Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

Rifampicin (ไรแฟมพิซิน) ยารักษาวัณโรค

 

Rifampicin (ไรแฟมพิซิน) ยารักษาวัณโรค


Rifampicin (ไรแฟมพิซิน) คือ ยาปฏิชีวนะที่ทางการแพทย์ใช้ป้องกันหรือรักษาวัณโรค รักษาการติดเชื้อในจมูกและลำคอจากแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคไข้กาฬหลังแอ่นชนิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือโรคติดเชื้อชนิดอื่น รวมทั้งช่วยป้องกันการแพร่เชื้อดังกล่าวไปสู่ผู้อื่น แต่จะไม่นำมาใช้รักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในระยะที่แสดงอาการแล้ว

Rifampicin

เกี่ยวกับ Rifampicin


กลุ่มยายาปฏิชีวนะ
ประเภทยายาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณป้องกันหรือรักษาวัณโรค รักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในระยะยังไม่แสดงอาการ
กลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยายารับประทาน ยาฉีดเข้าเส้นเลือด





คำเตือนการใช้ยา Rifampicin


  • หากเคยมีประวัติแพ้ไรแฟมพิซิน ยา อาหาร หรือสารชนิดอื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
  • ไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ หากกำลังใช้ยาต้านเชื้อเอชไอวี เช่น ซาควินาเวียร์ ริโทนาเวียร์ เป็นต้น เนื่องจากยาไรแฟมพิซินอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาต้านเชื้อเอชไอวีลดลง
  • ห้ามฉีดวัคซีนทุกชนิดขณะใช้ยาไรแฟมพิซิน เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง ยกเว้นกรณีที่แพทย์แนะนำ
  • แจ้งประวัติการเจ็บป่วยให้แพทย์ทราบ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคตับ โรคติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ที่มีประวัติติดแอลกอฮอล์ เพราะยาไรแฟมพิซินอาจส่งผลให้อาการของโรคนั้น ๆ รุนแรงขึ้น หรืออาจทำปฏิกิริยากับยาชนิดอื่นที่กำลังรับประทานอยู่
  • หากกำลังใช้ยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใดก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาชนิดนี้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยา
  • ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ขณะใช้ยา เนื่องจากยาไรแฟมพิซินอาจทำให้สีของน้ำตาเปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดคราบติดบนคอนแทคเลนส์อย่างถาวรได้
  • ผู้ที่กำลังใช้ยาไรแฟมพิซินต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนวางแผนผ่าตัดหรือรับการรักษาทางทันตกรรม
  • ห้ามขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงขณะใช้ยา เพราะยาชนิดนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะหรือง่วงซึม
  • ยาไรแฟมพิซินอาจส่งผลให้ยาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพลดลง ขณะใช้ยานี้จึงควรใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยรูปแบบอื่นที่ไม่ใช้ฮอร์โมนแทน เช่น ถุงยางอนามัย ห่วงคุมกำเนิด เป็นต้น
  • หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่กำลังให้นมบุตรควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาและควรใช้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น เพราะการใช้ยาไรแฟมพิซินในช่วงก่อนคลอด 2-3 สัปดาห์ อาจทำให้มารดาหรือทารกเสี่ยงมีภาวะเลือดออกได้



ปริมาณการใช้ยา Rifampicin


รักษาวัณโรค


ผู้ใหญ่

ยารับประทาน

  • ผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 50 กิโลกรัม รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 450 มิลลิกรัม
  • ผู้ที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 600 มิลลิกรัม

ยาฉีดเข้าเส้นเลือด

  • ฉีดยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อวัน


เด็ก

ยารับประทาน

  • รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 10-20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อวัน

ยาฉีดเข้าเส้นเลือด

  • ฉีดยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อวัน



ป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นในกรณีเป็นพาหะแพร่เชื้อ


ผู้ใหญ่

ยารับประทาน

  • รับประทานครั้งละ 600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2 วัน

ยาฉีดเข้าเส้นเลือด

  • ฉีดยาครั้งละ 600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2 วัน


เด็ก

ยารับประทาน

  • ทารกอายุน้อยกว่า 1 เดือน รับประทานครั้งละ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 12 ชั่วโมง ติดต่อกัน 2 วัน
  • ทารกอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป รับประทานยาครั้งละ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 12 ชั่วโมง ติดต่อกัน 2 วัน ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อครั้ง

