Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เส้นทางรัก "เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ & คามิลล่า" ก่อนตำแหน่งกษัตริย์-ราชินีอังกฤษจะมาถึง!

 

เส้นทางรัก "เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ & คามิลล่า" ก่อนตำแหน่งกษัตริย์-ราชินีอังกฤษจะมาถึง!




ทั้งสองพระองค์ทรงเจอกันตั้งแต่เจ้าชายหนุ่มน้อยอยู่ในช่วง 20 ชันษาต้นๆ พระองค์ทรงเกษมสำราญ และทรงตกอยู่ในห้วงรักกับคามิลล่า แชนด์ ไฮโซสาวนานถึง 18 เดือน


ทั้งสองพระองค์พบกันครั้งแรกในงานแข่งโปโล ที่วินด์เซอร์ เกรท พาร์ค ในปี 1970 หลังจากนั้นก็เจอกันในงานสังคมบ่อยครั้ง หลังจากทรงกลับจากปฏิบัติภารกิจด้านการหารในปี 1971 พระองค์ก็เริ่มเดทกับคามิลล่า ที่ตอนนั้นอายุ 24-25 ปี

เจ้าชายไม่ทรงเป็นอันกินอันนอน ต้องทรงแอบคุยโทรศัพท์ดึกๆ ทุกคืน ทว่า เหมือนฟ้าฟาดเมื่อเจ้าชายถูกกำหนดใหนดอภิเษกสมรสกับเลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์ แทนที่จะเป็นนางสาวคามิลล่า แชนด์ — นิยายรักเจ้าชายกับสามัญชนจึงต้องจบลงชั่วคราว


คามิลล่า แต่งงานครั้งแรกกับ แอนดรูว์ ปาร์คเกอร์ โบลวส์ ในปี 1973 โดยพวกเขาบอกว่าเจอกันตั้งแต่ปี 1965 และในเบื้องแรก เธอออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยเดทกับเจ้าชายชาร์ลส์ ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ ลอร่า และทอม ปาร์คเกอร์ โบลวส์

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงพบเลดี้ไดอาน่าครั้งแรกตอนที่พระองค์อยู่ในวัยเพียง 16 พระองค์ทรงเคยเดทกับเลดี้ซาราห์ พี่สาวของเลดี้ไดอาน่ามาก่อน หลังงานอภิเษกสมรสกันในปี 1981 ตอนที่เลดี้ไดอาน่าอายุครบ 20 ปี ขณะที่เจ้าชายแห่งเวลส์ 32 ชันษา ทั้งสองพระองค์ก็ทรงมีเจ้าชายตัวน้อยๆ 2 พระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียมส์และเจ้าชายแฮร์รี่


ในปี 1986 เริ่มมีข่าวระแคะระคายว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงกลับไปมีความสัมพันธ์กับคามิลล่าอีกครั้ง จนมีประโยคเด็ดของเจ้าหญิงไดอาน่าอย่าง “การมี 3 คนในชีวิตแต่งงาน มันอึดอัดเกินไปนะ”

คลิปบทสนทนาระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับคามิลล่า หลุดออกมาสู่สาธารณะในปี 1993 ทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง ผลที่ตามมาคือ คามิลล่าและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ต่างก็ลงท้ายด้วยการหย่าขาดจากกการแต่งงานของทั้งสองพระองค์


หลังจากนั้นมีทรงประทานสัมภาษณ์ว่า คามิลล่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพระองค์ และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปตลอดกาลนาน

เหตุช็อกโลก ในปี 1997 ที่เจ้าหญิงไดอาน่า สิ้นพระชนม์ในอุบัติเหตุ ที่กรุงปารีส ด้วยวัยเพรยง 36 ชันษา ขณะนั้นพระองค์ทรงใช้ชีวิตอยู่กับ โดดี ฟาเยด นักธุรกิจชาวอียิปต์ โดยมี อองรี พอล เป็นคนขับรถที่เกิดอุบัติเหตุ


เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงเปิดตัว “แม่ใหม่” ชื่อ คามิลล่า ต่อพระโอรสทั้งสองพระองค์ในปี 1998 หลังจากจากนั้น พระองค์ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก ทรงไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นปาท่องโก๋

ในที่สุด ปี 2000 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบท ที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป อดีตดยุคแห่งเอดินบะระ ก็ต้องทรงโอนอ่อนผ่อนตาม มีบรมราชานุญาตให้ทั้งสองพระองค์ทรงคบหากันได้ ก่อนที่จะตกลงปลงใจเข้าพิธีอภิเษกสมรสในปี 2005




“คามิลลา”พร้อมขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษ หลัง"ควีนเอลิซาเบธที่ 2"เปิดทาง(เจ้าชายแห่งเวลส์และคามิลล่า พาร์กเกอร์ โบว์ลส ถ่ายรูปในวันพิธีอภิเษกสมรสในปี 2005)


“คามิลลา”พร้อมขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษ หลัง"ควีนเอลิซาเบธที่ 2"เปิดทาง

