Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565

ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของอังกฤษ

 

ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของอังกฤษ


ลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ จากผลการลงคะแนนของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และจะก้าวขี้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากบอริส จอห์นสัน

'ลิซ ทรัสส์' ก้าวขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่ของอังกฤษตามคาด

แฟ้มภาพ ลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจากบอริส จอห์นสัน ที่ประกาศลาออกไปตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคม (Photo by Susannah Ireland / AFP) 

https://youtu.be/3PyiDBZ9oeQ


https://youtu.be/HJYUDz4mUx0


เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 กล่าวว่า ลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ รวมทั้งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ หลังได้รับเลือกด้วยคะแนนเอกฉันท์จากสมาชิกพรรคฯทั่วประเทศ

ผลการลงคะแนนที่ปิดรับตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ก่อนประกาศผลในวันจันทร์ แสดงให้เห็นว่าอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงรายนี้เอาชนะริชี ซูนัค คู่แข่งชิงตำแหน่งไปด้วยคะแนนเสียงโหวต 81,326 ต่อ 60,399

ลิซ ทรัสส์ จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งหมายความว่าเธอจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ แทนที่บอริส จอห์นสันที่ประกาศลาออกจากเมื่อต้นเดือนกรกฏาคม.


 

รู้จัก “ลิซ ทรัสส์” นายกฯ คนใหม่ของอังกฤษ


ลอนดอน 5 ก.ย.- ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ผู้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ หลังจากชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมรอบสุดท้าย เป็นนักการเมืองที่เส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยความพลิกผัน


นางแมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ วัย 47 ปี เกิดในครอบครัวที่เธอระบุว่า “เป็นฝ่ายซ้าย” มารดาเป็นพยาบาลและครู บิดาเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ เคยพาเธอไปเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรีมากาเร็ต แทตเชอร์ ของพรรคอนุรักษนิยม เธอเคยสวมบทเป็นแทตเชอร์ในการเลือกตั้งจำลองที่โรงเรียนจัดขึ้นพร้อมกับที่มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2526  ทรัสส์วัย 7 ขวบในขณะนั้นไม่ได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว ขณะที่แทตเชอร์กวาดคะแนนอย่างถล่มทลาย เธอเล่าในภายหลังว่า ตั้งใจอย่างเต็มที่และปราศรัยหาเสียงอย่างจับใจ แต่ไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว เพราะไม่ได้ลงคะแนนให้ตัวเอง อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่เส้นทางทางการเมืองจริง ๆ ทรัสส์ได้ยกย่องให้แทตเชอร์เป็น “ต้นแบบทางการเมือง” และสามารถเดินตามรอยแทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2522-2533 ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษที่คนที่ 3 ต่อจากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ที่ดำรงตำแหน่งปี 2559-2562  


ทรัสส์ ขณะเป็น ส.ส.สมัยแรก

ทรัสส์เคยวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ในช่วงที่เป็นสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เธอพูดในการประชุมพรรคในปี 2537 สนับสนุนให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ว่า สมาชิกพรรคนี้เชื่อเรื่องโอกาสควรเป็นของทุกคน ไม่เชื่อเรื่องการเกิดมาเป็นผู้ปกครอง อย่างไรก็ดี เธอเปลี่ยนแนวทางไปเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 2539 เข้าสู่แวดวงการเมืองจนกระทั่งชนะเลือกตั้ง ส.ส. สมัยแรกในปี 2553 ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีหลายคนตั้งแต่เดวิด คาเมรอน, เทเรซา เมย์ และบอริส จอห์นสัน โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564


ทรัสส์ และ ซูนัก

และเมื่อทรัสส์ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม เมื่อนายกรัฐมนตรีจอห์นสันประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม เธอเป็น 1 ใน ผู้สมัคร 2 คนที่ได้จากคะแนนจาก ส.ส.พรรคมากที่สุด จากผู้สมัครที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 8 คน เธอมีคะแนนตามหลังนายริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังในการลงคะแนนทั้ง 5 รอบ แต่แล้วชีวิตก็พลิกผันอีกครั้งเมื่อผลการประกาศคะแนนในวันนี้ ( 5 กันยายน) ระบุว่า เธอคือหัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ ซึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง หลังจากอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศได้เกือบ 1 ปีเต็ม.-สำนักข่าวไทย

ลิซ ทรัสส์ และริชี ซูแนค คู่แข่งหนึ่งเดียวของเธอลิซ ทรัสส์ และริชี ซูแนค คู่แข่งหนึ่งเดียวของเธอ

 

ทรัสส์ และ ซูนัก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางทรัสส์ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ ที่รอการประกาศอย่างเป็นทางการวันนี้ ระบุว่า เธอเข้าใจดีว่าวิกฤตค่าครองชีพส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างไร พร้อมยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อรับประกันว่า ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจะสามารถผ่านพ้นฤดูหนาวในปีนี้และปีหน้าไปได้

ทั้งนี้ นางทรัสส์ ผงาดในฐานะผู้ชนะหลังการลงคะแนนเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม (หรือพรรคคอนเซอร์เวทีฟ) ได้ปิดฉากลง ทำให้เธอออกมาเปิดใจเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจรวมทั้งปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูง เป็นภารกิจเร่งด่วนหลังได้รับตำแหน่ง

"ลิซ ทรัสส์" ว่าที่นายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ ประกาศลั่น พร้อมลุยงานทันที


"ลิซ ทรัสส์" ว่าที่นายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ ประกาศลั่น พร้อมลุยงานทันที

ทั้งเธอและนายริชิ ซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ เป็น 2 ผู้สมัครที่ฟันฝ่ากันมาจนถึงการแข่งขันในรอบสุดท้ายของแคมเปญการเลือกตั้ง (ที่มีผู้แข่งขันทั้งหมด 11 คน) เพื่อควานหาหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายบอริส จอห์นสันที่ลาออกไป การตัดสินรอบสุดท้ายจะมาจากการลงคะแนนของสมาชิกพรรคจำนวน 160,000 คน และการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันนี้ (5 ก.ย.) หรือตรงกับเวลาไทย 18.30 น.

 

ผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ต่อจาก บอริส จอห์นสันโดยอัตโนมัติ เนื่องจากทางพรรคครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จากนั้น นายกฯคนใหม่จะได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษในวันอังคารนี้(6 ก.ย.)

 

ในระหว่างการหาเสียงนั้น นางทรัสส์ให้คำมั่นสัญญาว่า จะเสนอการปรับลดภาษีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ในงบประมาณฉุกเฉิน ขณะที่นายซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังที่เป็นคู่แข่ง ประกาศว่าเขาจะลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในราคาเชื้อเพลิงลงเป็นเวลา 1 ปี ส่วนการลดภาษีแบบถาวรอย่างที่นางทรัสส์เสนอนั้น เขาเห็นว่าสมควรต้องรอไปก่อนจนกว่าวิกฤตเงินเฟ้อของอังกฤษจะดีขึ้น

 

นอกจากนี้ เธอยังประกาศความมุ่งมั่นที่จะออกมาตรการปฏิบัติฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาราคาเชื้อเพลิง และเพิ่มปริมาณสินค้าพลังงานให้มากขึ้น 

 

“หากได้รับการเลือกตั้ง ดิฉันวางแผนว่า ภายในสัปดาห์แรกของรัฐบาลใหม่ ดิฉันจะออกมาตรการเชิงปฏิบัติฉุกเฉินด้านราคาน้ำมันและสินค้าพลังงาน” ทรัสส์กล่าวถึงแผนภารกิจเร่งด่วนที่จะลงมือจัดการเป็นเรื่องแรก 

 

ที่กล่าวกันว่า ลิซ ทรัสส์ จะขึ้นเป็นนายกรัฐมตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้อังกฤษมีนายกฯหญิงมาแล้ว 2 คน คือ นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ (ดำรงตำแหน่ง 4 พฤษภาคม 2522 – 28 พฤศจิกายน 2533) และนางเทเรซา เมย์ (ดำรงตำแหน่ง 13 กรกฎาคม 2559 – 24 กรกฎาคม 2562)

 

นางมาร์กาเรต แทตเชอร์  อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอังกฤษ กับ ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่

นางมาร์กาเรต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอังกฤษ กับ ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่


หากเธอได้รับการประกาศชื่อขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษวันนี้ (5 ก.ย.) ลิซ ทรัสส์ ก็จะได้ครองตำแหน่งไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน ม.ค. ปี 2568

 

"ลิซ ทรัสส์" ว่าที่นายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ ประกาศลั่น พร้อมลุยงานทันที

ทว่า เกมเริ่มพลิกหลังจากที่ทั้งสองคนเริ่มการรณรงค์หาเสียงเพื่อเรียกคะแนนจากบรรดาสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศจำนวนราว 200,000 คน เริ่มเห็นแววว่าเทพีแห่งโชคและชัยชนะกำลังมาอยู่ฝั่งของทรัสส์ สาเหตุหลัก ๆก็คือ สมาชิกพรรคฝ่ายฝักใฝ่ขั้วการเมืองแบบอนุรักษนิยม นับตั้งแต่นายเดวิด คาเมรอน นางเทเรซา เมย์ รวมทั้งนายบอริส จอห์นสัน มีท่าทีไม่ปลื้มหากนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะมีเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่อังกฤษ ทำให้คะแนนความนิยมของนายซูแนค ที่มีเชื้อสายอินเดีย ลดลงชัดเจน และแสงไฟก็สาดส่องมาที่นางลิซ ทรัสส์ แทน

แม้กระทั่ง YouGov ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ ได้ทำการสำรวจเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก็พบว่า นายซูแนค อาจจะต้องพ่ายแพ้ต่อนางทรัสส์ แม้ว่าเขาจะมีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ในการลงคะแนนทุกรอบของ ส.ส. พรรคอนุรักษนิยมก็ตาม

 

YouGov เผยว่า จากการสำรวจสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วอังกฤษ พบว่า นางทรัสส์จะได้รับคะแนนเหนือกว่านายซูแนค 54 ต่อ 35

อย่างไรก็ตาม เหตุผลไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติของเขา แต่เป็นเพราะที่ผ่านมา นายซูแนคมีความเห็นคัดค้านการปรับลดอัตราภาษี โดยเขามองว่า ภารกิจสำคัญของรัฐบาลคือการสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ซูแนคยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ผลงานระหว่างที่ครองตำแหน่งรัฐมนตรีคลังภายใต้การนำของนายกฯ บอริส จอห์นสันด้วย อีกทั้งประชาชนส่วนหนึ่ง ยังมีความไม่พอใจที่นายซูแนค เป็นผู้หนึ่งที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี (บอริส จอห์นสัน) ขณะที่อังกฤษยังคงมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

"ลิซ ทรัสส์" ว่าที่นายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ ประกาศลั่น พร้อมลุยงานทันที

การประกาศรายชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมจะมีขึ้นในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ผู้ชนะนอกจากจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ยังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ด้วย เนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

เปิดประวัติ หญิงแกร่ง ‘ลิซ ทรัสส์’ ตัวเต็งเบอร์หนึ่ง ว่าที่หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมและนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ ซึ่งหากไม่พลิกโผ ที่จะมีการประกาศผลวันที่ 5 ก.ย. นี้ เธอก็จะเป็นนายกฯหญิง คนที่สามของประเทศอังกฤษ

เปิดประวัติ ว่าที่นายกฯคนใหม่ของอังกฤษ 

ลิซ ทรัสส์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2021 โดยก่อนหน้านั้น เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีและความเท่าเทียมในปี 2019 เธอเป็นสมาชิกสภาจากนอร์โฟล์คตะวันตกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปี 2010 และเคยร่วมงานคณะรัฐบาลมาตั้งแต่ยุคการบริหารประเทศของนายเดวิด คาเมรอน นางเทเรซา เมย์ และนายบอริส จอห์นสัน

 

ผู้หญิงเก่งมากความสามารถคนนี้ จบการศึกษาจากวิทยาลัยเมอร์ตัน ในออกซ์ฟอร์ด สมัยเรียนเธอเคยเป็นประธานของพรรคเสรีประชาธิปไตยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อจบการศึกษาในปี 1996 เธอก็เข้าร่วมกับพรรคอนุรักษนิยม และในเวลาเดียวกันก็ทำงานประจำที่บริษัทเชลล์ เคเบิล แอนด์ ไวร์เลส ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายปรับโครงสร้างใหม่ของบริษัท

"ลิซ ทรัสส์" ว่าที่นายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ ประกาศลั่น พร้อมลุยงานทันที

ลิซ ทรัสส์ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2010 ทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ แต่เธอก็ได้แสดงศักยภาพและมีบทบาทในการปฏิรูประบบสุขอนามัยเด็ก การศึกษาคณิตศาสตร์ รวมทั้งการปฏิรูปเศรษฐกิจ เธอก่อตั้งกลุ่ม สส. อิสระ ของพรรคอนุรักษนิยม และได้เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม อาทิ After the Coalition (2011) และ Britannia Unchained (2012)

 

เธอขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยาวชนและการศึกษา ในปี 2012-2014 จากนั้นก็เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมในสมัยของนายเดวิด คาเมรอน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในปี 2014

 

ในช่วงที่มีการถกประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกว่า ‘เบร็กซิท’ (Brexit) นั้น ตอนแรกเธอแสดงจุดยืนสนับสนุนกลุ่ม ‘บริเทน สตรองเกอร์’ ที่เห็นว่าอังกฤษควรจะอยู่ในอียูต่อไป ต่อเมื่อผลการโหวต(ประชามติ) ออกมาว่า ชาวอังกฤษต้องการจะเลือกแยกตัวออกจากอียู เธอก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด

 

หลังนายคาเมรอน ประกาศลาออกในปี 2016 และนางเทเรซา เมย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทรัสส์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนับเป็นสตรีรายแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ของอังกฤษในรอบหนึ่งพันปี ต่อมาในปี 2017 เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคลังจนกระทั่งถึงเดือน ก.ค. 2019

 

หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ ประกาศลาออกในปี 2019 ทรัสส์สนับสนุนให้นายบอริส จอห์นสันขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยม และเขาก็แต่งตั้งให้เธอเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ก่อนจะย้ายมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทนนายโดมินิก ร้าบ ในปี 2021 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เธอยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้เจรจาในเวทียุโรป-สหราชอาณาจักร อีกด้วย



เผยชีวิตส่วนตัว

ลิซ ทรัสส์ เธอเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 1975 (พ.ศ. 2518) ปัจจุบันอายุ 47 ปี เธอสมรสแล้วกับนายฮิวจ์ โอเลียรี และมีบุตร 2 คน

"ลิซ ทรัสส์" ว่าที่นายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ ประกาศลั่น พร้อมลุยงานทันที




ที่มา   ::    www.thaipost.net/ ,   https://tna.mcot.net/  , www.nationtv.tv/


5 ความคิดเห็น:

  1. ประวัติว่าที่นายกฯคนใหม่ของอังกฤษกัน ลิซ ทรัสส์



    ลิซ ทรัสส์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2021 โดยก่อนหน้านั้น เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีและความเท่าเทียมในปี 2019 เธอเป็นสมาชิกสภาจากนอร์โฟล์คตะวันตกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปี 2010 และเคยร่วมงานคณะรัฐบาลมาตั้งแต่ยุคการบริหารประเทศของนายเดวิด คาเมรอน นางเทเรซา เมย์ และนายบอริส จอห์นสัน

    ผู้หญิงเก่งมากความสามารถคนนี้ จบการศึกษาจากวิทยาลัยเมอร์ตัน ในออกซ์ฟอร์ด สมัยเรียนเธอเคยเป็นประธานของพรรคเสรีประชาธิปไตยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อจบการศึกษาในปี 1996 เธอก็เข้าร่วมกับพรรคอนุรักษนิยม และในเวลาเดียวกันก็ทำงานประจำที่บริษัทเชลล์ เคเบิล แอนด์ ไวร์เลส ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายปรับโครงสร้างใหม่ของบริษัท



    ลิซ ทรัสส์ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2010 ทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ แต่เธอก็ได้แสดงศักยภาพและมีบทบาทในการปฏิรูประบบสุขอนามัยเด็ก การศึกษาคณิตศาสตร์ รวมทั้งการปฏิรูปเศรษฐกิจ เธอก่อตั้งกลุ่ม สส. อิสระ ของพรรคอนุรักษนิยม และได้เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม อาทิ After the Coalition (2011) และ Britannia Unchained (2012)



    เธอขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยาวชนและการศึกษา ในปี 2012-2014 จากนั้นก็เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมในสมัยของนายเดวิด คาเมรอน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในปี 2014



