Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567

วันตรุษจีน 2567

 

วันตรุษจีน 2567




วันตรุษจีน 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567


วันตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน มีการเฉลิมฉลองกันเป็นเวลา 15 วัน โดยวันแรกเรียกว่า "วันจ่าย" เป็นวันที่คนในครอบครัวออกไปจับจ่ายซื้อของสำหรับไหว้บรรพบุรุษและเฉลิมฉลองปีใหม่ วันรุ่งขึ้นเรียกว่า "วันไหว้" เป็นวันไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าต่างๆ วันสุดท้ายเรียกว่า "วันเที่ยว" เป็นวันที่คนในครอบครัวไปเยี่ยมญาติมิตรและเฉลิมฉลองปีใหม่กัน

ในช่วง "วันตรุษจีน" จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือนผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสดใส ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพรในโอกาสมงคล ในตลาดคราคล่ำไปด้วยผู้คน ที่มาซื้อปลา เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ ฯลฯ  ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข เด็กๆ สวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาด ขนมหวาน เล่นพลุประทัด อย่างรื่นเริง


ปฏิทินวันตรุษจีนปี 2567

วันจ่าย ตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 วันจ่าย คือ วันก่อนวันสิ้นปีก่อนถึงตรุษจีน เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องออกไปจับจ่าย ซื้อของ รวมทั้งอาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ 

วันไหว้ตรุษจีน ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ตอนเช้ามืด จะเริ่มพิธีการไหว้ ป้ายเล่าเอี๊ย โดยเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ มีเครื่องประกอบการไหว้ คือ เนื้อสัตว์สามอย่าง ได้แก่ หมู เป็ด และไก่ ตอนสาย จะทำพิธีการไหว้ ป้ายแป๋บ้อ เป็นการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ตอนบ่าย จะทำพิธีการไหว้ ป้ายฮ่อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว

วันเที่ยว ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันเที่ยว ซึ่งก็คือวันตรุษจีน เป็นวันที่ทุกคนพากันออกไปท่องเที่ยวและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม สีสันสดใส ไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ และพากันออกเที่ยว ในวันนี้ผู้คนจะหยุดทำงาน พร้อมทั้งถือเคล็ดต่างๆ ตามธรรมเนียมตรุษจีน


ประวัติความเป็นมาของวันตรุษจีน

วันตรุษจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม (ปิดเรียนฤดูหนาว)ในช่วงนี้ เหลือเพียงแต่บางอาชีพที่ต้องทำหน้าที่พิเศษ ที่ไม่สามารถหยุดงานได้ ในวันตรุษจีนหน่วยงานห้างร้านต่างจะหยุดงานเป็นเวลา 3-4 วัน เพื่อตระเตรียมจัดงานปีใหม่นี้

วันตรุษจีน นั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี พิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีนนั้น มีมานานกว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร

วันตรุษจีน นั้นเป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น

ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า "วันตรุษจีน"

ว่ากันว่า 1 คืนก่อนวันปีใหม่จีน คือวันสุดท้ายของปีนั่นเอง เป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ช่วงมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหารชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ในช่วงเวลานี้ทุกบ้านจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไปชิมไป ทานไปครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะตื่นแต่เช้าไปเยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงเพื่ออวยพรปีใหม่


ประเพณีและกิจกรรมของวันตรุษจีน

  • การไหว้บรรพบุรุษ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ชาวจีนจะจัดเตรียมอาหารและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
  • การแจกซองแดง เป็นการมอบเงินขวัญถุงให้กับเด็กๆ เพื่อเป็นสิริมงคล เด็กๆ ที่ได้รับซองแดงจะต้องกล่าวคำขอบคุณผู้ใหญ่ที่มอบซองแดงให้
  • การกินอาหารมงคล ชาวจีนเชื่อว่าการกินอาหารมงคลจะช่วยให้มีโชคดีตลอดทั้งปี อาหารมงคลที่มักรับประทานในวันตรุษจีน ได้แก่ ปลา หมี่ซั่ว ขนมเข่ง เกี๊ยว เป็นต้น
  • การประดับบ้านเรือนด้วยสีแดง สีแดงเป็นสีมงคลของชาวจีน ชาวจีนจึงนิยมประดับบ้านเรือนด้วยสีแดงในวันตรุษจีน
  • การเยี่ยมญาติมิตร ชาวจีนจะใช้เวลาในวันตรุษจีนไปเยี่ยมญาติมิตร เพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยกัน


อาหารและขนมมงคลของวันตรุษจีน

ในวันฉลองตรุษจีน อาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันอื่นๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน

  • เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
  • เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
  • สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
  • เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
  • หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์
  • ปลาทั้งตัว - เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกันและความอุดม-สมบรูณ์
  • ไก่ - สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์
  • เส้นหมี่ - ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว

* ในทางตอนใต้ของจีน อาหารที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ส่วนทางเหนือได้แก่ หมั่นโถและติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม
* อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

      ในวันตรุษจีนทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

  1. หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี
    ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

  2. การแต่งกายและความสะอาด
    ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผม เพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

  3. วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ
    สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล

  4. บุคคลแรกที่พบ
    บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

  5. การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ
    การเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้ายมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือปกติ ก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

  6. ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษ
    เพราะชาวจีนเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี

ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมา แต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือและปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีนตระหนักดีว่า การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อน เป็นการแสดงถึงความเป็นครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน 

15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน

  • วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน
  • วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด
  • วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน
  • วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย
  • วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข
  • วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ
  • วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์
  • วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้
  • วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย
  • วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน
  • วันที่สิบห้า คืนแห่งการฉลองโคมไฟ วันตรุษจีน


Chinese New Year   วันตรุษจีน 2567   


CR  ::    https://www.sanook.com/campus/945871/


4 ความคิดเห็น:

  1. ตรุษจีน 2567 วันที่เท่าไร วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ต้องทำอะไรบ้าง

    ตรุษจีน 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 สำหรับปีนี้วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยวตรงกับวันไหน และชาวไทยเชื้อสายจีนต้องทำพิธีอะไรบ้าง

    ตรุษจีน 2567 วันที่เท่าไร
    ตรุษจีนคือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ตรงกับวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน โดยวันตรุษจีน 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็น “วันเที่ยว” วันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจีน เป็นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือ วันตรุษจีน ซึ่งในการไหว้ตรุษจีน และการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั้น จะแบ่งได้เป็น 3 วันสำคัญ ได้แก่

    วันจ่าย ไปซื้อของมาไหว้ ทั้งคาวหวาน ผลไม้
    วันไหว้ ไหว้บรรพบุรุษ ช่วงกลางวัน วันนี้ถือว่าเป็นวันสิ้นปีเก่า ช่วงกลางคืนก่อนเข้าวันปีใหม่จีน ไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย
    วันเที่ยว คือวันที่ 1 หรือชิวอิก วันปีใหม่ของจีน
    ตรุษจีน 2567 วันจ่าย ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567
    “วันจ่าย” ถือเป็นวันแรกของการเริ่มต้นวันตรุษจีน โดยวันดังกล่าวสมาชิกในบ้านที่รับหน้าที่ดูแลอาหารในครัว ต้องออกไปจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำมาปรุงอาหารสำหรับการไหว้บรรพบุรุษ และให้คนในครอบครัวรับประทาน ซึ่งอาหารที่นำมาเป็นของไหว้วันตรุษจีน นอกจากมีเมนูโปรดของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ยังเน้นการเลือกเมนูที่แฝงไปด้วยความมงคล มีครบทั้งเมนูของคาว ของหวาน และผลไม้

    ตรุษจีน 2567 วันไหว้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567
    “วันไหว้” เป็นวันที่ผู้คนจะไหว้เทพเจ้าเพื่อขอพรให้ชีวิตรุ่งเรือง รวมถึงไหว้บรรพบุรุษผู้มีพระคุณเพื่อแสดงถึงความกตัญญู โดยการไหว้เทพเจ้าจะต้องจัดของไหว้เทียนแดง 1 คู่ ชุดกระดาษเงินกระดาษทอง น้ำชา 5 ที่ ผลไม้ 3-5 อย่าง ขนมอี๋และเจฉ่าย 5 ชนิด หรือผัก 5 ชนิด


