Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“51 ปี คามิลลา-ชาร์ลส์” : จากเมียน้อยผู้เติมเต็ม สู่ว่าที่ ‘ราชินี ราชชายา’

 

“51 ปี คามิลลา-ชาร์ลส์” : จากเมียน้อยผู้เติมเต็ม สู่ว่าที่ ‘ราชินี ราชชายา’


ความรักของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับดัชเชสคามิลลาคือดรามาสุดแสนแซ่บด้วยความอลวน มีความโลดโผนดุจเดียวกับนิยายชิงรักหักสวาทเรื่องเข้มข้น ทรงเอาชนะชะตากรรมทั้งปวงได้เพราะทรงมีความเข้าอกเข้าใจและผูกพันลึกซึ้งในระหว่างกัน 51 ปี ผ่านไปไวเหมือนฝัน “ทำดี ได้ดี มีอยู่จริง” เมื่อเวลามาถึง “มงก็จะลงเป็นที่แน่นอน” ซึ่งก็คือมงกุฎ “พระราชินีพระราชชายา” นั่นเอง - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
ความรักของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับดัชเชสคามิลลาคือดรามาสุดแสนแซ่บด้วยความอลวน มีความโลดโผนดุจเดียวกับนิยายชิงรักหักสวาทเรื่องเข้มข้น ทรงเอาชนะชะตากรรมทั้งปวงได้เพราะทรงมีความเข้าอกเข้าใจและผูกพันลึกซึ้งในระหว่างกัน 51 ปี ผ่านไปไวเหมือนฝัน “ทำดี ได้ดี มีอยู่จริง” เมื่อเวลามาถึง “มงก็จะลงเป็นที่แน่นอน” ซึ่งก็คือมงกุฎ “พระราชินีพระราชชายา” นั่นเอง - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์



ในบรรดาดราม่ารักแซ่บ สุดๆ ของความครึกโครมระดับจักรวาล ศึกรักอื้อฉาวชาร์ลส์-ไดอานา-คามิลลา ติดท็อปไฟว์ของทุกสถาบันแน่นอน โดยมี คามิลลา พาร์กเกอร์-โบลส์ เป็นตัวละครที่ถูกสาธารณชนดูหมิ่นเกลียดชัง ส่วนเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ เป็นนางเอกน้ำใจงามผู้น่าสงสาร เพราะขณะที่มีเธอเป็นพระวรชายาซึ่งทั้งสาวทั้งสวย แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ เลือกที่จะไปหาคามิลลา “พระคู่รัก”

ดุจเดียวกับนิยายชิงรักหักสวาทเรื่องเข้มข้น บุรุษผู้ทรงสูงศักดิ์และสตรีสาวสังคมถูกชะตาฟ้าลิขิตให้เกิดมาเพื่อกันและกันโดยไม่มีทางที่จะยอมถูกพรากจากกัน แต่ต้องเผชิญจารีตราชสำนักกีดกันมิให้ได้สมรักสมรส ก็ปรากฏว่า ดรามามหากาพย์รักสุดๆ ต๊าช ไม่ยอมปิดฉาก แต่กลับกลายเป็นหนังชีวิตแห่งความอลวนอันปวดร้าวใจยาวนานได้กว่า 51 ปีแล้ว นับจากที่บ่มเพาะความดรามาเมื่อปี 1971 อันเป็นศักราชที่ตัวละครเอกนาม เลดี้ไดอานา ยังมิได้เข้าฉาก เพราะมีอายุเพียง 10 ขวบ

ภาพในปี 1971 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในพระชันษา 22 พรรษา ทรงสง่าด้วยพระรูปพระโฉมสุดหล่อ ส่วน น.ส.คามิลลา แชนด์ วัย 24 ปี มีความแจ่มใสและน่ามองด้วยออร่าของผู้ที่มากมายด้วยความสุข ทั้งสองเริ่มฟีเจอริงกันในฤดูร้อน โดยฝ่ายพระเอกทรงรักใคร่นางเอกอย่างลุ่มหลงกันเลยทีเดียว - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
ภาพในปี 1971 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในพระชันษา 22 พรรษา ทรงสง่าด้วยพระรูปพระโฉมสุดหล่อ ส่วน น.ส.คามิลลา แชนด์ วัย 24 ปี มีความแจ่มใสและน่ามองด้วยออร่าของผู้ที่มากมายด้วยความสุข ทั้งสองเริ่มฟีเจอริงกันในฤดูร้อน โดยฝ่ายพระเอกทรงรักใคร่นางเอกอย่างลุ่มหลงกันเลยทีเดียว - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


“คามิลลา แชนด์” หยอดมุกกิ๊วก๊าว โดนพระทัยเจ้าฟ้าชายขั้นสุด แป๊บเดียวรักกันลึกซึ้งตัดกันไม่ขาด

ต้นรักงอกงามรวดเร็วเสมือนต้องมนตรา คือลีลาความสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มเปิดฉากดรามา

ช่วงฤดูร้อนของปี 1971 คามิลลา โรสแมรี แชนด์ (นามสกุลเดิมก่อนแต่งงาน) ในวัย 23 ปี ได้ติดตาม แคโรลิน เจอราร์ด ลีห์ ไปเชียร์การแข่งขันขี่ม้าที่สโมสรเดอะ การ์ดส์ โปโล คลับ ในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ เกรทปาร์ก โดยแคโรลิน เพื่อนสาวคนนี้เป็นธิดาของประธานสโมสร และสนิทสนมถูกอัธยาศัยกับคามิลลา ซึ่งนอกจากจะขี่ม้าเก่งฉกาจเป็นเต้ยของกลุ่มเพื่อนแล้ว ยังเป็นวีไอพีคนดังของสังคมชั้นสูง ด้วยชื่อชั้นระดับแฟนสาวของร้อยเอกแอนดรูว์ พาร์กเกอร์-โบลส์ บุตรหัวปีของอัครมหาเศรษฐีที่รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระราชชนนี หรือ “ควีนมัม”

โดยในแมตช์พลิกชีวิตนี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ผู้ทรงเป็นดาวรุ่งเนื้อหอมสุดๆ ก็ทรงอยู่บนสนามแข่งด้วย และแล้วดั่งชะตาฟ้าลิขิต คามิลลาได้รับการแนะนำให้ได้รู้จักกับเจ้าฟ้าชายแสนเสน่ห์

ด้วยลีลาแจ่มใสช่างจำนรรจา คามิลลาหยอดมุกขำถวายพระองค์สุดหล่อไปประมาณว่า คุณย่าทวดของหม่อมฉันกับพระปัยกา (ปู่ทวด) ของพระองค์เป็นคู่รักกันนะเพคะ พระองค์จะทรงคิดอย่างไรเพคะ เรื่องราวมุกเด็ดอันนี้ถูกเล่าไว้ในสกู๊ปของ คริสโตเฟอร์ วิลสัน นักเขียนมือทองจอมกระแซะราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์บนเว็บไซต์ข่าวเดลีเมล์ พาดหัวว่า คามิลลา คนกินผู้ชาย (Camilla The Man Eater) เมื่อ 5 พ.ย.2016

“รักแรกพบ” จึงผลิบานขึ้นในพระหทัยของเจ้าฟ้าชายแสนเสน่ห์ พรินซ์ชาร์มมิง ผู้อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ 22 ปี วีไอพีบางท่านระบุคำนี้ให้ โจนาธาน ดิมเบิลบี นำไปจดจารึกในหนังสือชีวประวัติเล่มโด่งดัง The Prince of Wales ที่เจ้าฟ้าชายทรงอนุมัติให้ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 1994

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รู้จักกันแล้วก็ทรงไปมาหาสู่คามิลลา อย่างจริงจังไม่แคร์สื่อ ทรงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและเป็นแฟนกันอย่างรวดเร็ว แบบที่คริสโตเฟอร์ และ บรรดานักเขียนเรื่องราชวงศ์ใช้คำตรงกันว่า ทรงหลงรักคามิลลา และทรงปรนเปรอเธอด้วยความใส่ใจและถ้อยคำหวานหยด มดตายม้าลายสลบ

ผู้เขียน The Prince of Wales หรือเจ้าชายแห่งเวลส์ เล่าว่า เจ้าฟ้าชายทรงบ่มเพาะต้นรักให้เบ่งบานด้วยสิ่งละอันพันน้อยที่น่ารัก เช่น โน้ตพรรณนาความรักอันไพเราะมากมาย ตลอดจนการโทรศัพท์พลอดรักยามดึกเป็นประจำ โดยบุรุษผู้ทรงสูงศักดิ์และสาวสังคมผู้เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา มีมุมมองให้หัวเราะด้วยกันมหาศาล มีสิ่งที่แชร์ในบทสนทนาได้ไม่รู้จบ ตั้งแต่เรื่องกีฬาและการขี่ม้า ไปจนถึงวรรณกรรมและชีวิต

ส่วนที่เจ้าฟ้าชายทรงโปรดมาก คือ คามิลลาจะผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเอง เมื่อได้ออกชนบทขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกัน

ทั้งนี้ ในห้วงหนึ่งปีครึ่งที่คบหาเป็นพระคู่รัก และมีความสุขด้วยกันมากล้น (1971-1972) เป็นช่วงเวลาที่ร้อยเอกแอนดรูว์ แฟนหนุ่มรุ่นโตของคามิลลา ถูกส่งไปประจำการที่เยอรมนีระหว่างปี 1969-1973 โดยที่สถานภาพความสัมพันธ์กับคามิลลา คือ สายใยขาดสะบั้นรอบที่ 108 ด้วยต้นเหตุที่จริงจังใหญ่หลวง เพราะอันที่จริงนั้นท่านผู้กองทหารม้ารักใคร่คบหากับน้องคามิลลา แบบรักๆ เลิกๆ เบื่อๆ อยากๆ มาตลอด คู่ขนานกับการที่ฝ่ายชายคอยแต่จะแว่บไปมีสัมพันธ์กับสตรีภายในแวดวงไฮโซนับจำนวนไม่ถ้วน

