ฟันปลอมชนิดติดแน่น ทดแทนฟันที่สูญเสียแบบธรรมชาติ (Fixed dentures)
ฟันปลอมชนิดติดแน่น หมายถึง ฟันปลอมที่ไม่สามารถใส่หรือถอดได้ด้วยตัวเอง มีลักษณะยึดติดแน่นในช่องปาก ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นฟันธรรมชาติ เรียกว่า ครอบฟัน หรือสะพานฟัน
ประโยชน์ของการใส่ฟันปลอมชนิดติดแน่น
- บูรณะฟันให้กลับมาทำหน้าที่บดเคี้ยวได้ดี และได้ความสวยงามใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
- เติมหรือทดแทนฟันที่สูญเสียไป
ชนิดของฟันปลอมชนิดติดแน่น
ฟันปลอมชนิดติดแน่นมี 2 แบบ คือ ยึดติดกับฟันธรรมชาติที่มีอยู่ และยึดติดกับกระดูกขากรรไกรภายใต้เหงือกบริเวณฟันที่ถูกถอนไปซึ่งเรียกว่า การฝังรากเทียม
ข้อบ่งชี้ของการใส่ฟันปลอม
- กรณีต้องการยึดติดที่ฟัน ควรมีฟันธรรมชาติข้างหน้าและข้างหลัง บริเวณช่องว่างที่ฟันถูกถอนไปต้องไม่ยาวมาก ฟันที่อยู่หน้าและหลังควรเป็นฟันที่แข็งแรง ไม่โยก โดยช่องว่างที่เหมาะสมควรมีการสูญเสียฟันธรรมชาติเพียง 1 - 2 ซี่ต่อ 1 ช่องว่างเท่านั้น
- กรณียึดติดบนกระดูก กระดูกในส่วนที่ต้องการยึดควรมีความหนาแน่นสูง มีความกว้างและความสูงที่เหมาะสม รวมทั้งต้องมีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการหายของแผล เนื่องจากวิธีการรักษาต้องทำการเจาะกระดูกขากรรไกรบางส่วน จากนั้นจะทำการฝังรากเทียมซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัสดุพวกไททาเนียมลงไป และเย็บปิดเหงือก ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการสร้างกระดูก การหายของแผลไม่ดี หรือแผลมีการติดเชื้อ จะส่งผลให้ชิ้นรากเทียมไม่ยึดติดกับกระดูก ต้องทำการฝังใหม่ หรือไม่สามารถให้การรักษาวิธีนี้ได้
- ไม่มีปัญหาโรคเหงือกอักเสบหรือฟันผุอย่างรุนแรง
- เป็นผู้ที่สามารถดูแลทำความสะอาดภายในช่องปากได้เป็นอย่างดี
การเตรียมผู้ป่วยก่อนการรักษา
- ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจสุขภาพฟันโดยละเอียด และวางแผนการรักษา
- ฟันที่เหลือในช่องปากต้องแข็งแรง ไม่ผุ และไม่เป็นโรคเหงือกอักเสบ ถ้าตรวจพบฟันผุให้พิจารณาอุดฟัน รักษารากฟัน หรือถอนออกก่อนที่จะทำฟันปลอม
- สันเหงือกในบริเวณที่ต้องการใส่โค้งมน ไม่มีกระดูกแหลมคม เหงือกแข็งแรงและเป็นชนิดเหงือกแน่น
- เยื่อบุช่องปากปกติ ไม่มีรอยโรคหรือพยาธิสภาพใด
