13-14-15 เมษายน ความหมายของแต่ละวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567
วันสงกรานต์ เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณกาล เป็นประเพณีที่งดงามและเต็มไปด้วยความหมาย คำว่า "สงกรานต์" หรือ “สํ-กรานต” มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า ก้าวขึ้น ผ่าน หรือการเคลื่อนที่ ย้ายที่ มีความเชื่อมโยงกับวันขึ้นปีใหม่ตามคติพราหมณ์ โดยเป็นการนับทางสุริยคติ
- วันที่ 13 เมษายน หรือ "วันมหาสงกรานต์” รัฐบาลยังกำหนดให้เป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” เพื่อให้ลูกหลาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ บุพการี หรือผู้อาวุโสในครอบครัว
- วันที่ 14 เมษายน หรือ "วันเนา” รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น "วันครอบครัว” เพราะเห็นว่าช่วงดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่ เดินทางกลับไปหาครอบครัว จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความรักความอบอุ่น ที่จะได้พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และทำกิจกรรมในครอบครัวร่วมกัน
- วันที่ 15 เมษายน เรียกว่า "วันเถลิงศก” เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือเป็น วันเริ่มศกใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย นั่นเอง
ในภาคต่างๆของไทย ยังเรียกสามวันนี้แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น
ภาคกลาง
- วันที่ 13 เมษายน เรียกว่า “วันมหาสงกรานต์”
- วันที่ 14 เมษายน เรียกว่า “วันเนา”
- วันที่ 15 เมษายน เรียกว่า “วันเถลิงศก” คือ วันเริ่มจุลศักราชใหม่ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ภาคเหนือ ล้านนา
- วันที่ 13 เมษายน เรียกว่า “วันสังขารล่อง” หมายถึงอายุสิ้นไปอีกปี
- วันที่ 14 เมษายน เรียกว่า “วันเน่า” เป็นวันห้ามพูดจาหยาบคาย เพราะเชื่อว่าจะทำให้ไม่เจริญ
- วันที่ 15 เมษายน เรียกว่า “วันพญาวัน” คือ วันเปลี่ยนศกใหม่
ภาคใต้
- วันที่ 13 เมษายน เรียกว่า “วันเจ้าเมืองเก่า” หรือ “วันส่งเจ้าเมืองเก่า” เพราะมีความเชื่อว่าเทวดารักษาบ้านเมืองกลับไปชุมนุมกันบนสวรรค์
- วันที่ 14 เมษายน เรียกว่า “วันว่าง” คือวันที่ปราศจากเทวดาที่รักษาเมือง โดยทุกคนจะไปทำบุญที่วัด
- วันที่ 15 เมษายน เรียกว่า “วันรับเจ้าเมืองใหม่” คือวันรับเทวดาองค์ใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลเมืองแทนองค์เดิม
พิธีต่างๆ เนื่องในวันสงกรานต์
"น้ำ" มักจะเป็นองค์ประกอบหลักในพิธีการต่างๆเกี่ยวกับวันสงกรานต์ หรือพิธีสงกรานต์ เนื่องจากการคำนวณทางดาราศาสตร์ที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนนั้น การใช้น้ำมารดให้แก่กัน จะทำให้เกิดความสดชื่นรื่นรมย์ โดยหลักๆ แล้ว พิธีสงกรานต์ต่างๆนั้น ได้แก่
- การสรงน้ำพระ ทั้งที่บ้านและที่วัด เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงการทำบุญตักบาตรไหว้พระ
- การรดน้ำ เป็นการอวยพรปีใหม่ให้แก่กันและกัน
- การรดน้ำผู้ใหญ่ เป็นการไปแสดงความเคารพรัก และขอพรจากผู้ใหญ่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์
- การดำหัว เป็นพิธีสงกรานต์ทางภาคเหนือ โดยจะคล้ายกับการรดน้ำผู้ใหญ่ในภาคกลาง เป็นการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว หรือการขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่
- การขนทรายเข้าวัด มีความเชื่อว่า เพื่อความเป็นมงคล ให้มีความสุขความเจริญ เงินทองมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ขนเข้าวัด และอีกความเชื่อก็คือ การนำทรายที่ติดเท้าออกวัด เป็นบาป จึงต้องขนทรายเข้าวัดเพื่อไม่ให้เป็นบาปนั่นเอง
#Songkran2567 #Songkran #SongkranFestival #ThaiNewYear #SongkranThailand #กำเนิดวันสงกรานต์ #ตำนานสงกรานต์ #สงกรานต์ #Thailand'sWaterFestival #Songkran2024 #CelebratingSongkran #TheWaterFestival
ขอบคุณข้อมูลจาก ::
https://prinkotakoon.blogspot.com/2024/04/songkran-thailand.html , อาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ / หอสมุดแห่งชาติ , www.thansettakij.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น