“คามิลลา”พร้อมขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษ หลัง"ควีนเอลิซาเบธที่ 2"เปิดทาง

“คามิลลา”พร้อมขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษ หลัง"ควีนเอลิซาเบธที่ 2"เปิดทาง

 

(Chris Jackson/Pool Photo via AP, File)


สองพระองค์ปรากฏตัวที่ British Museum for a British Asian Trust

.


https://youtu.be/WWNoU_0W3PU


https://youtu.be/U5TTMLmjP68


https://youtu.be/t_rJ8n8vvIQ



https://youtu.be/nfS1VxwHjXU


The Queen has offered her support to have the Duchess of Cornwall become Queen Camilla one day.
ALASTAIR GRANT/AP
The Queen has offered her support to have the Duchess of Cornwall become Queen Camilla one day.

8 ความคิดเห็น:

  1. “คามิลลา”พร้อมขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษ หลัง"ควีนเอลิซาเบธที่ 2"เปิดทาง

    ขณะนี้ โลกกำลังจับตามองไปที่ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ หรือพระนามเดิม คามิลลา ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์ พระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส รัชทายาทอันดับ 1 ของราชวงศ์อังกฤษ หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงออกมาชื่นชมดัชเชสว่า ได้ช่วยงานในฐานะสมาชิกราชวงศ์อย่างเต็มที่มาโดยตลอด

    และที่สำคัญ สมเด็จพระราชินีตรัสว่า เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ “ข้าพเจ้าหวังว่า คามิลลา จะเป็นที่รู้จักในฐานะพระราชินีและปฏิบัติพระกรณียกิจต่อไป” ทรงกล่าวเรื่องนี้ในแถลงการณ์ของพระองค์ที่ออกมา เนื่องในพระราชวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติ 70 ปี ของพระองค์ในเดือนมิถุนายนนี้

    สยบข่าวลือเรื่องราชบัลลังก์

    คำแถลงการณ์ที่ออกมาในเดือนกุมภาพันธ์เป็นการสยบข่าวลือ 2 ข่าวด้วยกันคือ ข่าวลือที่ว่า สมเด็จพระราชินี ทรงอยากยกบัลลังก์ให้เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสองค์โตของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส เพราะพระองค์ทรงอยากได้กษัตริย์ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ในขณะที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มีพระชนมายุ 73 พรรษาแล้ว

    และข่าวลือที่ 2 คือ ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการหย่าร้างระหว่าง เจ้าชายแห่งเวลส์กับเจ้าหญิงไดอานา ผู้ล่วงลับ จะเป็นได้แค่พระชายา (Princess Consort) ไม่ได้เป็นพระราชินี (Queen Consort) เมื่อพระสวามีขึ้นครองราชย์สมบัติ

    เป็นที่รู้กันดีว่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ทรงเป็นคู่รักของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสมาก่อนที่พระองค์จะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงไดอาน่าเสียอีก

    และความสัมพันธ์ของทั้งสอง ก็ดำเนินต่อไป ทั้งๆ ที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลสยังทรงอยู่กับเจ้าหญิงไดอาน่าและมีพระราชโอรส 2 พระองค์

    เจ้าหญิงไดอาน่าเคยให้สัมภาษณ์ถึงการหย่าร้างกับพระสวามีว่า สาเหตุหลักประการหนึ่งของการหย่าร้างก็คือ คามิลลา นั่นเอง

    แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งเจ้าฟ้าชายชาร์ลสกับคามิลลา ก็ยังมั่นคงในความรัก จนกระทั่งสมเด็จพระราชินีทรงอนุญาตให้เข้าพิธีอภิเษกสมรสในปี 2005

    หลายคนอาจคิดว่า คามิลลาเป็นมือที่ 3 นำมาซึ่งรักร้าวระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลสและเจ้าหญิงไดอาน่า แต่สำหรับอีกหลายคน เธอเป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพและนิสัยบางประการของพระสวามี

    ทิน่า บราวส์ เขียนในหนังสืออัตชีวประวัติเรื่อง The Palace Papers ว่า เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงเป็นคนเครียด วิตกกังวลและจอมบงการ เรื่องนี้เป็นที่รู้กันอย่างดีในบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์

    “ส่วนคามิลลาเป็นคนที่มีบุคลิกภาพผ่อนคลายและเป็นกันเองกว่าพระสวามีมาก พระองค์ทรงช่วยให้พระสวามีผ่อนคลาย หากทรงมีอารมณ์ฉุนเฉียว ทรงใช้ความสงบสยบเรื่องราวอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ"



    ตอบลบ
  2. เพนนี จูโนว์ นักเขียนอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ดูเหมือนว่า อิทธิพลของคามิลลาที่มีต่อพระสวามีในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ทำให้พระสวามีทรงมีความสุขมากขึ้น

    “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส ทรงเคยเป็นคนขี้หงุดหงิด เครียดและไม่หัวเราะบ่อยนัก คามิลลาช่วยเปลี่ยนแปลงพระสวามีอย่างสิ้นเชิง พระสวามีมีความสุขมากขึ้นและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก”

