กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณและประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง 45 ข้อ
กระเจี๊ยบแดง
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักเก็งเค็ง, ส้มเก็งเค็ง, ส้มตะเลงเครง (ตาก), ใบส้มม่า (ระนอง), แกงแคง (เชียงใหม่), ส้มปู (แม่ฮ่องสอน), แบลมีฉี่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แต่เพะฉ่าเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), ปร่างจำบู้ (ปะหล่อง), กระเจี๊ยบ, ส้มเก็ง ส้มพอเหมาะ (ภาคเหนือ), ส้มพอดี (ภาคอีสาน), กระเจี๊ยบแดง, กระเจี๊ยบเปรี้ยว (ภาคกลาง), ส้มพอ ส้มพอเหมาะ เป็นต้น มีถิ่นกำเนิดในประเทศซูดาน อินเดีย มาเลเซีย และประเทศไทย โดยในประเทศไทยมีแหล่งผลิตที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี สระบุรี อุตรดิตถ์ กาญจนบุรี และฉะเชิงเทรา
ลักษณะของกระเจี๊ยบแดง
ต้นกระเจี๊ยบแดง จัดเป็นไม้พุ่มมีความสูงประมาณ 50-180 เซนติเมตร มีอยู่หลายสายพันธุ์ ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด![]()
ใบกระเจี๊ยบแดง
มีใบเป็นใบเดี่ยว ใบมีหลายลักษณะ ลักษณะคล้ายรูปฝ่ามือ 3 แฉก หรือ 5 แฉก ใบเว้าลึกหรือเรียว
หรือใบเป็นรูปรีแหลม หรือรูปเรียวแหลม ขอบใบมีจักเป็นฟันเลื่อย ใบมีความกว้างและความยาวใกล้เคียงกันประมาณ 8-15 เซนติเมตร และก้านใบมีความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร![]()
ดอกกระเจี๊ยบแดง
ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบ มีกลีบดองสีชมพูหรือสีเหลือง บริเวณกลางดอกจะมีสีเข้มกว่าคือสีม่วงแดง ดอกมีเกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ก้านดอกสั้น มีริ้วประดับเรียวยาวปลายแหลม มี 8-12 กลีบ กลีบเลี้ยงจะแผ่ขยายติดกันออกหุ้มเมล็ดไว้ มีสีแดงเข้มและหักง่าย เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร![]()
![]()
ผลกระเจี๊ยบแดง
ลักษณะของผลเป็นรูปรีมีปลายแหลม ผลมีความยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่จะแห้งแตกเป็น 5 แฉก ในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล ลักษณะคล้ายรูปไตอยู่จำนวนมาก ประมาณ 30-35 เมล็ดต่อผล และผลยังมีกลีบเลี้ยงหนาสีแดงฉ่ำน้ำหุ้มอยู่ เราจะเรียกส่วนนี้ว่ากลีบกระเจี๊ยบหรือกลีบรองดอก (Calyx) หรือที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นดอกกระเจี๊ยบนั่นเอง![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
สรรพคุณของกระเจี๊ยบแดง
- กลีบเลี้ยงของดอกหรือกลีบที่เหลือที่ผล ใช้เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดน้ำหนัก โดยมีการทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูง แล้วพบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจก็น้อยลงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดกระเจี๊ยบแดงอีกด้วย (ผล, เมล็ด, น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยละลายไขมันในเส้นเลือด (ดอก)
- เมล็ดใช้เป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง (เมล็ด, น้ำกระเจี๊ยบแดง, ยอดและใบ)
- ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
- ช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
- ช่วยลดความดันโลหิต โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด มีรายงานการวิจัยทางคลินิกพบว่าในวันที่ 12 หลังผู้ป่วยได้รับชาชงกระเจี๊ยบแดงทุกวัน ค่าความดันโลหิตเมื่อหัวใจบีบตัวและคลายตัวลดลง 2% และ 10.7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับวันแรก และ 3 วันหลังจากหยุดดื่มชาชง ความความดันโลหิตทั้งสองค่าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- เมล็ดช่วยบำรุงโลหิต (เมล็ด)
- ช่วยแก้เส้นเลือดตีบตัน ช่วยรักษาเส้นเลือดให้แข็งแรงและอ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้ดี (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
- น้ำกระเจี๊ยบช่วยทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยรักษาโรคเส้นเลือดแข็งเปราะได้เป็นอย่างดี (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ในอียิปต์มีการใช้ทั้งต้นของกระเจี๊ยบแดงมาต้มกินเพื่อเป็นยารักษาโรคหัวใจและโรคประสาท (ทั้งต้น)
- ช่วยแก้อาการคอแห้ง กระหายน้ำ (น้ำกระเจี๊ยบแดง, ผล)
- น้ำกระเจี๊ยบช่วยแก้อาการร้อนใน (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันหวัด เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีแดงในกลุ่มเดียวกับที่พบในผลไม้อย่างบลูเบอร์รี แต่กระเจี๊ยบแดงจะมีสารชนิดนี้มากกว่าบลูเบอร์รีถึง 50%
- ช่วยลดไข้ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยแก้อาการไอ (น้ำกระเจี๊ยบแดง, ดอก)
- ใบใช้เป็นยากัดเสมหะ ขับเมือกมันในลำคอให้ลงสู่ทวารหนัก (ใบ, ดอก)
- ช่วยรักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เนื่องจากมีวิตามินซีในปริมาณที่สูงอยู่พอสมควร (น้ำกระเจี๊ยบ)
- ช่วยในการย่อยอาหาร ใช้เป็นยาระบาย ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น (น้ำกระเจี๊ยบ, เมล็ด, ยอดและใบ)