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงโปรดปรานกีฬาขี่ม้า ในภาพนี้ยังทรงเป็นหนุ่มสดเจ้าเสน่ห์ด้วยพระชันษาเพียง 19 พรรษา - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงโปรดปรานกีฬาขี่ม้า ในภาพนี้ยังทรงเป็นหนุ่มสดเจ้าเสน่ห์ด้วยพระชันษาเพียง 19 พรรษา - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


ตัวตนของคามิลลา : แจ่มใสครึกครื้น มากด้วยมุกฮา เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ

ผู้ที่ได้พบปะสนทนากับคามิลลา มักจะบอกว่า คุยกับเธอได้อย่างสบายใจ และได้หัวเราะกันบ่อยๆ เพราะเธอมีมุกขำให้ฮากันเสมอ ที่สำคัญ เธอไม่ถือสากับเรื่องหยุมหยิม และด้วยความที่เป็นนักอ่านตัวยง เธอมีเรื่องเล่าให้คู่สนทนาฟังกันเพลินๆ

คามิลลา โรสแมรี แชนด์ เป็นสาวราศีกรกฎ เธอถือกำเนิดในกรุงลอนดอนเมื่อ 17 ก.ค.1948 (อายุมากกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ประมาณหนึ่งปีครึ่ง) และน่าจะได้รับอิทธิพลจากราศีเมถุนไม่ใช่น้อย เธอเด่นมากในด้านการใช้ถ้อยคำอย่างชาญฉลาด มีไหวพริบดี อารมณ์รื่นเริงและช่างจำนรรจา

คามิลลาเป็นลูกคนโตของครอบครัวชนชั้นสูงถิ่นซัสเซกส์ คุณพ่อเคยเป็นนายทหารกองทัพบกยศพันตรี ก่อนจะผันตนเองมาเป็นนักธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม โดยมีธุรกิจเด่นคือ ผู้นำเข้าไวน์รายใหญ่

ในวัยเด็ก หนูน้อยคามิลลาคือทอมบอยผู้ร่าเริงสดใส ใช้เวลาไปกับการขี่ม้าและเล่นกีฬาโลดโผน ตกปลา ปลูกต้นไม้ ทำสวน ขณะเดียวกัน เธอเป็นลูกสาวพ่อ ฟังคุณพ่ออ่านหนังสืออย่างจดจ่อ และจึงถูกบ่มเพาะขึ้นมาเป็นนักอ่านตัวยง

เมื่อเป็นสาวน้อย คามิลลาเข้าเรียนที่โรงเรียนควีนส์เกตในลอนดอน เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมต้นในปี 1964 ก็ถูกส่งเข้าคอร์สเรียน ในโรงเรียนมัธยมปลายที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนแนวฟินนิชชิ่ง บ่มเพาะเด็กสาวให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะหรูสง่าแก่การเข้าสังคมชั้นสูงต่อไป หลังจากนั้น จึงไปฝรั่งเศส เข้าเรียนภาควิชาวรรณคดีฝรั่งเศส ในมหาวิทยาลัยลอนดอน อินสตีติว อิน ปารีส นาน 6 เดือน ก็เดินทางกลับอังกฤษช่วงต้นปี 1965

1965 : ปีแห่งความรักฉูดฉาดอลวนสำหรับคามิลลาสาวน้อย 17 กะรัตเริ่มหัดใช้ชีวิต

คามิลลามิได้กลับเข้าบ้าน แต่ไปเช่าอพาร์ตเมนต์ข้างที่ทำงานซึ่งเป็นบริษัทมัณฑนากร โดยแชร์อพาร์ตเมนต์ด้วยกันกับเพื่อน ทั้งนี้ มัณฑนากรเจ๊ใหญ่ในบริษัท นามว่า อิมมอเกน เทย์เลอร์ เล่าเกร็ดชีวิตคามิลลา ในหนังสือ In The Fringe ว่า คามิลลาไม่ได้จริงจังกับการงาน เธอเพียงต้องการสถานภาพว่ามีตำแหน่งอยู่ในบริษัทชั้นนำ และชีวิตการงานก็จบลงไม่สวย เจ้าของบริษัทซึ่งเจ้าโทโส ตะเบ็งเสียงไล่คามิลลาออกจากงานอย่างดุเดือด ในวันที่เธอเข้าออฟฟิศสายเพราะเที่ยวกลางคืนหนักหน่วง

ด้วยวัยสาวสะพรั่ง 17 ปีเต็ม และรูปร่างกับออร่าที่ดึงดูดใจชาย คามิลลาก้าวเข้าสู่สังคมชนชั้นสูงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และได้พบกับชีวิตรักอลวน

เธอเข้าร่วมปาร์ตี้หรูหราต่างๆ และได้พบกับรูเพิร์ต ฮัมโบร ทายาทตระกูลธนาคารใหญ่ในปาร์ตี้หนึ่ง แล้วทั้งสองก็คบหาเป็นแฟนลึกซึ้งช่วงหนึ่งสั้นๆ คริสโตเฟอร์ วิลสัน เล่าไว้อย่างนั้น

และเล่าด้วยว่า คามิลลาไปพบกับอีกหนุ่มหนึ่ง คือ เควิน เบิร์ก เศรษฐีรุ่นเยาว์เจ้าของธุรกิจอิสระวัย 19 ปี

“เธอเป็นคนสนุกน่ารัก เธอป็อบปูลาร์สุดๆ ครับ และแม้เธอไม่ได้สวยจัด แต่เธอมีพลังดึงดูดและเธอเซ็กซี่ครับ” เศรษฐีเควินเล่าความทรงจำ พร้อมบอกว่า คามิลลาเป็นคนคุยเก่ง และจะมีคำพูดสนุกสนานให้ได้หัวเราะกันเสมอ

“ผมคบหาอยู่กับคามิลลา นานนะครับ ผมคิดว่าเรารักกัน แต่เธอก็เทผมเฉยเลย”

ภาพชุด น.ส.คามิลลา แชนด์ วัยสะพรั่งเพียง 17 ปี ช่วงเข้าสู่สังคมชนชั้นสูงเป็นปีแรก ต่อมาเปลี่ยนสถานภาพเป็นคุณนายไฮโซ นางคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ ในปี1975 มาถึงภาพปี 1984 ซึ่งแบกความทุกข์สามีนอกใจตลอดหนึ่งทศวรรษ ออร่าจึงเหนื่อยๆ ระคนยิ้มแย้มเปี่ยมสุข - ภาพจากแหล่งข่าวมอบให้คริสโตเฟอร์ใช้ประกอบสกู๊ปข่าว และภาพจากเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
ภาพชุด น.ส.คามิลลา แชนด์ วัยสะพรั่งเพียง 17 ปี ช่วงเข้าสู่สังคมชนชั้นสูงเป็นปีแรก ต่อมาเปลี่ยนสถานภาพเป็นคุณนายไฮโซ นางคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ ในปี1975 มาถึงภาพปี 1984 ซึ่งแบกความทุกข์สามีนอกใจตลอดหนึ่งทศวรรษ ออร่าจึงเหนื่อยๆ ระคนยิ้มแย้มเปี่ยมสุข - ภาพจากแหล่งข่าวมอบให้คริสโตเฟอร์ใช้ประกอบสกู๊ปข่าว และภาพจากเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


หลงรักจอมเจ้าชู้ “แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์” ผู้ซึ่งได้เดทและเป็นคนรู้ใจของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์

ต้นเหตุการเทเป็นเพราะคามิลลาได้พบกับนายทหารม้าเจ้าเสน่ห์แสนเท่ นามว่า แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ ชายผู้อายุมากกว่ากัน 7 ปี มีความเข้มแข็ง เป็นผู้นำ และอบอุ่นน่าพักพิง ทั้งนี้ น้องชายของแอนดรูว์ ทำงานในบริษัทขายไวน์แสนหรูหราที่คุณพ่อของคามิลลาเป็นเจ้าของ

ทั้งสองถูกตาต้องใจกันและกันทันที คริสโตเฟอร์เล่าว่า บ้านของแอนน์ดรูวเป็นอพาร์ตเมต์ชายโสดย่านน็อตติ้ง ฮิล และในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ นายทหารหนุ่มห้าวกับสาวสังคมวัยทีนเอจสุดเซ็กซี่ผู้ที่มีชื่อ ชั้น และฐานะหรูหราน่าคบ ก็ได้เริ่มต้นสัมพันธ์อันร้อนแรงระหว่างกัน

แต่ในความเจ้าเสน่ห์ของแอนดรูว์ ก็เต็มไปด้วยความเจ้าชู้ขั้นสุด สร้างความสะเทือนใจแก่คามิลลาโดยตลอด รูเพิร์ต ฮัมโบร แฟนเก่าเล่าแก่คริสโตเฟอร์ ว่า คามิลลาเคยมาหาและระบายความทุกข์ให้ฟังพลางร้องไห้มากมาย ด้วยเหตุนี้ คามิลลากับแอนดรูว์จึงเป็นอะไรที่แบบว่า เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก เบื่อๆ อยากๆ ตลอดหลายปีแห่งสัมพันธ์สวาท

