Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ปรัชญาระบบการศึกษาที่ “ดีที่สุดในโลก” จากฟินแลนด์

ปรัชญาระบบการศึกษาที่ “ดีที่สุดในโลก” จากฟินแลนด์



























แม้จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดว่าระบบการศึกษาของประเทศใด “ดีที่สุด” แต่เมื่อนำเด็กอายุ 15 ปี จากหลากหลายประเทศ (เลือกโดยวิธีสุ่ม) มาสอบวัดผลด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ในการทดสอบระดับนานาชาติชื่อ Programme for International Student Assessment (PISA) ปรากฎว่า ประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงไม่ถึง 6 ล้านคนอย่างฟินแลนด์ กลับนำหน้าประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน ทำให้นักการศึกษาทั่วโลก ต่างต้องหันมาดูวิธีทำงานของครู และผู้มีบทบาทในแวดวงการศึกษาของฟินแลนด์แดนซานตาคลอส
©independent.co.uk
 
รัฐบาลใส่ใจการหล่อหลอมเด็กฟินแลนด์ตั้งแต่เพิ่งคลอด คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ทุกคนจะได้รับ “baby box” จากรัฐบาล ในกล่องมีเสื้อผ้า ของใช้เด็กอ่อน และหนังสือสำหรับเด็กที่คัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลจากสถาบันสมิธโซเนียน ระบุว่าคุณแม่ชาวฟินแลนด์ลาคลอดได้นานสูงสุดถึงสามปี รัฐบาลให้เงินอุดหนุนพ่อแม่ในการส่งลูกไป Daycare หรือสถานเลี้ยงเด็กอ่อน และจ่ายเงิน 150 ยูโรสำหรับเด็กแต่ละคนทุกเดือนจนอายุครบ 17 ปีเต็ม เด็กๆ ไม่ต้องเริ่มเข้าโรงเรียนจนกว่าจะอายุครบเจ็ดขวบ แต่ก่อนหน้านั้น หากพ่อแม่ต้องการส่งไป Preschool ก็ทำได้ (ประมาณ 97% ของเด็กฟินแลนด์วัย 6 ขวบเข้าเรียน Preschool) โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสักยูโร เพราะรัฐอุดหนุนอีกเช่นเคย
เมื่ออายุครบเจ็ดขวบและต้องเข้าโรงเรียน เด็กๆ ฟินแลนด์จะอยู่ในมือของครูที่เป็นคนกลุ่ม “หัวกะทิ” ของประเทศ เทียบเท่าอาชีพแพทย์หรือทนายความ คุณครูเหล่านี้ต้องจบปริญญาโทจากหลักสูตรเฉพาะ (หลักสูตรนี้สนับสนุนเงินทุนเต็มจำนวนโดยรัฐบาลฟินแลนด์) แต่เมื่อเข้าสอนแล้ว คุณครูทั้งหลายสามารถออกไอเดียการสอนตามแบบของตัวเองได้เต็มที่ และอาจสอนเด็กนักเรียนชุดเดิมไปอีก 5 ปี (แล้วแต่จำนวนบุคลากรของโรงเรียน) เพื่อให้ครูคนเดิมมีโอกาสพัฒนานักเรียนของตนได้เต็มศักยภาพมากที่สุด หากใครมีวิธีการสอนใหม่ๆ ก็แลกเปลี่ยนหรือปรึกษาเพื่อนครูด้วยกันเพื่อให้ได้วิธีที่ดีที่สุดสำหรับไปสอนเด็ก
©theatlantic.com
 