    จูโนว์ เชื่อว่า สมเด็จพระราชินีทรงชอบคามิลลามาก มีหลายคนเชื่อว่า ก่อนหน้าที่เจ้าชายแห่งเวลส์และคามิลลาจะทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระราชินีทรงไม่ชอบคามิลลา และต้องการให้เธอออกไปจากชีวิตพระโอรสของพระองค์

    จริงๆ แล้ว พระองค์อาจคิดอย่างนั้นก็ได้ เพราะเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจทำความเสียหายต่อสถาบันกษัตริย์

    “ตอนนี้ พระองค์ทรงเห็นว่า คามิลลามีความภักดีและเชื่อมั่นในตัวเจ้าชายชาร์ลส พระราชโอรสของพระองค์ นั่นทำให้สมเด็จพระราชินีทรงซาบซึ้งกับสิ่งที่คามิลลาทำ”

    ส่วนแพททริค แฮริสัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อมวลชนของกองงานในพระองค์ของเจ้าชายแห่งเวลส์มากว่า 14 ปีกล่าวว่า เขารู้สึกตื่นเต้นที่ควีนอลิซาเบธมีคำกล่าวเรื่องคามิลลาเช่นนั้น เพราะเธอทำงานอย่างหนักและไม่เคยทำอะไรผิดพลาด เธอเคยพูดว่า

    “ฉันทำเพราะฉันรักบอส เป็นหน้าที่ของฉันที่จะอยู่เคียงข้างพระองค์” (คามิลลาทรงเรียกพระสวามีว่า บอส)

    สื่อมวลชนอังกฤษรายงานว่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ทรงเป็นแม่ที่ปกป้องลูก 2 คนที่เกิดจากสามีเก่าอย่างมากจากข่าวในแท็บลอยต์และสื่อต่างๆ

    คามิลลาและสัมพันธภาพราชวงศ์

    นอกจากนี้ เธอยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแอนดรูว์ สามีเก่า ส่วนเบน อีเลียต หลานคนหนึ่งของเธอกล่าวว่า คามิลลามีครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่มีความใกล้ชิดแ ละสนับสนุนเธออย่างมาก และเธอก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรก

    แหล่งข่าวในวังยังเล่าว่า คามิลลายังเป็นตัวกลางในการสมานรอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างพระสวามีกับเจ้าชายแฮรี่ พระราชโอรสองค์เล็กอีกด้วย

    เพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า คามิลลาเป็นผู้แนะให้พระสวามีเสนอตัวเป็นผู้ทรงนำเมแกน มาร์เคิล ไปส่งยังเจ้าชายแฮรี่ตามธรรมเนียมตะวันตกในระหว่างพิธีอภิเษกสมรสที่จัดขึ้นที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ในปี 2018 เพราะในขณะนั้น เมแกนมีปัญหากับพ่อจริงๆ ของเธอ

    สื่ออังกฤษรายงานว่า เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในอังกฤษคลี่คลายลง ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์และพระสวามี ทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษที่เดินทางไปปฏิบัติพระภารกิจต่างประเทศคือไปประเทศแคนาดา



    ตอบลบ
  3. ไลฟ์สไตล์คามิลลา

    ถึงแม้คามิลลาจะสามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องสนุกได้ แต่การเดินทางไปทำงานต่างประเทศก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอ

    แฮริสันเล่าว่า เธอมักมีคนติดตามกลุ่มเล็กๆ ซึ่งประกอบด้วยเลขานุการส่วนตัว ผู้ช่วย คนดูแลเสื้อผ้าและผมเท่านั้น เธอมักแต่งหน้าเองและมีข้าวของในการเดินทางน้อยกว่าพระสวามี คามิลล่าไม่ชอบการเดินทางด้วยเครื่องบินและทนความร้อนไม่ได้

    บางครั้งเธอต้องพยายามทำงานไปพร้อมๆ กับพระสวามีที่ชอบทำงานต่อเนื่องโดยไม่ทานอาหารกลางวัน

    แต่คามิลลาเคยพูดว่า “ฉันจะไม่ทำงานหนักอย่างพระองค์ ฉันจะไม่ทำงาน 5 อย่างใน 1 วันโดยไม่ทานอาหารกลางวันและออกงานอีก 2 แห่งในตอนเย็น พระองค์ทำได้ แต่ฉันไม่สามารถ”

    ฟิโอน่า แคลร์ ช่างผมผู้ทำหน้าที่นี้มาเกือบ 10 ปีของดัชเชสกล่าวว่า ตอนนี้ดัชเชสพบสไตล์ของตัวเธอเองแล้ว

    “ฉันพูดไม่ได้ว่า เธอสนใจเรื่องเสื้อผ้า แต่เธอค้นพบสิ่งที่เหมาะกับตัวเธอ เธอสง่างามและรู้ว่า นี่ใช้ได้ เธอมีทีมที่เยี่ยมยอดที่เธอไว้ใจที่จะทำให้เธอดูดี”