แต่ช็อตซึ่งเชือดเฉือนใจยิ่งยวด คือ ในปี 1970 นายทหารม้าจอมเจ้าชู้มีภารกิจที่ต้องกลับลอนดอนช่วงหนึ่ง แล้วการณ์กลายเป็นว่าสุดหล่อของคามิลลา ได้เป็นคนรู้ใจใกล้ชิดและออกเดทกับ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ สตรีสูงศักดิ์ที่ป็อบปูลาร์ที่สุดของอังกฤษในยุคนั้น

ทั้งนี้ ครอบครัวของแอนดรูว์เป็นชนชั้นสูงที่ได้รับใช้ใกล้ชิดกับราชตระกูลวินด์เซอร์ โดยท่านเอิร์ล แห่งแมคเคิลส์ฟิลด์ ที่ 6 ผู้เป็นคุณพ่อ เป็นคนสนิทของสมเด็จพระราชชนนี ควีนมัม ดังเห็นได้ว่าในพระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หนูน้อยแอนดรูว์ได้อยู่ในขบวนเด็กๆ ถือชายกระโปรงชุดเจ้าสาวอันงดงามวิจิตร

ดังนั้น เมื่อร้อยเอกแอนดรูว์ หมดช่วงภารกิจในลอนดอนและกลับไปประจำการต่อที่เยอรมนีในปลายปี 1970 ถึงต้นปี 1973 คามิลลาจึงได้กลับเป็นตัวของตัวเอง หลังตกอยู่ในชีวิตรักอลวนเพราะผู้กองสุดเลิฟ

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (เสื้อกีฬาเบอร์ 4) ประทับยืนกับพระสหาย ทรงเจ๊าะแจ๊ะกับ น.ส.คามิลลา แชนด์ พระคู่รักช่วงความรักสะพรั่งบานในปี 1972 - ภาพจากเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (เสื้อกีฬาเบอร์ 4) ประทับยืนกับพระสหาย ทรงเจ๊าะแจ๊ะกับ น.ส.คามิลลา แชนด์ พระคู่รักช่วงความรักสะพรั่งบานในปี 1972 - ภาพจากเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


ช่วงมนตรารักอร่อย เจ้าฟ้าชายต้องดำเนินราชกิจในแคริบเบียน ส่วนแอนดรูว์กลับลอนดอน

ในมนตรารักอร่อยระหว่างเจ้าฟ้าชายกับคามิลลา แชนด์ ซึ่งฟีเจอริงกันชื่นมื่นหวานมันนับจากฤดูร้อน 1971 จดจนฤดูหนาว 1972 รวมได้ 18 เดือนนั้น ไม่ได้มีการขอแต่งงาน แถมพกไปด้วยเลย ซึ่งเรื่องอย่างนี้ สำหรับสาว 24 กะรัตทั้งปวง เป็นใครก็ต้องลุ้นต้องรอให้คนรักออกปาก

ปมนี้มีเฉลยอยู่ในหนังสือของโจนาธาน ซึ่งเล่าว่าในช่วงปลาย พ.ย.1972 (เจ้าฟ้าชายทรงทราบแล้วว่า พระองค์จะต้องเสด็จพระดำเนินไปกับเรือรบหลวงนิเวอร์วา ในการราชกิจนาน 8 เดือนย่านทะเลแคริบเบียนตั้งแต่กลาง ม.ค.1973) พระองค์ทรงครุ่นคิดที่จะขอคามิลลาแต่งงาน กระนั้นก็ตาม แม้จะรักจะหลง พระองค์ยังทรงลังเลพระทัยที่จะขยับความสัมพันธ์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง

ยิ่งกว่านั้น ในด้านของเสด็จพระราชมารดาด้วยแล้ว การที่จะได้รับพระบรมราชานุญาตให้แต่งงานกัน คือ ศูนย์เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ เคาน์เตสแพทริเชีย แห่งเมาท์แบทเทน ออฟ เบอร์มา ผู้เป็นแม่ทูนหัวและคุณย่าสะใภ้ และได้รับความไว้วางพระทัยอย่างยิ่งจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ บอกกับ ไจลเลส แบรนเดรธ ผู้เขียน Charles and Camilla : Portrait of a Love Affair (ปี 2005) ว่า

“เรื่องแต่งงานนี่ไม่มีทางเป็นไปได้เลยค่ะ สำหรับตอนนั้นนะคะ เพราะคามิลลามี ‘ประวัติ’ น่ะค่ะ”

ปมปัญหาข้อนี้ได้ส่งผลใหญ่หลวงตามมา

น.ส.คามิลลา แชนด์ สาวสังคมทีนเอจ 17 กะรัต แก้มอิ่ม ดวงตาส่งประกายน่าประทับใจ สนทนากับรูเพิร์ต ฮัมโบร ทายาทตระกูลธนาคารใหญ่ในปี 1965 ทั้งนี้คามิลลาในวัยสาวมีแฟนเยอะและมีภาพลักษณ์ที่ตรงข้ามกับความรักนวลสงวนตัว ภาพจากแหล่งข่าวมอบให้คริสโตเฟอร์ใช้ในสกู๊ปข่าว
น.ส.คามิลลา แชนด์ สาวสังคมทีนเอจ 17 กะรัต แก้มอิ่ม ดวงตาส่งประกายน่าประทับใจ สนทนากับรูเพิร์ต ฮัมโบร ทายาทตระกูลธนาคารใหญ่ในปี 1965 ทั้งนี้คามิลลาในวัยสาวมีแฟนเยอะและมีภาพลักษณ์ที่ตรงข้ามกับความรักนวลสงวนตัว ภาพจากแหล่งข่าวมอบให้คริสโตเฟอร์ใช้ในสกู๊ปข่าว


ฟันธง! คามิลลารักบุรุษทั้งสอง แต่เลือกแอนดรูว์ คือ ได้สามีเป็นของตนเอง มิใช่แค่แฟนลั้ลลา

ตั้งแต่กลาง ม.ค.1973 จดจนปลายปี เกิดปัจจัยใหญ่ระดับตัวพลิกเกม Game Changer!

จอมเจ้าชู้แอนดรูว์ถึงคราวที่ต้องอกหักยับเยิน เนื่องจากเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงปลูกต้นรักกับผู้กองทหารม้าอีกนายหนึ่ง นามว่า รักษาการร้อยเอกมาร์ก แอนน์โทนี ฟิลลิปส์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก กีฬาขี่ม้าประเภททีม สนามมิวนิกปี1972

งานนี้ต้องบอกว่า “เดจาวู - ดั่งที่เคยได้เห็นมาแล้ว” กล่าวคือ ในความปวดร้าวเพราะเผชิญวิกฤตชีวิต พิษขมจากรักสลายนั้น แอนดรูว์หวนกลับไปหาคามิลลา เฉกเช่นที่เคยรักๆ เลิกๆ ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา และที่จึ้งกว่านั้น ในเที่ยวนี้ คามิลลายอดรัก มีชื่อ-ชั้นหรูหรายิ่งกว่าเดิม เป็นถึงแฟนสาวของมกุฎราชกุมารอังกฤษ

บรรดานักเขียนชีวประวัติราชวงศ์มักลงความเห็นตรงกันว่า คามิลลารักแอนดรูว์มาก แอนดรูว์ขอคืนดีเมื่อใด คามิลลาจะยอมให้อภัยและตอบโอเคเมื่อนั้น

แต่ที่สำคัญ เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงวัย 25 กะรัตในยุคซึ่งเดอะ ก็อดฟาเธอร์ ดังระเบิดระเบ้อ จะอยากเริ่มต้นชีวิตสมบูรณ์แบบเสียที ซึ่งต้องประกอบด้วยสามีจดทะเบียน ลูกน่ารัก และบ้านอบอุ่น

ดังนั้น ในเดือน มี.ค.1973 เมื่อแอนดรูว์ผู้มีหัวใจยับเยิน มาขอคืนดี แถมพกด้วยการขอแต่งงาน คามิลลาตอบ เยสค่ะที่รัก ได้โดยไม่ยากเย็น พร้อมกันนี้ เธอได้ส่งจดหมายอันนุ่มนวลไปยังกรมทหารอังกฤษ ณ หมู่เกาะเวสต์อินดีส เพื่อกราบทูลเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ให้ทรงทราบถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ

คุณนายคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ และพันโทแอนดรูว์ผู้เป็นสามี เมื่อปี 1984 พร้อมบุตรและธิดา หลังเข้าพิธีรับมอบฐานันดรท่านเซอร์ OBE ภาพจากแหล่งข่าวมอบให้คริสโตเฟอร์ใช้ในสกู๊ปข่าว
คุณนายคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ และพันโทแอนดรูว์ผู้เป็นสามี เมื่อปี 1984 พร้อมบุตรและธิดา หลังเข้าพิธีรับมอบฐานันดรท่านเซอร์ OBE ภาพจากแหล่งข่าวมอบให้คริสโตเฟอร์ใช้ในสกู๊ปข่าว


ถึงคิวเจ้าชายพรินซ์ชาร์มมิง ที่จะต้องอกหักยับเยิน

จดหมายจากคามิลลาได้ทำลายดวงพระหทัยของเจ้าฟ้าชายจนย่อยยับ หนังสือเม้ามอยราชวงศ์วินด์เซอร์หลายหลากเล่มรายงานตรงกันอย่างนี้ โดยในเล่มที่ชื่อว่า The Duchess : Camilla Parker Bowles and the Love Affair that Rocked the Crown (ปี 2018) โดย เพนนี จูเนอร์ เจ้าแม่นักข่าวและนักเขียนสายราชวงศ์อังกฤษ เล่าว่า เจ้าฟ้าชายทรงส่งจดหมายต่อว่ารัวๆ ไปถึงคามิลลา รวมได้หลายฉบับ

