บริษัทที่มีรายได้มากกว่า GDP ประเทศตัวเอง
บริษัทที่มีรายได้มากกว่า GDP ประเทศตัวเอง /โดย ลงทุนแมน
ลิกเตนสไตน์ ประเทศเล็กๆ ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ประเทศนี้ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป กลางเทือกเขาแอลป์ ไม่มีทางออกทะเล
ถูกล้อมรอบไปด้วยสวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย
ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ก็เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลเช่นเดียวกัน
ถูกล้อมรอบไปด้วยสวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย
ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ก็เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลเช่นเดียวกัน
ลิกเตนสไตน์ มีพื้นที่เพียง 161 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 35,000 คน เทียบเท่ากับอำเภอเล็กๆ ของไทย
ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ลิกเตนสไตน์ก็ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปทั่วโลก
โดยหนึ่งในบริษัทอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ คือ บริษัท Hilti
โดยหนึ่งในบริษัทอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ คือ บริษัท Hilti
รู้หรือไม่ว่า
ในปี 2019 บริษัท Hilti มีรายได้มากกว่า GDP ของประเทศตัวเอง
ในปี 2019 บริษัท Hilti มีรายได้มากกว่า GDP ของประเทศตัวเอง
บริษัท Hilti ทำอะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักประเทศลิกเตนสไตน์กันสักนิด
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักประเทศลิกเตนสไตน์กันสักนิด
ราชรัฐลิกเตนสไตน์ มีเมืองหลวงชื่อกรุงวาดุซ
เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ
และจัดเป็นราชรัฐ ซึ่งใช้เรียกเขตการปกครองขนาดเล็ก ที่มีประมุขเป็นเจ้าชาย
เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ
และจัดเป็นราชรัฐ ซึ่งใช้เรียกเขตการปกครองขนาดเล็ก ที่มีประมุขเป็นเจ้าชาย
ประเทศนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1731
เกิดจากการรวมมณฑลเล็กๆ ชื่อวาดุซ และเชลเลนเบิร์กของตระกูลขุนนางชาวออสเตรีย
ประมุขของลิกเตนสไตน์จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ออสเตรีย
เกิดจากการรวมมณฑลเล็กๆ ชื่อวาดุซ และเชลเลนเบิร์กของตระกูลขุนนางชาวออสเตรีย
ประมุขของลิกเตนสไตน์จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ออสเตรีย
จนเมื่อราชวงศ์ออสเตรียล่มสลายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
ลิกเตนสไตน์จึงหันมาใกล้ชิดกับสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนบ้านทางตะวันตกซึ่งเป็นประเทศเป็นกลาง
ลิกเตนสไตน์จึงหันมาใกล้ชิดกับสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนบ้านทางตะวันตกซึ่งเป็นประเทศเป็นกลาง
ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ทำให้ลิกเตนสไตน์ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิสเช่นเดียวกับสวิตเซอร์แลนด์
และชาวลิกเตนสไตน์จึงนิยมศึกษาเล่าเรียนระดับมหาวิทยาลัยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
รวมไปถึงประเทศใหญ่ใกล้เคียงอย่างเยอรมนี
รวมไปถึงประเทศใหญ่ใกล้เคียงอย่างเยอรมนี
แต่เดิมลิกเตนสไตน์เป็นประเทศเกษตรกรรม
พื้นที่เกษตรที่มีอยู่น้อยนิดถูกใช้ในการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์
จุดเปลี่ยนสำคัญมาสู่ภาคอุตสาหกรรมคือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
พื้นที่เกษตรที่มีอยู่น้อยนิดถูกใช้ในการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์
จุดเปลี่ยนสำคัญมาสู่ภาคอุตสาหกรรมคือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อ Martin Hilti วิศวกรเครื่องกล ผู้จบการศึกษาจาก Wismar Engineering College
ในเยอรมนี ได้ชักชวนพี่ชาย Eugen Hilti มาก่อตั้งโรงงานผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง
ที่เมืองชานน์ ใกล้กับกรุงวาดุซ ในปี ค.ศ. 1941
ในเยอรมนี ได้ชักชวนพี่ชาย Eugen Hilti มาก่อตั้งโรงงานผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง
ที่เมืองชานน์ ใกล้กับกรุงวาดุซ ในปี ค.ศ. 1941
และนี่คือจุดเริ่มต้นของบริษัท Hilti
ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ในปี ค.ศ. 1945
หลายประเทศในยุโรป ต่างฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายในสงครามโลกครั้งที่ 2
อาคารบ้านเรือน โรงงานหลายแห่ง ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ในเวลานั้น บริษัทผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างหลายแห่งในยุโรปก็ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน
หลายประเทศในยุโรป ต่างฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายในสงครามโลกครั้งที่ 2
อาคารบ้านเรือน โรงงานหลายแห่ง ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ในเวลานั้น บริษัทผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างหลายแห่งในยุโรปก็ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน
ลิกเตนสไตน์เป็นประเทศเป็นกลาง เพราะอยู่ข้างสวิตเซอร์แลนด์ จึงไม่ถูกทำลายเสียหาย
โรงงานของ Hilti ยังคงอยู่ครบ
โรงงานของ Hilti ยังคงอยู่ครบ
ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ก่อสร้างของ Hilti เริ่มแพร่หลายไปทั่วยุโรป
แต่ไม่ใช่แค่ความโชคดีเพียงอย่างเดียว..
ความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือเครื่องใช้ ทำให้ Hilti ค่อยๆ พัฒนาอุปกรณ์ก่อสร้างใหม่ๆ
หนึ่งในนั้นคือ เครื่องยิงตะปู (Powder-actuated tool) รุ่น DX 100 ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1957 และได้รับความนิยมไปทั่วยุโรปในเวลาไม่นาน
ความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือเครื่องใช้ ทำให้ Hilti ค่อยๆ พัฒนาอุปกรณ์ก่อสร้างใหม่ๆ
หนึ่งในนั้นคือ เครื่องยิงตะปู (Powder-actuated tool) รุ่น DX 100 ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1957 และได้รับความนิยมไปทั่วยุโรปในเวลาไม่นาน
ต่อมาในปี ค.ศ. 1967 สินค้าที่ทำให้ Hilti ดังไปทั่วโลก
คือ สว่านไฟฟ้า รุ่น TE 17 (Electro-pneumatic hammer drill)
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนั้น
และ Hilti ยังเป็นผู้ริเริ่มสร้างระบบติดตั้งพุกคอนกรีตขึ้นเป็นครั้งแรก
คือ สว่านไฟฟ้า รุ่น TE 17 (Electro-pneumatic hammer drill)
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนั้น
และ Hilti ยังเป็นผู้ริเริ่มสร้างระบบติดตั้งพุกคอนกรีตขึ้นเป็นครั้งแรก
ในปี ค.ศ. 1973 Hilti ได้สร้างศูนย์พัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ทำด้วยเหล็ก
ในมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเจาะ การยึดติด
และระบบพุกอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้งานก่อสร้างมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ในมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเจาะ การยึดติด
และระบบพุกอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้งานก่อสร้างมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ในปัจจุบัน Hilti เป็นผู้เชี่ยวชาญในการจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง
ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์การวัดและสแกน ระบบรางยึด ระบบพุก
ระบบป้องกันไฟและควัน เคมีภัณฑ์สำหรับงานก่อสร้าง
และยังคงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ก่อสร้างใหม่ๆ
ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์การวัดและสแกน ระบบรางยึด ระบบพุก
ระบบป้องกันไฟและควัน เคมีภัณฑ์สำหรับงานก่อสร้าง
และยังคงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ก่อสร้างใหม่ๆ
ด้วยความที่ลิกเตนสไตน์เป็นประเทศเล็ก
Hilti จำเป็นต้องขยายโรงงานผลิตอุปกรณ์ไปยังต่างประเทศ
ทั้งออสเตรีย เยอรมนี เม็กซิโก ฮังการี จีน
และมีสำนักงานตั้งอยู่ใน 120 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
แต่ยังมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองชานน์ ลิกเตนสไตน์เช่นเดิม
Hilti จำเป็นต้องขยายโรงงานผลิตอุปกรณ์ไปยังต่างประเทศ
ทั้งออสเตรีย เยอรมนี เม็กซิโก ฮังการี จีน
และมีสำนักงานตั้งอยู่ใน 120 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
แต่ยังมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองชานน์ ลิกเตนสไตน์เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม รายได้ของโรงงานที่ตั้งอยู่ในแต่ละประเทศ
จึงถูกรวมเข้ากับ GDP ของประเทศนั้นๆ แต่ไม่ได้ถูกรวมเข้ากับ GDP ของประเทศลิกเตนสไตน์
จึงถูกรวมเข้ากับ GDP ของประเทศนั้นๆ แต่ไม่ได้ถูกรวมเข้ากับ GDP ของประเทศลิกเตนสไตน์
ทำให้ในปี 2019 บริษัท Hilti มีรายได้ทั่วโลก 195,000 ล้านบาท
ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศลิกเตนสไตน์ที่ประมาณ 192,000 ล้านบาท
และมีกำไร 19,503 ล้านบาท
ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศลิกเตนสไตน์ที่ประมาณ 192,000 ล้านบาท
และมีกำไร 19,503 ล้านบาท
นอกจากรายได้แล้ว บริษัท Hilti ยังมีจำนวนพนักงานทั่วโลกถึง 24,000 คน
ซึ่งจำนวนนี้ก็มากกว่าวัยแรงงานของลิกเตนสไตน์เช่นเดียวกัน
ซึ่งจำนวนนี้ก็มากกว่าวัยแรงงานของลิกเตนสไตน์เช่นเดียวกัน
ทั้งรายได้ และจำนวนพนักงาน เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
ว่าบริษัทที่ใหญ่โต มีกิจการอยู่ทั่วโลก ก็สามารถเติบโตจากประเทศเล็กๆ
ที่มีทรัพยากรน้อยมากอย่างลิกเตนสไตน์ได้
ว่าบริษัทที่ใหญ่โต มีกิจการอยู่ทั่วโลก ก็สามารถเติบโตจากประเทศเล็กๆ
ที่มีทรัพยากรน้อยมากอย่างลิกเตนสไตน์ได้
สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ
ความเชี่ยวชาญในตัวสินค้า และการพัฒนาต่อยอดคุณภาพของสินค้าอยู่เสมอ
ความเชี่ยวชาญในตัวสินค้า และการพัฒนาต่อยอดคุณภาพของสินค้าอยู่เสมอ
ประเทศไทยของเรา มีพื้นที่ มีทรัพยากรมากกว่าลิกเตนสไตน์หลายพันเท่า
ลงทุนแมนก็หวังว่า
ในสักวันหนึ่ง บริษัทของคนไทย จะขยายกิจการไปทั่วโลก จนมีรายได้มากกว่า GDP ของประเทศตัวเอง เหมือนอย่างบริษัทนี้..
ในสักวันหนึ่ง บริษัทของคนไทย จะขยายกิจการไปทั่วโลก จนมีรายได้มากกว่า GDP ของประเทศตัวเอง เหมือนอย่างบริษัทนี้..
#ประเทศลิกเตนสไตน์ #ลิกเตนสไตน์ #Liechtenstein #ราชรัฐลิกเตนสไตน์ #PrincipalityOfLiechtenstein #FürstentumLiechtenstein
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น