    แคลร์กล่าวอีกว่า ความสำเร็จของคามิลลาคือ เธอไม่เคยที่จะพยายามทำตัวเด่นกว่าพระสวามีหรือเปลี่ยนแปลงบทบาทเพื่อสิ่งนั้น ฉันคิดว่า เธอทำให้เห็นพลังของความเงียบ เธอพบที่ๆ ของตัวเองและนั่นทำให้เธอประสบความสำเร็จ

    ยังไม่มีใครรู้ว่า สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธจะทรงสละพระราชสมบัติให้พระราชโอรสองค์โต ซึ่งรอคอยการก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์มาเป็นเวลานานแล้ว

    แต่น่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านแผ่นดินที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีเลยทีเดียว





    ตอบลบ
  4. ทำไมบางคนไม่ยอมรับคามิลลา?
    • ส่วนหนึ่งของรายงานจาก AFP ระบุว่าดัชเชสคามิลลาถูกตำหนิมาเป็นเวลานาน เมื่อครั้งที่เจ้าชายชาร์ลส์ทรงหย่าขาดจากเจ้าหญิงไดอาน่า

    • NBC รายงานว่าหลายคนโทษว่าดัชเชสคามิลลาทรงมีส่วนที่ทำให้เจ้าชายชาร์ลส์ต้องหย่าขาดจากเจ้าหญิงไดอาน่า และในการสัมภาษณ์ในปี 1995 เจ้าหญิงไดอาน่ายังเคยตรัสว่า "การแต่งงานครั้งนี้มีเราสามคน ดังนั้นมันจึงค่อนข้างแออัด"

    • เจ้าหญิงไดอาน่ายังเคยตรัสว่าพระองค์คงไม่เหมาะกับการเป็นราชินีของอังกฤษเนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในราชสำนัก ในเวลาต่อมาสมเด็จพระราชินีฯ จึงทรงแนะนำให้เจ้าหญิงไดอาน่าหย่าขาดจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในที่สุด

    • การฉายซีรีส์เรื่อง The Crown ยังทำให้คามิลลาถูกโจมตีบนโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าพระองค์เป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของเจ้าหญิงไดอานาและเจ้าชายชาร์ลส์

    • นอกจากนี้ คามิลลาซึ่งเป็นหญิงสามัญชน เคยมีข่าวลือเกี่ยวกับการเที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้ และคบชู้ เนื่องจากเป็นสาวสังคม ทั้งยังเคยมีสามีและลูกมาก่อนที่จะสมรสกับเจ้าชายชาร์ลส์




    ตอบลบ
  5. เส้นทางของดัชเชสคามิลลา
    • เจ้าชายชาร์ลส์และคามิลลาทรงพบกันตั้งแต่ปี 1970 ก่อนที่คามิลลาจะแต่งงานกับนายทหารที่ชื่อแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบวล์สในปี 1973 แต่ความเป็นเพื่อนของเจ้าชายชาร์ลส์และคามิลลาก็มิได้หายไป

    • จนกระทั่งปี 1980 ทั้งสองพระองค์กลับมารักกันอีกครั้งเมื่อคามิลลาเลิกรากับสามี ทว่าในปี 1981 อภิเษกสมรสกับไดอาน่า สเปนเซอร์ ซึ่งเป็นตระกูลชนชั้นสูงและใกล้ชิดกับราชวงศ์ แต่เป็นการแต่งงานที่เกิดขึ้นเพราะความเหมาะสมมิใช่ความรัก ซึ่งสุดท้ายก็ต้องหย่าร้างกันไป

    • ความรักของเจ้าชายและคามิลลาพัฒนาขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสาธารณชน ซึ่งทำให้ความนิยมของราชวงศ์อังกฤษตกต่ำเป็นประวัติการณ์ และสร้างความอับอายให้แก่ราชวงศ์อังกฤษ นอกจากนี้พันตรีบรูซ แชนด์ บิดาของคามิลลายังต่อว่าเจ้าชายที่ทำให้ลูกสาวของเขาถูกวิจารณ์เสื่อมเสีย

    • ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะห่างกันไปสักพักหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าชายชาร์ลส์และคามิลลาทรงอภิเษกสมรสกันในปี 2005 ซึ่งสมเด็จพระราชินีฯ พระราชทานยศให้เป็น "ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์"

    • ในขณะนั้นมีการคาดเดาว่าดัชเชสคามิลลาจะเป็นที่รู้จักในนามเจ้าหญิงพระชายา (Princess Consort) หากเจ้าชายชาร์ลส์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ แต่ข่าวล่าสุดทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าคามิลลาจะเป็นที่รู้จักในฐานะราชินีในท้ายที่สุด

    • อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดัชเชสคามิลลาทรงได้รับการยอมรับและเสียงชื่นชมจากประชาชนมากขึ้น เนื่องจากความเป็นกันเองและติดดินของพระองค์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงงานช่วยเหลือประชาชน และข่าวล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับดัชเชสคามิลลาในฐานะสมาชิกราชวงศ์อังกฤษมากขึ้น




