1. ทำเป็นนิ่งๆ อึ้งๆ ในสิ่งที่เราพูด
นี่เป็นระดับแรกๆ ที่เราเห็นเพื่อนเปลี่ยนไป เธอดูอยากเล่นมือถือมากกว่าถามเราว่าแกเป็นไงบ้าง บางทีเราปรึกษาเรื่องที่เครียด แต่เธอก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วก็เปลี่ยนบทสนทนาไปพูดอย่างอื่นทันที ดูไม่ได้อยากฟัง อยากให้ความสนใจทั้งที่เรื่องของเราค่อนข้างซีเรียส เป็นปัญหาที่บ้าน ครอบครัว หรือปัญหาความรัก (ที่เรามั่นใจว่าเพิ่งเล่าเป็นครั้งแรก) เห็นกิริยาเพื่อนอย่างนี้แล้วเฮิร์ทเหมือนกันนะ เราแค่อยากรู้ว่าเพื่อนจะแนะนำอะไรเราได้บ้าง แต่กลายเป็นความเงียบที่อึดอัดใจ ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกก็ควรบอกกับเรามาเลยดีกว่าทำบรรยากาศแย่ลงแบบนี้
2. ไม่พูดความจริงต่อกัน
เข้าใจอย่างถึงขีดสุดว่าการพูดความจริงไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่คนเป็นเพื่อนแท้ต้องอยากให้เพื่อนได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะในชีวิตเราก็เจอคนไม่จริงใจมากพออยู่แล้วและสาวๆ หลายคนก็ชอบให้คนมาสปอยล์จนลืมเห็นความจริงที่อยู่ข้างหน้า ถ้ามีเพื่อนที่รักเราจริงๆ แล้วเขาไม่ยอมบอกทั้งที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พอชีวิตเราพัง แล้วมารู้ทีหลังว่า อ้าว เพื่อนสนิทเรารู้ทั้งหมดแต่ไม่ยอมเตือนเราซักนิด เราจะผิดหวังแค่ไหน แต่ตรงนี้ก็ต้องดูว่าเราเองเป็นคนฟังคนอื่นแค่ไหน ถ้าเพื่อนเคยบอกแล้วเราเหวี่ยง ตรงนี้ก็เป็นปัญหาของเราเอง คิดไว้ว่าเกิดมาครั้งหนึ่งจะมีใครที่หวังดีกับเราด้วยจิตวิญญาณซักกี่คน ถ้าเพื่อนจะพูดแรงแล้วเราตาสว่าง ดีกว่าเจอมีดโกนอาบน้ำผึ้ง เชือดเรานิ่มๆ อย่างนี้คบไม่ได้กว่าอีก
3. จำไม่ได้ว่าอยู่กับเพื่อนคนนี้แล้วมีความสุขคือเมื่อไหร่
นั่งนึกอยู่ 10 นาทีก็ยังนึกไม่ออกว่าล่าสุดที่เราหัวเราะแล้วกอดเพื่อนคนนี้อย่างสนิทใจคือตอนไหน เพราะหลังๆ ที่ได้พบปะเจอกันบ้าง เราคุยกันไม่เหมือนเดิม เพราะสิ่งที่จะคุยเราจะต้องกลั่นออกมาจากสมองว่าจะพูดดีหรือเปล่า เหมือนมีกำแพงต่อกัน ลดฐานะจากเพื่อนสนิทเป็นแค่คนรู้จัก ทักทายกันน่ะได้ แต่เราอยู่กับเธอสองต่อสองแล้วเกิดอาการเกร็ง อยากออกไปจากตรงนั้นสุดๆ
4. เอาสิ่งที่เคยแพลนร่วมกันไปทำกับคนอื่น
ตอนที่เรายังคุยกันบ่อยๆ เรามีความฝันที่สัญญาว่าจะทำด้วยกันกับเพื่อน แต่หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนก็เปิดตัวว่ากำลังทำความฝันนั้นกับเพื่อนอีกคนของเธอ อาจจะเป็นธุรกิจที่คิดไว้ว่าจะช่วยกันทำ แต่เพื่อนเห็นอีกคนน่าจะรวยกว่าเราก็ไปลงทุนกับเขา เพราะโอกาสดีกว่า แต่นั่นเป็นไอเดียของเราเป็นส่วนใหญ่ด้วย หรือความฝันนั้นอาจจะเป็นทริปที่เราตกลงว่าจะไปด้วยกัน แต่เพื่อนไปกับคนอื่นแบบไม่ชวนเราซักคำ จะไม่ให้น้อยใจคงยาก
5. เพื่อนตั้งใจหายตัวไปจากเรา
ก่อนไปทำงาน เราเคยโทรคุยกันทุกเช้า แต่อยู่ๆ เพื่อนก็ไม่รับโทรศัพท์ บอกว่ายุ่ง วันแรกๆ เราก็เข้าใจนะ แต่ผ่านไปเป็นเดือนๆ เพื่อนก็ยังไม่เคยกดโทรมาหาเราอีก ทั้งที่เพื่อนก็ยังมีไลฟ์สไตล์แบบเดิม ดูรู้เลยว่าอยากหลบหน้า ขี้เกียจคุย หรือจากที่เคยส่งไลน์คุยกันตลอด เพื่อนก็ถามคำตอบคำ นานๆ ไปบล็อคเราเลยก็มี จากไปอย่างไม่มีเหตุผล ไม่ได้ทะเลาะเรื่องอะไร แค่เธออยากไปมีชีวิตใหม่ของตัวเอง เราคงต้องปล่อยเธอไป และวันหนึ่งที่เธอกลับมา เราคงมอบความรักไม่ได้แบบเดิมแล้วจริงๆ
6. เอาเราไปพูดลับหลัง
ข้อนี้ก็เข้าข่ายเอาเราไปเมาท์กับคนอื่น เหมือนเราเล่าอะไรให้ฟังแล้วเขาเอาไปพูดเป็นเรื่องขำขัน เอาไปพูดแบบไม่ให้เกียรติกัน ถ้าเจออย่างนี้ไม่ใช่แค่ขอไม่สนิทนะ ขอเลิกคบไปเลยดีกว่า เพราะถึงเพื่อนจะน่ารักตลกแค่ไหน แต่ถ้าเธอรู้ โลกรู้ขนาดนี้ เราอย่าไปคบลึกซึ้งด้วยดีกว่า
7. เพื่อนมีเวลาให้เพื่อนทุกคน แต่ไม่ใช่เรา…
คือถ้าเพื่อนยุ่งกับงานหรือภาระทางครอบครัวแล้วไม่มีเวลานี่เราเข้าใจนะ ไม่ได้เรียกร้องจะเอาแต่ใจ แต่เราเห็นเธอแชร์ภาพไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มอื่นได้ แต่พอเรานัดอยากเจอบ้าง เธอไม่เคยว่างมาเจอ นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าเราอาจไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่เพื่อนของเรามองหา ทำใจแล้วปล่อยเธอไปตามทางเช่นกัน