- ในอียิปต์มีการใช้ทั้งต้นนำมาต้มกินเป็นยาลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นยาระบายและยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย (ทั้งต้น)
- ช่วยรักษาโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ ด้วยการใช้ผลแห้งนำมาบดเป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะแล้วดื่มน้ำตาม วันละ 3-4 ครั้ง (ผล)
- ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (ผล)
- ใบกระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณช่วยแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด หรือจะใช้ผลอ่อนนำมาต้มรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน หรือจะใช้ผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ หรือจะใช้ทั้งต้นใส่หม้อต้มกับน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวไฟจนงวดให้เหลือ 1 ส่วน แล้วผสมกับน้ำผึ้งกึ่งหนึ่ง ใช้รับประทานวันละ 3 เวลา หรือจะรับประทานน้ำยาเปล่า ๆ ก็ได้จนหมดน้ำยา (ใบ, ผล, ทั้งต้น)
- น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันได้อีกทางหนึ่ง โดยมีรายงานวิจัยทางคลินิกว่า เมื่อให้ผู้ป่วยดื่มผงกระเจี๊ยบขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน พบว่าได้ผลดีในการขับปัสสาวะ (น้ำกระเจี๊ยบแดง, เมล็ด, ยอดและใบ)
- ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีอาการปวดแสบ โดยใช้กระเจี๊ยบแห้งบดเป็นผงประมาณ 3 กรัม นำมาชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง ประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าจะหาย ซึ่งจากรายงานการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่าผู้ป่วยกว่า 80% มีปัสสาวะที่ใสขึ้นกว่าเดิม และยังพบว่าปัสสาวะมีความเป็นกรดมากขึ้น จึงช่วยในการฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้เป็นอย่างดี (น้ำกระเจี๊ยบแดง, เมล็ด)
- ช่วยแก้อาการขัดเบา โดยใช้กลีบเลี้ยงของผลหรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง นำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง นำมาใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา (ประมาณ 3 กรัม) ใช้ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (ประมาณ 250 มิลลิลิตร) แล้วนำมาเฉพาะน้ำสีแดงใส วันละ 3 ครั้ง ดื่มติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้นและหายไป (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ และช่วยป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลาย (น้ำกระเจี๊ยบแดง, เมล็ด)
- ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยรักษาไตพิการ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- เมล็ดช่วยแก้ดีพิการ (เมล็ด)
- กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ต้านการเกิดพิษต่อตับและช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายจากสารพิษ โดยมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดด้วยน้ำ (Anthocyanins) และสาร Protocatechuic Acid ของกระเจี๊ยบแดง สามารถช่วยลดความเป็นพิษต่อตับจากสารพิษได้หลายชนิด (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
- ใบใช้ตำพอกฝีหรือใช้ต้มน้ำเพื่อใช้ล้างแผลได้ (ใบ)
- ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระเจี๊ยบแดง ช่วยลดอาการบวม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งเชื้อราอะฟลาท็อกซิน ไวรัสเริม ยับยั้งเนื้องอก ช่วยขับกรดยูริก คล้ายกล้ามเนื้อเรียบ และลดความเจ็บปวด
- สารสกัดจากลีบดอกของกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสตรีวัยทองไม่มากก็น้อย (กลีบดอก)
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยสารแอนโทไซยานินจากกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งออกซิเดชันของไขมันเลส และยับยั้งการตายของมาโครฟาจ โดยมีสาร Dp3-Sam ซึ่งเป็นแอนโทไซยานินชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในห้องทดลองได้ จึงมีผลในการช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและอาจช่วยชะลอการลุกลามของมะเร็งบางชนิดได้ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
1. กระเจี๊ยบมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และสารโพลีฟีนอล ซึ่งได้แก่ Protocatechuic Acid ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่มได
![]()
2. กระเจี๊ยบใช้ทำเป็นน้ำดื่มที่ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากมีกรดซิตริกอยู่ด้วย ใบอ่อนของกระเจี๊ยบใช้รับประทานเป็นผักได้ หรือจะนำมาใช้ทำแกงส้มก็ได้ ให้รสเปรี้ยวกำลังดี และยังมีวิตามินเอสูง (12,583 I.U. ต่อ 100 กรัม) ที่ช่วยบำรุงสายตาอีกด้วยกลีบ เลี้ยงผลและกลีบดอกอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
3. กระเจี๊ยบแดงจัดเป็นพืชส่งออกโดยนำไปใช้เป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับ Herbal tea และใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้บริโภคภายในประเทศ ใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์ชาชงกระเจี๊ยบแดงอบแห้ง กระเจี๊ยบแดงแคปซูล เครื่องดื่มต่าง ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมสีผสมอาหาร หรือใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ แยม เยลลี่ เบเกอรีไอศกรีม ไวน์ น้ำหวาน ซอส เป็นต้น รวมไปถึงในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เช่น โลชัน ครีม กระเจี๊ยบแดง เจลอาบน้ำ ครีมขัดผิว เป็นต้น