    ตอบลบ
  6. เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ & คามิลล่า

    เรื่องรักต่างชนชั้นที่ว่า “เจ้าชายพบรักสาวสามัญชน” ยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากประชาชนตลอดมา ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน และหนึ่งในตำนานรักต่างชนชั้นที่ถูกกล่าวถึงและถูกวิพากษ์วิจารณ์ในราชวงศ์อังกฤษ นั่นคือตำนานรักระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์ กับหญิงสามัญชน นามว่า “คามิลล่า ปาร์กเกอร์ โบวล์ส”

    คามิลล่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ก้าวเข้าสู่พระราชวงศ์ในฐานะพระวรชายาพระองค์ที่ 2 ในเจ้าชายชาร์ลส์ แห่งเวลส์

    ช่วงคริสต์ศักราช 2005 เมื่อก้าวเข้าสู่ราชสำนักแล้วนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ประชาชนบางส่วนไม่ค่อยชื่นชอบในตัวคามิลล่า เนื่องด้วยถูกมองว่าเป็นต้นเหตุหนึ่งให้ชีวิตครอบครัวระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์ และไดอาน่า สะใภ้คนแรกของควีนเอลิซาเบธที่ 2 พังทลายลง

    ก่อนหน้าที่คามิลล่า จะมาอภิเษกสมรสกับเจ้าชายชาร์ลส์ เธอเคยแต่งงานกับนายทหารนามว่า แอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบวล์ส ในปี 1973 ซึ่งการแต่งงานของคามิลล่าในครั้งนั้นสร้างความเสียพระทัยแก่เจ้าชายชาร์ลส์เป็นอย่างมาก พระองค์เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนานหลายชั่วโมงแล้วกลับออกมาพร้อมพระเนตรแดงกล่ำ

    แม้ว่าคามิลล่าจะแต่งงานกับแอนดรูว์ไปแล้ว แต่เจ้าชายชาร์ลส์กับคามิลล่าก็ยังคงเป็นเพื่อนกันมาตลอด จนกระทั่งในปี 1980 เจ้าชายได้กลับมารักกับเธออีกครั้ง เมื่อเธอจบชีวิตคู่กับแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบวล์ส

    ต่อมาในปี 1981 เจ้าชายชาร์ลส์ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับไดอาน่า สเปนเซอร์ หญิงผู้เกิดในตระกูลสเปนเซอร์ ตระกูลชนชั้นสูงมีฐานะ และใกล้ชิดกับราชวงศ์ ทั้งนี้การอภิเษกสมรสที่ถูกจัดขึ้นนั้น มิได้เกิดจากความรักที่เจ้าชายชาร์ลส์มีต่อไดอาน่าแต่อย่างใด ทว่าเกิดจากความเหมาะสม เนื่องจากเจ้าชายไม่สามารถเลือกคนที่รักได้ตามใจอย่างชายทั่วไป เพราะเจ้าสาวของรัชทายาทคือว่าที่ราชินี ทำให้พระองค์มีความกดดันหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือต้องเลือกหญิงสาวบริสุทธิ์ แต่คามิลล่าหญิงคนรักของเจ้าชายนั้น เป็นที่รู้กันดีว่าเธอใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง เธอถูกมองว่าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว เจ้าชายจึงต้องมองหาสาวอื่นที่เหมาะสมกว่าเธอ

    หนังสือ “นางในกษัตริย์” โดย Eleanor Berman เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายกับคามิลล่าในคืนก่อนอภิเษกสมรสว่า “ไดอาน่าคงต้องยกเลิกงานแต่งงานจริงๆ ถ้าเธอรู้ว่าในคืนก่อนแต่งงานขณะที่เธอยังเฝ้ารักษาพรหมจรรย์เอาไว้ เจ้าชายของเธอเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงกับคามิลล่า พระองค์ตั้งใจจะซื่อสัตย์กับพระชายา ทว่าต้องการจะใช้ค่ำคืนสุดท้ายกับนางในเยี่ยงชายโสด”

    กระทั่งในปี 1984 หลังจากที่เจ้าชายกับไดอาน่าใช้ชีวิตคู่อย่างซื่อสัตย์มาได้ 3 ปี เจ้าชายซึ่งถูกกระหน่ำด้วยอารมณ์ร้ายรุนแรงของไดอาน่าก็หวนกลับไปสู่อ้อมแขนของคามิลล่าอีกครั้ง

    เมื่อปี 1993 ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์กับหญิงคนรัก “คามิลล่า” ได้สร้างบรรยากาศ “ความอับอาย” ภายในราชวงศ์อังกฤษหรือแม้แต่ตัวของพระองค์เอง สื่อเล่ากันถึงขั้นว่าความอับอายที่เกิดขึ้นร้ายแรงขนาดที่ว่า อาจถึงขั้นเจ้าชายคิดจะสละตำแหน่งรัชทายาท

