Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2565

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักร อย่างเป็นทางการ

 

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักร อย่างเป็นทางการ

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักร อย่างเป็นทางการ

ภาพจาก AFP

https://youtu.be/JVH-5nW78Sk


พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักร อย่างเป็นทางการ แล้ว

วันที่ 10 กันยายน 2565 บีบีซีรายงานว่า พิธีประกาศการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรเริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาการขึ้นครองราชย์


โดย “เพนนี มอร์ดันท์” ประธานรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร ได้ประกาศการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงประกาศว่า เจ้าชายชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ ทรงขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ณ บัดนี้

(Photo by Victoria Jones / POOL / AFP)
https://youtu.be/Mbhei0qO_Pg


เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ เป็นผู้ลงพระนามรับรองคำประกาศดังกล่าว โดยมี “ลิซ ทรัสส์” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และอาร์ชบิชอป จัสติน เวลบี เป็นพยาน ถือเป็นการเสร็จสิ้นพิธีการในขั้นแรก

(Photo by Victoria Jones / POOL / AFP)

ก่อนดำเนินพิธีการต่อไป ที่รวมถึงการประกาศการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์พระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยการยิงสลุตทั้งที่ไฮด์ปาร์ก และทาวเวอร์ออฟลอนดอน

(Photo by Marco BERTORELLO / AFP)

ต่อมาพิธีการได้ย้ายไปที่ท้องพระโรง โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงประกาศการสวรรคตของพระราชมารดาผู้เป็นที่รักของพระองค์

“สำหรับเราทุกคนในฐานะครอบครัว และในอาณาจักรนี้ และประเทศในเครือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรนี้ มารดาของของข้าพเจ้าได้ทำงานรับใช้มาตลอดพระชนม์ชีพด้วยความรักและปราศจากความเห็นแก่ตัว ในรัชสมัยของพระองค์ ข้าพเจ้าไม่สามารถหาสิ่งใดเทียบได้ ทั้งในความเสียสละและการอุทิศพระวรกาย แม้แต่ในขณะที่เราโศกเศร้า เราขอขอบคุณชีวิตที่เต็มไปด้วยความศรัทธา”


พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสอีกว่า ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงการสืบทอดมรดกหน้าที่และความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ขององค์ประมุขที่่บัดนี้ตกทอดมาถึงข้าพเจ้า พร้อมกันนี้พระองค์ได้ตรัสยกย่องสมเด็จพระราชินีคามิลลา

(Photo by Jonathan Brady / POOL / AFP)
The Clerk of the Council reads the Accession Proclamation

จากนั้นได้ทรงให้สัตย์ปฏิญาณต่อเชิร์ชออฟสกอตแลนด์ในการธำรงไว้ซึ่งศาสนจักร ก่อนที่พระองค์จะทรงลงพระนามในคำปฏิญาน โดยมีองคมนตรีเป็นพยาน ตามด้วยเจ้าชายวิลเลียม และสมเด็จพระราชินีคามิลลา

ต่อมามอร์ดันท์ อ่านร่างเนื้อหาของคำประกาศที่จะมีผลบังคับใช้ เพื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชานุมัติทีละข้อ

หัวหน้าผู้ดูแลตราราชวงศ์ เป็นผู้ประกาศการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่สีหบัญชร โดยประกาศว่า “God save the King”  ตามด้วยการประโคมเสียงแตรขานรับ ตามด้วยการบรรเลงเพลงชาติ ก่อนที่หัวหน้าผู้ดูแลตราราชวงศ์จะประกาศให้ส่งเสียงถวายพระพรชัย 3 ครั้ง โดยมีกองทหารรักษาพระองค์ส่งเสียงร้องฮูเร่ พร้อมถอดหมวกขานรับ

ตลอดพิธีการ มีการอนุญาตให้ประชาชนส่วนหนึ่งเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานที่บริเวณลานฟรีอาร์ส คอร์ท


Second Proclamation for King Charles
Image:Second proclamation is read at the Royal Exchange in the City of London
Camilla  signs to declaration
Image:The Queen Consort signs the proclamation after Prince William
St James's Palace declaration
Image:Queen Consort signs the proclamation
Lord President of the Accession Council, Penny Mordaunt MP
Image:Lord President of the Accession Council, Penny Mordaunt MP