นักเรียนฟินแลนด์มีการบ้านน้อยมาก ใช้เวลา “เล่น” นอกห้องเรียนโดยเฉลี่ยมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ กรณีศึกษาอันหนึ่งจากคุณครูชื่อ Aleksi Gustafsson ก็คือวิธีสอน “คณิตศาสตร์นอกห้องเรียน” สำหรับนักเรียนเกรดหนึ่ง เด็กๆ ได้รับแจกการ์ดที่ระบุคำสั่งต่างๆ เช่น “ไปหาท่อนไม้ที่ใหญ่เท่าเท้าของตัวเอง” หรือ “เก็บหินและลูกสนมา 50 ชิ้น แล้วแบ่งเป็นกลุ่มละ 10 ชิ้น” เด็กๆ อายุ 7 และ 8 ขวบ ทำงานเป็นทีมและแข่งกันอย่างสนุกสนาน Gustafsson กล่าวว่า เขาทำวิจัยว่ากิจกรรมเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร เมื่อเด็กๆ สนุก นั่นแหละคือช่วงเวลาเรียนรู้
แม้เด็กฟินแลนด์จะมีผลสอบ “ดีที่สุด” ในโลกเมื่อไปสอบแข่งขันกับเด็กประเทศอื่น แต่ในฟินแลนด์ เด็กๆ ไม่ต้องเจอกับข้อสอบ เพราะนักการศึกษาที่นั่นไม่เชื่อในระบบการสอบที่เป็นมาตรฐาน (Standardized Test) นักเรียนจะเจอ “ข้อสอบ” ของจริงเพียงครั้งเดียว คือในปีสุดท้ายของระดับชั้นมัธยม ชีวิตในโรงเรียนก่อนหน้านั้นแม้จะมีการวัดผลในรูปแบบต่างๆ บ้าง แต่จะไม่มีใครรู้ผลคะแนนของเพื่อน และครู พ่อแม่ รวมทั้งสื่อต่างๆ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับผลสอบแต่อย่างใด
©panoramical.eu
 
อีกข้อที่น่าสังเกตก็คือ ในฟินแลนด์มีโรงเรียนเอกชนน้อยมาก เด็กๆ แทบ 100% เข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาล ไม่มีคำว่า “โรงเรียนชั้นนำ” เพราะทุกโรงเรียนดีเท่ากัน มีคำกล่าวว่า ในสหรัฐอเมริกา โรงเรียนเป็นเหมือนร้านค้า พ่อแม่จะ “ช้อปปิ้ง” เพื่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะจ่ายไหวให้ลูก ในฟินแลนด์ พ่อแม่ก็มีทางเลือกเหมือนกัน แต่ทุกทางเลือก (คือทุกโรงเรียน) เหมือนกันหมด ในชั้นเรียนจะไม่มี “เด็กโง่” หรือ “เด็กเก่ง” เพราะหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของครูชาวฟินแลนด์ก็คือ “ทำทุกอย่างที่ต้องทำ” (Do whatever it takes) เพื่อช่วยเด็กที่อ่อนที่สุดในชั้น
แม้มีผู้กล่าวว่า ที่ฟินแลนด์ทำมาตรฐานการเรียนการสอนทุกโรงเรียนให้ใกล้เคียงกันได้ เป็นเพราะประชากรฟินแลนด์มีลักษณะคล้ายกันมาก (Homogenous) ในหลายแง่ ทั้งเชื้อชาติและฐานะ เด็กๆ ฟินแลนด์ส่วนใหญ่ได้รับอาหาร ที่พักอาศัย และการดูแลด้านสุขภาพที่ดีเยี่ยมเสมอกันแทบทุกคน แต่แท้จริงแล้ว น่าจะเป็นเรื่องการเลือกใช้นโยบายการศึกษามากกว่า เพราะประเทศเพื่อนบ้านของฟินแลนด์อย่างนอร์เวย์ก็มีลักษณะของประชากรใกล้เคียงกัน แต่กลับเลือกใช้นโยบายการศึกษาคล้ายสหรัฐอเมริกา (คือมีการสอบแบบเอาเป็นเอาตาย และมีมาตรฐานโรงเรียนที่เหลื่อมล้ำต่ำสูงกัน) ทำให้ผลทดสอบ PISA ของเด็กนอร์เวย์ออกมากลางๆ ระดับเดียวกับสหรัฐอเมริกา ไม่พุ่งสูงติดอันดับต้นๆ อย่างฟินแลนด์
©uk.businessinsider.com
ที่มา:
บทความ Why Are Finland’s Schools Successful? โดย LynNell Hancock จาก https://www.smithsonianmag.com/innovation/why-are-finlands-schools-successful-49859555/
บทความ No grammar schools, lots of play: the secrets of Europe’s top education system โดย Patrick Butler จาก https://www.theguardian.com/education/2016/sep/20/grammar-schools-play-europe-top-education-system-finland-daycare
บทความ How we teach our children: The methods and myths behind Finland’s education success โดย Pasi Sahlberg จาก https://www.irishexaminer.com/viewpoints/analysis/how-we-teach-our-children-the-methods-and-myths-behind-finlands-education-success-451840.html
บทความ 10 Reasons Finland Has the World’s Best School System โดย KRISTINE ALEXANDER จาก http://www.toptenz.net/10-reasons-finland-worlds-best-school-system.php
 
https://web.tcdc.or.th/th/Articles/Detail/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C