    Eleanor Berman เล่าถึงความอับอายของเจ้าชายชาร์ลส์ อันเกิดจากความสัมพันธ์ที่มีต่อคามิลล่าหญิงคนรักของพระองค์ว่า ในวันที่ 13 มกราคม 1993 หนังสือพิมพ์อังกฤษรายงานข่าวการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์กับคามิลล่า เป็นบทสนทนาทางเพศอย่างเปิดเผย โดยเจ้าชายชาร์ลส์แสดงความรู้สึกว่าอยากเกิดใหม่กลายมาเป็นแทมแพ็กซ์ (ยี่ห้อของผ้าอนามัยแบบสอดยี่ห้อหนึ่ง) เทปสนทนาระหว่างเจ้าชายกับคามิลล่าถูกนำมาเปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทางโทรทัศน์และวิทยุทั่วโลก สาธารณชนโกรธและไม่พอใจอย่างมากต่อความนิยมของราชวงศ์อันตกต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    จากข่าวการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์กับคามิลล่าในขณะนั้น ทำให้สื่อต่างประเทศขนานนามพระองค์ว่าเป็น “เจ้าชายแทมแพ็กซ์” และผู้หญิงอังกฤษก็เริ่มเรียกผ้าอนามัยแบบสอดว่า “ชาร์ลีส์” ด้วยความอับอายขายหน้า เจ้าชายถึงขั้นคิดจะสละตำแหน่งรัชทายาทแล้วหนีออกนอกประเทศเพื่อหนีให้พ้นความอับอายนี้

    มิหนำซ้ำเจ้าชายยังโดน พันตรีแชนด์ บิดาของคามิลล่า ต่อว่าพระองค์อย่างเผ็ดร้อนนานถึง 90 นาที “ชีวิตลูกสาวของผมถูกทำลาย ลูกๆ ของเธอถูกล้อเลียนและเป็นที่รังเกียจ” พันตรีคำราม “ท่านนำความเสื่อมเสียมาสู่ครอบครัวผมทั้งหมด”

    หลังการเผชิญหน้ากับพันตรีแชนด์อันเจ็บปวดแล้ว เจ้าชาร์ลส์ดูเหมือนจะเลิกรากับคามิลล่าเพื่อเอาใจประชาชนและกอบกู้เกียรติ

    แต่พระองค์ก็พบว่าตัวของพระองค์เองมิอาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากคามิลล่า หญิงคนรักที่อยู่ในใจของเจ้าชายชาร์ลส์แบบไม่มีใครมาแทนได้ คามิลล่าหวนคืนสู่เจ้าชายอีกครั้งดังเหตุการณ์ที่กล่าวข้างต้น ภายหลังเหตุการณ์ไดอาน่าสิ้นพระชนม์อย่างน่าเศร้าด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1997