เมื่อพิธีการที่พระราชวังเซนต์เจมส์เสร็จสิ้นลง ขบวนรถของคณะผู้ประกาศได้เคลื่อนขบวนเพื่อไปประกาศการเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงลอนดอน


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพระราชพิธีทางการที่เป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของการขึ้นครองราชย์ นั่นก็คือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะต้องใช้เวลาจัดเตรียมงานระยะหนึ่งหลังกษัตริย์พระองค์ใหม่เริ่มการสืบทอดราชบัลลังก์ เช่นในกรณีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองนั้น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีขึ้นหลังทรงครองราชย์ได้ถึง 1 ปีเต็ม

ในประวัติศาสตร์ 900 ปีที่ผ่านมา พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ทุกครั้ง โดยพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต (William the Conqueror) เป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกที่นั่น และกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามจะนับเป็นองค์ที่ 40 ในครั้งนี้

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะมีขึ้นตามแนวทางของศาสนจักรอังกฤษ และประกอบพิธีโดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ผู้นำนิกายแองกลิกัน จุดสำคัญของพิธีดังกล่าวอยู่ที่การสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ซึ่งทำขึ้นตั้งแต่ปี 1661 ด้วยทองคำล้วนหนัก 2.23 กิโลกรัม ลงบนพระเศียรของกษัตริย์พระองค์ใหม่ รวมทั้งการเจิมน้ำมันหอม การรับคทาและลูกโลกประดับกางเขนจากอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี

St James Palace declaration
Image:Past and present leaders watch in the picture gallery at St James's Palace
trumpet for King Charles
Garter Principal King of Arms, David Vines White, reads the Principal Proclamation from the balcony over Friary Court at St James's Palace
A gun salute is fired for Britain's King Charles at the Tower of London, following the death of Queen Elizabeth, in London, Britain, September 10, 2022. REUTERS/Sarah Meyssonnier
King Charles III during the Accession Council at St James's Palace, London, where King Charles III is formally proclaimed monarch. Charles automatically became King on the death of his mother, but the Accession Council, attended by Privy Councillors, confirms his role. Picture date: Saturday September 10, 2022.
King Charles

https://youtu.be/YC0RjmBpJr0

https://youtu.be/_MAc2_g4-e4



ที่มา   ::   www.prachachat.net

3 ความคิดเห็น:

  1. "ข้าพเจ้ารู้ดีว่าคนทั้งประเทศรู้สึกเสียใจมากเพียงใด และขอบคุณกับความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อข้าพเจ้าในความสูญเสียที่ทุกคนมิอาจหลีกเลี่ยง"

    "การได้รับรู้ถึงความเห็นอกเห็นใจที่หลายคนมอบให้กับน้องสาวและน้องชายของข้าพเจ้า ถือเป็นการปลอบใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าพเจ้า ที่ความรักและการสนับสนุนอย่างท่วมท้นได้แผ่ขยายไปถึงทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สูญเสียด้วยกันทั้งหมด"

    "สำหรับพวกเราทุกคนในฐานะครอบครัว สำหรับอาณาจักรนี้และครอบครัวของประชาชาติในวงกว้าง พระมารดาของข้าพเจ้าได้แสดงพระองค์เป็นแบบอย่างการมอบความรักชั่วชีวิตและการรับใช้อย่างไม่เห็นแก่ตัว"

    "ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงมรดกอันยิ่งใหญ่ รวมถึงหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักอึ้งของอำนาจอธิปไตยซึ่งบัดนี้ได้ส่งผ่านมาถึงข้าพเจ้าแล้ว"

    "ในการรับผิดชอบสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้าจะพยายามปฏิบัติตัวตามแบบอย่างของการสร้างแรงบันดาลใจซึ่งข้าพเจ้าได้ประสบมา เพื่อสนับสนุนการปกครองตามรัฐธรรมนูญ และนำพาซึ่งความสงบ, ความสามัคคี และความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนในดินแดนนี้ ตลอดจนอาณาจักรและดินแดนในเครือจักรภพทั่วโลก"

    "เพื่อจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะได้รับการสนับสนุนด้วยความรักและความภักดีของประชาชาติซึ่งข้าพเจ้าได้รับการประกาศให้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน"

    "ข้าพเจ้าถือโอกาสนี้ยืนยันความเต็มใจและความตั้งใจที่จะสานต่อประเพณีการมอบรายรับที่สืบเชื้อสายมา รวมทั้งทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้แก่รัฐบาลเพื่อประโยชน์ของทุกคน เพื่อแลกกับทุนอธิปไตยซึ่งสนับสนุนหน้าที่ราชการของข้าพเจ้าในฐานะหัวหน้า รัฐและประมุขของประเทศ"

    "และในการปฏิบัติหน้าที่อันหนักอึ้งที่มอบหมายให้ข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าอุทิศชีวิตที่เหลือ เพื่อสวดอ้อนวอนขอการนำทางและความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ".




