มัทฉะ vs ชาเขียว กับความแตกต่างที่ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
เชื่อว่าในปัจจุบันนี้คงไม่มีใครที่ไม่เคยดื่มชา เพราะไม่ว่าจะไปร้านอาหารไหนหรือคาเฟ่ใดๆ ก็สามารถพบเจอได้ตลอด บางร้านก็มีชาหลากหลายชนิดให้เลือก แต่ชาสองชนิดที่หลายคนนิยมรับประทานกันก็คือชาเขียว (Green Tea) และชามัทฉะ (Matcha) แต่ทราบหรือไม่ว่าชาทั้งสองชนิดนี้มีข้อแตกต่างที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ก่อนจะทำความรู้จักกับชาทั้งสอง ต้องกล่าวเบื้องต้นก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวชนิดไหนๆ ก็มีต้นกำเนิดมาจากต้นชา (Camellia Sinensis) ด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่แตกต่างกันไปตามสถานที่เพาะปลูก กรรมวิธีการเก็บเกี่ยว และการผลิตนั่นเอง
มัทฉะคือ ชาแบบไหน?
หากกล่าวเบื้องต้นมัทฉะก็คือชาเขียวชนิดหนึ่ง แต่จะถูกผลิตออกมาในรูปแบบ “ผง” แตกต่างจากชาเขียวชนิดอื่นที่ใช้ใบชาแห้งในการชง เพราะมีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้น สีเขียวสดใส และรสชาติหวานกว่าชาชนิดอื่นๆ ส่วนต้นชาเองก็จะถูกปลูกในร่มเพื่อชะลอการเจริญเติบโตในช่วงนั้น และผู้เชี่ยวชาญจะเลือกเก็บเกี่ยวที่ยอดอ่อนของต้นชาเท่านั้น หลังจากผ่านการอบไอน้ำและการเป่าแห้ง ใบชาก็จะถูกนำมาบดนั่นเอง
นอกจากนี้จุดเด่นของการเป็นผงทำให้ละลายน้ำได้นั้น ผู้คนจึงนิยมนำมัทฉะไปเป็นส่วนผสมในการทำนม ไอศกรีม และขนมชนิดต่างๆ บวกกับความหวานและกลิ่นหอมธรรมชาติของมัทฉะด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ขนมหวานเหล่านั้นมีความอร่อยมากขึ้นไปอีก
ชาเขียวมีลักษณะอย่างไร
- เคียวคุโระ (Kyokuro) มีความหมายว่า “น้ำค้างหยก” ที่บอกถึงสีเขียวอ่อนของน้ำชา โดยต้นชาจะถูกคลุมด้วยเสื่อฟางในช่วงสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดรสหวาน และชาชนิดนี้จะถูกชงด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่าและใช้เวลาแช่น้ำนานกว่าชาชนิดอื่นๆ เป็นหนึ่งในชาที่มีราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่น
- เซนฉะ (Sencha) ทำมาจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในเดือนแรก จึงได้ชื่อว่า “ชาใหม่” โดยเซนฉะใบชาเซนฉะมักจะมีรสหวานและสีเข้มกว่าชาเขียวจีน อุดมไปด้วยสารอาหาร และมีกลิ่นหอมสดชื่น ส่วนรสชาติของชาเซนฉะนั้นจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชง ซึ่งถ้าชงด้วยน้ำร้อนรสชาติจะยิ่งขมมากขึ้นด้วย
- โฮจิฉะ (Hojicha) ไม่เหมือนกับชาชนิดอื่นที่ผ่านการนึ่ง โฮจิฉะเป็นชาที่ถูกนำไปคั่วแทน จึงทำให้ใบชามีสีน้ำตาลแดง เป็นการลดระดับคาเฟอีนและความขมของชาลง ทำให้ดื่มง่ายขึ้น
- เกนไมฉะ (Genmaicha) อาจเป็นชาที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นหูนัก ซึ่งชาชนิดนี้เกิดจากใบชาที่ผสมกับข้าวกล้องทำให้มีรสชาติคล้ายถั่ว มีคาเฟอีนน้อยและสามารถช่วยปรับสภาพกระเพาะอาหารด้วยน้ำตาลและแป้งจากข้าว ชาวญี่ปุ่นนิยมดื่มหลังอาหารเย็น และเกนไมฉะยังมีชื่อเล่นน่ารักๆ คือ “ชาป๊อปคอร์น” อีกด้วย
ความแตกต่างระหว่าง มัทฉะ และ ชาเขียว
ความแตกต่างของมัทฉะและชาเขียว green tea ที่ชัดเจนที่สุด คือ ลักษณะที่นำมาใช้ชง เนื่องจากชาเขียวจะมาในรูปแบบของใบชาแห้ง ในขณะที่มัทฉะมาในรูปแบบของผงละเอียด กระบวนการผลิตก็แตกต่างกันอีกด้วยอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ข้อแตกต่างสำคัญเลยก็คือรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส ชาเขียวจะเป็นน้ำใสๆ มีรสชาติฝาดไปจนถึงขม สีอาจจะเป็นเขียวอ่อนไปจนถึงเขียวเข้ม ส่วนมัทฉะมีลักษณะของน้ำที่ออกเป็นครีมเข้มข้น สีเขียวสว่าง มีรสชาติหวานกว่า อีกทั้งยังสามารถเอาไปทำขนม หรือไอศกรีมได้อีกด้วย ในขณะที่ชาเขียว (ชาใบ) สามารถใช้ชงเครื่องดื่มได้ แต่ไม่เหมาะที่จะไปทำขนมหรือไอศกรีมแต่อย่างใด
ประโยชน์ของชาเขียวทั้งสองชนิด
ทั้งชามัทฉะและชาเขียว นั้นซ่อนคุณประโยชน์มากมายไว้ในรสชาติที่กลมกล่อม การดื่มชาเขียวในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยร่างกายได้หลายด้านเลยทีเดียว เช่น
- สามารถกำจัดแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นสาเหตุของฟันผุ กลิ่นปาก และโรคเหงือก โดยมีสารโพลีฟีนอล (Ployphenols) และแคทีชิน (Catechins) ที่มีอยู่ในใบชาเป็นตัวช่วย
- ชะลอความชรา สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) และสาร OPC (Oligomeric proanthocyanidins) ที่มีในชาเขียวนั้นจะช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้จะช่วยต่อสู้กับปัญหาผิวต่างๆ เช่น ริ้วรอยก่อนวัย และจุดด่างดำต่างๆ ได้ด้วย
- ป้องกันผมร่วง เนื่องจากชาเขียวนั่นอุดมไปด้วยสารแคทีชิน (Catechins) ช่วยป้องกันการเกิดผมร่วงและมีสาร EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งที่สามารถช่วยกระตุ้นการงอกของผมอีกด้วย
นอกจากประโยชน์ของมัทฉะและชาเขียว ที่กล่าวไปนั้น ชายังมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และดีต่อสุขภาพและสมองของผู้ดื่มอีกด้วย
มัทฉะ , Matcha , ชาเขียว , Green Tea
CR :: https://www.aromathailand.com/matcha-vs-green-tea/?lang=th