ยิ่งกว่านั้น เมื่อใกล้จะถึงวันวิวาห์ ณ 4 ก.ค.1973 พระองค์ทรงตัดสินใจส่งหนังสือไปอ้อนวอนคามิลลาว่า อย่าแต่งงานกับแอนดรูว์เลย

โจนาธานเขียนเล่าว่า เจ้าฟ้าชายทรงมีหนังสือไปยังท่านเอิร์ลเมาท์แบตเตน แห่งเบอร์มา เสด็จปู่ใหญ่ (พระเชษฐาของเสด็จย่าของเจ้าฟ้าชาย) ซึ่งพระองค์ทรงรักและไว้ใจที่จะเล่าความในใจทุกสิ่งอย่าง โดยได้ทรงพรรณนาถึงความรวดร้าวพระทัยว่า “ความสัมพันธ์แสนสุข แสนสงบที่มีด้วยกันกับคามิลลา ได้มาถึงจุดจบ - กระหม่อมไม่มีใครให้กลับไปหาที่ประเทศอังกฤษแล้ว”

โจนาธานเล่าสืบไปว่า หลายๆ ปีต่อมาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เป็นห้วงแห่งการไปเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมาย ทั้งนี้ ทรงรักษาสายสัมพันธ์ฉันมิตรกับครอบครัวพาร์กเกอร์ โบลส์ ตลอดหลายปี และทรงรับเป็นพ่อทูนหัวให้แก่บุตรชายของคามิลลาด้วย

สิ่งละอันพันน้อยที่แสนดีในช่วงนี้ทำให้มีการสืบสานและสร้างสมความห่วงใยและผูกพัน คามิลลาก็รักษาความเป็นคนสนิทของพระองค์อย่างสม่ำเสมอ เพนนีเล่าไว้ใน The Duchess อย่างนั้น พร้อมให้ข้อมูลต่างๆ เช่น ทรงสนทนาโทรศัพท์กันเป็นหลายชั่วโมง ตลอดทั้งได้ทรงเขียนจดหมายยาวๆ ไปเล่าเรื่องต่างๆ บ้าง หารือบ้าง โดยคามิลลาก็ให้คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม กล้าที่จะชี้แนะสิ่งเหมาะควร เป็นพระสหายที่จริงใจ

ในห้วงแห่งความรู้สึกไร้เป้าหมายนั้น โจนาธาน เล่าว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงออกเดทกับสตรีหลายๆ ท่านซึ่งมีสเปกตรงกับข้อกำหนดที่จะก้าวขึ้นเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ได้ เช่น การเป็นพรหมจารีและมีเชื้อสายราชวงศ์ปึ้กปั้ก ทั้งนี้ หนึ่งในคู่เดทมากมาย คือ เลดี้ซาราห์ สเปนเซอร์ พี่สาวของเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในปี 1979 ณ พระชันษา 30 กะรัต ขณะทรงเล่นวินด์เซิร์ฟด้วยพระวรกายฟิตแอนด์เฟิร์ม เซ็กซีเร้าใจพสกนิกรสตรี ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเชื่อว่าในช่วงนี้คามิลลาเตียงหักกับสามีแล้ว และน่าจะเริ่มถ่านไฟเก่าคุกับเจ้าฟ้าชาย - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในปี 1979 ณ พระชันษา 30 กะรัต ขณะทรงเล่นวินด์เซิร์ฟด้วยพระวรกายฟิตแอนด์เฟิร์ม เซ็กซีเร้าใจพสกนิกรสตรี ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเชื่อว่าในช่วงนี้คามิลลาเตียงหักกับสามีแล้ว และน่าจะเริ่มถ่านไฟเก่าคุกับเจ้าฟ้าชาย - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


สัมพันธ์รอบ 2 ของเนื้อคู่ ชาร์ลส์-คามิลลา เริ่มเมื่อใด ยังไม่แน่ แต่เลดี้ไดอานาระแวงตั้งแต่ยังไม่วิวาห์

เพื่อนสนิทมิตรสหายของคามิลลาเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า ในขณะที่นายทหารม้าแอนดรูว์ยังเดินหน้าคบซ้อนกับสตรีไฮโซ เฉกเช่นที่เป็นมา คามิลลาอยากมีครอบครัวสมบูรณ์แบบ จึงอดทนแบกความทุกข์สามีเจ้าชู้ พร้อมกับถนอมรักษาความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าชายให้เป็นเพื่อนอย่างอุดมคติ ซึ่งเธอทำได้หลายปี

ในเวลาเดียวกัน เจ้าชายแสนเสน่ห์ สุดแสนจะร่ำรวย สุดแสนจะหล่อเลือกได้อย่างเจ้าฟ้าชาย ชาร์ลส์ ก็ทรงไม่อาจตัดพระทัยขาด และยิ่งแอนดรูว์ทำร้ายจิตใจของคามิลลาเพียงใด ก็ทรงสงสารห่วงใยมากมายเพียงนั้น และ ในที่สุดก็ทรงย้อนกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคามิลลาเข้าจนได้

ปมความผูกพันเหนียวแน่นดังกล่าวได้รับการวิเคราะห์ว่า สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงมีจิตใจอ่อนไหว และ ทรงมีปมกับพระราชมารดาพระบิดา ซึ่งทำให้สภาวะทางจิตวิทยาของพระองค์อยู่ในความอ้างว้างอันยากจะบำบัด คามิลลาคนเดียวจะเยียวยาและปัดเป่าความโทมนัสให้ได้ คามิลลาเท่านั้นที่เข้าใจพระองค์ คามิลลาเท่านั้นที่หนุนพระองค์ให้ทรงเข้มแข็ง มีแต่คามิลลาที่พระองค์จะทรงผ่อนคลายสบายพระทัยเมื่อได้ประทับใกล้ชิด

ในการนี้ เพนนีให้ข้อมูลว่า บุรุษผู้สูงศักดิ์กับเนื้อคู่ของพระองค์ กลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันคู่รัก ตกราวต้นปี 1978 หลังจากที่คามิลลาให้กำเนิดบุตรคนที่สอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าฟ้าชายได้รับความสะเทือนใจรุนแรงที่ท่านเอิร์ลเมาท์แบตเตนต้องสิ้นชีพิตักษัยด้วยน้ำมือของกองกำลังก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนกลุ่มไออาร์เอในปี 1979 คามิลลาเป็นบุคคลเดียวที่ทรงวิ่งไปหาเพื่อพักพิงจิตใจ

กระนั้นก็ตาม ความสัมพันธ์ลึกซึ้งรอบสองดำเนินอยู่ภายในแรงกดดันที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งเจริญพระชันษาได้ 30 พรรษาแล้ว ควรจะมีการอภิเษกสมรสให้เรียบร้อยตามจารีตประเพณี

เจ้าฟ้าชายกับคุณนายคามิลลาในราชยานยนต์หลวงเคลื่อนออกจากโรงละครแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนในค่ำคืนพฤหัสบดี 13 ก.พ.1975 ช่วงนี้ยังทรงรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรสนิท – ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
เจ้าฟ้าชายกับคุณนายคามิลลาในราชยานยนต์หลวงเคลื่อนออกจากโรงละครแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนในค่ำคืนพฤหัสบดี 13 ก.พ.1975 ช่วงนี้ยังทรงรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรสนิท – ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


“เลดี้ไดอานา” เข้าสู่สายพระเนตรเจ้าฟ้าชายในปี 1980 หกเดือนได้เป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์

ในปาร์ตี้บ้านเพื่อนของเลดี้ไดอานา ใกล้ฤดูออทั่มปี 1980 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เป็นแขกวีวีไอพี พระองค์ทรงเริ่มรู้สึกว่าเลดี้สาวสวยร่าเริงด้วยวัย 19 ปีรายนี้ น่าสนใจ โดยทั้งสองมีโอกาสได้นั่งข้างกัน และไดอานาเปิดบทสนทนาถึงพิธีพระศพของท่านเอิร์ลเมาท์แบตเตน เพนนี จูเนอร์ เขียนเล่าไว้อย่างนั้น พร้อมเล่าประโยคโดนพระทัยที่ไดอานากล่าวต่อเจ้าฟ้าชายว่า

“โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างที่สุดค่ะ หม่อมฉันเฝ้ามองพระองค์โทมนัสอยู่ในพิธีพระศพ ใจของหม่อมฉันร่ำไห้ให้แก่พระองค์ หม่อมฉันคิดอยู่ว่าพระองค์ทรงว้าเหว่เหลือเกิน – พระองค์ควรจะมีใครสักคนดูแลพระองค์นะคะ”

ถ้อยคำเหล่านี้ส่งผลให้ชีวิตของเลดี้ไดอานาเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร ในหกเดือนต่อมา จดจน ก.พ.1981 เจ้าฟ้าชายทรงเชิญเธอร่วมปาร์ตี้และงานสังคมต่างๆ รวม 13 ครั้ง เช่น งานฉลองเบิร์ธเดย์ของเจ้าหญิงมาร์กาเรต พระกนิษฐาในสมเด็จพระราชินีนาถ ทั้งนี้ ภายในเวลาแป๊บเดียว สื่อมวลชนก็ได้กลิ่นข่าวสุดยอดฮือฮาแห่งยุค และพากันตื่นเต้น แข่งกันเสนอข่าวในสารพันแง่มุม