    ตอบลบ
  2. ตรุษจีน 2567 วันเที่ยว ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567
    “วันเที่ยว” เป็นวันที่ทุกคนพากันออกไปท่องเที่ยว และแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม สีสันสดใส ไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ และพากันออกเที่ยว ในวันนี้ผู้คนจะหยุดทำงาน พร้อมทั้งถือเคล็ดต่างๆ ตามธรรมเนียมตรุษจีน เช่น

    ห้ามทะเลาะเบาะแว้ง ห้ามร้องไห้ ห้ามพูดคำหยาบ
    ห้ามทำความสะอาดบ้าน
    ห้ามซักเสื้อผ้า
    ห้ามทำของแตก หากมีของแตกในบ้านต้องนำไปทิ้งทันที
    ห้ามใช้ของมีคม เช่น มีด กรรไกร
    ห้ามให้คนอื่นเข้าไปในห้องนอนวันตรุษจีน
    ห้ามยืมเงินหรือให้คนอื่นยืมเงิน
    นอกจากนี้ในวันชิวอิก หรือวันแรกของปีใหม่จีน ซึ่งตรุษจีน 2567 ตรงกับวันเที่ยว มีธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันนี้ว่าทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้าน ก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอาไว้รอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล

    รวมทั้งยังมีธรรมเนียมการเป็นผู้ให้และรับอั่งเปา โดยคนที่เป็นผู้ใหญ่จะให้ซองแดง เงินขวัญถุง แก่คนที่อายุน้อยกว่า เพื่อให้เราโชคดี และก่อนรับซอง หรือของขวัญควรกล่าวกับผู้ใหญ่ "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" เพื่อเป็นการอวยพรผู้ใหญ่เช่นกัน

    และที่สำคัญคือในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่จีนนี้ โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง

    ตอบลบ
  3. ตรุษจีน 2567 วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันไหน วิธีไหว้และสิ่งไม่ควรทำ

    “ตรุษจีน“ ถือเป็นเทศกาลสําคัญของทั้งคนจีนแผ่นดินใหญ่ คนไทยเชื้อสายจีน และคนจีนทั่วโลก “สำนักงานราชบัณฑิตยสภา” ระบุว่า “ตรุษ” หมายถึง เทศกาลเนื่องในการสิ้นปี ซึ่งกำหนดตามจันทรคติ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4

    คำว่า ตรุษ มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า แตก ขาด หรือ ทำให้ขาด จึงหมายถึงการตัดขาดจากปีเก่าเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ โดยปัจจุบัน คำว่า ตรุษ อาจใช้ในความหมายว่า เทศกาล หรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้เพื่อการรื่นเริงตามประเพณี เช่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่ของจีน เป็นต้น


    เทศกาลตรุษจีน ได้ถือเอาความหมายของวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ช่วงนี้พืชพรรณเริ่มผลิดอกออกใบ อากาศกำลังมีความสดชื่น ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป เหมาะสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ คนจีนจึงถือเอาวันนี้เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หรือที่เรียกกันว่า “วันชิวอิก” ซึ่งจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม หรือเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยเทศกาลตรุษจีน แบ่งออกเป็น 3 วัน ได้แก่

    “วันจ่าย” หรือ วันก่อนสิ้นปี ซึ่งตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันแรกของเทศกาลตรุษจีน สมาชิกในครอบครัวจะไปจับจ่ายซื้อของ ตลอดจนวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบพิธีไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษในวันถัดไป

    “วันไหว้” หรือ วันสิ้นปี ซึ่งตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันที่ลูกหลานและสมาชิกในครอบครัวรวมตัวกันไหว้เทพเจ้า รวมถึงไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว

    “วันเที่ยว” หรือ วันขึ้นปีใหม่ (วันชิวอิก) ซึ่งตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันที่ทุกคนจะออกไปเที่ยว ถือโอกาสเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ซึ่งวันเที่ยวก็จะมาพร้อมเคล็ดหรือข้อห้ามต่าง ๆ ที่เชื่อกันว่าไม่ควรทำในวันนี้ ประกอบไปด้วย