ยาฉีดเข้าเส้นเลือด

  • ทารกอายุน้อยกว่า 1 เดือน ฉีดยาครั้งละ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 12 ชั่วโมง ติดต่อกัน 2 วัน
  • ทารกอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ฉีดยาครั้งละ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 12 ชั่วโมง ติดต่อกัน 2 วัน ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อครั้ง


การใช้ยา Rifampicin


  • ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรใช้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือใช้ติดต่อกันนานกว่าที่กำหนด
  • ควรรับประทานยาไรแฟมพิซินขณะท้องว่าง ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง
  • ไม่ควรรับประทานยาลดกรดใน 1 ชั่วโมงแรกหลังจากใช้ยาไรแฟมพิซินชนิดแคปซูล เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาไรแฟมพิซินลดลง
  • ควรรับประทานยาติดต่อกันให้ครบตามที่แพทย์แนะนำและรับประทานให้ตรงเวลา เพราะการใช้ยาไม่สม่ำเสมอหรือหยุดใช้ยาก่อนครบกำหนด อาจทำให้เสี่ยงต่อการดื้อยาและส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตได้
  • หากลืมรับประทานตามเวลาที่กำหนดให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้ถึงเวลาแล้ว ให้ข้ามไปรับประทานครั้งต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่า
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด และใส่ในภาชนะที่ปิดฝาสนิททุกครั้งหลังใช้



ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Rifampicin


ผลข้างเคียงจากการใช้ยาไรแฟมพิซินที่พบได้บ่อย คือ แสบร้อนกลางอก เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ มึนงง อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง เจ็บตามแขนหรือขา มองเห็นผิดปกติ ผิวแดง พฤติกรรมเปลี่ยนไป หรือไม่มีสมาธิ รวมทั้งอาจทำให้สารคัดหลั่งของร่างกายเปลี่ยนเป็นสีแดงอมน้ำตาล เช่น เหงื่อ ปัสสาวะ น้ำลาย น้ำตา เป็นต้น ทั้งนี้ ยาไรแฟมพิซินอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรง ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้


  • มีอาการแพ้ เช่น หายใจลำบาก เป็นลมพิษ ใบหน้า คอ ริมฝีปาก หรือลิ้นบวม
  • มีเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน
  • มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดตามร่างกาย ปวดศรีษะ รู้สึกมึนงง เป็นต้น
  • ท้องเสียรุนแรง ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวมีเลือดปน
  • ตับทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ปวดท้องส่วนบน รู้สึกเหนื่อย เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม มีภาวะดีซ่าน
  • เกิดความผิดปกติทางผิวหนังอย่างรุนแรง เช่น บวมตามใบหน้า ลำคอ ลิ้น หรือริมฝีปาก รู้สึกแสบร้อนบริเวณตา เจ็บปวดตามผิวหนัง ตามมาด้วยผื่นแดงตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าหรือลำตัวช่วงบน และผิวลอก



รายการยาและการสนับสนุนยารักษาวัณโรค วัณโรคดื้อยาและวัณโรคระยะแฝง    

https://online.pubhtml5.com/nqgq/bzmr/




CR   ::     https://www.pobpad.com/rifampicin

https://prinkotakoon.blogspot.com/2024/09/rifampicin.html

2 ความคิดเห็น:

  1. อาการไม่พึงประสงค์จากยา แบ่งเป็นผลข้างเคียงรุนแรงและไม่รุนแรง ดังนี้


    1. ผลข้างเคียงรุนแรง ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ทันที*

    - การได้ยินผิดปกติ
    - เวียนหัวเดินเซ
    - ผื่น มีไข้เจ็บคอ เจ็บตา
    - การมองเห็นผิดปกติ
    - ตัวเหลือง ตาเหลือง

    * หากมีอาการด้านบนเกิดขึ้น แพทย์อาจเปลี่ยนสูตรการรักษา ซึ่งให้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์เช่นเดียวกันกับสูตรปกติ


    2. ผลข้างเคียงไม่รุนแรง ถ้ามีอาการเหล่านี้สามารถใช้ยาต่อได้แต่ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ**