4. น้ำต้มของดอกแห้งจะมีกรดผลไม้หรือ AHA อยู่หลายชนิดในปริมาณสูง จึงมีการนำมาผลิต เป็นเครื่องสำอางประเภทครีมหน้าใส
5. เมนูดอกกระเจี๊ยบแดง เช่น แกงส้มดอกกระเจี๊ยบ ยำดอกกระเจี๊ยบ แยมดอกกระเจี๊ยบ ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม กระเจี๊ยบกวนชากระเจี๊ยบแดง น้ำกระเจี๊ยบแดง เป็นต้น
6. ในแอฟริกาใต้มีการใช้น้ำมันจากเมล็ดเป็นยารักษาแผลให้อูฐ
7. นอกจากนี้ลำต้นของกระเจี๊ยบแดงยังสามารถนำมาทำเป็นเชือกปอได้อีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของกระเจี๊ยบแดง (กลีบดอก) ต่อ 100 กรัม
![]()
- พลังงาน 49 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 11.31 กรัม
- ไขมัน 0.64 กรัม
- โปรตีน 0.96 กรัม
- วิตามินเอ 14 ไมโครกรัม 2%
- วิตามินบี 1 0.011 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 2 0.028 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 3 0.31 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินซี 12 มิลลิกรัม 14%
- ธาตุแคลเซียม 215 มิลลิกรัม 22%
- ธาตุเหล็ก 1.48 มิลลิกรัม 11%
- ธาตุแมกนีเซียม 51 มิลลิกรัม 14%
- ธาตุฟอสฟอรัส 37 มิลลิกรัม 5%
- ธาตุโพแทสเซียม 208 มิลลิกรัม 4%
- ธาตุโซเดียม 6 มิลลิกรัม 0%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
โทษของกระเจี๊ยบแดง
- กระเจี๊ยบแดงอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ในผู้ป่วยบางราย เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
- น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษต่ำมาก แต่ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นและติดต่อกันนาน ๆ เพราะจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพ
วิธีทำน้ำกระเจี๊ยบแดงพุทราจีน
- ให้เตรียมกระเจี๊ยบประมาณ 1 กำมือและพุทราจีน 1 กำมือ
- นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วบีบพุทราจีนให้แตก ให้รวมกันลงในภาชนะแล้วเติมน้ำเปล่า 2 ลิตร
- ต้มให้เดือดสักพักแล้วยกลง กรองเอาเนื้อออกให้เหลือแต่น้ำ
- เติมน้ำตาลเพื่อปรุงรส หรือจะใช้ใบหญ้าหวาน หรือลำไยตากแห้งแทนก็ได้ เพราะจะได้ความหวานจากธรรมชาติที่ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง หรือไม่ต้องใส่เลยก็ได้ เมื่อได้รสตามชอบใจแล้ว ก็ให้นำมาเก็บใส่ขวดแล้วแช่ไว้ในตู้เย็นเอาไว้ดื่ม
- สาเหตุที่ใส่พุทราผสมลงไปนั้น เป็นเพราะว่าการต้มกระเจี๊ยบแดงกินแบบเดี่ยว ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจจะทำให้ไตเสื่อมได้ จึงต้องมีพุทราจีนตากแห้งผสมลงไปด้วย เพื่อเป็นตัวแก้และเป็นตัวช่วยบำรุงไตไปด้วยในตัวแหล่งอ้างอิง : เว็บไซต์สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันการแพทย์แผนไทย, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน), ศูนย์วิจัยและการจัดการความรู้ทางพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ (HISO), มูลนิธิหมอชาวบ้าน (รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ), เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข, ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, ฐานข้อมูลสมุนไพรแม่โจ้ (ชีวกโกมารภัจจ์) มหาวิทยาลัยแม่โจ้, รายการสาระความรู้ทางการเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์)
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง , ประโยชน์ของน้ำกระเจี๊ยบ , Jamaica Sorrel , น้ำกระเจี๊ยบ , Roselle Juice. , Jamaica Sorrel , Red Sorrel , Roselle , Rosella , Jamaican sorel , Roselle , Rozelle , Sorrel , Red sorrel , Kharkade , Karkade , Vinuela , Cabitutu , กระเจี๊ยบแดง
ที่มา :: https://km.phuket.psu.ac.th/archives/3206
7 ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
ตอบลบ1.แก้กระหาย
การดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงเย็นๆ จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น ป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำในร่างกาย วิธีการทำ เพียงใช้ดอกกระเจี๊ยบแห้ง มาต้มในน้ำร้อน เพียงแค่นี้ก็จะได้น้ำกระเจี๊ยบสุดแสนอร่อยแล้ว
2.บรรเทาอาการไข้
การรับประทานใบกระเจี๊ยบตอนที่เราเป็นไข้ จะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องพึ่งยาเลย นอกจากนี้ยังช่วยละลายเสมหะในลำคอได้อีกด้วย
3.ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
กระเจี๊ยบแดงถือเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติพิเศษ เพราะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากสารแอนโธไซยานินในกระเจี๊ยบแดง เป็นสารที่จะช่วยทำให้เลือดไม่แข็งตัว และไม่ไปเกาะกับหลอดเลือดที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ จึงทำให้ระบบไหลเวียนเลือดมีความสมดุล
4.รักษาแผล