    ห้ามทํางานบ้าน ห้ามปัดกวาดเช็ดถูบ้าน เนื่องจากจะถือเป็นการปัดไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นควรทําความสะอาดบ้านก่อนที่วันปีใหม่
    ห้ามสระผม เพราะการสระผมเป็นการชะล้างความโชคดี เช่นเดียวกับการทําความสะอาด
    หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม ไม่ว่าจะเป็นกรรไกร มีด ที่ตัดเล็บ เพราะเชื่อกันว่าเป็นการตัดสิ่งที่ดี หรืออนาคตที่ดีออกไป
    หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท ไม่พูดคําหยาบ หรือคำที่มีความหมายในทางลบ เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือความเป็นความตาย
    ห้ามซุ่มซ่าม หรือทําสิ่งของตกแตก ถือเป็นการทําให้หน้าที่การงานสะดุด หรือนําความโชคร้ายมาในอนาคต
    ห้ามใส่เสื้อผ้าชุดเก่า ต้องใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เป็นสีแดงซึ่งเป็นสีมงคล
    สำหรับของไหว้ที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนมีด้วยกันหลากหลาย ประกอบด้วย อุปกรณ์ต่าง ๆ อาหาร ขนม และผลไม้ ซึ่งล้วนเป็นของที่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น

    ตอบลบ
  4. อุปกรณ์ไหว้วันตรุษจีน
    เทียนแดงขาไม้ จํานวน 1 คู่ เพื่อบูชาเทพเจ้าและบรรพบุรุษ
    ธูป 5 ดอก สําหรับไหว้เทพเจ้า, 3 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เสียชีวิตนานแล้ว และ 1 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เพิ่งเสียชีวิต
    ประทัด ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลให้ออกไป
    กระดาษเงินกระดาษทอง หรือ “อ่วงแซจิ่ว” เป็นกระดาษสีเหลืองเขียนด้วยตัวอักษรจีนสีแดง เป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์ ดังนั้น ต้องเผาเป็นอันดับแรก
    แบงก์กงเต็ก
    กิมเตี๊ยว แท่งทองที่ใช้ไหว้บรรพบุรุษ
    อาหารไหว้ตรุษจีน
    สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “ซาแซ” และ “โหงวแซ”
    ซาแซ คือการไหว้ 3 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ และเป็ด
    โหงวแซ คือการไหว้ 5 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ เป็ด ปลา และตับ
    เครื่องดื่ม น้ำชาหรือเหล้า จํานวน 5 จอก หรือ 5 ถ้วย
    ขนมไหว้ตรุษจีน
    ต้องจัดจํานวนให้ตามของของคาวที่ไหว้ ซาแซ จะจัดขนมไหว้ 3 อย่าง และโหงวแซ จะจัดขนมไหว้ 5 อย่าง
    ขนมเข่ง และ ขนมเทียน หมายถึง ชีวิตราบรื่น
    ซาลาเปา หมายถึง การห่อโชคห่อลาภ
    ขนมไข่ หมายถึง การเจริญเติบโต
    ขนมสาลี่ และ ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรื่อ
    จันอับ หรือ ขนมแห้ง 5 อย่าง ได้แก่ ถั่วเคลือบ ถั่วตัด งาตัด ข้าวพอง และฟักเชื่อม หมายถึง ความหวานที่เพิ่มพูน ความเจริญงอกงาม มีความสุขตลอดปี
    ผลไม้ไหว้ตรุษจีน
    ส่วนใหญ่จะเตรียม 5 อย่าง ที่มีความหมายมงคล
    ส้ม หมายถึง โชคลาภ
    กล้วย หมายถึง กวักโชคกวักลาภเข้ามา, ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
    องุ่น หมายถึง ความเจริญงอกงาม
    สับปะรด หมายถึง เรียกโชคลาภเข้าตัว
    สาลี่ หมายถึง ความราบรื่น และสิ่งที่ดีงามมาถึง
    แอปเปิล หมายถึง ความสงบสุข สันติสุข



    ตอบลบ