หมาท้องกี่เดือน ในแต่ละสัปดาห์เป็นอย่างไร

 หมาท้องกี่เดือน ในแต่ละสัปดาห์เป็นอย่างไร

เจ้าของที่เลี้ยงน้องหมาไว้สักตัว เคยสงสัยไหมว่า? ตามปกติแล้ว หมาท้องกี่เดือน และในแต่ละสัปดาห์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ถ้าเราเป็นเจ้าของต้องหัดสังเกตอาการหมาท้อง ทั้งการดูแล เอาใจใส่ รวมถึงการพาน้องหมาไปหาสัตวแพทย์ เพื่ออัลตร้าซาวด์พัฒนาการของลูกสุนัข

อีกไม่นาน...คุณจะได้กลายเป็นคุณแม่มือใหม่ หลังจากนั้นก็เตรียมตัวดูแลลูกสุนัขให้เเข็งแรง และเติบโตต่อไป ^-^

สุนัขท้องกี่เดือน ?

ถ้าคุณสังเกตอาการของสุนัขที่เปลี่ยนไป เช่น หมาหัวนมใหญ่ นมยาน ท้องป่อง ก็เตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่ได้เลย เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอก อาการสุนัขท้อง โดยปกติแล้วสุนัขจะต้องท้องประมาณ 2 เดือนกว่าๆ คิดเป็น 9 สัปดาห์หรือประมาณ 57-65 วันหลังจากสุนัขท้อง ไม่ว่าจะเป็นสุนัขสายพันธุ์ไหน สุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขพันธุ์ใหญ่ มักใช้เวลาตั้งท้องที่ใกล้เคียงกัน

สุนัขทุกสายพันธุ์ตั้งท้องกี่เดือน

56-72 วัน หรือ ประมาณ 2 เดือน 1 สัปดาห์ 5 วัน

ไซบีเรียนท้องกี่เดือน

63 วัน หรือ 2 เดือน 3 วัน

บางแก้วท้องกี่เดือน

60-64 วัน หรือ 2 เดือน – 2 เดือน 4 วัน

ปอมท้องกี่เดือน

63 วัน หรือ 2 เดือน 3 วัน

ชิวาว่าท้องกี่เดือน

63 วัน หรือ 2 เดือน 3 วัน

บีเกิ้ลท้องกี่เดือน

63 วัน เดือน 3 วัน

โกลเด้นท์ท้องกี่เดือน

61-65 วัน หรือ 2 เดือน 5 วัน

ชิสุห์ท้องกี่เดือน

63 วัน หรือ 2 เดือน 3 วัน

สัปดาห์ที่ 1 เริ่มวันที่ 0 – 7 

เป็นช่วงที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เพราะฮอร์โมนตั้งครรภ์ยังไม่เด่นชัด  ทำให้คุณสังเกตเห็นน้องหมาเป็นปกติ 

สัปดาห์ที่ 2 เริ่มวันที่ 8 – 14 

ในช่วงนี้ระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์เริ่มเพิ่มขึ้น อาจจะเห็นสุนัขดูมีน้ำมีนวล ขนเงางามขึ้น  แต่สุนัขบางตัวก็ยังไม่แสดงอาการใดๆ อย่าพยายามให้อาหารสุนัขมากกินไปเพราะอาจเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดได้ 

สัปดาห์ที่ 3 เริ่มวันที่ 15 – 21 

เมื่อเข้าสู่ในช่วงนี้ คุณจะสังเกตอาการหมาท้องได้ชัดเจนขึ้น เช่น หมามีนมชมพู หมามีนมขนาดใหญ่  เราอาจจะให้สารอาหารที่เพิ่มโปรตีนหรือวิตามิน เพื่อบำรุงลูกน้อยในครรภ์ของเจ้าตูบ 

Weeks 1-3 

Image

สัปดาห์ที่ 4 เริ่มวันที่ 22 – 28

ถ้าคุณต้องการเช็กลูกสุนัขในท้อง สามารถพาแม่สุนัขไปอัลตราซาวนด์ได้  เราจะได้เห็นพัฒนาการของลูกสุนัข ว่าเเข็งแรงหรือไม่ เป็นสุนัขเพศผู้หรือตัวเมีย เป็นต้น

Week 4 

Image

สัปดาห์ที่ 5 เริ่มวันที่ 29 -35 

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 สามารถตรวจเลือดสุนัขเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ได้  ถ้าคุณหมอคลำท้องสุนัขจะเจอลูกสุนัขในถุงน้ำคร่ำเพราะขนาดตัวเริ่มโตมากขึ้น 

