ประโยชน์ต่อสุขภาพของแอปเปิลไซเดอร์
🍎 ช่วยควบคุมน้ำหนัก
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลช่วยลดความอยากอาหารได้ ผลการศึกษาพบว่าหากกินก่อนอาหารสามารถระงับความอยากอาหารได้ ทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น การศึกษาพบว่าคนอ้วนที่บริโภค “กรดอะซิติก” ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าน้ำหนัก ไขมันหน้าท้อง และขนาดเอวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
🍎 ช่วยควบคุมโรคเบาหวานแอปเปิลไซเดอร์สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินและตอบสนองต่อระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกายหลังกินอาหาร การศึกษาในปี 2550 ระบุว่าน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะก่อนนอนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารได้ 4-6 %เลยทีเดียว
🍎 ช่วยลดกรดไหลย้อนกรดอะซิติก และจุลินทรีย์ในแอปเปิลไซเดอร์เข้าไปช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาและป้องกันอาการอาหารไม่ย่อย หากคุณมีแผนจะกินกินมื้อหนักลองใส่แอปเปิลไซเดอร์สักหนึ่งช้อนชาชงในน้ำอุ่น ก่อนกินอาหารสัก20นาที น้ำส้มสายชูช่วยลดกรดไหลย้อนและมีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะที่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรียได้ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมอาการกระตุกของลำไส้ได้
🍎 ช่วยเรื่องสุขภาพหัวใจนักวิทยาศาสตร์คิดว่าน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ ซึ่งส่งผลให้สุขภาพหัวใจของคุณดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันไม่ให้อนุภาคคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) จากการถูกออกซิไดซ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาโรคหัวใจ ยาชูกำลังมหัศจรรย์ยังช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้
🍎 ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลช่วยขจัดสิ่งที่ระคายเคืองในลำคอได้ดี ผสมหนึ่งในสี่ถ้วยกับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากัน แล้วบ้วนปากวันละ2ครั้ง หรือจิบน้ำร้อนหนึ่งถ้วยกับน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์และน้ำผึ้งช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
🍎 ช่วยดูแลผิวพรรณแอปเปิลไซเดอร์ยังสามารถใช้เป็นครีมบำรุงผิวได้ เพียงถูเบา ๆ บนใบหน้าด้วยสำลีก้อนเพื่อความเปล่งประกายสุขภาพดี กรดอัลฟ่าไฮดรอกซีธรรมชาติและกรดอะซิติกช่วยเพิ่มการไหลเวียน ปิดรูขุมขน และลดสิว ส่วนผสมที่มีประโยชน์ยังช่วยลดผลกระทบของสิว ผิวแห้ง โรคสะเก็ดเงิน และกลากได้ อย่างไรก็ตามควรเจือจางความเข้มข้นของกรดให้น้อยลงก่อน เพื่อป้องกันผิวไหม้
🍎 ช่วยดูแลเส้นผมเนื่องจากน้ำส้มสายชูมีความเป็นกรด ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจึงช่วยรักษาสมดุลค่า pH ของเส้นผมโดยไม่กระทบต่อปริมาณน้ำมันตามธรรมชาติ ส่งผลให้เส้นผมเรียบเนียน นุ่มสลวย ส่วนผสมต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราสามารถช่วยจัดการกับอาการคันหนังศีรษะ ความแห้งกร้าน และรังแคได้
แอปเปิลไซเดอร์ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
การกินแอปเปิลไซเดอร์ในปริมาณปกติ คือแอปเปิลไซเดอร์ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1-2 แก้วก่อนมื้ออาหาร ค่อนข้างปลอดภัยส่วนในกรณีที่รับประทานหรือใช้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาโรค ควรใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และอยู่ใต้คำแนะนำของแพทย์
🍎 การรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ในปริมาณมากหรือเกินวันละ 237 มิลลิลิตร อาจไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย เพราะอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำลงหรือเกิดผลข้างเคียงอื่นตามมา เช่น เคลือบฟันถูกทำลาย หรือมีอาการแสบร้อนในช่องปากและลำคอได้🍎 หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ในปริมาณมากหรือมีความเข้มข้นสูง เนื่องจากยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัย
🍎 ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน เพราะอาจกระทบกับยาที่กินอยู่ซึ่งไม่ควรลดและปรับยาเองโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ แอปเปิลไซเดอร์อาจเข้าไปทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาไดจอกซิน ยารักษาโรคเบาหวาน ยาโรคหัวใจ ยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย เป็นต้น เช่นเดียวกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความหนาแน่นของมวลกระดูกควรระมัดระวัง
ทั้งนี้หากต้องการบริโภคแอปเปิลไซเดอร์ควรกินแต่พอดีและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ด้วยนะคะ
Apple Cider Vinegar , แอปเปิ้ลไซเดอร์ , คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ , ประโยชน์
#วิธีกินแอปเปิ้ลไซเดอร์ #ประโยชน์ของแอปเปิ้ลไซเดอร์ #CiderVinegar #แอปเปิ้ลไซเดอร์กินตอนไหน #วิธีกินแอปเปิ้ลไซเดอร์ #ลดพุงแอปเปิ้ลไซเดอร์ #สรรพคุณแอปเปิ้ลไซเดอร์
CR :: https://www.pptvhd36.com/health/food/3996
ประโยชน์ของ แอปเปิลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar) มีดังนี้
ตอบลบ- ด้านสุขภาพ หากทานในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เซลล์และหลอดเลือด, ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด, ช่วยลดความดันโลหิตและหัวใจ, ช่วยลดอาการเจ็บคอ ขับเสมหะ และช่วยแก้อาการไข้หวัดได้ เป็นต้น
- ด้านควบคุมน้ำหนัก การทานแอปเปิลไซเดอร์ในช่วงลดน้ำหนัก จะมีส่วนช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เผาผลาญได้ดีมากยิ่งขึ้น, ลดความอยากอาหาร และแก้อาการอ่อนเพลียหลังออกกำลังกายได้
- ด้านสุขภาพผิว นอกจากการทานแล้ว แอปเปิลไซเดอร์ ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับผิวได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
– ใช้เป็นโทนเนอร์ ช่วยปรับสภาพผิวและลดริ้วรอย โดยผสมน้ำแอปเปิลไซเดอร์กับน้ำสะอาดในปริมาณเท่ากัน นำมาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าด้วยสำลี (ไม่แนะนำสำหรับผู้มีผิวบอบบาง)
– ใช้ดูแลหนังศรีษะ เช่น ป้องกันผมร่วง, ผมแห้ง หรือมีรังแค โดยผสมน้ำแอปเปิลไซเดอร์ 1/3 ถ้วยกับน้ำสะอาด 1 ถ้วย นำมาหมักผมไว้ก่อนล้างด้วยน้ำสะอาด
ทั้งนี้ แอปเปิลไซเดอร์ มีความเป็นกรดค่อนข้างสูง ผู้ที่มีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ, กระดูกพรุน, โรคเบาหวาน, สตรีตั้งครรภ์ จนถึงผู้มีโรคประจำตัว หรือผู้ป่วยที่กำลังทานยารักษาโรคเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งก่อนทาน
วิธีการทาน แอปเปิลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar)
- ทานรูปแบบชงน้ำหมัก – ใช้แอปเปิลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ ชงกับน้ำดื่มสะอาด, โซดา หรือน้ำผลไม้ ปริมาณ 200 – 240 มิลลิลิตร
- ทานแบบเยลลี่กัมมี่ – ทานครั้งละ 2 เม็ด ไม่เกิน 6 เม็ดต่อวัน ทั้งนี้ควรทานน้ำสะอาด 1 แก้วทุกครั้งหลังทาน
ข้อแนะนำ :
- ไม่ควรทานแอปเปิลไซเดอร์แบบเพียวๆ ควรผสมน้ำสะอาด 1 แก้วทุกครั้ง เพราะมีความเป็นกรดสูง
- ควรดื่มผ่านหลอดและบ้วนปากทุกครั้งหลังทาน เพื่อป้องกันการกันกร่อนฟัน
- ทานช่วงท้องว่าง หรือ ก่อนมื้ออาหาร 30 นาที จะช่วยควบคุมความหิวได้
ประโยชน์ของแอปเปิ้ลไซเดอร์
ตอบลบ1. ลดน้ำหนัก ลดพุง
ต้องยอมรับเลยค่ะว่าช่วงนี้กระแสแอปเปิ้ลไซเดอร์ ลดพุงกำลังมาแรงสุด ๆ ซึ่งเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ เนื่องจากในแอปเปิ้ลไซเดอร์มีกรดอะซิติก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร เมื่อดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์จะรู้สึกอิ่มไวขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารน้อยลงนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันในเลือด และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญด้วยน้า
2. ดีท็อกซ์ของเสียออกจากร่างกาย
แอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วยฆ่าเชื้อโรค และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นดีท็อกซ์จากธรรมชาติ ช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร และกระตุ้นกระบวนการขับสารพิษของตับด้วย
3. รักษาโรคเบาหวาน
นอกจากกรดกรดอะซิติกในแอปเปิ้ลไซเดอร์จะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วย โดยมีการวิจัยพบว่าการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ระหว่างมื้ออาหารที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต หรือแป้ง จะช่วยให้การตอบสนองของฮอร์โมนอินซูลินดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงนั่นเองค่ะ
4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
สำหรับใครที่รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง แนะนำให้ประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำเปล่าก่อนอาหารมื้อหนัก ๆ ที่ย่อยยาก จะช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดี แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาและป้องกันอาการอาหารไม่ย่อย
5. ชะลอความแก่
ในแอปเปิ้ลไซเดอร์อุดมไปด้วยเอนไซม์และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโพแทสเซียมที่มีคุณสมบัติช่วยในการแบ่งเซลล์ของร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างรวดเร็ว และช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ได้ด้วย นอกจากจะนำมารับประทานได้แล้ว ยังสามารถนำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาผสมกับน้ำสะอาด ใช้เช็ดหน้าแทนโทนแนอร์ได้อีกด้วยน้า โดยแอปเปิ้ลไซเดอร์มีส่วนช่วยปรับสภาพผิวหน้าและลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ค่ะ
ข้อควรรู้ก่อนกินแอปเปิ้ลไซเดอร์
- ถึงแม้การรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์จะทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน แต่ถ้าผู้ป่วยรับประทานยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว และรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์เข้าไปอีก ก็อาจจะส่งผลให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างผิดปกติ ทำให้อาการหน้ามืด เวียนหัวและเป็นลมได้ค่าา
- ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก รวมถึงคนที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายตามมานั่นเองค่าา
- ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารควรรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์อย่างระมัดระวัง เพราะแอปเปิ้ลไซเดอร์มีฤทธิ์เป็นกรด หากรับประทานมากจนเกินไปก็อาจจะทำให้มีอาการแสบร้อนและปวดท้องตามมาได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้อาการโรคกระเพาะกำเริบด้วยค่ะ
- สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ในปริมาณมากหรือมีความเข้มข้นสูงเนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง หากรับประทานผิดวิธีนอกจากจะทำลายเนื้อเยื่อในปากและลำคอแล้ว ยังอาจจะไปทำลายสารเคลือบฟัน ทำให้มีปัญหาฟันกร่อนได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือควรใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้วโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กรดในแอปเปิ้ลไซเดอร์ทำลายเคลือบฟัน
- การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมคือวันละ 2 ช้อนชา หรือสูงสุดไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ โดยนำมาผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้เพื่อให้เจือจางลง และหลีกเลี่ยงการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน 2-3 ปี โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน หรือมีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เพราะอาจจะทำความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ รวมถึงมีอาการเจ็บปวดบริเวณกล่องเสียงตรงลำคอ