- กรณีฟันที่ผุทะลุโพรงประสาทฟันจะต้องผ่านการรักษาคลองรากฟันเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ขั้นตอนการใส่ครอบฟันในฟันธรรมชาติที่ผ่านการรักษารากฟัน
- ทันตแพทย์กรอแต่งครองรากฟัน และพิจารณาใส่เดือยเพื่อเป็นหลักในการยึดครอบฟัน ซึ่งอาจจะเป็นเดือยสำเร็จรูป หรือเดือยโลหะแบบเหวี่ยงมาจากห้องปฏิบัติการ ขึ้นอยู่กับเนื้อฟันที่หายไป
- กรอแต่งฟันให้เหมาะสม และทำการพิมพ์ปากด้วยวัสดุชนิดโพลีอีเทอร์หรือซิลิโคน เทปูนและส่งห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างครอบฟัน
- ลองครอบฟัน แก้ไขด้านประชิด ความแนบสนิท และด้านสบฟัน จากนั้นถ่ายภาพรังสีเพื่อเช็กความแนบสนิทของครอบอีกครั้ง แล้วทำการยึดฟันด้วยซีเมนต์
- กลับมาตรวจติดตาม 7 - 14 วัน หลังยึดด้วยซีเมนต์ถาวร
การใส่สะพานฟันติดแน่น
- กรอแต่งฟันให้เหมาะสม และทำการพิมพ์ปากด้วยวัสดุชนิดโพลีอีเทอร์หรือซิลิโคน เทปูนและส่งห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างสะพานฟัน โดยระหว่างรอชิ้นงานจากห้องปฏิบัติการ ฟันที่ได้รับการกรอแต่งแล้วต้องใส่ครอบฟันอะคริลิกชั่วคราว
- ลองครอบฟัน แก้ไขด้านประชิด ความแนบสนิท และด้านสบฟัน จากนั้นถ่ายภาพรังสีเพื่อเช็กความแนบสนิทของครอบอีกครั้ง แล้วทำการยึดด้วยซีเมนต์
- กลับมาตรวจติดตาม 7 - 14 วัน หลังยึดด้วยซีเมนต์ถาวร
การใส่ฟันปลอมติดแน่นร่วมกับการฝังรากเทียม
- ผู้ป่วยต้องผ่านการฝังรากเทียมมาเรียบร้อยแล้ว
- ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากด้วยวัสดุชนิดโพลีอีเทอร์ร่วมกับเครื่องมือรากเทียม กรณีที่เป็นรากเทียมบริเวณฟันหน้าต้องมีการใส่ครอบฟันชั่วคราว เพื่อแต่งรูปร่างเหงือก ระยะการแต่งรูปร่างเหงือกอาจนัดมาทำหลายครั้งจนได้รูปร่างเหงือกที่ดี
- ลองครอบฟันตัวจริงบนรากเทียม แก้ไขด้านประชิด ความแนบสนิท และด้านสบฟัน จากนั้นถ่ายภาพรังสีเพื่อเช็กความแนบสนิทของครอบอีกครั้ง แล้วทำการยึดฟันด้วยซีเมนต์
- กลับมาตรวจติดตาม 7 - 14 วัน หลังยึดด้วยซีเมนต์ กรณีครอบฟันร่วมกับรากเทียมควรกลับมาตรวจติดตามอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งด้วยการถ่ายภาพรังสีและตรวจในช่องปาก
ข้อดีของการใส่สะพานฟันบนฟันธรรมชาติ
- ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติ โดยเฉพาะฟันหน้า
- ช่วยป้องกันการเกิดฟันที่อยู่ข้างเคียงล้มเอียง หรือฟันสบยื่นยาวเข้ามาในช่องว่างที่สูญเสียฟัน
