Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

โรคสมองจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy)

โรคสมองจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy)

Hepatic Encephalopathy หรือโรคสมองจากโรคตับ เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการที่ตับเสียหายจนไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากเลือดได้หมด ทำให้มีสารพิษสะสมในระบบไหลเวียนโลหิตและเข้าสู่สมองจนก่อให้เกิดความเสียหาย โรคสมองจากโรคตับอาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจเข้าสู่ภาวะโคม่าและเสียชีวิตได้
Hepatic Encephalopathy

อาการของโรคสมองจากโรคตับ


โรค Hepatic Encephalopathy จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยแต่ละคนแตกต่างกันไป บางรายอาจมีอาการไม่รุนแรงและหายดีได้ภายในเวลาไม่นาน ทว่าบางรายอาจค่อย ๆ มีอาการรุนแรงขึ้น หรือส่งผลกระทบร้ายแรงอย่างเฉียบพลัน โดยอาจมีอาการคล้ายคลึงกับโรคอื่น ๆ ได้ เช่น ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ภาวะถอนพิษสุรา ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ 

อาการที่เป็นสัญญาณของ Hepatic Encephalopathy มีดังนี้

  • ลมหายใจมีกลิ่นหวานหรือเหม็นอับ เนื่องจากตับไม่สามารถกำจัดของเสียได้
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการเขียนหรือการเคลื่อนไหวของมือ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการคิดและการตัดสินใจ
  • ไม่มีสมาธิ
  • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
  • มีอาการมึนงง
  • หลงลืม
  • มีปัญหาในการนอนหลับ เช่น ง่วงนอนในระหว่างวัน หรือนอนไม่หลับในเวลากลางคืน


หากความเสียหายของสมองรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • สับสน มึนงง
  • วิตกกังวล
  • ง่วงซึม อ่อนเพลีย
  • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
  • ชัก
  • มีปัญหาในการเรียบเรียงคำพูด
  • มีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น มือสั่น เคลื่อนไหวร่างกายช้าลง เป็นต้น
  • ชัก

ผู้ที่มีอาการข้างต้นควรรีบไปพบแพทย์หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพราะหากล่าช้าอาจทำให้เข้าสู่ภาวะโคม่าได้


สาเหตุของโรคสมองจากโรคตับ


โรค Hepatic Encephalopathy มีสาเหตุมาจากความเสียหายของตับ ส่งผลให้ตับไม่สามารถกำจัดสารพิษที่ได้รับจากภายนอก เช่น ยา สารเคมีต่าง ๆ  หรือแม้กระทั่งสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเองอย่างแอมโมเนีย ทำให้สารพิษเหล่านี้สะสมในกระแสเลือดและเข้าไปสู่ระบบประสาทและสมองจนเกิดความเสียหายในที่สุด สาเหตุที่มักทำให้ตับเสียหายและเสี่ยงต่อโรคสมองจากโรคตับ ได้แก่

  • ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบี หรือไวรัสตับอักเสบซี
  • โรคตับแข็ง
  • โรคไรน์ซินโดรม (Reye's Syndrome) หรืออาการแพ้ยาแอสไพรินที่เกิดขึ้นในเด็ก ส่งผลให้สมองและตับบวมอักเสบอย่างเฉียบพลัน
  • การอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตับ
  • ภาวะเป็นพิษต่อตับจากสารเคมี สารพิษ ยา หรือแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ตับมีความเสียหายอยู่แล้วอาจเสี่ยงเกิด Hepatic Encephalopathy  มากขึ้น หากมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เช่น
  • ภาวะขาดน้ำ
  • การรับประทานโปรตีนมากเกินไป
  • ระดับโพแทสเซียมหรือโซเดียมในร่างกายต่ำ
  • ระดับออกซิเจนในร่างกายต่ำ
  • การใช้ยาระงับปวดชนิดเสพติดหรือยากล่อมประสาท
  • มีเลือดออกในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร หรือลำไส้
  • การติดเชื้อ เช่น ปอดบวม
  • ปัญหาเกี่ยวกับไต
  • การผ่าตัด
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการทำทางเชื่อมระหว่างโพรงสมองเพื่อรักษาภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ


การวินิจฉัยโรคสมองจากโรคตับ


โรคนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคตับที่สังเกตด้วยตัวเองค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่ส่งผลต่อสมอง ในเบื้องต้นแพทย์จะให้คนใกล้ชิดของผู้ป่วยโรคตับหรือผู้ที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับตับคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย หากพบความผิดปกติควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด

แพทย์จะวินิจฉัยผู้ป่วย Hepatic Encephalopathy โดยการตรวจร่างกายเบื้องต้นและสอบถามเกี่ยวกับอาการรวมทั้งประวัติการรักษา จากนั้นอาจตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  • การตรวจเลือด เพื่อวัดระดับแร่ธาตุ การทำงานของตับ การทำงานของไต และค่าของเสียในร่างกาย
  • การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำหรือภาวะโลหิตจางอาจบ่งบอกถึงการสูญเสียเลือดและการขาดออกซิเจนซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ตับเกิดความเสียหายได้
  • การตรวจการทำงานของตับ ค่าระดับเอนไซม์ตับที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งบอกถึงความเสียหายของตับได้
  • การทำ CT Scan หรือ MRI Scan ที่สมอง เพื่อหาสาเหตุและความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสมอง
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง เป็นการตรวจดูการทำงานและความผิดปกติของสมอง


การรักษาโรคสมองจากโรคตับ


ผู้ป่วยบางคนอาจเกิดโรค Hepatic Encephalopathy ในช่วงเวลาสั้น ๆ และสามารถรักษาให้หายได้ แต่บางรายอาจกลับมาเป็นซ้ำหรือเกิดขึ้นอย่างถาวรได้หากมีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับตับ
ในการรักษา Hepatic Encephalopathy แพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ลักษณะอาการของผู้ป่วย ความรุนแรงของอาการ ความรุนแรงของโรคตับที่เป็นอยู่ อายุ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

แพทย์อาจเริ่มรักษาโดยแนะนำให้ใช้ยาเพื่อช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ได้แก่

  • ยาแล็กทูโลส เป็นน้ำตาลสังเคราะห์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ร่างกายขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านการขับถ่ายได้
  • ยาปฏิชีวนะ เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการควบคุมจำนวนแบคทีเรียที่สร้างสารพิษออกมาในระหว่างกระบวนการย่อยอาหาร

ผู้ป่วยอาจต้องจำกัดโปรตีนหากการรับประทานโปรตีนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการ เนื่องจากอาหารชนิดนี้อาจทำให้ร่างกายสร้างแอมโมเนียมากเกินไปและกำจัดได้ไม่ทัน อาหารโปรตีนสูงที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ สัตว์ปีก เนื้อแดง ไข่ ปลา เป็นต้น โดยแพทย์หรือนักโภชนาการจะช่วยวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วย เพื่อให้ได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอโดยไม่กระทบกับโรค และต้องงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะการดื่มในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เสี่ยงเกิดความเสียหายต่อตับได้

นอกจากนี้ แพทย์จะให้การรักษาปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับของผู้ป่วยควบคู่กันไปด้วย เช่น การติดเชื้อ ภาวะท่อปัสสาวะอุดตัน รวมถึงอาการท้องผูกที่ทำให้ไม่สามารถขับถ่ายได้ตามปกติจนเกิดการสะสมของสารพิษในร่างกาย และอาจให้หยุดใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของตับด้วย
ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดใช้ยาใด ๆ เองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ การรักษาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้อาการค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และบางรายอาจหายเป็นปกติได้


