Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

การฝึกหายใจฟื้นฟูปอด-ขับเสมหะ เพิ่มความสตรองสู้โควิด

 

การฝึกหายใจฟื้นฟูปอด-ขับเสมหะ เพิ่มความสตรองสู้โควิด

มาฝึกหายใจเพื่อฟื้นฟูการทำงานของปอดให้กลับมาแข็งแรง พร้อมช่วยระบายเสมหะ ทำให้หายใจสะดวกขึ้น


วิธีฝึกหายใจ ฟื้นฟูปอด

          การหายใจที่ถูกต้องนอกจากจะช่วยให้เราหายใจดีขึ้นแล้ว ยังช่วยขับเสมหะที่ค้างอยู่ในปอด และยังเป็นการบริหารปอดให้แข็งแรง ส่งผลให้การทำงานของปอดดีขึ้นด้วย ยิ่งในช่วงที่โควิด 19 ระบาด เชื้อโคโรนาไวรัสจะส่งผลกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง ทั้งยังทำลายเนื้อปอดได้อีก เราก็ยิ่งต้องดูแลปอดให้ดีขึ้น

          ด้วยเหตุนี้ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงจัดทำคลิปวิดีโอฝึกหายใจฟื้นฟูปอด แนะนำวิธีหายใจที่ถูกต้อง พร้อมทั้งสอนวิธีระบายเสมหะ ซึ่งมีประโยชน์ต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็น

          - ผู้ป่วย COVID-19 ที่นอนในโรงพยาบาลนาน ๆ เนื้อปอดได้ถูกทำลายไปบางส่วน และมีเสมหะอุดกั้นถุงลมปอด ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง ทำให้การหายใจไม่ดีเหมือนปกติ หากฝึกหายใจได้ถูกวิธีจะช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพปอดให้ดีขึ้น

          - ผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการ
 สามารถฝึกการหายใจได้ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันภาวะปอดแฟบ และฟื้นฟูสมรรถภาพปอด

          - คนไข้ที่มีเสมหะ 
ช่วยให้ขับเสมหะที่คั่งค้างอยู่ในปอดให้ออกมาได้ง่ายขึ้น

          - ประชาชนทั่วไป
 ถือเป็นการบริหารปอดให้แข็งแรงอีกทางหนึ่ง

วิธีฝึกหายใจ ฟื้นฟูปอด


ข้อดีของการฝึกหายใจฟื้นฟูปอด


          - ลดแรงที่ใช้ในการหายใจ

          - เพิ่มความแข็งแรงและประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ

          - เพิ่มการเคลื่อนไหวของทรวงอก

          - ป้องกันภาวะปอดแฟบ

          - เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายเสมหะ

วิธีฝึกหายใจฟื้นฟูปอด สู้ COVID-19



1. หายใจแบบใช้กล้ามเนื้อกระบังลม

           โดยหายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง


2. ฝึกหายใจโดยเน้นการขยายตัวของปอดส่วนล่าง


          วางมือบริเวณชายโครงทั้ง 2 ข้าง หายใจเข้าให้ชายโครงขยายดันมือออกมาด้านข้าง หายใจออกช้า ๆ ให้ชายโครงยุบกลับลงไป ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

3. หายใจแบบเป่าปาก

          โดยหายใจเข้าท้องป่อง แล้วหายใจออกด้วยการเป่าลมออกทางปากช้า ๆ ให้ท้องค่อย ๆ ยุบลงไป ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

4. ฝึกหายใจร่วมกับการเคลื่อนไหวทรวงอก

          ท่านี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผนังทรวงอก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบหายใจชนิดเรื้อรัง มีทั้งหมด 2 ท่า คือ

          ท่าที่ 1 : นั่งหลังตรง แล้วค่อย ๆ ยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าช้า ๆ เอาแขนลงพร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจช้า ๆ ทำซ้ำ 5 ครั้ง

          ท่าที่ 2 : นั่งหลังตรง หงายมือ กางแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าช้า ๆ เอาแขนลงพร้อมกับหายใจออกช้า ๆ ทำซ้ำ 5 ครั้ง

          ท่าที่ 3 : ก้มตัว ไขว้มือไว้ด้านหน้า จากนั้นกางแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะเป็นรูปตัว V ลดแขนลง หายใจออกช้า ๆ พร้อมกับโน้มตัวลง และไขว้มือกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 5 ครั้ง

วิธีฝึกหายใจ ฟื้นฟูปอด


ข้อควรปฏิบัติในการฝึกหายใจ


          - ควรฝึกหายใจ 3-5 ครั้งต่อชุด โดยพักรอบละ 1 นาที (สามารถทำได้บ่อยครั้งตามต้องการ)

          - ควรฝึกเป็นชุด และมีช่วงหยุดพัก เพื่อป้องกันอาการเวียนศีรษะที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างฝึกหายใจ

          - ไม่ควรผ่อนลมหายใจออกอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้หลอดลมตีบได้

          - ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะฝึกหายใจและระบายเสมหะ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

          - ควรหยุดฝึกหายใจ เมื่อมีอาการ ดังนี้

               * เหนื่อยหอบ

               * เจ็บหน้าอก

               * วิงเวียนศีรษะ

               * ใจสั่น

          ทั้งนี้ หากหยุดพักแล้วอาการดังกล่าวไม่หายไป ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีฝึกหายใจ ฟื้นฟูปอด


วิธีขับเสมหะด้วยการฝึกหายใจ

          1. หายใจเข้า-ออก ลึก ๆ 2 รอบ

          2. หายใจเข้าให้ลึกที่สุด แล้วพ่นลมหายใจออกทางปากให้ยาวที่สุด พร้อมโน้มศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า

          3. หายใจเข้า-ออก ลึก ๆ 2 รอบ

          4. หายใจเข้าให้ลึกที่สุด แล้วพ่นลมหายใจออกทางปากแรง ๆ 2 ครั้ง พร้อมโน้มศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า

วิธีขับเสมหะด้วยการไอ

          1. นั่งโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย หายใจเข้า-ออกลึก ๆ 2 ครั้ง

          2. หายใจเข้าลึกสุด แล้วกลั้นหายใจค้างไว้ 3 วินาที

          3. ไอออกมาแรง  ๆ

          เราสามารถขับเสมหะด้วยการฝึกหายใจก็ได้ หรืออยากจะขับเสมหะด้วยการไอก็แล้วแต่สะดวก ทว่าในการขับเสมหะก็มีข้อควรระวัง ดังนี้

          * ไม่ควรฝึกหลังจากรับประทานอาหาร เพราะอาจทำให้สำลักอาหารเข้าหลอดลมได้

          * ไม่ควรฝึกระบายลมหายใจติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจเกิดอาการเวียนศีรษะ

          การฝึกหายใจแบบนี้สามารถทำได้ทั้งกับผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยสำหรับผู้ป่วยก็จะช่วยฟื้นฟูปอดให้ดีขึ้น ส่วนในคนปกติก็ถือเป็นการบริหารปอดให้แข็งแรง

ขอบคุณข้อมูลจาก
จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยRehab Chula officialเฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center Thailand

kapook.com