- ฟันปลอมชนิดนี้จะไม่ขยับหรือหลวมหลุดในขณะพูดหรือเคี้ยวอาหาร ทำให้ผู้ที่ใส่มีความมั่นใจ
- ฟันปลอมจะมีขนาดชิ้นงานที่ค่อนข้างเล็ก ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวค่อนข้างสูง เนื่องจากแรงจากการบดเคี้ยว จะถูกถ่ายทอดไปสู่ฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงที่ใช้เป็นหลักยึดฟันปลอมโดยตรง
ข้อจำกัดของการใส่สะพานฟัน
การใส่สะพานฟัน ฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียงจะต้องถูกกรอแต่งเพื่อให้มีขนาดเล็กลง เพื่อใช้เป็นฟันหลักสำหรับยึดฟันปลอมติดแน่น ทำให้ผู้ที่ใส่ฟันปลอมชนิดนี้ต้องดูแลความสะอาดฟันปลอมมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเมื่อฟันผุจะลุกลามเร็วกว่าฟันธรรมชาติ และเมื่อผุหรือครอบฟันแต่แค่ตัวใดตัวหนึ่ง ต้องรับการรักษาโดยการรื้อสะพานฟันทั้งหมด ไม่สามารถซ่อมแซมแยกซี่ได้
ปัจจัยเสี่ยงของการใส่ครอบฟัน
- การกรอแต่งครอบฟันบางครั้งต้องฉีดยาชา อาจเกิดอาการแพ้ยาชาได้
- โอกาสที่ลมจะถูกดันเข้าเนื้อเยื่อได้แต่น้อยมาก ๆ จะพบอาการบวมของเนื้อเยื่อ คลำจะมีเสียงกรอบแกรบ อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3 - 4 วัน
- ขณะทำการรักษา อาจเกิดอุบัติเหตุครอบฟันหลุด และเผลอกลืนลงคอได้ ถึงแม้ว่าทันตแพทย์จะระมัดระวังแล้วก็ตาม
- การที่ต้องกรอฟันธรรมชาติที่ยังมีชีวิตแต่ไม่อยู่ในแนวฟัน อาจเกิดโอกาสทะลุโพรงประสาทฟันได้ เมื่อทะลุต้องรักษารากฟันก่อนครอบ
- การดูแลรักษาฟันที่ครอบคล้ายคลึงกับการดูแลฟันธรรมชาติ เนื่องจากฟันที่ทำครอบมาแล้วสามารถผุได้บริเวณรอยต่อระหว่างครอบและฟันธรรมชาติ
- ในกรณีฟันที่มีชีวิตสูญเสียเนื้อฟันมากกว่า 2 ใน 3 และได้รับการวินิจฉัยให้ทำครอบฟัน มีโอกาสที่จะได้รับการรักษาคลองรากฟันภายหลังที่ใส่ครอบฟันไปแล้ว อาจเนื่องจากมามีการติดเชื้อในโพรงประสาทฟันระดับเซลล์โมเลกุลที่ยังไม่มีอาการแสดงในช่วงแรก
วิธีการดูแลและทำความสะอาดฟันปลอมชนิดติดแน่น
ใช้แปรงสีฟันร่วมกับการใช้ไหมขัดซอกฟัน แปรงฟันให้ถูกวิธีและสม่ำเสมอ กรณีฟันปลอมที่ติดแน่นแบบสะพานฟันต้องใช้ไหมขัดฟันสอดเข้าไปใต้สะพานฟัน และทำความสะอาดบริเวณฟันธรรมชาติส่วนด้านข้างด้วย
Fixed dentures , ฟันปลอมชนิดติดแน่น
ที่มา :: https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/fixed-dentures

ฟันปลอมแบบติดแน่น สะพานฟัน ยังเป็นทางเลือกที่ดีไหม?