วิธีกินแอปเปิ้ลไซเดอร์ให้ปลอดภัยและเห็นผล
ตอบลบสูตรลดความอยากอาหาร
🍎 เริ่มต้นด้วยการนำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชามาผสมกับน้ำอุ่น 2 แก้วแล้ว
ดื่มก่อนรับประทานอาหารประมาณ 30 นาที
จะช่วยควบคุมความอยากอาหาร และทำให้อิ่มเร็วขึ้นค่า
สูตรลดพุง เผาผลาญไขมัน
🍎 นำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชามาผสมลงในน้ำอุ่น 1 แก้ว
แล้วดื่มทันทีหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือก่อนรับประทานอาหารมื้อแรก
สูตรนี้จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเบิร์นไขมัน และกระตุ้นการเผาผลาญด้วยน้า
สูตรรักษากรดไหลย้อน
🍎 นำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชามาผสมลงในน้ำเปล่า 1 แก้ว
โดยดื่มก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อ กรดอะซิติก และจุลินทรีย์ในแอปเปิ้ลไซเดอร์เข้าไปช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาและป้องกันอาการอาหารไม่ย่อย
แอปเปิลไซเดอร์
ตอบลบ1. การลดระดับน้ำตาลในเลือด
🍎 กรดอะซิติกอาจช่วยลดการตอบสนองต่อน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร
🍎 อาจเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น
2. การเพิ่มความรู้สึกอิ่ม
🍎 การดื่มแอปเปิลไซเดอร์ก่อนมื้ออาหารอาจช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
🍎 อาจช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับโดยรวม
3. การเร่งการเผาผลาญ
🍎 กรดอะซิติกอาจกระตุ้นเอนไซม์ AMPK ซึ่งช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันช่วยลดความอ้วนได้
🍎 อาจเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสลายไขมัน ซึ่งส่งผลดีต่อการลดความอ้วน
4. การลดการสะสมไขมัน
🍎 อาจช่วยยับยั้งการสร้างไขมันใหม่ในร่างกาย
🍎 อาจส่งเสริมการใช้ไขมันที่สะสมเป็นพลังงาน จึงทำให้ส่งผลดีต่อการลดความอ้วน
5. การปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้
🍎 โพรไบโอติกส์ในแอปเปิลไซเดอร์อาจช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้
🍎 อาจส่งผลดีต่อการควบคุมและลดน้ำหนักและการย่อยอาหาร
6. การขับสารพิษ
🍎 อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของตับในการขับสารพิษ
🍎 อาจส่งเสริมการขับของเสียออกจากร่างกาย
7. การลดการอักเสบ
🍎 สารต้านอนุมูลอิสระในแอปเปิลไซเดอร์อาจช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
🍎 การลดการอักเสบอาจส่งผลดีต่อการควบคุมและลดน้ำหนัก
มีการศึกษาหนึ่งพบว่า การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ครั้งต่อวันช่วยลดน้ำหนักลดความอ้วนได้ โดยนักวิจัยคิดว่า acetic acid เข้าไปทำให้ระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism) หรือกระบวนการเผาผลาญของร่างกายทำงานเร็วขึ้น ทว่ายังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดถึงกระบวนการทำงานดังกล่าว การลดน้ำหนักอาจมาจาก placebo effect หรือปรากฏการณ์ยาหลอก รวมถึงตัว acetic acid ทำให้รู้สึกคลื่นไส้จนกินอาหารได้น้อยลง
ประโยชน์อื่น ๆ ต่อสุขภาพ อย่างการลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ลดความดันโลหิต มีการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิภาพอยู่บ้าง แต่ยังคงต้องการการศึกษาเพื่อยืนยันถึงผลทางสุขภาพที่มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะทางสุขภาพข้างต้นหากอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย ก็จำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษารวมถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตตามคำแนะนำของแพทย์