินตามธรรมชาติกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยส่วนใหญ่เป็นหินทรายซึ่งถูกแรงลมกัดเซาะจนเกิดเป็นรูปร่างแปลกตา อายุอานามก็อยู่ที่ประมาณ 130 ปีกว่าๆ เท่านั้นเอ๊งงงงงงงง นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐานของ รอยพระพุทธบาทบัวบก ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทที่อยู่ลึกลงไปในหินประมาณ 60 เซนติเมตร อีกแห่งคือ พระพุทธบาทหลังเต่า ซึ่งเป็นรอยพระบาทที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหินราวๆ 25 เซนติเมตร ใจกลางสลักเป็นดอกบัว อีกหนึ่งไฮไลท์คือหิน หอนางอุสา ซึ่งเป็นหินลักษณะคล้ายเห็ด อันเป็นที่มาของตำนานพื้นบ้านเรื่องนางอุสา – ท้าวบารส ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไง ต้องไปหาอ่านกันเอาเด้ออออ

 

13. พิพิธภัณฑ์เมือง

เป็นอาคารรูปแบบโคโลเนียลสีเหลืองสดใส และเป็นอาคารเก่าแก่หลังหนึ่งในเมืองอุดรธานี ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อ พ.ศ.2557 นี่เองนะ โดยมีการบูรณะพัฒนาและนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสมผสาน จนทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความน่าสนใจและร่วมสมัย โดยบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่สมัยแผ่นดินอีสานจมอยู่ใต้ทะเลโน่นนนน แล้วขอบอกเลยว่ามุมสวยๆ ที่อยู่ข้างในอ่ะ เพียบเลยจ้า ดูเพลินมาก ใกล้กันยังมีอาคารสวยหรูดูโมเดิร์น ซึ่งเป็นอาคารศูนย์บริการ ภายในมีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก จุดชมวิว และห้องน้ำ แนะนำให้มานะ เพราะที่นี่คือชิคมาก คูลสุด เพลินจริง

 

14. ภูฝอยลม

เป็นอีกหนึ่งผืนป่าต้นน้ำของเมืองอุดรธานี ที่ด้านบนเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ มีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ล้านปี รวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของบรรดาเหล่าสัตว์โลกเก่าแก่อย่างเช่นไดโนเสาร์หรือซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ทั้งหลาย แต่ที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ต้องยกให้บรรดาสวนดอกไม้ทั้งหลายที่อยู่ด้านบนจ้ะ ถือว่าเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตที่ทุกคนต้องแวะมา เค้ามีการปลูกดอกไม้สลับกันไปทั้งปีตามฤดูกาล ที่นี่มาเที่ยวง่ายนะ เพราะสามารถขับรถขึ้นมาถึงข้างบนได้เลย สวย ง่าย สบาย สะดวก ครบเลย

 

15. บ่อเกลือบ้านดุง

หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่าอุดรธานีน่ะ เป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ที่ใหญ่แห่งหนึ่งของไทยเลยเด้ออ โดยมีพื้นที่ผลิตเกลือทั้งหมดอยู่ถึงประมาณ 3,000 ไร่! เรียกว่าการผลิตเกลือกลายเป็นรายได้ของผู้คนหลายหมู่บ้านในอำเภอนี้เลยนะ นอกจากการมาแวะดูกรรมวิธีการผลิตเกลือภูเขาแบบพื้นบ้านแล้ว ที่นี่ยังมีสปาเกลือแห่งเดียวของประเทศไทยอยู่ด้วยนะ โดยมีบริการแช่ตัวและแช่เท้าด้วยน้ำเกลืออุ่นจากภูมิปัญญาชาวบ้าน นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์สปาจากเกลือให้ได้แวะเลือกแวะช้อปกันด้วยเด้อ แหวกแนวอ่ะ หายากนะ อย่าพลาดเชียว

ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยว่าเมืองอุดรธานีน่ะมีที่เที่ยวมากมายขนาดนี้ นี่ยังเอามาบอกกันไม่หมดนะ แค่ยกมาเฉพาะสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เท่านั้น จดลงลิสต์ไว้แล้วใช้ปักหมุดเที่ยวอุดรกันได้ในคราวหน้าเลยจ้า บอกเลยว่าทริปอุดรฯ ครั้งหน้า ไม่มีเซ็งไม่มีเบื่อชัวร์ๆ เลยละ รับประกัน



ที่มา  ::  Traveloka Thailand

12 ราศี นักษัตร มีอะไรบ้าง เกิดวันไหน อยู่ราศีไหน ?

12 ราศี นักษัตร มีอะไรบ้าง เกิดวันไหน อยู่ราศีไหน ?


ราศี นักษัตร, ปี 12 นักษัตร


       เรื่องราวของดวงชะตาราศีเป็นความเชื่อที่อยู่คู่คนไทยและคนทั่วโลกมานับแต่โบราณ เพราะในอดีตมนุษย์เราสังเกตกลุ่มดาวที่เคลื่อนที่ไปบนฟากฟ้าแล้วแต่งเติมเรื่องเล่าจากจินตนาการเป็นที่มาของกลุ่มดาวเหล่านั้น กลายเป็นที่มาของจักรราศีที่อยู่ในแต่ละช่วงฤดูกาล แต่นอกจาก ราศี นักษัตร แบบจีนยังถูกนับอีกแบบเพราะนับตามปีที่เราเกิด วันนี้ เรามาเช็กกันหน่อยว่า 12 ราศีและปี 12 นักษัตรมีอะไรบ้าง เกิดวันไหนอยู่ราศีไหน รู้ไว้จะได้นำไปดูดวงไพ่ยิปซีแม่นๆ ฟรีได้อย่างถูกต้องและแม่นยำนะคะ

ชวนรู้จัก 12 ราศี นักษัตร แบบตะวันตก เช็กสักนิดว่าเราเกิดราศีอะไร

ราศี นักษัตร, ปี 12 นักษัตร

การนับจักรราศีแบบตะวันตกจะนับจากวันเกิดในแต่ละรอบเดือน อ้างอิงมาจากระยะเวลาที่กลุ่มดาวต่างๆ เคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าตลอดทั้งปีจนครบทั้ง 12 กลุ่มดาว เป็นที่มาของ 12 ราศี นักษัตรแบบตะวันตก



  • ราศีเมษ

ราศีเมษ (Aries) เป็นราศีแรกของความเชื่อเรื่องราศี นักษัตรจากทางตะวันตก มีสัญลักษณ์เป็นแกะตัวผู้ เป็นราศีของคนที่เกิดระหว่างวันที่ 21 มีนาคม – 20 เมษายน



  • ราศีพฤษภ

ราศีพฤษภ (Taurus) มีสัญลักษณ์เป็นวัวตัวผู้ เป็นราศีของคนที่เกิดระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 21 พฤษภาคม



  • ราศีเมถุน

ราศีเมถุน (Gemini) มีสัญลักษณ์เป็นฝาแฝดหรือคนคู่โดยมีที่มาจากแคสเตอร์และพอลลักซ์ในตำนานเทพกรีก เป็นราศีของคนที่เกิดระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม – 21 มิถุนายน

  • ราศีกรกฎ

ราศีกรกฎ (Cancer) มีสัญลักษณ์เป็นปู เป็นราศีของคนที่เกิดระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน – 22 กรกฎาคม



  • ราศีสิงห์

ราศีสิงห์ (Leo)  มีสัญลักษณ์เป็นสิงโต เป็นราศีของคนที่เกิดระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 22 สิงหาคม



  • ราศีกันย์ 

ราศีกันย์ (Virgo)  มีสัญลักษณ์เป็นหญิงพรหมจรรย์หรือหญิงสาว เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม – 23 กันยายน



  • ราศีตุล

ราศีตุล (Libra) มีสัญลักษณ์เป็นคันชั่ง เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 23 ตุลาคม



  • ราศีพิจิก

ราศีพิจิก (Scorpius หรือ Scorpio) มีสัญลักษณ์เป็นแมงป่องแต่บางตำราก็กล่าวว่าเป็นนกอินทรีหรืองู เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน



  • ราศีธนู

ราศีธนู (Sagittarius) มีสัญลักษณ์เป็นเซนทอร์ยิงธนู เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม



  • ราศีมังกร

ราศีมังกร (Capricorn) มีสัญลักษณ์เป็นแคปปริคอร์นสัตว์ในตำนานที่มีลักษณะเหมือนแพะภูเขาครึ่งปลา เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม – 20 มกราคม



  • ราศีกุมภ์

ราศีกุมภ์ (Aquarius) มีสัญลักษณ์เป็นคนแบกหม้อน้ำ เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 21 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์



  • ราศีมีน 

ราศีมีน (Pisces) มีสัญลักษณ์เป็นปลาคู่ เป็นราศีของผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม



ปี 12 นักษัตรแบบจีนมีอะไรบ้าง เกิดปีนี้อยู่ในนักษัตรอะไร

ราศี นักษัตร, ปี 12 นักษัตร


           สำหรับราศี นักษัตรแบบจีนหรือทางตะวันออกนั้นจะนับตามปีที่เกิด โดย 1 รอบจะเท่ากับ 12 ปี (12 นักษัตร) มีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ 12 ชนิด สามารถนำไปทำนายดวงชะตาหรือทำนายคนนี้ใช่เนื้อคู่ได้ด้วย โดยตามตำนานกล่าวว่าเมื่อเทพของจีนจะให้รางวัลแก่บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ที่มาอวยพรปีใหม่ให้ตน โดยจะให้พวกมันกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำราศี นักษัตร ทำให้เกิดการแข่งขันกันขึ้น และลำดับของราศีที่เราคุ้นเคยก็มาจากลำดับของสัตว์ที่ไปอวยพรปีใหม่ให้กับท่านเทพนั่นเอง


  • ปีชวดหรือปีหนู

คนเกิดปีหนูมีความฉลาดปราดเปรื่อง สังคมคอนเนคชั่นกว้างขวางแต่จริงๆ แล้วขี้กังวลและชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ผู้ที่เกิดปีหนูคือคนที่เกิดพ.ศ.24552467247924912503251525272539255125632575

  • ปีฉลูหรือปีวัว

ราศี นักษัตรปีวัวเป็นคนมีนิสัยซื่อสัตย์ ใจเย็น มีความพยายามสูงและไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ ผู้ที่เกิดปีวัวคือคนที่เกิดพ.ศ.24562468248024922504251625282540255225642576 


ราศี นักษัตร, ปี 12 นักษัตร

  • ปีขาลหรือปีเสือ

คนเกิดปีเสือมีนิสัยกล้าหาญ ชอบการแข่งขัน ใจกว้าง แต่หากโดนรังแกจะสู้ไม่ถอย ผู้ที่เกิดปีเสือคือคนที่เกิดพ.ศ.24572469248124932505251725292541255325652577


  • ปีเถาะหรือปีกระต่าย

คนเกิดปีกระต่ายมีความอ่อนโยน อ่อนไหว และติดจะโลเลอยู่นิดๆ นอกจากนี้ยังเป็นตกหลุมรักง่ายอีกด้วย ผู้ที่เกิดปีกระต่ายคือคนที่เกิดพ.ศ.24582470248224942506251825302542255425662578


  • ปีมะโรงหรือปีงูใหญ่

คนเกิดปีงูใหญ่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสูงและเป็นคนโรแมนติก ผู้ที่เกิดปีงูใหญ่คือคนที่เกิดพ.ศ.245924712483249525072519253125432555 , 25672579


  • ปีมะเส็งหรือปีงูเล็ก

คนเกิดปีงูเล็กมีความปราดเปรียว ว่างไว และมีเสน่ห์ ผู้ที่เกิดปีงูเล็กคือคนที่เกิดพ.ศ.24602472248424962508252025322544255625682580


  • ปีมะเมียหรือปีม้า

คนปีม้าเป็นคนเปิดเผย ไม่เคยมีความลับ รักอิสระและมักมีคารมคมคายที่ทำให้คนอื่นอารมณ์ดีเสมอ ผู้ที่เกิดปีม้าคือคนที่เกิดพ.ศ.24612473248524972509252125332545255725692581


  • ปีมะแมหรือปีแพะ

คนปีแพะมีความสุขุม จริงใจ และจริงใจ แต่ก็แอบขี้อายอยู่เหมือนกันนะ ผู้ที่เกิดปีแพะคือคนที่เกิดพ.ศ.24622474248624982510252225342546255825702582

  • ปีวอกหรือปีลิง

คนปีลิงมีไอเดียดีๆ เพียบ แก้ปัญหาเก่งและไหวพริบดี นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นในตัวเองสูงอีกด้วย ผู้ที่เกิดปีลิงคือคนที่เกิดพ.ศ.24632475248724992511252325352547255925712583


  • ปีระกาหรือปีไก่

คนเกิดปีไก่มีความเอื้อเฟื้อ กล้าหาญ และเป็นคนระเบียบจัด ผู้ที่เกิดปีไก่คือคนที่เกิดพ.ศ.24642476248825002512252425362548256025722584


  • ปีจอหรือปีหมา

คนเกิดปีหมาเป้นคนตรงไปตรงมา มีอารมณ์ขัน มองคนเก่งและรักเพื่อนมาก ผู้ที่เกิดปีหมาคือคนที่เกิดพ.ศ.24652477248925012513252525372549256125732585


  • ปีกุนหรือปีหมู

คนเกิดปีหมูเป็นคนอบอุ่น จริงใจ และยังขยันทำงานหาเงิน แถมยังเป้นคนใจดีมากๆ อีกด้วยนะ ผู้ที่เกิดปีหมูคือคนที่เกิดพ.ศ.2466, 2478, 2490, 2502, 2514, 2526, 2538, 2550, 2562, 2574, 2586



ที่มา  : travelchinaguide.comastrology-zodiac-signs.com , DIY INSPIRE NOW