    - คลื่นไส้ อาเจียน
    - ผื่นคันเล็กน้อย

    - ชามือ ชาเท้า

    - ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ

    ** ปัสสาวะ น้ำตา และเหงื่อ เปลี่ยนเป็นสีส้ม – แดง เกิดจากสีของตัวยา “ไรแฟมพิซิน” ที่ขับออกมา ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ได้รับยานี้ทุกราย เป็นอาการที่ไม่อันตราย ไม่จำเป็นต้องแจ้งเพทย์ ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม(Soft-lens) ตัวยาในน้ำตาจะเปลี่ยนสีคอนแทคเลนส์อย่างถาวร ดังนั้นในระหว่างการรักษา จึงควรเปลี่ยนจากคอนแทกเลนส์มาใช้เป็นแว่นตาแทน


    การป้องกันการแพร่เชื้อวัณโรค

    - ใส่หน้ากากอนามัยอย่างน้อย 2 เดือน หลังแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อวัณโรค

    - ใช้ผ้าเช็ดหน้าทุกครั้งที่ไอหรือจาม

    - ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่สัมผัสสารคัดหลั่ง*ของผู้ป่วย

    - ผาทำลายขยะที่สัมผัสสารคัดหลั่ง*ผู้ป่วย

    - ทิ้งขยะของผู้ป่วยในถังขยะที่มีถุงรองรับและมีฝาปิดสนิท

    - มาตรวจตามนัดหรือเมื่อมีอาการมากขึ้น

    - รับประทานยาถูกต้องและสมํ่าเสมอ

    *สารคัดหลั่ง คือ น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ

    ตอบลบ
  2. ผลข้างเคียงของยารักษาวัณโรค Rifampicin


    1. อาการข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร พบร้อยละ 1-2 ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวด ยอดอก ปวดท้อง ท้องเสีย Pseudo membranous colitis และตับอ่อนอักเสบ
    2. ผื่นแดง ผื่นคัน ลมพิษ พบร้อยละ 1-5
    3. อาการคล้ายหวัด (ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย) พบมากเมื่อใช้ยาขนาดเกินกว่า 600 มิลลิกรัมต่อวัน
    4. น้ำคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำตา น้ำลาย เสมหะ เหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระมีสีแดงส้ม และอาจทำ ให้เลนส์สัมผัสชนิดนุ่มติดสีถาวรได้
    5. ตับอักเสบ ควรหยุดยาทันทีเมื่อพบว่ามีภาวะตับอักเสบ
    6. เกล็ดเลือดต่ำโดยมากจะพบในการให้บาขนาดสูง เมื่อหยุดยาอาการจะกลับเป็นปกติ
    7. ปวดศีรษะ วิงเวียน ง่วงซึม


    ข้อควรระวังในการใช้ยารักษาวัณโรค Rifampicin

    - ยานี้อาจจะทำให้เกิดตับอักเสบ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ หรือมัประวัติดื่มสุรา หรือรับประทานยาอื่นที่อาจจะมีผลต่อตับจะต้องติดตามใกล้ชิด
    - ถึงแม้ว่าจะไม่มีโรคตับก็ต้องเฝ้าดูอาการของตับอักเสบ
    - ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยานี้อาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
    - ผู้ป่วยวัณโรคที่รับยา rifampin 600 มก สัปดาห์ละ1-2 ครั้งพบว่าจะมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำดังนั้นจะต้องติดตาม
    - ยานี้จะมีผลต่อยาที่รับประทานหลายชนิดโดยเฉพาะยาต้านเลือดแข็ง warfarin ยารักษาโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ยารักษาโรคเอดส์ ยานี้อาจรบกวนประสิทธิผลของยาเม็ดคุมกำเนิด ควรคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นร่วมด้วยดังนั้นจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่รับประทานอยู่ เพราะอาจจะต้องมีการปรับยา



    เมื่อเกิดอาการข้างเคียงควรทำอย่างไร

    ไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงจากยานี้ แต่ก็เกิดขึ้นได้ ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ น้ำตาจะมีสีส้มแดงแต่ไม่มีอันตราย ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มอาจติดสีนี้ได้ หากมีอาการปวดศีรษะ ปวดเจ็บกล้ามเนื้อ แสบยอดอก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย รุนแรงควรพบแพทย์ อาการทางกระเพาะอาหารอาจดีขึ้นหากรับประทานยาพร้อมอาหาร หากมีผื่น มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ให้หยุดยาแล้วพบแพทย์ทันที

    ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์ สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท C


    ตอบลบ