และแล้วในวันที่ 6 ก.พ.1981 อันเป็นวันที่เจ้าฟ้าชายทรงเชิญเลดี้ไดอานามาพบที่วังวินด์เซอร์ พระองค์ทรงขอแต่งงาน ซึ่งเลดี้ไดอานาก็ตอบรับโดยไม่ลังเล แม้มีความกังวลใจที่ได้ทราบอยู่ว่าเจ้าฟ้าชายมีความสนิทสนมลึกซึ้งกับพระสหาย นามคามิลลา เรื่องนี้ถูกเล่าไว้ใน หนังสือเล่มอื้อฉาว Diana : Her True Story (ปี 1992) โดย แอนดรูว์ มอร์ตัน

หลังจากนั้น ความทุกข์อันมีต้นตอจาก “ความระแวง” แห่กันเข้าครอบครองพื้นที่ดวงใจของเลดี้ไดอานา ขณะที่เจ้าฟ้าชายก็ทรงพยายามให้ความมั่นใจแก่พระคู่หมั้นว่าจะไม่มีหญิงอื่นใดนอกจากเจ้านาง โจนาธานเล่าอย่างนั้น ขณะที่ เพนนีก็เขียนเล่าว่า ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับคามิลลายุติลง เมื่อพระองค์ทรงเริ่มชีวิตครอบครัวกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์

ในวันที่ 29 ก.ค.1981 พิธีอภิเษกสมรสแห่งศตวรรษระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ วัย 31 พรรษา กับเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์วัย 19 ปี ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สง่างามอลังการ ต่อหน้าชาวโลกที่รับชมพร้อมกันผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วทุกทวีปราว 750 ล้านคน

คู่สมรสบันลือโลก : เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ จุมพิตหวานชื่นหลังพระราชพิธีอภิเษกสมรสเมื่อ 29 ก.ค.1981 - ภาพรอยเตอร์
คู่สมรสบันลือโลก : เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ จุมพิตหวานชื่นหลังพระราชพิธีอภิเษกสมรสเมื่อ 29 ก.ค.1981 - ภาพรอยเตอร์


เจ้าฟ้าชายและพระวรชายาทรงหวานออกสื่อ ที่ริมแม่น้ำดี ณ ปราสาทบัลมอรัล สกอตแลนด์ ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เมื่อ 19 ส.ค.1981 - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์
เจ้าฟ้าชายและพระวรชายาทรงหวานออกสื่อ ที่ริมแม่น้ำดี ณ ปราสาทบัลมอรัล สกอตแลนด์ ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เมื่อ 19 ส.ค.1981 - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์


สายพระเนตรเปี่ยมรักของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ทอดไปยังเจ้าฟ้าชายเมื่อปี 1981 ผู้เชี่ยวชาญจึงมักจะเชื่อว่าชีวิตสมรสของทั้งสองพระองค์เริ่มต้นด้วยความเสน่หาเป็นอย่างยิ่ง - ภาพเอพี
สายพระเนตรเปี่ยมรักของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ทอดไปยังเจ้าฟ้าชายเมื่อปี 1981 ผู้เชี่ยวชาญจึงมักจะเชื่อว่าชีวิตสมรสของทั้งสองพระองค์เริ่มต้นด้วยความเสน่หาเป็นอย่างยิ่ง - ภาพเอพี


โทมนัสในพิษหึงหวง เจ้าหญิงหันไปมีชายอื่นในปี 1985 และ 1986 พระสวามีทรงทราบ มีการแยกห้องนอน

ความสัมพันธ์ฉันคนรักระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และคามิลลา ถูกเม้ามอยหนาหูในแวดวงไฮโซใกล้ชิดพระราชวงศ์ เจ้าหญิงไดอานาก็ทราบเช่นกัน และจึงเฝ้าระแวงว่าพระสวามีของพระองค์จะทรงแว่บไปหาคามิลลา เพนนีเขียนเล่าอย่างละเอียด พร้อมกรณีตัวอย่างคราวที่มีปากเสียงกันใหญ่โตเมื่อ เจ้าหญิงทรงพบว่าเจ้าฟ้าชายทรงแนบภาพถ่ายของคามิลลาไว้ในสมุดไดอารี และในอีกครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงทรงปรี๊ดแตกเมื่อได้พบเห็นเจ้าฟ้าชายทรงใช้กระดุมข้อมือเสื้อที่คามิลลามอบเป็นของขวัญ ความบาดตาน่าสะเทือนพระทัยอยู่ในข้อที่ว่า กระดุมแสนหรูนี้ประดับด้วยอักษร C สองตัวไขว้กันแบบโลโก้ของแบรนด์ชาแนล ทั้งนี้ทรงเชื่อว่า อักษร C สองตัว คือ อักษรย่อจากชื่อคามิลลา กับพระนามว่าชาร์ลส์

ความระหองระแหงรุนแรงอุบัติขึ้นตลอดชีวิตสมรส แม้ว่าในระหว่างนั้น เจ้าชายน่ารักสองพระองค์ทรงถือกำเนิดขึ้น ได้แก่ เจ้าชายวิลเลียม ซึ่งประสูติในปี 1982 และเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งประสูติปี 1984 เจ้าหญิงไดอานาบอกผ่านหนังสือของแอนดรูว์ มอร์ตันว่า ในความทุกข์ตรมต่อเรื่องของคามิลลา ทรงเคยทำร้ายตนเองรุนแรง เช่น ขณะตั้งครรภ์ทรงทุ่มพระกายให้ตกบันไดลงมา และในอีกคราหนึ่ง ช่วงปี 1985-86 ซึ่งพระสวามีทวีความเย็นชาตอบโต้กับความโกรธเกรี้ยวของพระองค์ พระองค์ทรงใช้มีดพกทำร้ายหน้าอกและขาของตนเอง มีเลือดออกมากมาย แต่กลับต้องเผชิญกับความเย็นชาของเจ้าฟ้าชาย หนำซ้ำยังถูกข้าราชบริพารในสำนักพระราชวังมองว่าพระองค์เริ่มป่วยทางจิต

ในท่ามกลางวิกฤตชีวิต เจ้าหญิงไดอานา ทรงเริ่มเยียวยาความทุกข์ตรมด้วยการปลูกต้นรักกับชายอื่น โดยที่ว่าก่อนจะแตกหักแยกทางกับพระสวามีในอีก 7 ปีข้างหน้า ทรงมีรักใหม่ที่ปรากฏเป็นข่าวในภายหลัง อย่างน้อย 3 ราย

รักใหม่รายแรกเกิดขึ้นในปี 1985 : เขาเป็นราชองครักษ์ นามว่า แบร์รี แมนเนกี หนุ่มใหญ่ ออร่าเข้มแข็งมั่นคง ผู้ซึ่งมาจากครอบครัวชาวบ้านย่านลอนดอนตะวันออก โดยเป็นตำรวจนครบาลที่โดดเด่น ก่อนจะถูกโอนย้ายเข้าทีมราชองครักษ์ปกป้องเจ้าหญิงแห่งเวลส์ตั้งแต่เดือน เม.ย.1985 ทั้งนี้ เมื่อเวลาผ่านไปแล้วหลายปี เจ้าหญิงไดอานาทรงเล่าถึงรักครั้งนี้ให้แก่ ปีเตอร์ เซตเทลเลน ซึ่งเป็นโค้ชฝึกสอนพระองค์ด้านการเปล่งเสียงเพื่อพัฒนาทักษะการพูดในที่สาธารณะเมื่อช่วงปี 1992-1993 โค้ชปีเตอร์บันทึกวิดีโอบทสนทนานี้ และนำไปขายแก่สื่อมวลชนในปี 2004 เมื่อสื่อรู้ โลกก็รู้ด้วย

หลายฝ่ายเชื่อว่าว่าดรามารักนอกใจพระสวามีนี้เป็นที่ล่วงรู้ถึง “ผู้ใหญ่” และแล้วในปีต่อมา คือ 1986 ราชองครักษ์แบร์รี ถูกย้ายออกจากภารกิจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิง และไม่นานจากนั้น ได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ถูกชนท้ายในเดือนพฤษภาคม 1987

ในภาพรอยเตอร์ปี 1985 เจ้าหญิงไดอานาทรงพระพักตร์หม่นหมองขณะทรงอุ้มเจ้าชายแฮร์รี ในปีเดียวกันนี้เริ่มมีการปล่อยข้อมูลสู่มือสื่อในประเด็นว่าไดอานาถูกชาร์ลส์ทอดทิ้ง
ในภาพรอยเตอร์ปี 1985 เจ้าหญิงไดอานาทรงพระพักตร์หม่นหมองขณะทรงอุ้มเจ้าชายแฮร์รี ในปีเดียวกันนี้เริ่มมีการปล่อยข้อมูลสู่มือสื่อในประเด็นว่าไดอานาถูกชาร์ลส์ทอดทิ้ง


ดั่งจะเป็นการแก้ข่าว ในปี 1985 เช่นกัน มีการจัดทำภาพถ่ายชีวิตครอบครัวของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เผยแพร่แก่สื่อมวลชน - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์  ในศักราชนี้ เจ้าชายยังทรงรักษาสัญญาที่จะไม่นอกใจพระวรชายา
ดั่งจะเป็นการแก้ข่าว ในปี 1985 เช่นกัน มีการจัดทำภาพถ่ายชีวิตครอบครัวของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เผยแพร่แก่สื่อมวลชน - ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์ ในศักราชนี้ เจ้าชายยังทรงรักษาสัญญาที่จะไม่นอกใจพระวรชายา