ตอบลบฟันปลอมแบบติดแน่น คือ ฟันปลอมที่อาศัยการยึดติดกับฟันธรรมชาติข้างเคียง เช่น ครอบฟัน สะพานฟัน วีเนียร์ รวมถึงการฝังรากฟันเทียม
ฟันปลอมแบบติดแน่นมี ข้อดี คือ ในการใช้งานคนไข้จะรู้สึกสะดวกสบายมากกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ ไม่มีส่วนโครง ฐาน หรือตะขอฟันปลอม และสามารถใช้งานบดเคี้ยวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่ก็มี ข้อเสีย คือ ราคาที่แพงกว่า และคนไข้จำเป็นต้องมีความเข้าใจในการดูแลทำความสะอาดฟันปลอมแบบติดแน่นแต่ละชนิดอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้งานไปได้อย่างยาวนาน
สะพานฟัน คือ การใส่ฟันปลอมแบบติดแน่นวิธีหนึ่ง โดยใช้ฟันธรรมชาติที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังของช่องว่างที่ถูกถอนไปเป็นหลักยึด ทันตแพทย์จะกรอฟันที่เป็นหลักยึดให้มีขนาดพอเหมาะ แล้วทำฟันครอบตั้งแต่ฟันหลักยึดซี่แรก+ฟันที่ใส่ในช่องว่าง+ฟันหลักยึดซี่สุดท้าย ติดเป็นชิ้นเดียวกัน
- ข้อดี คือ คนไข้จะรู้สึกสบาย ไม่รำคาญ ใช้งานได้ดี ทำความสะอาดเช่นเดียวกับการแปรงฟันตามธรรมชาติ และเพิ่มการใช้ไหมขัดฟันบริเวณใต้สะพานฟัน
- ข้อเสีย คือ ต้องกรอฟันธรรมชาติที่ใช้เป็นหลักยึด, ถ้าทำความสะอาดไม่ดีพอ อาจเกิดฟันผุตามขอบฟันครอบได้ และหากเกิดปัญหาก็มักต้องรื้อสะพานฟันทำใหม่ทั้งชุด ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมน้อยกว่าการทำรากฟันเทียม
สะพานฟัน ราคา
ค่าใช้จ่ายในการทำสะพานฟัน จะคิดจาก (จำนวนซี่ฟันที่ต้องการใส่ + จำนวนฟันหลักยึด) x ค่าใช้จ่ายต่อการทำฟันครอบหนึ่งซี่ เช่น กรณีที่ทำสะพานฟัน 3 ซี่ ราคาสะพานฟันจะเท่ากับราคาทำฟันครอบ 3 ซี่นั่นเอง
- ครอบฟันโลหะ non-precious ราคาซี่ละ 10,500
- ครอบฟันโลหะมีค่า (palladium, semi-precious, high-precious) ราคาซี่ละ 10,500+ค่าโลหะ
- ครอบฟันเซรามิกล้วน (zirconia, e-max) ราคาซี่ละ 15,000
- ครอบฟันชั่วคราว ซี่ละ 1,000
สะพานฟันอยู่ได้กี่ปี?
สะพานฟันก็เช่นเดียวกับฟันปลอมแบบติดแน่นวิธีอื่นๆ เช่น ฟันครอบซี่เดียว รากฟันเทียม เป็นต้น ซึ่งสามารถมีอายุใช้งานได้นานนับสิบๆปี ถ้าได้กำจัดพยาธิสภาพใดๆของฟันให้เรียบร้อย ใช้วัสดุเสริมความแข็งแรงอย่างถูกต้อง ออกแบบสะพานฟันให้ฟันหลักยึดเป็นฟันที่แข็งแรงเพียงพอต่อการรองรับสะพานฟันนั้นๆ ร่วมกับการดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ
เงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการบูรณะด้วยสะพานฟัน
กรณีที่มีการสูญเสียฟันธรรมชาติซี่ใดซี่หนึ่งไป หากคนไข้ไม่ต้องการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ ก็สามารถทำฟันปลอมแบบติดแน่นได้ 2 วิธี คือ สะพานฟัน หรือ รากฟันเทียม
โดยหากฟันที่อยู่ด้านหน้าและหลังของช่องว่างที่ต้องการใส่ฟัน เป็นฟันที่ควรต้องบูรณะด้วยการทำครอบฟันอยู่แล้ว ก็เป็นเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการทำสะพานฟันในตำแหน่งนั้น เพราะจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการครอบฟันเฉพาะซี่ฟันซี่กลางที่ใส่ ซึ่งถูกกว่าการทำรากฟันเทียมค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม การทำสะพานฟันนั้น หากเกิดปัญหาในอนาคต การแก้ไขมักต้องรื้อสะพานฟันทำใหม่ทั้งชุด แต่ถ้าทำเป็นฟันครอบแต่ละซี่ และทำรากฟันเทียมในตำแหน่งที่ต้องใส่ฟัน หากเกิดปัญหาที่ซี่ใดซี่หนึ่ง การแก้ไขก็จะทำเฉพาะซี่ที่เป็นปัญหา ปัจจุบันทันตแพทย์จึงมักแนะนำคนไข้ทำสะพานฟันเฉพาะในกรณีที่มีเงื่อนไขเหมาะสมดังกล่าว