หากมีแผลตามร่างกายที่เป็นแผลสด เพียงแค่นำใบสดของต้นกระเจี๊ยบแดงมาล้างทำความสะอาด จากนั้นก็บดให้ละเอียดจนเป็นน้ำ แล้วก็นำมาพอกที่แผล จะช่วยให้เลือดแข็งตัวแล้วก็ช่วยทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น เป็นสมุนไพรที่เอามาใช้ทาแทนยาได้เลย
5.ป้องกันการเกิดนิ่ว
การรับประทานกระเจี๊ยบแดง จะช่วยให้ร่างกายสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในท่อปัสสาวะ และโรคไตได้ เพราะในกระเจี๊ยบจะมีสารที่ช่วยขับกรดบางชนิด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดนิ่วได้ เช่น กรดยูริก แคลเซียม และโพแทสเซียม
6.ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง
โรคชนิดนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย การทานกระเจี๊ยบแดง จะช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ เพราะสรรพคุณของกระเจี๊ยบ มีธาตุเหล็กที่เป็นแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย ในการช่วยไม่ให้เกิดภาวะโลหิตจาง
7.ลดไขมัน
คนที่มีน้ำหนักตัวมาก มีไขมันเยอะ ควรรับประทานกระเจี๊ยบแดงเป็นประจำ เพราะจะช่วยในการป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูงเกิน อีกทั้งยังบำรุงเลือดได้ด้วย
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
ตอบลบ1. แก้กระหาย
การดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงเย็น ๆ จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น ป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำในร่างกาย วิธีการทำ เพียงใช้ดอกกระเจี๊ยบแห้ง มาต้มในน้ำร้อน เพียงแค่นี้ก็จะได้น้ำกระเจี๊ยบสุดแสนอร่อยแล้ว
2. บรรเทาอาการไข้
การรับประทานใบกระเจี๊ยบตอนที่เราเป็นไข้ จะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องพึ่งยาเลย นอกจากนี้ ยังช่วยละลายเสมหะในลำคอได้อีกด้วย
3. ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
กระเจี๊ยบแดงถือเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติพิเศษ เพราะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากสารแอนโธไซยานินในกระเจี๊ยบแดง เป็นสารที่จะช่วยทำให้เลือดไม่แข็งตัว และไม่ไปเกาะกับหลอดเลือด ที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ จึงทำให้ระบบไหลเวียนเลือดมีความสมดุล
4. รักษาแผล
หากมีแผลตามร่างกายที่เป็นแผลสด เพียงแค่นำใบสดของต้นกระเจี๊ยบแดงมาล้างทำความสะอาด จากนั้นบดให้ละเอียดจนเป็นน้ำ แล้วนำมาพอกที่แผล จะช่วยให้เลือดแข็งตัวแล้วก็ช่วยทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น เป็นสมุนไพรที่เอามาใช้ทาแทนยาได้เลย
5. ป้องกันการเกิดนิ่ว
การรับประทานกระเจี๊ยบแดง จะช่วยให้ร่างกายสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในท่อปัสสาวะ และโรคไตได้ เพราะในกระเจี๊ยบ จะมีสารที่ช่วยขับกรดบางชนิด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดนิ่วได้ เช่น กรดยูริก แคลเซียม และโพแทสเซียม
6. ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง
โรคชนิดนี้ สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย การทานกระเจี๊ยบแดง จะช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ เพราะสรรพคุณของกระเจี๊ยบ มีธาตุเหล็กที่เป็นแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย ในการช่วยไม่ให้เกิดภาวะโลหิตจาง
7. ลดไขมัน
คนที่มีน้ำหนักตัวมาก มีไขมันเยอะ ควรรับประทานกระเจี๊ยบแดงเป็นประจำ เพราะจะช่วยในการป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูงเกิน อีกทั้งยังบำรุงเลือดได้ด้วย
การกินกระเจี๊ยบแดงเพื่อสุขภาพ ทำอย่างไรได้บ้าง?
ตอบลบ- ทำน้ำกระเจี๊ยบแดง
วิธีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่ง่ายและยอดนิยมมากที่สุด คือ การทำน้ำกระเจี๊ยบแดง ให้เตรียมกระเจี๊ยบแดงประมาณ 1 กำมือ และพุทราจีน 1 กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด บีบเนื้อพุทราจีนให้แตกลงไปในภาชนะ จากนั้นเติมน้ำเปล่า 2 ลิตร นำไปต้มให้เดือดสักพักแล้วยกลง ให้กรองเอาเนื้อออกให้เหลือแต่น้ำ และให้ปุรงรสอย่างง่าย ๆ ด้วยการเติมน้ำผึ้งเล็กน้อย เมื่อได้รสตามชอบใจแล้ว ก็สามารถนำมาดื่ม หรือเก็บใส่ขวดแช่ไว้ในตู้เย็นได้
- ทำแยมกระเจี๊ยบแดง
ใครที่ชอบกินขนมปังทาแยม กระเจี๊ยบแดงสามารถนำมาใช้ทำแยมได้เช่นกัน แถมยังมีประโยชน์มากกว่าอีกด้วย เพียงแค่นำกระเจี๊ยบแดงมาแกะเอาเมล็ดออก แล้วต้มกับน้ำจนนุ่ม กรองเอากากมาปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทราย ใส่หม้อตั้งไฟ ใส่ผงวุ้นและเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น จากนั้นนำมาใส่ขวดที่เตรียมไว้ แช่ในตู้เย็น สามารถนำมาใช้เป็นแยมทาขนมปังได้ทันที
- นำมาทำแกงส้ม
ลองมากินแกงส้มดอกกระเจี๊ยบแดงกันดูไหม ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าแกงส้มดอกกระเจี๊ยบแดงนั้น มีความอร่อยไม่แพ้กับเมนูอื่น ๆ เลยทีเดียว แถมยังมากไปด้วยประโยชน์อีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำมาแกงกับกุ้งนั่นเอง ดังนั้นใครที่ไม่รู้จะนำกระเจี๊ยบแดงไปทำเมนูอะไรดี ก็ลองมาทำแกงส้มกันดูสิ รับรองว่าไม่ผิดหวัง
การใช้กระเจี๊ยบแดง เพื่อสุขภาพ ทำอย่างไรได้บ้าง?