    ตอบลบ
  7. เจ้าหญิงไดอาน่าเคยทานข้าวกลางวันกับคามิลล่าจริงหรือไม่? เอมเมอรัล เฟนเนลล์ ผู้รับบทคามิลล่ากล่าวถึงข้อความที่ซ่อนไว้ในฉากเผชิญหน้าของสองสาว
    เลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์เพิ่งตอบรับคำขอแต่งงานจากเจ้าฟ้าชายชาร์ล เธอย้ายจากชีวิตในเมืองใหญ่มาเป็นว่าที่เจ้าหญิงที่ถูกเก็บตัวไว้ในพระราชวัง ในขณะที่เจ้าชายในฝันกำลังบินไปปฎิบัติภารกิจยาวนานในต่างประเทศ ทรงกล่าวกับคู่หมั้นสาว “ถ้าคุณต้องการเพื่อน โทรหาคามิลล่าสิ เธอเป็นเพื่อนคุยที่สนุกมากทีเดียว” .... “เดี๋ยวนะ! โทรหาแฟนเก่าคุณหรอ? คิดอะไรอยู่!?” คุณอาจคิดในใจแทนเจ้าหญิงไดอาน่า ไม่ว่าคนทั่วไปจะอยากรู้จักแฟนเก่าของว่าที่สามีหรือไม่ แต่ในซีรีย์ The Crown เจ้าหญิงไดอาน่าตัดสินใจไปพบคามิลล่า การพบกันของทั้งสองจบลงในฉากรับประทานอาหารกลางวันที่ดูเหมือนสงครามประสาทมากกว่าการหาเพื่อนคุย
    เอมเมอรัล เฟนเนลล์ ผู้รับบทคามิลล่า พาร์กเกอร์-โบลส์ กล่าวถึงเบื้องหลังของฉากนี้ว่า “เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คามิลล่ารู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนื่อกว่าแค่ไหน ไดอาน่ารู้จักชาร์ลน้อยมาก และแทบไม่รู้จักครอบครัวของเจ้าชาย” คามิลล่าในซีรีย์ตัดสินใจได้ในไม่กี่นาที สาวน้อยคนนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงาน “ฉันเชื่อว่าก่อนมาถึงร้านอาหาร คามิลล่าไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร เธอตั้งใจให้คำแนะนำและอยากช่วยไดอาน่าจริงๆ แต่การได้รู้จักสาวน้อยไร้เดียงสาทำให้เธอรู้สึกอิจฉาขึ้นมา”
    อันที่จริงฉากการรับประทานอาหารกลางวันของไดอาน่ากับคามิลล่าต่างจากในซีรีย์ไปนิดหน่อย คามิลล่าเป็นผู้ส่งจดหมายถึงไดอาน่า ลงวันที่ 2 วันก่อนหน้าการหมั้นจะถูกประกาศอย่างเป็นทางการ
    “ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ เรื่องการหมั้น! เจ้าชายแห่งเวลส์จะไปออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์สามสัปดาห์ มาหาเวลาทานข้าวกลางวันกัน ฉันอยากเห็นแหวนหมั้นจริงๆ! รักมาก คามิลล่า”
    Andrew Morton นักเขียนชื่อดัง เจ้าของผลงานหนังสือชีวประวัติเจ้าหญิงไดอาน่า Diana: Her True Story – In Her Own Words กล่าวว่าเจ้าหญิงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังจากปากของพระองค์เอง
    “ฉันประหลาดใจ และนัดทานอาหารกลางวันหลังจากนั้น” เจ้าหญิงกล่าว พระองค์อธิบายการเผชิญหน้ากันในครั้งนั้นว่า “เต็มไปด้วยเลห์เหลี่ยม”
    คามิลล่า: เธอคงไม่ได้จะไม่ไปล่าสัตว์ด้วยกันใช่มั้ย?
    ไดอาน่า: โอ้ อะไรนะ?
    คามิลล่า: พอเธอย้ายไปไฮโกรฟแล้ว คงไม่ได้มีแผนจะไปล่าสัตว์ใช่หรือเปล่า?
    ไดอาน่า: ไม่นะ
    คามิลล่า: ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ
    “ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าคามิลล่าต้องการจะสื่ออะไร” เจ้าหญิงกล่าวในบทสัมภาษณ์ ไดอาน่าเริ่มสงสัยและเข้าใจในภายหลังว่าคามิลล่าคงต้องการเช็คให้แน่ใจว่าเจ้าหญิงจะไม่ไปร่วมทริปล่าสัตว์ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนตัวของชาร์และคามิลล่า
    The Crown นำความกดดันที่เกิดขึ้นมาเล่าต่ออย่างชาญฉลาดผ่านการรับประทานอาหาร “ทีมที่ปรึกษาด้านประวัติศาสตร์ของซีรีย์เชื่อว่าในช่วงเวลาที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ชาร์ลกับคามิลล่ายังไม่ได้มีความสัมพันธ์กันฉันชู้สาว มันอาจเป็นแค่ความผูกพันธ์ทางอารมณ์ ดังนั้นคามิลล่าจึงเผชิญหน้ากับไดอาน่าโดยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด พวกเราใช้อาหาร ไม่เชิงว่าเป็นอาวุธ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคามิลล่าเป็นคนอย่างไร เธอไม่รู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย ไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังกินอะไร หรือแสดงกิริยาแบบไหน ในขณะที่ไดอาน่า ทั้งที่เป็นถึงพระคู่หมั้น กลับไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า" เฟนเนลล์ ผู้รับบทคามิลล่า กล่าวทิ้งท้าย
    ฉากอาหารกลางวันที่มีความยาวเพียง 5 นาที คือจุดเริ่มต้นลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นตลอดซีซั่น มันเป็นสัญญาณเตือนสำคัญเกี่ยวกับรักสามเส้าระหว่าง ชาร์ล คามิลล่า และไดอาน่า


    References:
    https://www.yahoo.com/entertainment/crown-behind-scenes-camilla-ate-203019036.html?guccounter=1&guce_referrer=aHR0cHM6Ly9sLmZhY2Vib29rLmNvbS8&guce_referrer_sig=AQAAAC40oIcB1NbjgHAgqc5sWOQMFjVnvROSTdbSDAeYbNEk0exhEKw2HuhTaHRRSMP007DhXE-LZknafylYiSqutRtvH3c66oGWDdCM4Jgkj6NMc0Wmhlagpro-LUZJnTLXSFHuqPH3fYezOOnMv9tmlmcfhoqA-eevHVBaFkMF3VNQ



    https://www.elle.com/culture/movies-tv/a34975475/diana-camilla-lunch-the-crown/?fbclid=IwAR1yLYnGE3ydQppVKiFcVqhPIk657Mcz5fZWCtOLIDrqzpNK4KQWpYgrbRA





    ตอบลบ
  8. รู้จักสาวสังคม "คามิลลา" ก่อนจะเป็น "ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์"

    วันที่ 17 กรกฎาคม 2490 คือวันที่ คามิลลา โรสแมรี ชื่อเดิม หรือที่เคยรู้จักกันในพระนาม “คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์” หรือ ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ในปัจจุบัน ได้ถือกำเนิดขึ้นมา



    คามิลลาประสูติที่อีสต์ซัสเซ็กซ์ ทรงเป็นธิดาของ บรูซ ชานด์ และ โรซาลินด์ ชานด์ (สกุลเดิม คิวบิต) พระชนนีของพระองค์เป็นธิดาของโรแลนด์ คิวบิตที่ 3 บารอนแห่งอาซท์คอมบี้



    ก่อนที่จะมาเป็น “ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์” หรือ พระชายาองค์ที่สองของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งอังกฤษ ในวันนี้ คามิลลาเติบโตขึ้นมาในชนชั้นสูงของอังกฤษ

    ช่วงที่เป็นข่าวที่ทรงอยู่ระหว่างรอยร้าวของคู่รักกองโลก เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าหญิงไดอาน่า สื่อต่างพากันขุดคุ้ยประวัติของเธอออกเผยแพร่มากมาย

    ดังที่สื่อเคยระบุ อ้างอดีตเพื่อนร่วมงานของ คามิลลา โรสแมรี ที่ตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตช่วงต้นของดัชเชสแห่งคอร์นวอลผู้นี้ขึ้นมา นั่นคือหนังสือ On The Fringe เขียนโดย Imogen Taylor มัณฑนากรวัย 90 ปี อดีตเพื่อนร่วมงานของคามิลลา จากบริษัท Colefax and Fowler



    ในหนังสือเล่าว่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ หรือ คามิลลาในขณะนั้น ได้เข้าทำงานที่ บริษัท Colefax and Fowler แต่สุดท้ายถูกไล่ออกเพราะเธอปาร์ตี้หนักเกินไป



    ในหนังสือยังเล่าว่า คามิลลา ทำงานดี และเติบโตเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของบริษัท เพียงแต่ด้วยความเป็นสาวสังคมจัดและชอบเที่ยว จึงทำให้เสียงานไปอย่างน่าเสียดาย



    ว่ากันว่าคามิลลานั้น ทั้งเที่ยวกลางคืน การพักผ่อนสุดสัปดาห์ การขี่ม้า ล่าสัตว์ ปาร์ตี้ และออกงานสังคม แต่ข้อดีคือเมื่อเธอไม่ต้องทำงานประจำ คามิลลาก็มีโอกาสอุทิศงานเพื่อสังคมอย่างเต็มที่ เพราะด้วยฐานะแล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร

    ที่สำคัญมุมหนึ่งที่หนังสือเล่าไว้คือ คามิลลาเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นอันมาก ว่ากันว่า เธอเคยคบหาดูใจกับทายาทเจ้าของธนาคาร รูเพิร์ต ฮัมโบร หลังจากที่เคยคบหากับ เควิน เบิร์ก ทายาทมหาเศรษฐีหนุ่มวัย 19 ปี ก่อนหน้านั้น



    หนังสืออ้างคำพูดของ เบิร์กที่เล่ารำลึกความหลังว่า “เธอเป็นคนที่สนุกสนานมาก ฮอตมาก และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ก็มีเสน่ห์และเซ็กซี่ เธอไม่เคยพูดจาอึกอักหรือเขินอาย เธอมีคำพูดที่น่าประทับใจเสมอ”



    จนกระทั่งในปี 2516 อายุ 26 ปี สาวสังคมคนนี้ได้ร่วมหอกับ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง “แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์” และมีบุตรธิดาด้วยกันสองคนคือ “ทอม” และ “ลอร่า”



    อย่างไรก็ดี ช่วงชีวิตของคามิลลาก่อนจะแต่งงานนั้น เธอเคยพบกับ "เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์" มาก่อนราวปี 2512 หรือราวอายุ 22 โดยช่วงนั้นแอนดรูว์แฟนหนุ่มของคามิลลาได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังประเทศเยอรมนี



    คามิลลาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจ้าฟ้าชายชาลส์ ที่สนามโปโล โดยเพื่อนของเธอที่เป็นลูกสาวประธาน Guards Polo Club แนะนำให้

    น่าเสียดาย ปรากฏว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์เวลานั้น ไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพราะฝ่ายคามิลลาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวคาทอลิก และยังมีข่าวอื้อฉาวซุบซิบมากมาย



    เธอจึงบ่ายหน้ากลับไปหาคนรักเก่าและตกลงแต่งงานกับแอนดรูว์ ว่ากันว่า ตอนนั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ถึงกับใจสลาย เพราะหลงรักเธอเข้าเต็มเปา แต่หลังจากนั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็เข้าพิธิเสกสมรสกับเจ้าหญิงไดอานาดังที่รู้กัน



    อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ข่าวลือเรื่องความรัก ความลับ ของเจ้าชายกับคามิลลาก็ยังคงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ว่ากันว่า คามิลลา ไม่ใช่แค่คนรัก แต่ยังเป็นเพื่อนผู้เข้าอกเข้าใจเจ้าชายไปหมดทุกสิ่ง สื่อต่างเรียกกันว่า “ทั้งสองคือเนื้อคู่กัน”



    ตอบลบ