สัปดาห์ที่ 6 เริ่มวันที่ 36 – 42 

ในช่วงนี้คุณจะสังเกตเห็นอาการต่างๆ ของสุนัข เช่น หมาอาเจียน บางตัวก็มีมูกสีขาวที่ช่องคลอด  หลังจากที่ท้องขยายมากขึ้น และ หมามีหัวนมใหญ่ เจ้าของสามารถเปลี่ยนจากอาหารปกติเป็นให้อาหารลูกสุนัขแทนได้ หรือเป็นอาหารสำหรับสุนัขท้องโดยเฉพาะ เพราะจะช่วยเพิ่มแคลอรี โปรตีน วิตามิน และเเร่ธาตุต่างๆ ให้กับร่างกายของสุนัข 

Weeks 5-6 

Image

สัปดาห์ที่ 7 เริ่มวันที่ 43 – 49 

กรณีให้คุณหมอเอ็กซเรย์  สามารถรู้จำนวนของลูกสุนัขในท้อง  ทำให้คุณเตรียมรับมือสำหรับเป็นคุณแม่มือใหม่ และสามารถดูความเคลื่อนไหวของลูกสุนัขในท้องได้ หากสุนัขปัสสาวะบ่อย สาเหตุมาจากน้ำหนักมดลูกขยายใหญ่ไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ถือเป็นเรื่องปกติของอาการหมาท้อง

สัปดาห์ที่ 8 เริ่มวันที่ 50 -56 

กรณีที่สุนัขเริ่มมีท้องที่ใหญ่ขึ้น อาจหาผ้าสะอาดๆ มาหนุนให้สุนัขนอน หรือเตรียมหาที่นอนสบายๆ เพื่อให้สุนัขพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ แนะนำให้เตรียมอาหารเป็นมื้อเล็กๆ อย่าให้กินบ่อยเกินไป  ห้ามสุนัขออกกำลังกายหนักในช่วงที่ท้องเริ่มโต

Weeks 7-8

Image

สัปดาห์ที่ 9 เริ่มวันที่ 57 – 63 

ในช่วงนี้สำหรับสุนัขบางตัว ถือเป็นสัปดาห์สุดท้าย ลูกสุนัขจะเริ่มมีตัวขนาดใหญ่และดิ้นอยู่ในท้องมากขึ้น ทำให้สุนัขร้องเสียงดังไม่หยุด  บางตัวก็เดินกระสับกระส่ายเพราะรู้สึกไม่สบายตัว ให้เจ้าของสังเกตอาการ วัดอุณหภูมิของสุนัข กรณีที่อุณหภูมิเริ่มลดลงแสดงว่าสุนัขจะคลอดลูกภายใน 24 ชั่วโมง

ก่อนที่สุนัขจะคลอดลูก เราควรสร้างพื้นที่เหมือนเป็นรังให้กับแม่สุนัข เช่น กล่อง ลังกระดาษ และเตรียมผ้าจนหนูสะอาดๆ ไว้ในกล่อง  โดยเลือกจุดที่ไม่มีคนพลุกพล่านเพื่อให้สุนัขคลอดลูกได้อย่างส่วนตัว 

สัปดาห์ที่ 10 เริ่มวันที่ 64 – 70 

สำหรับสุนัขบางสายพันธุ์ ได้แก่ เฟรนช์ บูลด็อก จะมีระยะเวลาการตั้งท้องนานกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ หากคุณกังวลเรื่องว่าสุนัขตั้งท้องนานเกินไป สามารถติดต่อสัตวแแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็ก หรือทำการคลอดให้กับสุนัขได้ ตัวเราจะได้สบายใจหายห่วง!!

ไม่ว่าน้องหมาท้องในช่วงสัปดาห์ไหน เราควรดูแลน้องหมาให้ดีทั้งเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย ความสะอาด พยายามให้สุนัขผ่อนคลายมากที่สุด แล้วอย่าลืมพาสุนัขไปอัลตร้าซาวน์ เพื่อให้คุณหมอตรวจเช็กพัฒนาการของลูกสุนัข  หากคุณให้ความรัก ความเอาใจใส่แม่สุนัข ก็จะช่วยให้ลูกสุนัขเเข็งแรงไปด้วยนะ

ขอบคุณที่มา    ::        www.bolttech.co.th/  ,  www.advantagepetcare.com.au