สำหรับการนำกระเจี๊ยบแดงมาใช้เพื่อสุขภาพ มีดังต่อไปนี้
- ใช้ล้างแผล
กระเจี๊ยบแดง มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ จึงสามารถนำมาใช้เพื่อล้างแผลได้ โดยให้นำใบกระเจี๊ยบแดงมาต้มน้ำ จากนั้นนำมาล้างแผล ทำเป็นประจำ ก็จะช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น และช่วยลดการอักเสบเป็นหนองของแผลได้เช่นกัน
- นำมาทำเป็นเชือกปอ
ลำต้นของกระเจี๊ยบแดง นิยมนำมาใช้ทำเป็นเชือกปอ ตามภูมิปัญญาของชาวบ้าน ซึ่งก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เพราะเชือกปอที่ทำจากลำต้นของกระเจี๊ยบแดงนั้น จะมีความเหนียวแน่น และคงทนพอสมควรเลยทีเดียว
- ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง
ด้วยคุณสมบัติที่ดีต่อผิว และสีของกระเจี๊ยบแดงที่ติดทนนาน จึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางด้วย นอกจากนี้ มีการนำมาทำเป็นเจลอาบน้ำ ครีมขัดผิว และครีมบำรุงผิวจากกระเจี๊ยบแดงด้วยเช่นกัน ซึ่งก็จะเห็นได้ว่ากระเจี๊ยบแดงมีประโยชน์และนำมาใช้งานได้อย่างหลากหลายจนน่าทึ่งจริง ๆ
*** ข้อควรระวัง ***
สำหรับข้อควรระวังในการนำกระเจี๊ยบแดงมาใช้ดื่ม คือ ควรดื่มให้พอดี เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ยาขับปัสสาวะ และไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน หากทำได้เช่นนี้ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงก็จะช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ที่ดีให้กับร่างกายได้อย่างแน่นอน
กระเจี๊ยบแดง : สมุนไพรมากสรรพคุณ
ตอบลบกระเจี๊ยบแดง สรรพคุณมหาศาล สมุนไพรสุดอัศจรรย์นี้มีต้นกำเนิดในเขตร้อนชื้น นิยมใช้กลีบเลี้ยงสีแดงสดชงเป็นน้ำดื่ม ซึ่งมีรสเปรี้ยวอมหวาน ชื่นใจ และอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย
กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณต่างๆ
- ต้านอนุมูลอิสระ : กระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ
- ลดความดันโลหิต : กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต เหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
- ลดไขมันในเลือด : กระเจี๊ยบแดงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- บำรุงผิวพรรณ : กระเจี๊ยบแดงมีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ชะลอวัย
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน : กระเจี๊ยบแดงมีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดและโรคต่างๆ
- ขับปัสสาวะ : กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยลดอาการบวมน้ำ
- ย่อยอาหาร : กระเจี๊ยบแดงมีใยอาหารสูง ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการท้องผูก
วิตามินในกระเจี๊ยบแดง
- วิตามินซี
- เบต้าแคโรทีน
- วิตามินเอ
- วิตามินบี1
- วิตามินบี2
- วิตามินบี3
- ธาตุเหล็ก
- แคลเซียม
- ฟอสฟอรัส
โทษของกระเจี๊ยบแดง
- ความดันโลหิตต่ำ : ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำควรระวังการดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดง เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำลง
- นิ่วในไต : กระเจี๊ยบแดงมีกรดออกซาลิกสูง ผู้ที่มีนิ่วในไตควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดง
- การตั้งครรภ์ : ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงในสตรีมีครรภ์ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม
ข้อควรระวัง
- ควรเลือกซื้อกระเจี๊ยบแดงจากแหล่งที่ปลอดภัย ไร้สารพิษ
- ควรล้างกระเจี๊ยบแดงให้สะอาดก่อนนำมาใช้
- กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ไม่ควรดื่มในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่
- กระเจี๊ยบแดงมีกรดอ่อนๆ ไม่ควรดื่มในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
- กระเจี๊ยบแดงอาจส่งผลต่อยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม
วิธีใช้กระเจี๊ยบแดง ให้ได้สรรพคุณสูงสุด
- ชงน้ำดื่ม : นำกลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง 1-2 กำมือ ต้มกับน้ำเดือด 1 ลิตร กรองเอาแต่น้ำ ดื่มร้อนหรือเย็น
- ทำน้ำเชื่อม : นำกลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง 1-2 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ใส่ น้ำตาล 1 ถ้วยตวง ต้มจนข้น กรองเอาแต่น้ำเชื่อม เก็บในตู้เย็น
- ทำแยม : นำกลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง 1-2 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ใส่ น้ำตาล 1 ถ้วยตวง ต้มจนข้น ใส่ เพกทัน (สารให้ความหนืด) 1 ช้อนชา ต้มต่ออีก 5 นาที เทใส่ภาชนะ เก็บในตู้เย็น
- ใส่ในอาหาร : สามารถใส่กลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดงสดหรือตากแห้งลงในอาหาร เช่น แกง ยำ ส้มตำ
ประโยชน์กระเจี๊ยบแดง
ตอบลบ1. กระเจี๊ยบมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และสารโพลีฟีนอล ซึ่งได้แก่ Protocatechuic Acid ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่มได้
2. กระเจี๊ยบใช้ทำเป็นน้ำดื่มที่ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากมีกรดซิตริกอยู่ด้วย
3. ใบอ่อนของกระเจี๊ยบใช้รับประทานเป็นผักได้ หรือจะนำมาใช้ทำแกงส้มก็ได้ ให้รสเปรี้ยวกำลังดี และยังมีวิตามินเอสูง (12,583 I.U. ต่อ 100 กรัม) ที่ช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย
4. กลีบเลี้ยงผลและกลีบดอกอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
5. กระเจี๊ยบแดงจัดเป็นพืชส่งออกโดยนำไปใช้เป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับ Herbal tea และใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้บริโภคภายในประเทศ ใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์ชาชง กระเจี๊ยบแดงอบแห้ง กระเจี๊ยบแดงแคปซูล เครื่องดื่มต่าง ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมสีผสมอาหาร หรือใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ แยม เยลลี่ เบเกอรี ไอศกรีม ไวน์ น้ำหวาน ซอส เป็นต้น รวมไปถึงในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เช่น โลชัน ครีมกระเจี๊ยบแดง เจลอาบน้ำ ครีมขัดผิว เป็นต้น
6. น้ำต้มของดอกแห้งจะมีกรดผลไม้หรือ AHA อยู่หลายชนิดในปริมาณสูง จึงมีการนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางประเภทครีมหน้าใส
7. เมนูดอกกระเจี๊ยบแดง เช่น แกงส้มดอกกระเจี๊ยบ ยำดอกกระเจี๊ยบ แยมดอกกระเจี๊ยบ ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม กระเจี๊ยบกวน ชากระเจี๊ยบแดง น้ำกระเจี๊ยบแดง เป็นต้น
8. ในแอฟริกาใต้มีการใช้น้ำมันจากเมล็ดเป็นยารักษาแผลให้อูฐ
9. นอกจากนี้ลำต้นของกระเจี๊ยบแดงยังสามารถนำมาทำเป็นเชือกปอได้อีกด้วย
สรรพคุณกระเจี๊ยบแดง
ตอบลบ1. กลีบเลี้ยงของดอกหรือกลีบที่เหลือที่ผล ใช้เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดน้ำหนัก โดยมีการทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูง แล้วพบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจก็น้อยลงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดกระเจี๊ยบแดงอีกด้วย (ผล, เมล็ด, น้ำกระเจี๊ยบแดง)
2. ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยละลายไขมันในเส้นเลือด (ดอก)
3. เมล็ดใช้เป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง (เมล็ด, น้ำกระเจี๊ยบแดง, ยอดและใบ)
4. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
5. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
6. ช่วยลดความดันโลหิต โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด มีรายงานการวิจัยทางคลินิกพบว่าในวันที่ 12 หลังผู้ป่วยได้รับชาชงกระเจี๊ยบแดงทุกวัน ค่าความดันโลหิตเมื่อหัวใจบีบตัวและคลายตัวลดลง 11.2% และ 10.7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับวันแรก และ 3 วันหลังจากหยุดดื่มชาชง ความความดันโลหิตทั้งสองค่าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
7. เมล็ดช่วยบำรุงโลหิต (เมล็ด)
8. ช่วยแก้เส้นเลือดตีบตัน ช่วยรักษาเส้นเลือดให้แข็งแรงและอ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้ดี (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
9. น้ำกระเจี๊ยบช่วยทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
10. ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยรักษาโรคเส้นเลือดแข็งเปราะได้เป็นอย่างดี (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
11. ในอียิปต์มีการใช้ทั้งต้นของกระเจี๊ยบแดงมาต้มกินเพื่อเป็นยารักษาโรคหัวใจและโรคประสาท (ทั้งต้น)
12. ช่วยแก้อาการคอแห้ง กระหายน้ำ (น้ำกระเจี๊ยบแดง, ผล)
13. น้ำกระเจี๊ยบช่วยแก้อาการร้อนใน (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
14. ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
15. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันหวัด เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีแดงในกลุ่มเดียวกับที่พบในผลไม้อย่างบลูเบอร์รี แต่กระเจี๊ยบแดงจะมีสารชนิดนี้มากกว่าบลูเบอร์รีถึง 50%
16. ช่วยลดไข้ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
17. ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยแก้อาการไอ (น้ำกระเจี๊ยบแดง, ดอก)
18. ใบใช้เป็นยากัดเสมหะ ขับเมือกมันในลำคอให้ลงสู่ทวารหนัก (ใบ, ดอก)
19. ช่วยรักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เนื่องจากมีวิตามินซีในปริมาณที่สูงอยู่พอสมควร (น้ำกระเจี๊ยบ)
20. ช่วยในการย่อยอาหาร ใช้เป็นยาระบาย ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น (น้ำกระเจี๊ยบ, เมล็ด, ยอดและใบ)
21. ในอียิปต์มีการใช้ทั้งต้นนำมาต้มกินเป็นยาลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นยาระบายและยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย (ทั้งต้น)
22. ช่วยรักษาโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ ด้วยการใช้ผลแห้งนำมาบดเป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะแล้วดื่มน้ำตาม วันละ 3 – 4 ครั้ง (ผล)
23. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (ผล)
24. ใบกระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณช่วยแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด หรือจะใช้ผลอ่อนนำมาต้มรับประทานติดต่อกัน 5 – 8 วัน หรือจะใช้ผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ หรือจะใช้ทั้งต้นใส่หม้อต้มกับน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวไฟจนงวดให้เหลือ 1 ส่วน แล้วผสมกับน้ำผึ้งกึ่งหนึ่ง ใช้รับประทานวันละ 3 เวลา หรือจะรับประทานน้ำยาเปล่า ๆ ก็ได้จนหมดน้ำยา (ใบ, ผล, ทั้งต้น)