ภาวะแทรกซ้อนของโรคสมองจากโรคตับ


ผู้ป่วยโรค Hepatic Encephalopathy ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังที่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจมีอาการดีขึ้นได้ แต่หากได้รับการรักษาล่าช้าอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อันตรายมากขึ้น เช่น ภาวะสมองเคลื่อนที่ ซึ่งมีสาเหตุจากความดันในกะโหลกศีรษะสูง สมองบวม หรือการทำงานของอวัยวะล้มเหลว นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจเข้าสู่ภาวะโคม่าและเสียชีวิตได้ โดยอัตราการรอดชีวิตนั้นจะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน


การป้องกันโรคสมองจากโรคตับ


วิธีป้องกัน Hepatic Encephalopathy ที่ดีที่สุดคือการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับที่เป็นสาเหตุให้ตับได้รับความเสียหาย ทำได้ดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือดื่มในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ไม่ใช้ยาหรือเข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • หมั่นล้างมือบ่อย ๆ หลังจากเข้าห้องน้ำ และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ


ที่มา  :: เว็บไซต์พบแพทย์ (Pobpad)



Levarean (เลวารีน)



รู้หรือไม่ ?
"ตับ" เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย
หน้าที่ของตับ ใครก็ทำแทนที่ไม่ได้
ดูแลซะตั้งแต่วันนี้ ด้วยผลิตเสริมอาหาร Levarean (เลวารีน)
GOJI BERRY EXTRACT


Levarean (เลวารีน) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงตับ

เลวารีน รวมสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อบำรุงตับโดยเฉพาะ 

✅ มีส่วนช่วยเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของตับ 

ป้องกันสารพิษที่เป็นเหตุให้ตับเสื่อม 

ป้องกันตับอักเสบ ตับแข็ง ดีซ่าน
 
ป้องกันมะเร็งตับ

ป้องกันตับอ่อนอักเสบ

ป้องกันโรคตับแข็ง

ป้องกันตับวาย

ป้องกันไขมันพอกตับ

ป้องกันตับอ่อนอักเสบ

ป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี

ป้องกันฝีที่ตับ

ป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ

ป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี

ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี

ป้องกันโรคท้องมาน

ป้องกันโรคเบาหวาน

มีส่วนช่วยให้การทำงานของตับกลับคืนสู่ระดับปกติ 

อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีอีกด้วย



⚡️🔥 ตัวช่วยบำรุงตับ จากธรรมชาติสู่ภายในคุณ  🔥⚡️

ช่วยให้ตับมีสมรรถภาพที่ดีขึ้น ช่วยล้างสารพิษในตับ ป้องกันตับเสื่อมเนื่องจากสารพิษ ช่วยขจัดอนุมูลอิสระของเอ็นไซม์
 #Levarean ตัวช่วยบำรุงตับ
1 กระปุก มี  30 แคปซูล



📌 วิธีทาน :
📌วันละ 1 แคปซูล ก่อนนอน อย่างต่อเนื่องช่วยให้การทำงานของตับดีขึ้น


💕คุณค่าทางโภชนาการ 💕

รวมสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อบำรุงตับโดยเฉพาะ ป้องกันตับอักเสบ ตับแข็ง ดีซ่าน ถุงน้ำดีอักเสบ ช่วยให้การทำงานของตับ
กลับคืนสู่ระดับปกติ

LEVAREAN บำรุงตับ : 1 กล่อง บรรจุ 30 แคปซูล 

ราคา 1,990 บาท


สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 🙏🙏🙏   



 โทร ☎️  ::  082-236-4928   🌸


Line ID  ::   pla-prapasara








http://line.me/ti/p/~pla-prapasara



🌸 รับสมัครผู้นำต้นสายทั่วประเทศ / ตัวแทนจำหน่ายที่นี่ค่ะ 🌸

🌸 สมัครสมาชิกกับทีมงานเรา ## รับทำเว็บไซต์สำหรับการขายให้ฟรี !!! 🌸











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น