    ในช่วงที่มีการถกประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกว่า ‘เบร็กซิท’ (Brexit) นั้น ตอนแรกเธอแสดงจุดยืนสนับสนุนกลุ่ม ‘บริเทน สตรองเกอร์’ ที่เห็นว่าอังกฤษควรจะอยู่ในอียูต่อไป ต่อเมื่อผลการโหวต(ประชามติ) ออกมาว่า ชาวอังกฤษต้องการจะเลือกแยกตัวออกจากอียู เธอก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด



    หลังนายคาเมรอน ประกาศลาออกในปี 2016 และนางเทเรซา เมย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทรัสส์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนับเป็นสตรีรายแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ของอังกฤษในรอบหนึ่งพันปี ต่อมาในปี 2017 เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคลังจนกระทั่งถึงเดือน ก.ค. 2019



    หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ ประกาศลาออกในปี 2019 ทรัสส์สนับสนุนให้นายบอริส จอห์นสันขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยม และเขาก็แต่งตั้งให้เธอเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ก่อนจะย้ายมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทนนายโดมินิก ร้าบ ในปี 2021 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เธอยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้เจรจาในเวทียุโรป-สหราชอาณาจักร อีกด้วย



    ชีวิตส่วนตัว ลิซ ทรัสส์ เกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 1975 (พ.ศ. 2518) ปัจจุบันอายุ 47 ปี เธอสมรสแล้วกับนายฮิวจ์ โอเลียรี และมีบุตร 2 คน



    ตอบลบ
  2. ลิซ ทรัสส์ เตรียมนั่งเก้าอี้นายกฯ สหราชอาณาจักร

    สมาชิกพรรคคอนเซอร์เวทีฟมีมติเลือกนางลิซ ทรัสส์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ที่ถูกสมาชิกพรรคกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2022

    นางทรัสส์ เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟที่ผ่านด่านการลงคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคคอนเซอร์เวทีฟหลายรอบ จนเป็นตัวเก็งในการชิงตำแหน่งกับนายริชี สุนัค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) นางทรัสส์ จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายจอห์นสัน ซึ่งจะเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 ที่พระตำหนักบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ เพื่อกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่ง

    นางทรัสส์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สามของสหราชอาณาจักร โดยสองคนแรกคือนางมาการ์เร็ต แทตเชอร์ (พรรคเลเบอร์) และนางเทรีซา เมย์ จากพรรคคอนเซอร์เวทีฟ

    เร่งแก้ปัญหาพลังงาน
    ภารกิจสำคัญที่รอนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาเร่งแก้ไขคือเรื่องเศรษฐกิจปากท้องและราคาพลังงานที่แพงลิ่ว ขณะนี้สหราชอาณาจักรเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ตัวเลขล่าสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคม เงินเฟ้ออยู่ที่ 10.1% นั่นก็ผลักให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงสุดในรอบสี่สิบปี ขณะที่ผลพวงจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่รัสเซียระงับการส่งแก๊สบางส่วนให้ยุโรป ส่งผลต่อราคาแก๊สและพลังงานในสหราชอาณาจักร ซ้ำเติมปัญหาสะสมของสหราชอาณาจักรในเรื่องการลงทุนไม่เพียงพอในด้านพลังงาน จึงทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นปัญหาสำคัญในขณะนี้

    นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ครัวเรือนในสหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับการปรับตัวสูงขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยเฉลี่ยราว 80% ขณะนี้มีรายงานว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนางทรัสส์ เตรียมจะประกาศนโยบายตรึงเพดานราคาค่าพลังงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน

    นายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยว ?
    ในแง่นโยบายต่างประเทศโดยเฉพาะรัสเซียนั้นนางทรัสส์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีนโยบายชัดเจนว่าประชาคมระหว่างประเทศจะต้องคว่ำบาตรรัสเซียอยู่ต่อไปจนกว่ารัสเซียจะยอมถอนทหารออกจากยูเครน และชาติตะวันตกก็จะต้องสนับสนุนยูเครนให้มากและเร็วขึ้น เพื่อต้านทานการรุกรานของรัสเซีย และรัสเซียจะต้องไม่ชนะในสงครามครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ต้องไปรุกรานชาติอื่นอีก ท่าทีเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนเกรงว่าจะทำให้การรอมชอมกับรัสเซียเป็นไปได้ยากขึ้น

    ในแง่ความสัมพันธ์กับจีนนั้น นางทรัสส์ เปรียบเปรยว่าต้องป้องกันไม่ให้สิ่งที่รัสเซียทำกับยูเครนเกิดขึ้นกับไต้หวัน และชาติตะวันตกต้องทำให้แน่ใจว่าไต้หวันจะสามารถปกป้องตัวเองจากการรุกรานของจีน และชาติตะวันตกเองก็ต้องพยายามไม่ให้ตัวเองต้องพึ่งพิงจีนในทางเศรษฐกิจมากเกินไป



    ตอบลบ
  3. ลิซ ทรัสส์ คือใคร

    แมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ เกิดเมื่อปี 1975 ที่เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด เธอเคยพูดถึงพ่อของเธอซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ และแม่ของเธอซึ่งเป็นพยาบาลว่า เป็น "ฝ่ายซ้าย"

    ตอนที่ยังเป็นเด็กสาว แม่ของเธอเข้าร่วมการเดินขบวนของกลุ่มเรียกร้องปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการต่อต้านการตัดสินใจของรัฐบาลแทตเชอร์ที่อนุญาตให้มีการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่กรีนแฮม คอมมอนทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร

    ครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่เมืองเพสลีย์ ทางตะวันตกของเมืองกลาสโกว์ ตอนที่ทรัสส์อายุได้ 4 ขวบ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่เมืองลีดส์ ซึ่งเธอได้เข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นของรัฐที่นั่น

    นางทรัสส์ได้เข้าเรียนด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และทำกิจกรรมด้านการเมืองของนักศึกษา และเคยเป็นสมาชิกพรรคลิเบอรัล เดโมแครต

    ในการประชุมของพรรคลิเบอรัล เดโมแครต ปี 1994 เธอได้กล่าวสนับสนุนการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ โดยได้บอกแก่บรรดาผู้ร่วมประชุมในเมืองไบรตันว่า "เราชาวลิเบอรัล เดโมแครต เชื่อในโอกาสสำหรับทุกคน เราไม่เชื่อในคนที่เกิดมาเพื่อปกครอง"

    ในช่วงที่อยู่ที่อ็อกซ์ฟอร์ด นางทรัสส์ได้ย้ายไปเข้าร่วมกับพรรคคอนเซอร์เวทีฟ

    หลังจากจบการศึกษา เธอทำงานเป็นนักบัญชีที่บริษัทเชลล์ (Shell) และบริษัทเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส (Cable & Wireless) เธอได้แต่งงานกับฮิว โอเลียรี ซึ่งเป็นนักบัญชีเช่นเดียวกันในปี 2000 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน

    นางทรัสส์เคยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคคอนเซอร์เวทีฟในเมืองเฮมสเวิร์ธ ของเวสต์ ยอร์กเชียร์ ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2001 แต่เธอแพ้การเลือกตั้ง นางทรัสส์ยังแพ้เลือกตั้งอีกครั้งเมื่อปี 2005 ในเมืองคาลเดอร์ วัลเลย์ ซึ่งอยู่ในเวสต์ ยอร์กเชียร์

    แต่ความทะเยอทะยานทางการเมืองของเธอก็ยังไม่หมดไป เธอได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาของกรีนิช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอนในปี 2006 และตั้งแต่ปี 2008 เธอก็ได้ทำงานเป็นรองผู้อำนวยการของรีฟอร์ม (Reform) สถาบันวิจัยที่เอนเอียงมาทางฝ่ายขวา



    ตอบลบ
  4. นายเดวิด คาเมรอน หัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ได้ให้นางทรัสส์อยู่ในบัญชีผู้สมัครที่มีความสำคัญลำดับแรก ๆ ในการเลือกตั้งปี 2010 และเธอก็ได้รับเลือกให้ลงเลือกตั้งในเขตที่เป็นฐานเสียงของพรรคคอนเซอร์เวทีฟอย่าง เซาท์ เวสต์ นอร์ฟอล์ก ซึ่งเธอได้คะแนนมากกว่า 13,000 เสียง

    ในปี 2012 สมาคมเขตเลือกตั้งของพรรคคอนเซอร์เวทีฟพยายามจะขับเธอออก หลังจากมีการเปิดเผยว่า เธอมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนายมาร์ก ฟีลด์ เพื่อน ส.ส. พรรคคอนเซอร์เวทีฟ เมื่อ 5 ปีก่อนหน้านั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ

    เธอยังเคยร่วมเขียนหนังสือเรื่อง Britannia Unchained (อาจแปลเป็นไทยได้ว่า เกาะอังกฤษที่ไร้พันธนาการ) ซึ่งได้แนะนำให้ถอดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของรัฐออก เพื่อกระตุ้นบทบาทของสหราชอาณาจักรในระดับโลก ทำให้เธอเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของฝ่ายนโยบายตลาดเสรีในพรรคคอนเซอร์เวทีฟ

    ในเดือน ก.ย. 2012 เพียง 2 ปี หลักจากที่ได้เป็น ส.ส. เธอได้เข้าร่วมรัฐบาลในฐานะ รมช. ศึกษา เธอขัดแย้งกับนายนิก เคลกก์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคลิเบอรัล เดโมแครต เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา แต่นายคาเมรอน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เลื่อนตำแหน่งให้เธอเข้ามาร่วมในคณะรัฐมนตรีในปี 2014 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม

    ในการลงประชามติเบร็กซิตในปี 2016 นางทรัสส์ อยู่ฝ่ายสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไป โดยเคยเขียนลงหนังสือพิมพ์เดอะซันว่า เบร็กซิตจะทำให้เกิด "โศกนาฏกรรม 3 อย่าง คือ กฎเกณฑ์มากขึ้น รูปแบบมากขึ้น และความล่าช้าที่มากขึ้น เมื่อต้องขายสินค้าให้สหภาพยุโรป" แต่เมื่อฝ่ายที่เธอสนับสนุนแพ้ เธอก็เปลี่ยนใจ โดยบอกว่า เบร็กซิต ให้โอกาสในการปรับเปลี่ยนการทำงานหลายด้านในสหราชอาณาจักร

    ในปี 2016 เธอได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในสมัยของเทรีซา เมย์ ปีต่อมาเธอได้เป็น รมช. คลัง กำกับดูแลกรมสำคัญและโครงการเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล

    หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2019 นางทรัสส์ถูกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ งทำให้เธอต้องพบกับผู้นำทางธุรกิจและการเมืองระดับโลกจำนวนมากเพื่อส่งเสริมบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหราชอาณาจักร


    ในปี 2021 ขณะอายุ 46 ปี เธอได้ย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่อาวุโสที่สุดในรัฐบาล แทนนายโดมินิก ราบ ซึ่งถูกนายจอห์นสันย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

    นอกจากนี้ เธอยังมีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ถือสัญชาติอังกฤษและอิหร่าน 2 คน ที่ถูกอิหร่านควบคุมตัวไว้

    ในตอนที่รัสเซียบุกยูเครนในเดือน ก.พ. เธอมีท่าทีที่แข็งกร้าว ยืนกรานว่า ควรผลักดันกองกำลังทั้งหมดของวลาดิเมียร์ ปูติน ออกไปจากยูเครน

    แต่เธอเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากแสดงการสนับสนุนคนจากสหราชอาณาจักรที่ต้องการไปร่วมรบในยูเครน

    ในขณะที่เธอพยายามจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของสหราชอาณาจักร เธอก็ถูกคนมองว่า พยายามแต่งตัวคล้ายกับนางแทตเชอร์ด้วย ในการเดินทางเยือนรัสเซียและระหว่างการเข้าร่วมการดีเบตเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ครั้งหนึ่ง

    "มันค่อนข้างน่าหงุดหงิดที่นักการเมืองหญิงถูกเปรียบเทียบกับมาร์กาเรต แทตเชอร์ อยู่เสมอ ขณะที่นักการเมืองชายไม่ถูกเปรียบเทียบกับ เท็ด ฮีธ บ้างเลย" นางทรัสส์ กล่าวกับ จีบี นิวส์ (GB News)


    ตอบลบ
  5. ลิซ ทรัสส์: นายกฯ อังกฤษคนต่อไป จากนักศึกษาล้มเจ้า สู่ผู้นำฝ่ายขวา

    The MATTER ชวนย้อนดูประวัติของ ลิซ ทรัสส์ ว่าที่นายกฯ สหราชอาณาจักรคนใหม่ ผู้ได้รับขนานนามจากสื่อว่าเป็น ‘shapeshifter’ หรือผู้ที่กลายร่างได้เรื่อยๆ จากการ ‘เปลี่ยนใจ’ หลายๆ ครั้งบนเส้นทางการเมือง สะท้อนความไม่แน่นอนที่ต้องจับตาต่อไปในรัฐบาลชุดใหม่แห่งสหราชอาณาจักร

    จากนักศึกษาล้มเจ้า สู่หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม

    ‘ลิซ ทรัสส์’ หรือชื่อเต็ม ‘แมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์’ เกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 1975 ในครอบครัวที่เธอพูดเองว่า เป็น ‘ฝ่ายซ้าย’ โดยมีพ่อเป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยลีดส์ แม่เป็นพยาบาล และนักเคลื่อนไหวใหกับแคมเปญยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์

    นั่นจึงอาจจะไม่แปลกประหลาดนัก หากบนเส้นทางการเมือง เธอจะเกิดอาการ ‘เปลี่ยนใจ’ หลายครั้ง เริ่มต้นจากปี 1994 ที่เธอในวัย 19 ปี เคยออกมาเรียกร้องให้ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เมื่อครั้งเป็นผู้นำฝ่ายนักศึกษาของพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด

    “มีเพียงครอบครัวเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐได้ เราชาวเสรีประชาธิปไตยเชื่อในโอกาสที่เป็นของทุกคน เราไม่เชื่อในการที่จะมีใครเกิดมาเพื่อปกครอง” ทรัสส์กล่าวในการประชุมของพรรคครั้งนั้น

    ต่อมาภายหลัง เธอเปิดใจถึงจุดยืนดังกล่าวว่า เธอแทบจะเปลี่ยนใจในทันทีหลังจากกล่าวสุนทรพจน์นั้นออกไป

    ทรัสส์จบการศึกษาในสาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ จากอ็อกซ์ฟอร์ด ชีวิตการเมืองของเธอเกือบจะได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2001 จากการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.พรรคอนุรักษนิยม เขตเฮมส์เวิร์ต ในเมืองเวสต์ยอร์กเชียร์ แต่ก็พ่ายแพ้ ก่อนจะลงสมัครอีกครั้งในปี 2005 และพ่ายแพ้อีกครั้ง

    จนมาถึงปี 2010 เธอจึงได้เข้าสภาฯ ในฐานะ ส.ส.พรรคอนุรักษนิยม เขตเซาธ์เวสต์นอร์ฟอล์ก ก่อนจะเริ่มก้าวกระโดดขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยด้านการศึกษาและดูแลเด็กเมื่อปี 2012 และได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม อาหารและชนบท เมื่อปี 2014

    การ ‘เปลี่ยนใจ’ ทางการเมืองของทรัสส์ เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อปี 2016 ในขณะที่สหราชอาณาจักรกำลังลงประชามติเพื่อออกจากสหภาพยุโรป (EU) ที่รู้จักกันในชื่อ ‘Brexit’

    ครั้งนั้น ทรัสส์เป็นฝ่ายสนับสนุนให้สหราชอาณาจักร ‘อยู่ต่อ’ ใน EU เธอเคยบอกว่า การอยู่ต่อถือเป็น ‘ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ’ ของอังกฤษ และเป็นวิธีที่จะทำให้อังกฤษมุ่งหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมภายในบ้านตัวเองได้ – แต่เมื่อผลการลงประชามติออกมาเป็นอีกอย่าง ทรัสส์ก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เธอผิดพลาดไป

    ต่อมา ภายใต้รัฐบาลของ เทเรซา เมย์ เธอดำรงตำแหน่งอยู่ 2 ตำแหน่ง คือ ประธานฝ่ายตุลาการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2016-2017 และตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในปี 2017-2019

    จนกระทั่ง บอริส จอห์นสัน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาล ทรัสส์ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ ในช่วงปี 2019-2021 จนสุดท้ายเมื่อปี 2021 ได้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในที่สุด เป็นผู้หญิงคนที่ 2 ที่ดำรงตำแหน่งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่อาวุโสที่สุดในรัฐบาล

    ตอบลบ