ตอบลบ25. น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันได้อีกทางหนึ่ง โดยมีรายงานวิจัยทางคลินิกว่า เมื่อให้ผู้ป่วยดื่มผงกระเจี๊ยบขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน พบว่าได้ผลดีในการขับปัสสาวะ (น้ำกระเจี๊ยบแดง, เมล็ด, ยอดและใบ)
26. ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีอาการปวดแสบ โดยใช้กระเจี๊ยบแห้งบดเป็นผงประมาณ 3 กรัม นำมาชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง ประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าจะหาย ซึ่งจากรายงานการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่าผู้ป่วยกว่า 80% มีปัสสาวะที่ใสขึ้นกว่าเดิม และยังพบว่าปัสสาวะมีความเป็นกรดมากขึ้น จึงช่วยในการฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้เป็นอย่างดี (น้ำกระเจี๊ยบแดง, เมล็ด)
27. ช่วยแก้อาการขัดเบา โดยใช้กลีบเลี้ยงของผลหรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง นำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง นำมาใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา (ประมาณ 3 กรัม) ใช้ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (ประมาณ 250 มิลลิลิตร) แล้วนำมาเฉพาะน้ำสีแดงใส วันละ 3 ครั้ง ดื่มติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้นและหายไป (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
28. ช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
29. ช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ และช่วยป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลาย (น้ำกระเจี๊ยบแดง, เมล็ด)
30. ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยรักษาไตพิการ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
31. เมล็ดช่วยแก้ดีพิการ (เมล็ด)
32. กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ต้านการเกิดพิษต่อตับและช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายจากสารพิษ โดยมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดด้วยน้ำ Anthocyanins และสาร Protocatechuic Acid ของกระเจี๊ยบแดง สามารถช่วยลดความเป็นพิษต่อตับจากสารพิษได้หลายชนิด (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
33. ใบใช้ตำพอกฝีหรือใช้ต้มน้ำเพื่อใช้ล้างแผลได้ (ใบ)
34. ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระเจี๊ยบแดง ช่วยลดอาการบวม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งเชื้อราอะฟลาท็อกซิน ไวรัสเริม ยับยั้งเนื้องอก ช่วยขับกรดยูริก คล้ายกล้ามเนื้อเรียบ และลดความเจ็บปวด
35. สารสกัดจากลีบดอกของกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสตรีวัยทองไม่มากก็น้อย (กลีบดอก)
36. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยสารแอนโทไซยานินจากกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งออกซิเดชันของไขมันเลส และยับยั้งการตายของมาโครฟาจ โดยมีสาร Dp3 – Sam ซึ่งเป็นแอนโทไซยานินชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในห้องทดลองได้ จึงมีผลในการช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและอาจช่วยชะลอการลุกลามของมะเร็งบางชนิดได้ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
กระเจี๊ยบแดงข้อควรระวัง
ตอบลบ- กระเจี๊ยบแดงอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ในผู้ป่วยบางราย เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
- น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษต่ำมาก แต่ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นและติดต่อกันนาน ๆ เพราะจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพ
15 สรรพคุณของกระเจี๊ยบแดง ประโยชน์ในการรักษาโรค
ตอบลบ1. กระเจี๊ยบแดงเป็นยาสมุนไพรประจำบ้านที่มีสรรพคุณช่วยดับกระหายน้ำ คลายร้อน แก้อาการคอแห้ง โดยน้ำกระเจี๊ยบแดงจะทำให้ร่างกายหายอ่อนเพลีย บำรุงกำลัง ลดอุณหภูมิในร่างกายและแก้ร้อนในได้ดี และช่วยขับเสมหะ แก้ไอ
2. สรรพคุณของกระเจี๊ยบแดงช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมันได้ กระเจี๊ยบแดงได้รับการยืนยันจากผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของอาหารซึ่งมีสารสกัดจากกระเจี๊ยบแดงผสมอยู่ด้วย พบว่าสามารถช่วยลดไขมันและลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
3. กระเจี๊ยบแดงใช้ประโยชน์เป็นยาระบายที่ดีและปลอดภัยต่อร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยขับปัสสาวะ ดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่ว ขับน้ำดี
4. กระเจี๊ยบแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารแอนโทไซยานินและสารโฟลีฟีนอลสูง ซึ่งช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ลดโอกาสจะเกิดโรคมะเร็ง และยังปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายและเสื่อมสภาพก่อนวัย ผิวพรรณไม่เหี่ยวย่น ดูอ่อนกว่าวัย
5. กระเจี๊ยบแดงในส่วนของใบอ่อนมีฤทธิ์ช่วยบำรุงสายตา เพราะเป็นแหล่งของวิตามินเอ จึงทำให้การทำงานของสายตาเป็นปกติและดูแลดวงตาให้มองเห็นได้ชัดเจน
6. กระเจี๊ยบแดงอุดมด้วยธาตุแคลเซียม ซึ่งจะช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ไม่เป็นโรคกระดูกพรุนได้ง่าย
7. กระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดการอุดตันของเส้นเลือด และลดระดับของคอเลสเตอรอลและไขมันชนิดไม่ดีลงได้อย่างดี ในทางกลับกันก็ช่วยเพิ่มปริมาณของไขมันชนิดดีให้แก่ร่างกาย
8. ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดงรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ ทำให้การไหลเวียนของเลือดดี ช่วยบำรุงเลือด สามารถทำให้ความเหนียวของเลือดลดลง ป้องกันและรักษาโรคเส้นเลือดแข็งเปราะ
9. กระเจี๊ยบแดงมีสารสีแดงซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับบลูเบอร์รี และมีมากกว่าบลูเบอร์รีถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยสารสีแดงนี้มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง และป้องกันโรคหวัดได้ดี
10. กระเจี๊ยบแดงยังเป็นแหล่งวิตามินซี จึงช่วยรักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
11. สรรพคุณกระเจี๊ยบแดงจะทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น เพราะช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ ส่งผลให้อุจจาระนิ่มขึ้น ท้องไม่ผูก และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคในลำไส้ได้
12. กระเจี๊ยบแดงป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
13. กระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณช่วยบำรุงระบบประสาท ดูแลหัวใจให้แข็งแรงและทำงานเป็นปกติ แก้อาการของโรคเบาหวาน
14. กระเจี๊ยบแดงช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากโตในเพศชาย และช่วยแก้อาการวัยทองในเพศหญิงได้
15. กระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงไต รักษาอาการไตพิการ
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
ตอบลบ✅ กระเจี๊ยบแดง ภาษาอังกฤษ Rosella, Jamaican sorel, Roselle, Rozelle, Sorrel, Red sorrel, Kharkade, Karkade, Vinuela, Cabitutu
✅ กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa Linn.
จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)
✅ สรรพคุณ
1. กลีบเลี้ยงของดอกหรือกลีบที่เหลือที่ผล ใช้เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดน้ำหนัก โดยมีการทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูง แล้วพบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจก็น้อยลงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดกระเจี๊ยบแดงอีกด้วย (ผล, เมล็ด, น้ำกระเจี๊ยบแดง)
2. ดอกกระเจี๊ยบแดงช่วยละลายไขมันในเส้นเลือด
3. เมล็ดใช้เป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง
4. ช่วยลดความดันโลหิต โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด มีรายงานการวิจัยทางคลินิกพบว่าในวันที่ 12 หลังผู้ป่วยได้รับชาชงกระเจี๊ยบแดงทุกวัน ค่าความดันโลหิตเมื่อหัวใจบีบตัวและคลายตัวลดลง 11.2% และ 10.7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับวันแรก และ 3 วันหลังจากหยุดดื่มชาชง ความความดันโลหิตทั้งสองค่าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
5. น้ำกระเจี๊ยบช่วยทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง
6. ช่วยแก้เส้นเลือดตีบตัน ช่วยรักษาเส้นเลือดให้แข็งแรงและอ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้ดี
7. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันหวัด เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีแดงในกลุ่มเดียวกับที่พบในผลไม้อย่างบลูเบอร์รี แต่กระเจี๊ยบแดงจะมีสารชนิดนี้มากกว่าบลูเบอร์รีถึง 50%
8. ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีอาการปวดแสบ โดยใช้กระเจี๊ยบแห้งบดเป็นผงประมาณ 3 กรัม นำมาชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง ประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าจะหาย ซึ่งจากรายงานการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่าผู้ป่วยกว่า 80% มีปัสสาวะที่ใสขึ้นกว่าเดิม และยังพบว่าปัสสาวะมีความเป็นกรดมากขึ้น จึงช่วยในการฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้เป็นอย่างดี
9. ช่วยแก้อาการขัดเบา โดยใช้กลีบเลี้ยงของผลหรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง นำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง นำมาใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา (ประมาณ 3 กรัม) ใช้ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (ประมาณ 250 มิลลิลิตร) แล้วนำมาเฉพาะน้ำสีแดงใส วันละ 3 ครั้ง ดื่มติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้นและหายไป (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
✅ ประโยชน์
1. กระเจี๊ยบมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และสารโพลีฟีนอล ซึ่งได้แก่ Protocatechuic Acid ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่มได้
2. กระเจี๊ยบใช้ทำเป็นน้ำดื่มที่ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากมีกรดซิตริกอยู่ด้วย
❎ โทษของกระเจี๊ยบแดง
1. กระเจี๊ยบแดงอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ในผู้ป่วยบางราย เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
2. น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษต่ำมาก แต่ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นและติดต่อกันนาน ๆ เพราะจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพ