ความกลัวในเด็ก (momypedia)
ความกลัวของลูกเกิดเพราะลูกยังเป็นเด็กเล็กอยู่ หรือว่ากลัวเกินเหตุกันแน่ บางทีก็นึกปวดหัวกับพฤติกรรมของเจ้าตัวเล็ก บางคนใจกล้า ไม่กลัวใคร ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่เด็กบางคนสิ กลัวสิ่งที่ไม่น่าจะกลัวขึ้นมาเฉย ๆ เช่น กลัวแมงมุม กลัวผี กลัวเสียงฟ้าร้อง กลายเป็นเด็กขี้กลัวขึ้นมาเฉย ๆ
นี่ยังแค่เบาะ ๆ เท่านั้น อาจมีเด็กหลายคนที่ขี้กลัว และขี้กังวลมากกว่านี้หลายเท่าตัว จนชักสงสัยว่าทำไมเด็กบางคนถึงเป็นมากเป็นน้อย หรือทำไมจู่ๆจึงกลายเป็นเด็กขี้กลัวไปเสียได้ และลูกขี้กลัวของเราจะเข้าข่ายเด็กขี้กลัวกลุ่มไหน โตไปจะมีปัญหาหรือเปล่า แล้วเราในฐานะพ่อแม่จะจัดการกับความกลัวของลูกอย่างไร ไปดูคำตอบพร้อม ๆ กัน เลยค่ะ
ทำไมเด็กต้องกลัว
ยังไม่มีนักวิจัยคนใดสามารถระบุได้ถึงสาเหตุจริง ๆ ของความกลัวว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่พอบอกได้คร่าวๆว่าความกลัวสามารถถ่ายทอดผ่านทางกรรมพันธุ์ได้เหมือนกัน ถ้าพ่อหรือแม่ขี้กลัว ขี้กังวล ลูกมักจะขี้กลัว ขี้กังวลตามไปด้วย นอกจากนั้นเป็น เรื่องของการเลี้ยงดู รวมถึงการเป็นแบบอย่างที่ดีหรือไม่ดีให้ลูกเห็น และประสบการณ์น่ากลัวบางอย่าง
เด็กขี้กลัวหรือขี้กังวลเกินกว่าเหตุ มักไม่ค่อยมีอาการเห็นเด่นชัดเหมือนเด็กก้าวร้าว เพราะดูภายนอก เราจะเห็นเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ความสงบเสงี่ยมไม่ได้หมายถึงความไม่มีปัญหา เพราะเด็กยิ่งเงียบก็ยิ่งผิดปกติมากเท่านั้น ขอเพียงคุณสังเกตอาการให้ดี อย่าปล่อยให้ลูกฝังจมอยู่กับความกลัวทุกวัน เพราะความกลัว หรือความกังวลที่เกิดขึ้นในวัยเด็กสามารถพัฒนาตัวไปเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้กลัว หรือขี้กังวลเกินกว่าเหตุได้ ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วพวกปัญหาโรคพิษสุราเรื้อรัง โรคต่อต้านสังคมเพราะเข้ากับใครไม่ได้ และติดยาเสพติดอาจถามหาลูกรักในตอนโตได้ค่ะ
ความกลัวเป็นธรรมชาติของเด็กทุกวัย
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรที่เด็กจะกลัวผี กลัวฟ้าร้อง ผู้ใหญ่เองยังมีความกลัวเลย ถ้าเราลองสังเกตตัวเองจะพบว่า เมื่อเป็นเด็กเราเคยกลัวความมืด แต่พอโตขึ้นกลับไม่กลัว แต่ก็ยังกลัวอย่างอื่นอยู่ ความกลัวของคนเราแตกต่างไปตามวัยค่ะ
อาการแบบไหนเข้าข่าย "ขี้กลัว"
ถ้าลูกมีความกลัวตามวัยที่กล่าวมาคงไม่น่ากังวล แต่ถ้ากลัว "เกินเหตุ" หรือ กลัวแบบที่เป็นสัญญาณไม่ดีคงต้องสังเกตและดูแลแก้ไขกันเสียเนิ่น ๆ ลองดูนะคะว่าลูกของคุณกลัวแบบนี้บ้างไหม
เมื่อมีลูกขี้กลัว ควรทำตัวอย่างนี้
เด็กวัย 3-4 ขวบยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี สิ่งไหนปลอดภัยหรือเป็นอันตราย บางครั้งเขากลัวอะไรเกินกว่าเหตุ หรือบางครั้งก็ดูจะไม่กลัวอะไรเอาเสียเลย เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของพ่อแม่แล้วค่ะว่า ต้องสอนให้ลูกรู้ว่าสิ่งไหนปลอดภัยเข้าใกล้ได้ หรือสิ่งไหนเป็นสิ่งอันตรายที่ควรจะหลีกไปให้ไกล ๆ
แม้กระทั่งเสียงดัง ๆ ของเครื่องดูดฝุ่น หรือเสียงประทัด เด็กบางคนก็กลัวได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรพาเขาให้ออกห่างจากเสียงดังนั้น ๆ กอดเขาหรือหอมแก้มเขาเพื่อเรียกขวัญให้กลับคืนมา
เด็กวัยนี้จะรู้สึกกลัวโน่นกลัวนี่ไปหมด แต่กระนั้นเขาก็จะหันไปสนใจกับสิ่งอื่น ๆ แทนได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกัน ถ้าเรารู้จักรับมือ เพราะฉะนั้นถ้าเขาเกิดกลัวอะไรขึ้นมา คุณก็เพียงเบนความสนใจเขาให้ไปหาสิ่งอื่น ๆ แทน
เด็กวัยนี้มีความรู้สึกไวในเรื่องของสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง หรือไม่ปลอดภัย แค่น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าคุณเองก็กลัวบางสิ่งบางอย่างอยู่เหมือนกัน มีผลทำให้ลูกน้อยเอง เกิดความกลัวตามไปด้วย เพราะฉะนั้นคุณควรทำตัวให้ดูมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้เขารู้สึกว่าถ้าต้องเจอะเจออะไรก็ตามแต่ คุณนั่นแหละจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น