รายที่ 2 เกิดขึ้นในปี 1986 ยาวนานประมาณ 5 ปี : ไม่กี่เดือนจากที่แบร์รีถูกโยกย้ายออกไป นายทหารหนุ่มผู้แจ่มใส นามว่า รักษาการร้อยเอกเจมส์ ฮิววิตต์ ได้พบและปิ๊งกับเจ้าหญิงไดอานาในไตรมาส 3 ของปี ภายในปาร์ตี้ที่วังเคนซิงตันจัดให้แก่ข้าราชบริพาร ทั้งนี้ เจ้าหญิงทรงเปิดทางให้ผู้กองเจมส์เข้าถึงพระองค์ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเชิญให้มาสอนพระองค์ขี่ม้าที่วังเคนซิงตัน ต้นรักของทั้งสองออกดอกสะพรั่งที่บ้านสวนของฝ่ายชาย เจ้าหญิงเสด็จไปที่นั่นและทรงใช้เวลาอยู่กับเจมส์ที่รักอย่างเปี่ยมสุข คุยเจ๊าะแจ๊ะ ทำอาหาร ล้างจาน และร่วมรักกัน

นอกจากนั้น เจมส์ได้แอบเข้าวังเคนซิงตันไปค้างคืนในห้องนอนของเจ้าหญิงบ่อยครั้ง และได้ทราบว่าพระองค์และพระสวามีทรงแยกห้องนอนกันแล้ว

เหล่านี้ปรากฏในหนังสือ สัมพันธ์สวาท 5 ปี (1986-1991) ที่เจ้าหญิงไดอานามีอยู่กับเจมส์ ฮิววิตต์ ภายใต้ชื่อเรื่องว่า Princess in Love (ปี 1994) โดยเจ้าหญิงทรงออกมายอมรับเรื่องราวอื้อฉาวนี้ในหนึ่งปีต่อมา ทั้งนี้ ทรงเลือกให้เป็นวาระที่ชาวโลกจะได้รับทราบพร้อมกันทั่วปฐพี คือ ทรงกล่าวออกอากาศในระหว่างให้สัมภาษณ์แก่มาร์ติน บาเชียร์ ในรายการ Panorama ของทีวีช่องบีบีซี ยอมรับว่าพระองค์เคยรักเจมส์ ฮิววิตต์ แต่ก็ถูกทำให้ผิดหวังรุนแรง

ดรามารักทั้งสองกรณีเป็นที่ล่วงรู้ของหลายฝ่ายที่เป็นคนวงใน และจะไม่น่าประหลาดใจที่ เจ้าฟ้าชายจะทรงทราบเรื่อง ทั้งนี้ มีการแยกห้องนอนกันในปี 1986

นอกจากนั้น นับจากที่เจ้าฟ้าชายทรงยุติความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เคยมีต่อคามิลลาไปแล้ว นั้น เมื่อทรงตระหนักว่าชีวิตสมรสได้มาถึงสภาพที่เกินกว่าจะกอบกู้กลับมาได้ พระองค์ทรงตัดใจและจุดไฟรักกับคามิลลากลับคืนขึ้นมาในปี 1986 นั่นเอง โจนาธาน รายงานอย่างนั้น

ภาพถ่ายผู้กองเจมส์ ฮิววิตต์ ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ซึ่งเจ้าตัวมอบให้แอนนา พาสเตอร์นัก ผู้ประพันธ์ นำไปรจนาในหนังสือ Princess in Love (ปี 1994)
ภาพถ่ายผู้กองเจมส์ ฮิววิตต์ ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ซึ่งเจ้าตัวมอบให้แอนนา พาสเตอร์นัก ผู้ประพันธ์ นำไปรจนาในหนังสือ Princess in Love (ปี 1994)


ภาพถ่ายผู้กองเจมส์ กับเจ้าหญิงในบรรยากาศกุ๊กกิ๊กเมื่อปี 1986 ซึ่งผู้กองมอบให้นำไปลงในหนังสือ Princess in Love
ภาพถ่ายผู้กองเจมส์ กับเจ้าหญิงในบรรยากาศกุ๊กกิ๊กเมื่อปี 1986 ซึ่งผู้กองมอบให้นำไปลงในหนังสือ Princess in Love


ลุกขึ้น ‘ไฝว้’ กับคามิลลา “ฉันต้องการสามีของฉัน” - ฉูดฉาดไม่แพ้นิยายชิงรักหักสวาท

ในหลายๆ ปีที่เจ้าฟ้าชายตัดใจออกจากความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคามิลลา เจ้าหญิงไม่เคยเชื่อและยังระแวงหึงหวงมากมาย ดังนั้น เมื่อพระสวามีรื้อฟื้นความสัมพันธ์ชู้สาวกลับขึ้นมาจริงๆ พระชายาก็ยิ่งพิโรธนักหนา ทรงตัดสินใจเข้าไปเผชิญหน้ากับคามิลลาในเดือนกุมภาพันธ์ 1989 ซึ่งเป็นห้วงที่เจ้าหญิงต้องห่างไกลจากยอดรักเจมส์ ฮิววิตต์ เพราะฝ่ายชายถูกส่งไปประจำการที่เยอรมนี

หนังสือของแอนดรูว์ มอร์ตัน เล่าว่า ทรงตัดสินพระทัยแน่วแน่ที่จะเปิดฉากไฝว้กับคามิลลา ทรงตามเสด็จพระสวามีไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของคามิลลา ในจังหวะหนึ่งที่ปลอดผู้คน เจ้าหญิงทรงออกปากขอคุยส่วนตัวกับคามิลลา ทั้งนี้ ทรงบอกไปว่าทรงทราบเรื่องหมดแล้ว หลังจากนั้น มีการต่อปากต่อคำกันเล็กน้อย คามิลลาถามเจ้าหญิงว่า ทรงได้ความรักจากผู้ชายทั้งโลกแล้ว จะทรงต้องการอะไรอีก

เจ้าหญิงตรัสตอบว่า “ฉันต้องการสามีของฉัน”

เมื่องานกร่อยเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหญิงและพระสวามีเสด็จกลับ เจ้าหญิงทรงร้องไห้ตลอดทาง

การปล่อยข่าวผ่านสื่อ เจาะยางเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มีเป็นระยะๆ ในที่สุดก็ยิงตรงไปยัง คามิลลา

การไฝว้เปิดหน้าระหว่างเจ้าหญิงไดอานากับคามิลลาเกิดขึ้นครั้งนั้นครั้งเดียว แต่การไฝว้ผ่านช่องทางสื่อมวลชนโดยอัดหมัดหนักๆ เข้าใส่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ได้ปรากฏเป็นระยะๆ นับจากเดือน ก.ค.1985 หรือก็คือ 2-3 เดือนที่เจ้าหญิงมีราชองครักษ์แบร์รีอยู่ในชีวิตแล้ว ดังเห็นได้ว่าสื่อมวลชนเจ้าใหญ่ยักษ์ต่างๆ เริ่มตีข่าวเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ห่างเหินพระชายา โดยที่ว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีประเด็นแซ่บขนาดนี้

ในการนี้ นิตยสารรายสัปดาห์ยักษ์ใหญ่ด้านข่าวเซเลบอย่าง People ซึ่งมักจะนำข่าวของเจ้าหญิงขึ้นหน้าปก นั้น ในฉบับปลายเดือน ก.ค.1985 ได้เริ่มหมัดแย็บเบาๆ โดยโปรยข่าวหน้าหนึ่งว่า “ไดอานาเป็นสตรีผู้มีคนรับใช้มากมายและเป็นผู้ซึ่งเต้นรำให้ยามค่ำคืนผ่านพ้นไป และในบางคราเธอเต้นรำเดียวดายไร้เงาชาร์ลส์”

แล้วประเด็นนี้มาฮอตฉ่าอีกคราในช่วงกลางปี 1987 ช่วงที่สัมพันธ์สวาทของเจ้าหญิงไดอานา กับเจมส์ ฮิววิตต์ยังชุ่มฉ่ำในกระแสรัก หน้าปก People ฉบับสัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย.1987 เสนอประเด็นเตียงหักด้วยตัวโปรยข่าวว่า “ฝ่ายหญิงคอยรับมือกับปัญหา ฝ่ายชายเอาแต่ทำหน้าเซ็ง หลังแต่งงาน 6 ปี ชาร์ลส์กับไดเริ่มดำเนินชีวิตแยกต่างหากจากกัน”

ยิ่งเมื่อมาในปี 1990 แรงเขย่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ที่มาจากสื่อมวลชน ยิ่งทวีตัวหนักหนา ปรากฏเป็นข่าวติดลบรัวๆ

พอถึงเดือน ก.พ.1991 หน้าปก People ชงประเด็นดุเดือดว่า ชาร์ลส์เผชิญวิกฤตวัยกลางคนและหวนซบแฟนเก่า

และแล้ว 1 มิ.ย.1992 Diana : Her True Story โดยแอนดรูว์ มอร์ตัน ถูกวางตลาดอย่างครึกโครม เพราะหนังสือโจมตีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ย่อยยับ

ศึกชิงรักหักสวาทยกระดับถึงขั้นแตกหักภายในเดือนเดียวกันนั้นเลย เมื่อสงครามผ่านสื่อมวลชนขยายตัวไปเล่นงานสุดที่รักของเจ้าฟ้าชาย โดยมีการส่งข้อมูลและภาพถ่ายของคามิลลาไปยังมือสื่อมวลชน หน้าปก People สัปดาห์ปลายเดือน มิ.ย.1992 นำภาพของคามิลลา ในเวอร์ชันที่แก่และเคร่งเครียด ขึ้นคู่กับภาพเจ้าหญิงไดอานา ในคำพาดหัวข่าวว่า “มือที่สาม - คู่แข่งไดอานา” ท่านผู้ชมเมาม์กันลั่นสนั่นปฐพี

เท่านั้นเอง การปล่อยข้อมูลคบชู้ของเจ้าหญิงไดอานาได้อุบัติขึ้นบ้าง

ศึกอื้อฉาวเจ้าแห่งเวลส์ หรือ War of the Waleses เป็นหนึ่งในคำเรียกสถานการณ์อันเต็มไปด้วยการปล่อยข้อมูลลับและภาพถ่ายที่สร้างความเสียหายแก่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ – ภาพปกนิตยสาร People
ศึกอื้อฉาวเจ้าแห่งเวลส์ หรือ War of the Waleses เป็นหนึ่งในคำเรียกสถานการณ์อันเต็มไปด้วยการปล่อยข้อมูลลับและภาพถ่ายที่สร้างความเสียหายแก่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ – ภาพปกนิตยสาร People


ช่วงกลางปี 1992 การปล่อยข้อมูลลับและภาพถ่ายพุ่งเป้าเล่นงานคามิลลา คุณน้าวัย 44 ปี ว่าเป็นมือที่สามที่แย่งพระสวามีของเจ้าหญิงไดอานาผู้ทรงแสนสวยแสนสาวด้วยวัย 31 ปี – ภาพปกนิตยสาร People
ช่วงกลางปี 1992 การปล่อยข้อมูลลับและภาพถ่ายพุ่งเป้าเล่นงานคามิลลา คุณน้าวัย 44 ปี ว่าเป็นมือที่สามที่แย่งพระสวามีของเจ้าหญิงไดอานาผู้ทรงแสนสวยแสนสาวด้วยวัย 31 ปี – ภาพปกนิตยสาร People


รักใหม่รายที่ 3 เกิดขึ้นในปี 1989 แต่อื้อฉาวในปี 1992 : รักใหม่หมายเลข 3 ที่ซ้อนอยู่กับรักหมายเลข 2 เป็นหนุ่ม เจมส์ กิลบี เพื่อนสมัยเด็กของเจ้าหญิงไดอานา เขาเป็นทายาทตระกูลมหาเศรษฐีผู้ผลิตเหล้า Gilby’s Gin ของอังกฤษ

The Sun หนังสือพิมพ์หัวสีระดับเจ้าพ่อ ฉบับวันที่ 23 ส.ค.1992 ตีพิมพ์ข่าว “คลิปเสียงหลุด” อันเป็นเสียงสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันปีใหม่ 1990 ระหว่างเจ้าหญิงไดอานากับชายผู้เป็นที่รัก ผู้ซึ่งเรียกพระองค์ด้วยคำว่าที่รัก 14 ครั้ง และเรียกด้วยชื่อเรียกเล่นๆ สนิทสนมมากมายว่า “ยัยปลาหมึก” มากถึง 53 ครั้ง ทั้งนี้ มีการตีพิมพ์ข้อความการสนทนา เช่น เจ้าหญิงทรงกล่าวถ้อยคำโกรธแค้นราชตระกูลวินด์เซอร์ และทรงวิตกว่าทีมสอดแนมของวังจะล่วงรู้ถึงการที่พระองค์ลอบไปพบกับชายผู้นี้ ตลอดจนรำพึงถึงความหวาดหวั่นว่าจะทรงตั้งครรภ์

เจ้าของเสียงนายนี้ถูกเฉลยในภายหลังว่า คือ เจมส์ กิลบี นั่นเอง

ในหนึ่งเดือนต่อมา ภาพถ่ายชายชู้ทั้ง 2 พระหน่อของเจ้าหญิงถูกปล่อยสู่มือสื่อมวลชน หนุ่มเจมส์ ฮิววิตต์ กับหนุ่มเจมส์ กิลบี ได้ขึ้นหน้าปก People ฉบับกลางเดือน ก.ย.1992 อื้อฉาวครึกโครมไปทั่วโลก

เดือน พ.ย.1992 มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ตกลงแยกทางกัน ถ้อยคำสงสารหลั่งไหลสู่เจ้าหญิงผู้แสนดี เลี้ยงลูกอย่างเข้มแข็งแม้ถูกพระสวามีทอดทิ้งนานปี และเสียงด่าทอดูหมิ่นเหยียดหยามคามิลลา ผู้หญิงที่แย่งสามีคนอื่น ตัวทำลายชีวิตสมรสของไดอานา

ภาพถ่ายและข้อมูลลับเกี่ยวกับสองชายชู้ของเจ้าหญิงไดอานาเริ่มถูกปล่อยสู่มือสื่อในเดือน ส.ค. และ ก.ย.1992
ภาพถ่ายและข้อมูลลับเกี่ยวกับสองชายชู้ของเจ้าหญิงไดอานาเริ่มถูกปล่อยสู่มือสื่อในเดือน ส.ค. และ ก.ย.1992


คามิลลาผู้ขาด ‘สเปก’ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้ครองคู่เจ้าชายอย่างราบรื่นหลังการหย่าขาดปี 1996

ในท่ามกลางปฏิกิริยาย่ำแย่ที่ประชาชนมีต่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และกระแสเกลียดชังรุนแรงที่มีต่อ คามิลลา พระองค์ทรงให้มีการจัดทำภาพยนตร์สารคดีที่ระลึกครบรอบ 25 ปีการสถาปนาขึ้นเป็น Prince of Wales โดยออกโทรทัศน์ในวันที่ 29 มิ.ย.1994 ในตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ พระองค์ทรงถูกถามว่า พระองค์ทรงซื่อสัตย์ในชีวิตสมรสหรือไม่ ทรงตอบว่า “ใช่ จนกระทั่งชีวิตสมรสนั้นแตกหักกระทั่งไม่สามารถจะกอบกู้ได้” หนึ่งวันหลังจากนั้น เลขานุการส่วนพระองค์กล่าวยอมรับว่าสตรีผู้ที่ถูกพาดพิงนั้น คือ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์

ในปีรุ่งขึ้น 1995 คามิลลากับแอนดรูว์ เสร็จสิ้นกระบวนการหย่าร้าง

4 เดือนต่อมา หนังสือเล่มอื้อฉาวเรื่อง Princess in Love ของเจมส์ ฮิววิตต์ที่ ทำลายภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงไดอานา ออกวางตลาดในเดือน ต.ค.1994

ความอื้อฉาวอื้ออึงลำดับต่อมาคือ การประทานสัมภาษณ์ยอมรับการผิดประเวณีในเรื่องของเจมส์ ฮิววิตต์ ในรายการ Panorama ซึ่งเจ้าหญิงไดอานาทรงออกอากาศเมื่อ 20 พ.ย.1995

เจ้าฟ้าชายทรงน้ำตาซึมขณะพูดว่า “จนกระทั่งชีวิตสมรสนั้นแตกหักกระทั่งไม่สามารถจะกอบกู้ได้” ในภาพยนตร์สารคดีที่ออกอากาศในปี 1994 - บันทึกภาพจากวิดีโอ
เจ้าฟ้าชายทรงน้ำตาซึมขณะพูดว่า “จนกระทั่งชีวิตสมรสนั้นแตกหักกระทั่งไม่สามารถจะกอบกู้ได้” ในภาพยนตร์สารคดีที่ออกอากาศในปี 1994 - บันทึกภาพจากวิดีโอ


บรรยากาศครึกโครมในสังคมประเทศอังกฤษที่สะท้อนผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ต่อการที่เจ้าหญิงไดอานาทรงยอมรับการกระทำผิดประเวณีในเรื่องของเจมส์ ฮิววิตต์ ในรายการ Panorama - ภาพเอพี
บรรยากาศครึกโครมในสังคมประเทศอังกฤษที่สะท้อนผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ต่อการที่เจ้าหญิงไดอานาทรงยอมรับการกระทำผิดประเวณีในเรื่องของเจมส์ ฮิววิตต์ ในรายการ Panorama - ภาพเอพี


หลังจากนั้นหนึ่งเดือน สมเด็จพระราชินีนาถทรงมีหนังสือถึงสองพระองค์ แนะนำให้หย่าร้างกันให้เรียบร้อย การหย่าร้างเสร็จสิ้นในวันที่ 28 ส.ค.1996

ปฏิกิริยาส่วนใหญ่ของสื่อมวลชนและผู้คนในอังกฤษและทั่วโลก ปรากฏในทางเชียร์ไดอานา และ ประณามหยามหมิ่นคามิลลากันอื้ออึง เช่น การเรียกขานเธอว่า “เมียน้อย”

ด้านไดอานาซึ่งควรจะมีรักใหม่ได้อย่างไม่ต้องหลบซ่อนแล้ว แต่ก็ไม่วายจะต้องหลบซ่อน เพราะหลายๆ รายที่มีข่าวปลูกต้นรักกับเธอ เป็นชายผู้มีพันธะแล้ว รักสุดท้ายของไดอานาเป็นความสัมพันธ์หวานอร่อยกับ โดดี้ ฟาเยด ทายาทมหาเศรษฐีพันล้านชาวอียิปต์ ทั้งสองเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1997

คามิลลาครองคู่เปี่ยมสุขกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ โดยห่างไกลหูตาของสื่อมวลชน ทั้งนี้ในทางปฏิบัติ เธอคือพระสนม แต่พระสนมก็หัวเราะขำๆ กับกระแสเกลียดชังที่โลกมีต่อเธอ ทั้งนี้ เพนนี จูเนอร์ เขียนไว้ว่าเป็นนโยบายการดำเนินชีวิตของคามิลลา คือ ไม่โต้ตอบ – ไม่อธิบาย

ผู้คนไม่ได้เห็นทั้งสองปรากฏตัวในทางสาธารณะเลยจนกระทั่งปี 1999 และ 2 ปีต่อมา ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถ ในไม่ช้า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับคามิลลาแบบจดทะเบียนตามกฎหมาย โดยไม่มีพระราชพิธีทางศาสนาเพื่อรับศีลสมรส (เพราะทั้งสองพระองค์ได้รับศีลสมรสแล้วในการแต่งงานครั้งแรก) แต่มีพระราชพิธีทางศาสนาเพื่อการถวายพระพร เมื่อ 9 เม.ย.2005 เทียบเท่ากับการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ยั่งยืน 35 ปีที่ทรงรักใคร่ผูกพันเหนียวแน่นกันมา

เจ้าชายแห่งเวลส์และดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ทรงพระดำเนินออกจากโบสถ์เซนต์จอร์จ ณ ปราสาทวินด์เซอร์ หลังเสร็จพระราชพิธีมิสซาถวายพระพรแด่การอภิเษกสมรส โดยมีพระราชมารดาและพระบิดา เป็นองค์พยานในพิธี พร้อมแขกเกียรติยศครบครัน - ภาพรอยเตอร์
เจ้าชายแห่งเวลส์และดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ทรงพระดำเนินออกจากโบสถ์เซนต์จอร์จ ณ ปราสาทวินด์เซอร์ หลังเสร็จพระราชพิธีมิสซาถวายพระพรแด่การอภิเษกสมรส โดยมีพระราชมารดาและพระบิดา เป็นองค์พยานในพิธี พร้อมแขกเกียรติยศครบครัน - ภาพรอยเตอร์


ภาพที่ระลึกการอภิเษกสมรสโดยมีพระบิดาและพระโอรสพระธิดาของดัชเชสอยู่ในเฟรมด้วย - ภาพพระราชทานแก่สื่อมวลชน
ภาพที่ระลึกการอภิเษกสมรสโดยมีพระบิดาและพระโอรสพระธิดาของดัชเชสอยู่ในเฟรมด้วย - ภาพพระราชทานแก่สื่อมวลชน


ยิ้มสวยๆ ก้าวสู่ฐานะ “พระวรชายาจดทะเบียน” มิใช่พระสนมหรือเมียน้อยหลวงแล้วนะ

ในสถานภาพ “เมียจดทะเบียน” นี้ พระวรชายาคามิลลาทรงมิได้เดือดร้อนกับการที่จะไม่ใช้ฐานันดรว่าเจ้าหญิงแห่งเวลส์ และทรงพอพระทัยกับฐานันดรว่าดัชเชสคามิลลา แห่งคอร์นวอลล์ อันเป็นหนึ่งในหลายๆ ฐานันดรแห่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์

กระนั้นก็ตาม กระแสไม่ยอมรับดัชเชสคามิลลาก็ยังฮึ่มๆ ซีเอ็นเอ็นทำสำรวจทัศนคติของประชาชนอังกฤษในปี 2005 และพบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ต้องการเห็นดัชเชสคามิลลาก้าวขึ้นเป็นพระราชินีอังกฤษในอนาคต

16 ปีผ่านไป ไวเหมือนความฝัน ดัชเชสคามิลลาทรงปฏิบัติพระราชภารกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระราชินีนาถอย่างเต็มที่เต็มพระทัย ทรงส่งเสริมความตื่นตัวต่อปัญหาความไม่รู้หนังสือ สนับสนุนผู้ที่ถูกทำร้ายทางเพศและเผชิญความรุนแรงในครอบครัว และเมื่อผู้คนได้รู้จักตัวตนแท้จริงของพระองค์ ที่ทรงวางพระองค์ธรรมดามากๆ ติดดิน ให้เกียรติผู้อื่น และมากล้นด้วยพระอารมณ์ขัน ทัศนคติของสาธารณชนได้ปรับเปลี่ยนดีขึ้นอย่างมากมาย

ในโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งการขึ้นครองราชบัลลังก์ สมเด็จพระราชินีนาถ ได้มีพระราชหัตถเลขาออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ.2022 ว่า เมื่อถึงกาลเวลาซึ่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงก้าวขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ปรารถนาให้ดัชเชสคามิลลาเป็นที่รับรู้ในฐานะพระราชินีพระราชชายา - Queen Consort

นั่นคือการประกาศรับรองพระเกียรติยศให้แก่พระสุนิสาหลวงอย่างงดงามยิ่งยวด

สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมพิธีเปิดการประชุมรัฐสภาในโอกาสครบรอบ 60 ปี เมื่อ 6 ก.พ.2012 ในการนี้ พระองค์ทรงให้ดัชเชสคามิลลา ตามเสด็จไปด้วย
สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมพิธีเปิดการประชุมรัฐสภาในโอกาสครบรอบ 60 ปี เมื่อ 6 ก.พ.2012 ในการนี้ พระองค์ทรงให้ดัชเชสคามิลลา ตามเสด็จไปด้วย


แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ : ภาพชุดสุดสง่างามดัชเชสคามิลลา ได้แก่ ภาพที่ทรงมงกุฎเกรวิลล์ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถ / ภาพถ่ายเมื่อปี 2017 / ภาพขณะโดยเสด็จสมเด็จพระราชินีนาถเมื่อปี 2012 / ภาพที่ตามเสด็จเจ้าฟ้าชายไปชมการแข่งขัน / ภาพในชุดพระสนับเพลายีนส์ที่ทรงโปรดปรานที่สุด – ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์ ภาพอินสตาแกรมส่วนพระองค์ ภาพเอพี ภาพรอยเตอร์
แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ : ภาพชุดสุดสง่างามดัชเชสคามิลลา ได้แก่ ภาพที่ทรงมงกุฎเกรวิลล์ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถ / ภาพถ่ายเมื่อปี 2017 / ภาพขณะโดยเสด็จสมเด็จพระราชินีนาถเมื่อปี 2012 / ภาพที่ตามเสด็จเจ้าฟ้าชายไปชมการแข่งขัน / ภาพในชุดพระสนับเพลายีนส์ที่ทรงโปรดปรานที่สุด – ภาพเฟซบุ๊กส่วนพระองค์ ภาพอินสตาแกรมส่วนพระองค์ ภาพเอพี ภาพรอยเตอร์


เจ้าฟ้าชายและดัชเชสเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเมื่อ มี.ค.2015 และได้หารือสนทนากับประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในขณะนั้น คือ บารัค โอบามา และโจเซฟ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว - ภาพคอมมอนวิกิ
เจ้าฟ้าชายและดัชเชสเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเมื่อ มี.ค.2015 และได้หารือสนทนากับประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในขณะนั้น คือ บารัค โอบามา และโจเซฟ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว - ภาพคอมมอนวิกิ


ครึ่งศตวรรษทีเดียวที่ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ได้ครองพระหทัยแห่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และทรงเป็นพระคู่รักที่ยั่งยืนอย่างน่าทึ่ง ความรักใคร่ผูกพันของทั้งสองพระองค์นำพาให้น.ส.คามิลลา แชนด์ ได้เป็นพระคู่รักที่ทำให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงพระเกษมสำราญมากมาย แล้วความรักใคร่ผูกพันเป็นห่วงทุกข์สุขของกันและกัน ก็ได้นำพาให้นางคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ยอมรับฐานะชู้รัก เพื่อจะเติมเต็มจิตวิญญาณของกันและกัน ก่อนจะจำใจยุติเพื่อเห็นแก่ชีวิตสมรส

ยิ่งกว่านั้น ในเวลาต่อมาที่เจ้าฟ้าชายปักใจแล้วว่าชีวิตสมรสดังกล่าวพังทลายแล้ว ทรงหวนคืนสู่ความรักแท้จริงแห่งพระหทัย โดยคามิลลาต้องยอมรับสถานการณ์เมียน้อยนานเป็นหลายปีทีเดียว

มหากาพย์รักแซ่บ ที่ผ่านการพิสูจน์ถึงพลังอำนาจแห่งรักเนิ่นนานกว่าครึ่งศตวรรษจะนำพาดัชเชสคามิลลา ให้ก้าวขึ้นไปรับมงกุฎพระราชินีพระราชชายาในกาลข้างหน้าต่อไป

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมาร ณ 60 พรรษา ซึ่งทรงเซ็กซีมากขึ้นด้วยออร่าแห่งความเข้าใจชีวิตลุ่มลึก ทรงได้รับน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงพระหทัยจากดัชเชสคามิลลา พระองค์ทรงเข้มแข็งและพร้อมจะสืบทอดพระราชภารกิจต่อจากพระราชมารดาด้วยความมั่นใจ
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมาร ณ 60 พรรษา ซึ่งทรงเซ็กซีมากขึ้นด้วยออร่าแห่งความเข้าใจชีวิตลุ่มลึก ทรงได้รับน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงพระหทัยจากดัชเชสคามิลลา พระองค์ทรงเข้มแข็งและพร้อมจะสืบทอดพระราชภารกิจต่อจากพระราชมารดาด้วยความมั่นใจ




(ที่มา : dailymail.com theguardian.com bbc.com express.co.uk popsugar.com townandcountrymag.com historyextra.com abcnews.go.com people.com news.com.au เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เอพี รอยเตอร์ วิกิพีเดีย  , mgronline.com/ )


https://youtu.be/U5TTMLmjP68


https://youtu.be/t_rJ8n8vvIQ


https://youtu.be/nfS1VxwHjXU


The Queen has offered her support to have the Duchess of Cornwall become Queen Camilla one day.
ALASTAIR GRANT/AP
The Queen has offered her support to have the Duchess of Cornwall become Queen Camilla one day.