    ตอบลบ
  2. พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ย้ำพระราชปณิธานตามรอย ‘ควีน’ รับใช้ประชาชน ตั้ง ‘วิลเลียม’ เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์

    สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสแรกต่อพสกนิกรชาวอังกฤษ หลังเสด็จฯ ขึ้นครองราชย์เป็นประมุขพระองค์ใหม่เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) โดยทรงย้ำพระราชปณิธานเดินตามรอยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชมารดา ในการ “ทรงงานตลอดชีวิต” พร้อมทรงประกาศแต่งตั้งเจ้าชายวิลเลียม พระราชโอรสองค์ใหญ่ ขึ้นเป็น “เจ้าชายแห่งเวลส์” (Prince of Wales)

    สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ได้เสด็จฯ กลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ (9) โดยมีประชาชนจำนวนมากเฝ้ารอรับเสด็จฯ พร้อมกับปรบมือและเปล่งเสียงถวายพระพรดังกึกก้อง “God Save The King”

    สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ เสด็จฯ สวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ย. ณ ปราสาทบัลมอรัลในสกอตแลนด์ ขณะมีพระชนมายุได้ 96 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของพสกนิกรชาวอังกฤษและผู้คนทั่วโลก

    ในพระราชราชดำรัสซึ่งถ่ายทอดผ่านสื่อโทรทัศน์แห่งชาติอังกฤษเมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในวัย 73 พรรษา ทรงเริ่มด้วยการตรัสยกย่องการทรงงานของพระราชมารดาตลอดระยะเวลา 70 ปีรัชสมัย และทรงขอบพระทัย “แม่ที่รัก” สำหรับความรักและการอุทิศพระองค์เพื่อราชวงศ์และประเทศชาติมาโดยตลอด

    “ข้าพเจ้ากล่าวกับท่านทั้งหลายในวันนี้ด้วยความรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของพระองค์ สมเด็จพระราชินีนาถ – มารดาที่รักของข้าพเจ้า – ทรงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างให้ข้าพเจ้าและสมาชิกในครอบครัวทุกคน และเราทุกคนต่างก็ติดค้างพระองค์เช่นเดียวกับที่ครอบครัวอื่นๆ ติดค้างมารดาของพวกเขา ที่ได้มอบความรัก ความเมตตา การชี้นำ ความเข้าใจ และการเป็นแบบอย่าง

    “ในปี 1947 ในวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 21 พระองค์ได้ทรงให้คำมั่นผ่านการถ่ายทอดสดจากเมืองเคปทาวน์ไปยังเครือจักรภพว่าจะทรงอุทิศชีวิต ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวนานเพียงใด เพื่อรับใช้ประชาชนของพระองค์

    “สิ่งนั้นเป็นมากกว่าคำสัญญา หากแต่เป็นการตั้งปณิธานต่อตนเองอย่างแน่วแน่ ซึ่งได้กลายเป็นคำนิยามทั้งชีวิตของพระองค์

    “ความทุ่มเทและอุทิศพระวรกายในฐานะประมุขของชาติไม่เคยสั่นคลอน ไม่ว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้า ช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง และช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าและการสูญเสีย

    “ไม่ว่าท่านจะอาศัยอยู่ที่ใดในสหราชอาณาจักร หรือประเทศและดินแดนทั่วโลก และไม่ว่าท่านจะมีพื้นเพหรือความเชื่อแบบใดก็ตาม ข้าพเจ้าจะขอมุ่งมั่นทำงานรับใช้ท่านด้วยความซื่อสัตย์ ความเคารพ และความรัก ดังที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตลอดทั้งชีวิต”



    ตอบลบ
  3. พระองค์ได้ตรัสกับนายกรัฐมนตรี ลิซ ทรัสส์ ก่อนหน้านี้ว่า การสวรรคตของพระราชมารดา ซึ่งทำให้พระองค์กลายเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งสหราชอาณาจักรและอีก 14 ชาติในเครือจักรภพ รวมถึงออสเตรเลีย แคนาดา จาเมกา นิวซีแลนด์ และปาปัวนิวกินี “เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวมาโดยตลอด”

    สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ยังทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับ คามิลลา ซึ่งเวลานี้ทรงเป็นสมเด็จพระราชินี (Queen Consort) โดยทรงยกย่องพระราชชายาที่ได้ปฏิบัติภารกิจรับใช้ประชาชนด้วยความสัตย์ซื่อตลอด 17 ปีภายหลังการอภิเษกสมรส และทรงเชื่อมั่นว่าพระนาง “จะปฏิบัติหน้าที่ในบทบาทใหม่ด้วยความทุ่มเทอุทิศตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องพึ่งพาอย่างมาก”

    พระองค์ยังได้ประกาศสถาปนาเจ้าชายวิลเลียมขึ้นเป็น “เจ้าชายแห่งเวลส์” และ “ดยุคแห่งคอร์นวอลล์” ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์โดยธรรมเนียมสำหรับองค์รัชทายาทลำดับที่ 1 และทรงมอบหมายให้พระราชโอรสองค์ใหญ่สืบทอดความรับผิดชอบต่อ “ดัชชีแห่งคอร์นวอลล์” (Duchy of Cornwall) ซึ่งเป็นอาณาจักรพระราชทรัพย์ที่ทรงครอบครองมาหลายสิบปี ขณะที่ดัชเชสแคทเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ได้ขึ้นเป็น “เจ้าหญิงแห่งเวลส์” อันเป็นตำแหน่งเดิมของ “เจ้าหญิงไดอาน่า”

    “โดยการมีแคทเธอรีนอยู่เคียงข้าง ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์พระองค์ใหม่จะเป็นแรงบันดาลใจและจุดประกายการหารือระดับชาติ เพื่อนำปัญหาชายขอบที่ไม่มีใครสนใจให้ขึ้นมาอยู่ตรงกลาง เพื่อมอบความช่วยเหลือที่สำคัญให้”

    พระองค์ยังตรัสแสดง “ความรัก” ต่อเจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสพระองค์เล็ก และ “เมแกน มาร์เคิล” พระสุณิสา ซึ่งได้สละบทบาทความเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนนำมาซึ่งความบาดหมางร้าวลึกภายในครอบครัวของพระองค์ และจุดชนวนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่สำหรับสถาบันกษัตริย์อังกฤษ

    สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงสรุปในตอนท้ายด้วยการตรัสถึงพระราชมารดาว่า “ถึงมารดาที่รักของข้าพเจ้า ในขณะที่ท่านเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่เพื่อไปพบกับพ่อที่รักของข้าพเจ้าซึ่งได้จากไปก่อนแล้ว ข้าพเจ้าขอพูดแค่เพียงว่า ขอบคุณ... ขอบคุณสำหรับความรักและความทุ่มเทที่ท่านมีต่อครอบครัวของเรา และครอบครัวของชาติที่ท่านได้อุทิศตนรับใช้ด้วยความอุตสาหะตลอดหลายปีมานี้ ขอให้บรรดาทูตสวรรค์ช่วยขับกล่อมเสียงเพลงเพื่อให้ท่านได้หลับพักผ่อน”

    สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงรับการกราบบังคมทูลเชิญขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ ภายหลังการประชุมของสภาการขึ้นครองราชย์ (Accession Council) ซึ่งจะจัดขึ้นที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ (10 ก.ย.) โดยมีสมเด็จพระราชินีคามิลลา และเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์พระองค์ใหม่ เข้าร่วมในพิธี และจะมีการเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาอีกครั้งระหว่างที่การเสด็จฯ ขึ้นครองราชย์ถูกประกาศอย่างเป็นทางการทั่วทุกดินแดนในสหราชอาณาจักรจนถึงวันอาทิตย์ (11) ก่อนจะลดระดับลงครึ่งเสาอีกครั้ง เพื่อไว้อาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถ



    ที่มา : รอยเตอร์, BBC

    ตอบลบ